EP.924 บ้านเดี่ยว เอชเคป ซีรีน บางนา-สุขาภิบาล 2 H Cape Serene Bangna-Sukhaphiban 2
สวัสดีค่ะผู้อ่าน Homenayoo ทุกคน วันนี้เราจะพามาชมโครงการ H Cape Serene บางนา-สุขาภิบาล 2 บ้านเดี่ยวโครงการใหม่ จาก แฮปปี้แลนด์
ตัวโครงการตั้งอยู่ บนทำเลที่ดีกว่า กับพื้นที่ที่กว้างกว่า บน ถนนสุขาภิบาล 2 แขวงประเวศ เขตประเวศ กทม. อยู่ใกล้ The Paseo, MEGA Bangna และ สนามบินสุวรรณภูมิ เดินทางสะดวกใกล้จุดขึ้นทางด่วนมอเตอร์เวย์, ทางพิเศษบูรพาวิถี และ วงแหวนกาญจนาฯ
เอชเคป ซีรีน บางนา-สุขาภิบาล 2 มีเนื้อที่โครงการ 56 ไร่ จำนวน 250 ยูนิต เป็นบ้านเดี่ยวสูง 2 ชั้น กับฟังก์ชั่นขนาด 3-4 ห้องนอน 3-5 ห้องน้ำ และที่จอดรถ 2-3 คัน มีการออกแบบบ้านที่มีลักษณะพิเศษภายในบ้าน และหน้าบ้านที่กว้างเป็นพิเศษเพื่อให้การอยู่อาศัย และการใช้ชีวิตที่ดี และ Wind Flow เชื่อมต่อความสัมพันธ์ของตัวบ้านทั้งภายในและภายนอกกับสิ่งแวดล้อมอย่างกลมกลืน ขนาดเริ่มต้นที่ 50 ตร.วา ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2562
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ มี Water Fall Clubhouse จำลองสถาปัตยกรรม Falling Water House จากแนวคิดการออกแบบให้เราและธรรมชาติเป็นหนึ่งเดียวกัน ล้อมรอบด้วยสวนสวย, Jogging Track และ Oxygen Forest อีกทั้งเครื่องเล่นเด็กในสระว่ายน้ำ มีระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 7 ล้านบาท
โดยรายละเอียดที่เราจะพาท่านไปชมจะมีทำเลที่ตั้งโครงการ, สภาพแวดล้อม, ข้อมูลโครงการ และบ้านตัวอย่างแบบเจาะลึก เชิญติดตามอ่านที่ด้านล่างนี้ได้เลยค่า
ชื่อโครงการ | เอชเคป ซีรีน บางนา-สุขาภิบาล 2 / H Cape Serene Bangna-Sukhaphiban 2 |
เจ้าของโครงการ | แฮปปี้แลนด์ กรุ๊ป Happy Land Group |
ลักษณะโครงการ | บ้านเดี่ยว 2 ชั้น |
พื้นที่โครงการ | 56-2-65 ไร่ |
จำนวนบ้าน | 250 ยูนิต |
พื้นที่ใช้สอย | เริ่มต้น 187-288 ตร.ม. |
เนื้อที่บ้าน | เริ่มต้น 50-93 ตร.วา |
จำนวนห้อง | 3-4 ห้องนอน, 3-5 ห้องน้ำ |
ที่จอดรถทั้งหมด | 2-3 คัน |
โซน | เขตประเวศ |
ขนส่งสาธารณะ |
|
รถโดยสารที่ผ่าน | n/a |
ที่ตั้ง | ถนนสุขาภิบาล 2 แขวงประเวศ เขตประเวศ กทม. |
กำหนดการ | พรีเซลล์ มีนาคม 2560 |
ปีที่สร้างเสร็จ | คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2562 |
ราคา | เริ่มต้น 7 ล้านบาท |
ค่าส่วนกลางและกองทุน | ตารางวาละ 30 บาท/เดือน |
สถานที่สำคัญใกล้เคียง | ห้างสรรพสินค้า
สถานศึกษา
ศูนย์การแพทย์
สถานที่ราชการและหน่วยงานอื่นๆ
|
สิ่งอำนวยความสะดวก |
|
จุดเด่นของโครงการ | เอชเคป ซีรีน บางนา-สุขาภิบาล 2 H Cape Serene บ้าน Tropical Modern – New Series ที่พัฒนาเพื่อให้เหมาะสมกับการอยู่อาศัย ที่สุดของการเชื่อมต่อในทุกพื้นที่ เริ่ม 7 ล้านบาท* |
:::: ที่ตั้งโครงการ ::::
ถนนสุขาภิบาล 2 แขวงประเวศ เขตประเวศ กทม.
พิกัด : 13.703035, 100.706240
แผนที่จากทางโครงการ
ทำเลที่ตั้ง โครงการ H Cape Serene บางนา-สุขาภิบาล 2 ตั้งอยู่บนถนนสุขาภิบาล 2 ทางกรุงเทพฯฝั่งตะวันออก โซนฝั่งทางขวาของวงแหวนรอบนอก (ฝั่งเดียวกับสุวรรณภูมิ) แต่เดิมถนนสุขาภิบาล 2 เป็นถนนขนาด 2 เลน แต่ปัจจุบันได้พัฒนาเป็นถนน 4 เลน เพื่อรองรับการเดินทางจากมอเตอร์เวย์ รวมถึงการเจริญเติบโตของพื้นที่ ซึ่งทำเลนี้ถือเป็นอีกหนึ่งทำเลทองของโครงการในแนวราบเลยค่ะ เพราะเป็นทำเลที่สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบายทั้งขาเข้า-ออกเมือง เชื่อมต่อถนนใหญ่หลายสาย เข้า-ออกสนามบินสุวรรณภูมิก็ง่าย อยู่ใกล้จุดขึ้นทางด่วนมอเตอร์เวย์และทางพิเศษบูรพาวิถี
แถมยังล้อมรอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งห้างสรรพสินค้า, โรงพยาบาล, สถานศึกษา รวมถึงร้านค้า, ร้านอาหาร และร้านสะดวกซื้อ มีระบบขนส่งสาธารณะคอยรองรับอย่าง Airport Link ซึ่งในอนาคตยังจะมีโครงการ Airport Link ส่วนต่อขยายเชื่อมต่อสนามบินสุวรรณภูมิ กับ สนามบินดอนเมือง และการขยายสนามบินสุวรรณภูมิขึ้นอีกเฟส เพื่อที่จะสามารถรองรับปริมาณนักท่องเที่ยวได้เพิ่มมากขึ้น ทำให้ทำเลนี้มีความคึกคักมากขึ้นเป็นพิเศษ และเป็นที่จับตามองของผู้ประกอบการรายอื่นๆ ด้วยค่ะ
การเดินทางด้วยรถยนต์ การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวในทำเลนี้ถือว่าสะดวกมาก เพราะถนนสุขาภิบาล 2 เป็นถนนที่ถูกขยายช่องการจราจรเป็น 4 เลน มีสภาพการจราจรที่คล่องตัว สามารถเชื่อมต่อไปยังถนนใหญ่ได้หลายสาย ถ้าวิ่งขึ้นไปทิศทางเหนือเชื่อมต่อกับถนนลาดกระบังยาวไปจนถึงอ่อนนุช, พัฒนาการ, ศรีนครินทร์ และ สุขุมวิท ใกล้จุดขึ้นมอเตอร์เวย์ (กรุงเทพ-ชลบุรี สายใหม่) เชื่อมต่อถนนพระราม 9 และทางพิเศษศรีรัช ถ้าวิ่งลงไปทางทิศใต้เชื่อมต่อกับวงแหวนกาญจนาฯลงไปทางเส้นบางนา-ตราด ใกล้จุดขึ้นทางพิเศษบูรพาวิถี สามารถออกไปทางบางพลี, สมุทรปราการ, ชลบุรี หรือไปทางพระราม 2 ถือว่าเป็นทำเลชานเมืองที่อยู่ใกล้จุดเชื่อมต่อการเดินทาง สะดวกในการเชื่อมต่อกับโครงข่ายทางด่วน รวมถึงวงแหวนรอบนอก การวิ่งเข้าหรือออกเมืองนั้นถือว่าไม่ยุ่งยากค่ะ
ทางด่วน จากตัวโครงการจะอยู่ไม่ไกลจากจุดขึ้น-ลงมอเตอร์เวย์เพียง 4.5 กม.เท่านั้น โดยจากถนนสุขาภิบาล 2 ให้ไปกลับรถที่ถนนลาดกระบังจะมีทางยกระดับขึ้นมอเตอร์เวย์ค่ะ สภาพการจราจรโดยรวมก็คล่องตัวใช้เวลาเพียง 7 นาที ซึ่งช่องทางฝั่งซ้ายจะแยกไปทางพระราม 9 และสามารถเชื่อมต่อไปทางสาทรและสีลมได้
ในเส้นทางเดียวกันถ้าแยกไปช่องทางฝั่งขวาจะไปทางชลบุรีและเข้าสุวรรณภูมิค่ะ
ความอุดมสมบูรณ์ บนถนนสุขาภิบาล 2 จะมีร้านค้า, ร้านอาหาร, ร้านสะดวกซื้อ อยู่เป็นกลุ่มก้อนซึ่งอยู่ใกล้กับตัวโครงการมากๆ ในระยะเดินเพียง 350 เมตร จะมีกลุ่มอาคารพาณิชย์ ชั้นล่างเปิดเป็นร้านค้าและร้านอาหาร ร้านอาหารแบบแผงลอย บางร้านก็ขายของสด, ไก่ย่างส้มตำ, ก๋วยเตี๋ยว, อาหารตามสั่ง, ร้านซาลอน, ร้านขายยา ในกลุ่มนั้นเองจะมีร้านสะดวกซื้อถึง 3 แบรนด์ด้วยกัน ทั้ง Mini Big C , Lotus Express และ 7-Eleven แต่ที่ใกล้กับโครงการมากที่สุดก็คือ Top Daily ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโครงการนี้เองค่ะ เดินข้ามถนนแล้วถึงเลย นอกจากนี้ก็จะมีตลาดสด อตก Vida Gemopolis ที่อยู่เลยออกไปประมาณ 2.5 กม. ขับรถไป 5 นาทีก็ถึง เรื่องปากท้องตรงนี้ไม่ต้องเป็นห่วงแน่นอน
ถ้าจะหาเป็นห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ขึ้นมา ใกล้ที่สุดก็คือ The Paseo เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดใหญ่ มีร้านอาหาร, ร้านขายเสื้อผ้า, ธนาคาร, ซุปเปอร์มาร์เก็ต, ร้านขายต้นไม้, ร้านดูแลสัตว์, ติวเตอร์สอนพิเศษ, ตอนช่วง 4 โมงเย็นถึง 4 ทุ่ม จะมีตลาดนัดขายของขายเสื้อผ้ามาเปิดเพิ่ม ถือเป็นจุดศูนย์รวมของคนในย่านนี้ รวมทั้งพนักงานของสายการบินต่างๆ และเจ้าหน้าที่ของสนามบินสุวรรณภูมิ ถ้าออกไปที่เส้นบางนาจะมีห้างอยู่เยอะ ถือว่าเป็นจุดที่ Peak ที่สุดในย่านนี้ ตรงนั้นจะมีทั้ง MEGA และ IKEA บางนา, เซ็นทรัลบางนา, Index Living Mall, Tesco Lotus, HomePro และ Makro จัดเต็มตลอดทั้งเส้น ส่วนบนศรีนครินทร์ก็ไม่น้อยหน้ามีทั้ง Seacon Square และ Paradise Park อยู่ใกล้ๆ กัน ในตอนกลางคืนข้างๆ Seacon Square จะมีตลาดนัดรถไฟ เป็นตลาดแนวย้อนยุค มีอาหารอร่อยๆ และของที่น่าสนใจมาขายเพียบ
จุดเด่นใหญ่ๆ ของย่านนี้เลยก็คือสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งจากตัวโครงการถือว่าไปได้ง่ายมากๆ นอกจากนี้บริบทโดยรอบโครงการก็จะมีโรงพยาบาล, สถานศึกษา อีกทั้งยังมีสวนหลวงร.9 และโครงการป่าในกรุง หรือ Metro Forest ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2558 บนถนนสุขาภิบาล 2 ใกล้เพียง 1.4 กม. ไม่ว่าจะช้อป ชิม ชิลล์ เดินเล่น ป่วยไข้ ไปเรียน ไปทำงาน ก็ใกล้ เหมือนการใช้ชีวิตแบบ Shortcut เลยค่ะ
การเดินทางด้วยรถสาธารณะ บนถนนเส้นสุขาภิบาล 2 เองจะยังไม่มีรถประจำทางสายไหนวิ่งผ่าน โดยรวมแล้วทำเลนี้จะเหมาะกับผู้ที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวมากกว่า แต่คนที่เดินทางโดยรถสาธารณะเป็นกิจวัตรก็ใช่ว่าจะไม่มีตัวเลือก เพราะตัวโครงการนั้นอยู่ไม่ไกลจากแนวรถไฟฟ้า Airport Link สถานีที่ใกล้ที่สุดก็คือสถานีลาดกระบัง ซึ่งใช้เวลาเดินทางไปประมาณ 10 นาที
อีกทั้งในอนาคตจะมีโครงการ Airport Link ส่วนต่อขยายเชื่อม สนามบินสุวรรณภูมิ และ สนามบินดอนเมือง โดยแนวเส้นทางจะต่อขยายจาก สถานีพญาไท ขนานไปกับเส้นทางรถไฟสายเหนือและสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) มาสิ้นสุดสนามบินดอนเมือง รวมถึง รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วง พัฒนาการ-สำโรง วิ่งผ่านบนเส้นศรีนครินทร์ สถานีที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีศรีนุช จากโครงการใช้เวลาไปถึง 20 นาทีค่ะ ตรงนี้จะช่วยส่งเสริมการเดินทางได้เป็นอย่างดี
:::: การเดินทางสู่โครงการ ::::
วันนี้ทางทีมงาน Homenayoo มีภาพการเดินทางไปสู่ตัวโครงการ H Cape Serene บางนา-สุขาภิบาล 2 โดยใช้รถยนต์ส่วนตัวมาฝากกันจาก 2 เส้นทาง คือ
โดยเราจะเริ่มจาก ทางมอเตอร์เวย์ ตามด้วย ถนนบางนา-ตราด นะคะ
มอเตอร์เวย์ (กรุงเทพ-ชลบุรี สายใหม่) > ถนนสุขาภิบาล 2 > H Cape Serene บางนา-สุขาภิบาล 2
มาเริ่มต้นการเดินทางจากบนมอเตอร์เวย์ เส้นนี้เราจะใช้เวลาเดินทางไปถึงตัวโครงการประมาณ 12-15 นาทีค่ะ ให้เราสังเกตป้ายบางนาเอาไว้แล้วชิดซ้าย
วิ่งตรงไปเรื่อยๆ จะเจอทางแยกไปถนนกาญจนาภิเษก ให้ขับเข้าทางฝั่งซ้ายเลยค่ะ
จากนั้นให้เราดูป้ายบางนา เตรียมชิดขวา
ให้เราขับตามป้ายบางนาเข้าไปเลยจะไปสู่ถนนอ่อนนุชได้
จากตรงนี้เราขับตามป้ายอ่อนนุชไปค่ะ
เราขับตามป้ายอ่อนนุช-ลาดกระบังและชิดซ้ายเอาไว้นะ
ลงจากมอเตอร์เวย์จะเป็นทางแยก 2 ช่องทางแบบนี้ให้เราชิดขวาเพื่อเลี้ยวเข้าถนนสุขาภิบาล 2 ถ้าเราออกซ้ายไปจะเข้าถนนลาดกระบัง-อ่อนนุชค่ะ
จากทางลงมอเตอร์เวย์เข้าถนนสุขาภิบาล 2 ตรงเข้าไปประมาณ 1.9 เมตรผ่าน Mini Big C, Lotus Express และ 7-Eleven ก็จะเห็นซุ้มทางเข้าโครงการอยู่ทางฝั่งซ้ายมือค่ะ ซึ่งฝั่งตรงข้ามจะมี Tops Daily เป็นจุดสังเกต
จากทางลงมอเตอร์เวย์เข้ามาภายในถนนสุขาภิบาล 2 เป็นถนนขนาด 4 เลน การสัญจรคล่องตัว 2 ข้างทางมีอาคารพาณิชย์อยู่เป็นระยะๆ
ใกล้ๆ กับโครงการเราจะเห็นทั้ง Mini Big C , 7-Eleven และ Tesco Lotus เป็นจุดสังเกต
ตรงมาอีกเพียง 350 เมตร เราก็จะเห็นซุ้มทางเข้าโครงการอยู่ทางด้านซ้ายมือแล้วค่ะ ฝั่งตรงข้ามกับโครงการจะมี Tops Daily
มาดูอีกเส้นทางหนึ่งจากทางฝั่งบางนากันบ้างค่ะ
ถนนบางนา-ตราด > ทางคู่ขนานถนนกาญจนาภิเษก > ถนนสุขาภิบาล 2 > H Cape Serene บางนา-สุขาภิบาล 2
จากถนนบางนา-ตราด เราจะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 17-18 นาที ทางฝั่งซ้ายมือของเราจะผ่านเซ็นทรัลบางนา, Big C และ Index Living Mall
ตรงไปเรื่อยๆ จนเห็น Tesco Lotus Extra สังเกตป้ายถนนกิ่งแก้ว-ลาดกระบังเอาไว้ ให้เราชิดซ้ายรอออกทางคู่ขนาน
ชิดซ้ายแล้วออกทางคู่ขนานไปได้เลย
จากนั้นให้เราวิ่งไปตามป้ายถนนกาญจนาภิเษก
แต่ให้เราชิดซ้ายขับเข้าช่องทางฝั่งซ้ายสุดไปตามป้ายอ่อนนุชเข้าทางคู่ขนานเส้นกาญจนาฯนะ
บนทางคู่ขนานเราวิ่งตรงไปเรื่อยๆ เลยค่ะ
วิ่งไปได้สักระยะหนึ่งจะมีป้ายให้เรากลับรถไปทางคู่ขนานฝั่งตรงข้าม
ให้เราสังเกตทางดีๆ แล้วกลับรถใต้สะพานไปเลยค่ะ
เมื่อกลับรถมาที่อีกฝั่งแล้วให้วิ่งตรงไปเรื่อยๆ แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนสุขาภิบาล 2
จากทางคู่ขนานถนนกาญจนาภิเษกตรงเข้าไปในถนนสุขาภิบาลประมาณ 2.1 กม. ผ่านโครงการป่าในกรุงก็จะเห็นตัวโครงการอยู่ทางฝั่งขวามือแล้วค่ะ
ตรงเข้าไปในถนนสุขาภิบาล 2 เราจะขับผ่านโครงการป่าในกรุงทางฝั่งขวามือ
เลยเข้าไปอีก 1.4 กม. ก็จะเห็นซุ้มทางเข้าโครงการอยู่ทางฝั่งขวามือแล้วค่า
ภาพซุ้มทางเข้าโครงการแบบชัดๆ
สรุปแยก และ ถนนสำคัญรอบโครงการ
สรุปสถานที่สำคัญรอบโครงการ
ห้างสรรพสินค้า
สถานศึกษา
ศูนย์การแพทย์
สถานที่ราชการและหน่วยงานอื่นๆ
:::: สภาพแวดล้อมรอบโครงการ ::::
บริบทโดยรอบโครงการ H Cape Serene บางนา-สุขาภิบาล 2 ทั้งหมดจะเป็นโครงการบ้านพักอาศัยในแนวราบ และบ้านพักอาศัยของคนในพื้นที่ทั่วๆ ไป จะเห็นว่ามีหมู่บ้านมากมายขึ้นกันอยู่หลายแบรนด์ตลอดถนนเส้นสุขาภิบาล 2 แต่ก็ยังไม่ถึงกับหนาแน่น บรรยากาศจะดูโล่งๆ และได้ความรู้สึกที่เป็นส่วนตัว โดยจะมีอาคารพาณิชย์และกลุ่มร้านค้าขึ้นอยู่เป็นช่วงๆ ค่ะ
เดี๋ยวเราจะเดินสำรวจบริเวณใกล้เคียงกับตัวโครงการกันนะคะจะได้รู้ว่ามีอะไรอยู่แถวนี้บ้าง เริ่มต้นจากฝั่งตรงข้ามกับตัวโครงการจะเป็นจะเป็น Tops Daily, ร้าน Car Care และ T.N. Snooker Club
ด้านหน้า Tops เปิดเป็นพื้นที่ร้านค้าร้านเล็กๆ ทั้งร้านชาพะยอม, ร้านถ่ายเอกสาร, ร้านตัดผมชาย, ซาลอน และร้านเพ็ทช็อป
เราจะเดินไปสำรวจทางฝั่งซ้ายมือกันก่อนนะ
ฟุตบาทของถนนเส้นนี้ก็น่าเดินค่ะ ทั้งสะอาดและก็กว้างขวาง แถมยังเรียบเดินได้สะดวกอีกด้วย
ติดกับตัวโครงการเลยก็คือหมู่บ้านกฤษดานคร
ฝั่งตรงข้ามคือหมู่บ้านมัณฑนา 2 ค่ะ ถ้าเราเดินต่อไปเรื่อยๆ ก็จะเจอหมู่บ้านระดับกลางๆ ประมาณนี้อยู่ตลอดทั้ง 2 ฝั่งของถนนเลย
กลับมาที่บริเวณหน้าโครงการ เราจะเดินไปสำรวจเส้นทางฝั่งทางขวากันต่อ
เดินมาเรื่อยๆ ประมาณ 350 เมตร เราก็จะเริ่มเจอกลุ่มร้านค้า และร้านอาหาร เพราะตรงนี้จะมีทั้งหอพักเล็กๆ และกลุ่มอาคารพาณิชย์ค่ะ ที่ฝั่งตรงข้ามของเราจะมี 7-Eleven ด้านหน้ามีร้านรถเข็นขายอาหารอยู่หลายอย่าง
มีทั้ง Lotus Express และ Mini Big C มีตู้ ATM ของหลายธนาคาร
ด้านหน้า Mini Big C ก็มีร้านอาหารแบบรถเข็นมาตั้งอยู่หลายร้านเหมือนกันนะ จะเป็นผัดไทยหอยทอด, โจ๊กหมู, เกาเหลา, ก๋วยจั๊บ, ไก่ย่าง 5 ดาว และร้านขายอาหารอีสาน
ที่อยู่ติดกันจะเป็นกลุ่มของอาคารพาณิชย์ค่ะ
ส่วนที่ฝั่งตรงข้ามก็มีทั้งห้องเช่า และห้างทอง
ร้านรับทำกุญแจ, ร้านขายแบตเตอรี่ และร้านเสริมสวยก็มี
เลยไปอีกหน่อยก็จะมีตลาดขนาดย่อมๆ ภายในมีขายทั้งอาหารสด, ผัก-ผลไม้ และเป็นแหล่งรวมร้านอาหารรถเข็นอีกหลายเจ้า มาลองฝากท้องกันดูได้ค่ะ
:::: ตัวโครงการ ::::
โครงการ H Cape Serene บางนา-สุขาภิบาล 2 เป็นโครงการบ้านเดี่ยวสูง 2 ชั้น จำนวน 250 ยูนิต บนที่ดิน 56 ไร่ เป็นบ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์น ที่เน้นความกว้างขวางของเนื้อที่บ้าน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุขก่อนที่จะพาเข้าไปดูภาพภายในโครงการจะขออธิบายผังโครงการคร่าวๆ เพื่อความเข้าใจกันก่อนนะคะ
ทางเข้า-ออกของโครงการหลักจะมีเพียงทางเดียวคือจากซุ้มทางเข้าโครงการบนถนนสุขาภิบาล 2 โดยจะต้องผ่านรปภ.แบบ Double Gate ประกอบด้วย ป้อมยาม, เครื่องสแกน Auto Access Card, กล้อง CCTV, รั้วไม้กระดก และ Gate อีกชั้น เมื่อผ่านเข้ามาภายในตัวโครงการแล้วจะเจอถนนเมนกว้าง 19 เมตรยาวเข้าไปแล้วตัดขวางด้วยถนนขนาด 12 เมตร และแตกเป็นซอยย่อยด้วยถนนขนาด 9 เมตร
เมื่อเข้ามาภายในตัวโครงการแล้วเลี้ยวขวา สำนักงานขายจะอยู่ทางขวามือเลย ส่วนทางซ้ายมือจะเป็น Clubhouse ของโครงการ ซึ่งได้แนวคิดมาจาก Falling Water House ให้เราและธรรมชาติเป็นหนึ่งเดียวกัน ล้อมรอบ Clubhouse ด้วยสวนสวยพร้อม Jogging Track โดยรอบ ส่วนท้ายโครงการจะมี Oxygen Forest อีกหนึ่งจุดให้ลูกบ้านหลังท้ายๆ สามารถเดินไปใช้งานได้สะดวก ไม่เสียเปรียบลูกบ้านหลังหน้าๆ ที่อยู่ใกล้กับตัว Clubhouse มากกว่า
ความพิเศษของการวางผังโครงการนี้ก็คือ เป็นผังในแนวยาว จึงมีซอยเข้าบ้านจากถนนเมนที่ไม่ลึก ใน 1 ซอยจะมีบ้านเพียง 4-6 หลังเท่านั้น ทำให้ภาพรวมของโครงการดูโปร่งและไม่แออัด อีกทั้งยังวางหน้าบ้านไปในแกนทิศเหนือ-ใต้ ทำให้ตัวบ้านไม่ร้อน และสามารถรับลมได้ตลอดทั้งปี
:::: บริเวณภายในโครงการ ::::
::: ทางเข้าโครงการ :::
เดี๋ยวเราจะเข้าไปสำรวจภายในโครงการด้วยกันนะคะ เริ่มต้นจากบริเวณซุ้มทางเข้าโครงการ
ป้ายหน้าทางเข้า
ดีไซน์ตัวซุ้มเป็นสไตล์โมเดิร์น ดูอบอุ่นด้วยวัสดุไม้เป็นหลักตัดด้วย Cladding สีเทา
การเข้า-ออกตัวโครงการจะต้องผ่านรปภ.ประกอบด้วย ป้อมยาม, ระบบ Access Card, กล้อง CCTV, รั้วไม้กระดก และ Gate อีก 1 ชั้น
ที่ด้านข้างป้อมยามจะติดกล้อง CCTV และตัวเซ็นเซอร์ Key Card ฝั่งซ้ายจะแบ่งช่องจราจรสำหรับให้คนเดินเข้าได้ พร้อมประตูรั้วบานเล็กๆ
ตัวเซ็นเซอร์ Key Card แบบระยะใกล้สำหรับลูกบ้าน และกล้อง CCTV 2 ตัว ที่ประตูทางเข้าหลัก ทั้งนี้ภายในโครงการก็จะติดกล้อง CCTV ให้โดยรอบเลย
มุมมองย้อนกลับไปที่ซุ้มทางเข้าโครงการ
::: บริเวณภายในโครงการ :::
เมื่อผ่านซุ้มทางเข้าโครงการเข้ามาแล้วจะมาเจอถนนเมนกว้าง 19 เมตร ฝั่งขวามือจะเป็นพื้นที่ขายในอนาคต
ตรงนี้ก็จะมีพื้นที่สวนหน้าโครงการ 1 จุด
พื้นที่สวนด้านหน้าเป็นอีกจุดหนึ่งที่สามารถมาเดินเล่นและนั่งพักผ่อนได้ จะสังเกตได้ว่าต้นไม้ภายในโครงการจะไม่ใช่ต้นไม้ที่ลงใหม่ทั้งหมดนะคะ ทางโครงการได้รักษาต้นไม้เดิมเอาไว้ด้วย ทำให้บรรยากาศภายในดูร่มรื่นมากกว่า ไม่ต้องรอให้ต้นไม้ที่ลงใหม่โตนานนัก
เมื่อเดินเข้ามาจนสุดทาง ถนนเมนจะตัดฉากออกไปทางขวา ลดขนาดลงมากว้าง 12 เมตร จากบริเวณนี้ถนนจะตัดยาวเข้าไปจนถึงท้ายโครงการเป็นระยะ 780 เมตร
ที่ฝั่งขวามือของเราก็คือตัว Sales Gallery ค่ะ ภายในจะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายนั่งประจำอยู่ สามารถมาติดต่อขอรายละเอียดและดูบ้านตัวอย่างได้ที่นี่เลย
ส่วนที่ฝั่งซ้ายมือของเราก็คือ Waterfall Clubhouse ด้านหน้ามีพื้นที่จอดรถได้เกือบ 10 คัน
บริเวณ Clubhouse ทำออกมาดูดีมากเลยค่ะ ได้บรรยากาศที่เขียวขจีและร่มรื่น ทางเข้าเมนของ Clubhouse ทำเป็นซุ้มต้นไม้ให้เดินเข้าไปสวยๆ
โดยรอบ Clubhouse จะจัดเป็นสวนพร้อม Jogging Track สามารถใช้เดินหรือวิ่งออกกำลังกายได้
ในหลายจุดของสวนที่มีร่มไม้ ทางโครงการได้จัดวางม้านั่งสำหรับนั่งพักผ่อนเอาไว้ให้ บางส่วนก็สร้างเป็นศาลาเพิ่ม Shade ลดทอนแสงแดดลง
ส่วนที่ทำเป็น Jogging Track จะทำอ้อมไปด้านหลังตัว Clubhouse แบบนี้
มาโผล่ที่อีกฝั่งหนึ่ง เป็นส่วนนั่งพักผ่อนอีกจุด
เดินดูบริเวณโดยรอบแล้ว เราจะเข้าไปดูภายใน Clubhouse กันต่อ เป็นอาคารสูง 2 ชั้นสไตล์โมเดิร์น ออกแบบโดยใช้แนวคิดจาก Falling Water House จากสถาปนิกชื่อดังระดับโลกนั่นก็คือ Frank Lloyd Wright นั่นเองค่ะ จุดเด่นของอาคารก็คือน้ำตกจากพื้นชั้น 2 ที่ลงมายังสระว่ายน้ำ
จากทางเดินซุ้มต้นไม้เข้ามาจะเจอบันไดทางขึ้นแบบนี้
ขึ้นมาถึงตัวอาคารก็จะเจอสระว่ายน้ำก่อนเลย สระว่ายน้ำเป็นระบบเกลือ ขนาด 7 x 18 เมตร ลึก 1.2 เมตร สามารถใช้ว่ายออกกำลังกายแบบจริงจังได้เลย
ถัดจากสระเข้ามาจะเป็นโถงทางเดินเข้าสู่ส่วนล็อคเกอร์, ห้องน้ำ และบันไดขึ้นชั้น 2
ห้องน้ำจะแยกชายหญิงให้ โดยมีล็อคเกอร์ใช้ร่วมกันอยู่หน้าห้องน้ำ
บรรยากาศภายในห้องน้ำ ดูสะอาดสะอ้าน ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ดูสว่างและไม่อับด้วย
ภายในห้องน้ำและห้องอาบน้ำค่ะ
เดินตรงผ่านห้องน้ำมาจะเป็นจุดล้างตัวก่อนลงสระ
ภายในสระจะจัด Day Bed เอาไว้ให้ 3 ตัว ด้านหน้ามีสระเด็กแบบเป็นสวนน้ำขนาดย่อมๆ ให้เด็กมาเล่นสนุกได้
ข้างๆ ยังมีพื้นที่ Pool Deck ในร่ม มานั่งเล่นรับลม พร้อมดูแลเด็กๆ ไปด้วยในตัว
ในส่วนของสระเด็กจะแบ่งพื้นที่ออกมา เป็นสระตื้นๆ ลึกแค่ 0.6 เมตรเท่านั้น
ติดกันทำเป็นสวนน้ำ เหมือนกับ Leoland Water Park โซนเด็ก ที่เซ็นทรัลบางนาเลยค่ะ
เครื่องเล่นนี้ก็เปิดน้ำพุได้ด้วยนะคะ เด็กๆ เห็นแล้วต้องหลงรักแน่นอน
ภาพรวมด้านหน้า Clubhouse
เราจะขึ้นไปที่บนชั้น 2 กันต่อเลย
ในส่วนของชั้น 2 จะเป็นห้อง Fitness
ภายในห้องมีพื้นที่ที่กว้างขวาง สามารถใช้งานได้สะดวกทีเดียว
ภายในก็มีเครื่องเล่นอยู่หลายเครื่องค่ะ ทั้งพวกเครื่องเวท, ชุดดัมเบล และพวกจักรยานไฟฟ้า
ทั้งลู่วิ่งไฟฟ้าและเครื่องเดินวงรีก็มีค่ะ
อีกด้านนึงของชั้น 2 จะเป็นส่วนของห้องสมุด และห้องนิติบุคคล
มุมมองจากบนชั้น 2 ลงไปที่บริเวณสระว่ายน้ำ
กลับลงมาที่ถนนเมนค่ะ ถนนเมนตรงนี้อย่างที่บอกไปแล้วว่ากว้าง 12 เมตร ผ่าเข้าไปจนถึงท้ายโครงการ
ทั้ง 2 ข้างทางของถนนปลูกต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่น สร้างบรรยากาศที่ดีในการอยู่อาศัย
ภายในซอยบ้านจะกว้าง 9 เมตร แต่ละซอยมีบ้านเพียง 4-6 หลังเท่านั้นเพราะว่าซอยไม่ลึก จากบ้านหลังในสุดออกมาที่ถนนเมนก็ง่าย จุดนี้ช่วยทำให้ภาพรวมของโครงการดูโปร่งและไม่แออัดด้วยนะ
เข้ามาถึงอีกจุดจะเป็นพื้นที่สวนขนาดย่อมๆ อีก 1 จุดอยู่ช่วงกลางโครงการก่อนที่จะถึง Oxygen Forest อีกที นับว่าภายในโครงการนี้จะมีพื้นที่สีเขียวในทุกระยะเลยค่ะ ในอนาคตเมื่อต้นไม้ทุกต้นแตกกิ่งก้านสาขาแล้ว จะทำให้ภายในโครงการดูร่มรื่นยิ่งขึ้นไปอีกนะ
ด้านในสุดตอนนี้จะเป็นบ้านตัวอย่างทั้งหมด 3 แบบ นี่คือแบบบ้าน SANCTUARY ขนาดเล็กที่สุด 187 ตรม.
แบบบ้าน SYMMETRY ขนาดกลาง 219 ตรม.
และแบบบ้าน SCENIC ขนาดใหญ่ 288 ตรม.
:::: แบบบ้านของโครงการ และ บ้านตัวอย่าง ::::
::: แบบบ้านของโครงการ :::
แบบบ้านของโครงการจะเป็นสไตล์โมเดิร์น โดยบ้านจะเน้นในเรื่องของพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง พร้อมวัสดุคุณภาพดี ตอนนี้มีให้เลือกทั้งหมด 3 แบบด้วยกันดังนี้ค่ะ
:: แบบบ้าน SANCTUARY ขนาด 187 ตรม ::
ทัศนียภาพจำลอง
แปลนบ้านชั้นที่ 1 ประกอบด้วย
แปลนชั้นที่ 2 ประกอบด้วย
:: แบบบ้าน SYMMETRY ขนาด 219 ตรม. ::
ทัศนียภาพจำลอง
แปลนบ้านชั้นที่ 1 ประกอบด้วย
แปลนชั้นที่ 2 ประกอบด้วย
:: แบบบ้าน SCENIC ::
ทัศนียภาพจำลอง
แปลนบ้านชั้นที่ 1 ประกอบด้วย
แปลนชั้นที่ 2 ประกอบด้วย
::: บ้านตัวอย่าง :::
วันนี้ทางทีมงาน Homenayoo จะพาท่านผู้อ่านของเราไปชมบ้านตัวอย่าง 2 หลังด้วยกัน ลำดับเป็นแบบบ้าน SCNENIC ขนาด 288 ตรม. และตามด้วยแบบบ้าน SYMMETRY ขนาด 219 ตรม. ไปชมกันเลยค่า ?
:: แบบบ้าน SCNENIC ขนาด 288 ตรม. ::
เริ่มต้นจากแบบบ้าน SCNENIC ขนาด 288 ตรม. 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำกันค่ะ เป็นบ้านขนาดใหญ่ที่สุด ตัวบ้านใช้โทนสีขาว-เทา และเล่นวัสดุไม้ และหินเคนไซบางส่วนทำให้บ้านดูอบอุ่น และดูมีมิติ แบบบ้านจะสร้างเต็มเนื้อที่ดินเลยเพราะทางโครงการจะเน้นในเรื่องของพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน โดยที่รอบตัวบ้านก็ยังพอเหลือพื้นที่ที่สามารถจัดเป็นสวนและเดินผ่านได้
มาดูในส่วนของโรงจอดรถกันก่อน ภายในโรงจอดรถจะสามารถจอดรถได้ 3 คัน โครงสร้างเป็นเสาเข็ม-คอนกรีตเสริมเหล็ก และเทพื้นซีเมนต์ขับเรียบ
บริเวณเพดานจะติดหลังคาโครงเหล็กมาเพิ่มให้ด้วยค่ะ ส่วนนี้ถ้าลูกบ้านไม่ชอบก็ให้ถอดออกได้นะ ที่ฝ้าเพดานเป็นฝ้าแผ่นเรียบไฟเบอร์ซีเมนต์ ติดดวงโคมดาวน์ไลท์ให้
บริเวณลานจอดรถจะมีประตูเล็กเปิดเข้าตัวบ้านได้ ทำสเต็ปขึ้นมาให้ ปูด้วยกระเบื้องขนาด 30 x 30 ซม. เวลาฝนตกหรือซื้อของเข้าบ้านก็ไม่ต้องเดินอ้อมไปที่ด้านหน้าผ่านห้องนั่งเล่นให้เลอะเทอะ ส่วนฝั่งขวามือคือประตูตู้เก็บของค่ะ
มือจับประตูเป็นแบบก้านโยกสแตนเลสแบบนี้ค่ะ
มาดูในส่วนของเฉลียงทางเข้าบ้านกันต่อ
พื้นเฉลียงทางเข้าบ้านจะทำยกระดับขึ้นมาจากระดับพื้นดินประมาณ 30 ซม.เป็น 2 สเต็ป พื้นเฉลียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 ซม.
ด้านข้างทำเป็นพื้นที่นั่งเล่นพักคอยหน้าบ้าน หรือจะเป็นบริเวณที่นั่งใส่-ถอดรองเท้าก็ได้
เข้าไปดูภายในตัวบ้านกันต่อเลยค่ะ ประตูทางเข้าบ้านจะเป็นประตูบานเลื่อนอลูมิเนียม Powder Coat ติดกระจกเขียวตัดแสง สามารถเลื่อนเปิดได้ตามภาพ โดยบานเลื่อนจะออกแบบมาให้สามารถกันเสียงจากภายนอกได้
มือจับบานประตูแบบเซาะร่อง และอุปกรณ์ในการล็อค
เมื่อเข้ามาในตัวบ้านแล้วจะเจอห้องนั่งเล่นก่อน ถัดเข้าไปคือห้องรับประทานอาหาร พื้นบ้านจะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 ซม. จะปูยาวเข้าไปถึงในห้องครัว ผนังจะเป็นผนังติดวอลเปเปอร์เก็บขอบด้วยบัวผนังเรียบร้อย แปลนบ้านจะเป็นแบบ Open Plan เชื่อมพื้นที่แต่ละฟังก์ชั่นเข้าด้วยกันทั้งหมดทำให้ภายในบ้านดูโปร่งโล่งดี เนื่องจากบ้านของโครงการนี้ใช้ระบบแบบผ่อนดาวน์ Function บางอย่างจึงจะ Flexible สามารถปรับบางส่วนตั้งแต่ตอนเริ่มก่อสร้างได้ จะได้ไม่มีปัญหาที่จะต้องมีรื้อทำใหม่ ส่วนวอลเปเปอร์ทางโครงการก็ให้เราเลือกสีเองได้ด้วยนะ
ตัวบ้านของโครงการทั้งหมดจะก่อด้วยอิฐมวลเบาทั้งหลัง ซึ่งคุณสมบัติของอิฐมวลบวลอย่างนึงก็คือเป็นฉนวนกันความร้อนและกันเสียงได้ดี หากในอนาคตลูกบ้านต้องการต่อเติมหรือปรับปรุงบ้านก็สามารถทำได้ง่ายค่ะ
ที่ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร เป็นฝ้าฉาบเรียบทั้งหลัง ส่วนดวงโคมที่ใช้จะเป็นดวงโคมดาวน์ไลท์ทั้งหมด
มาดูการจัดพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านกันต่อค่ะ จะได้มองภาพออกว่ากับขนาดพื้นที่ประมาณนี้ เราสามารถทำอะไรได้บ้าง
ทางบ้านตัวอย่างได้จัดวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งเอาไว้ให้ พร้อม Arm Chair และ โต๊ะกาแฟ แต่จริงๆ แล้วจะวางเป็นโซฟารูปตัว L ก็มีที่เหลือพอ ข้างๆ ยังมีที่สำหรับวางโต๊ะตัวเล็กๆ ได้ทั้ง 2 ข้างเลย
ผนังข้างโซฟาจะมีช่องหน้าต่างเล็กๆ ให้ด้วย ตรงนี้ก็ช่วยให้มุมนั่งดูสว่างขึ้นเยอะ
ฝั่งชั้นวางทีวีผนังจะเว้าเข้ามาเพราะด้านนอกเป็นที่จอดรถ ผนังมีความกว้างพอสมควรเลย ทำให้เราได้ที่วาง Built-in ตู้วางทีวีพร้อมช่องเก็บของได้สบายๆ ระยะดูทีวีนี่เหลือประมาณ 3 เมตรเลยนะ ดูทีวีขนาด 70 นิ้วจะกำลังดีเลยค่ะ
มุมมองจากห้องนั่งเล่นไปที่ห้องรับประทานอาหาร, แพนทรี่ และห้องครัว
ระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องครัวจะเหลือพื้นที่ตรงกลาง ทางโครงการวางเป็นโต๊ะทำงานให้ดูเป็นตัวอย่าง เป็นตำแหน่งที่เหมาะสมนะ เพราะอยู่ตรงหน้าต่างพอดี เราจะวางชั้นหนังสือแบบโปร่งเพื่อแบ่งระหว่างสัดส่วนบ้านเพิ่มเติมด้วยก็ได้ จะเห็นว่าภายในบ้านติดช่องแสงเอาไว้ให้ค่อนข้างเยอะ เพราะเน้นการระบายอากาศที่ดีเพื่อภาวะการอยู่สบาย
หน้าต่างภายในบ้านเป็นบานเลื่อนอลูมิเนียม Powder Coat ติดกระจกเขียวตัดแสง
มือจับบานเป็นแบบเซาะร่อง พร้อมตัวล็อคท้ายบานแบบก้นหอยค่ะ
มาดูในส่วนของห้องรับประทานอาหารกันต่อ เนื่องจากหน้าบ้านค่อนข้างจะกว้างจึงทำให้ห้องรับประทานอาหารมีพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างใหญ่ โดยรอบของห้องจะติดหน้าต่างบานเลื่อนบานใหญ่หลายบานทำให้ห้องยิ่งดูโปร่งโล่งมากขึ้น
สำหรับโต๊ะอาหารในบ้านตัวอย่างได้จัดวางเอาไว้สำหรับ 6 ที่นั่ง ซึ่งจริงๆ แล้วจะเห็นว่าพื้นที่ในห้องนี้ยังเหลืออีกเยอะสามารถจัดได้ถึง 8 ที่นั่งเลยทีเดียว และยังเหลือพื้นที่สามารถเดินได้โดยรอบสบายๆ
ผนังข้างห้องรับประทานอาหารติดประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่ ทำให้พื้นที่ภายในบ้านเชื่อมต่อกับสวนภายนอกด้วย
เปิดประตูออกไปแล้วจะทำเป็นพื้นเฉลียงปูกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 ให้ ลดระดับลงไปจากพื้นบ้านนิดหน่อย
มุมมองย้อนกลับไปที่หน้าบ้าน
จากนั้นเราจะเข้าไปดูในส่วนของโถงหน้าห้องนอนชั้นล่าง, ห้องน้ำแขก และห้องครัวกันต่อ
บริเวณโถงหน้าห้องครัวจะเหลือพื้นที่อยู่ค่อนข้างเยอะเลยค่ะ สามารถจัดเป็นเคาน์เตอร์แพนทรี่เพิ่มเติมได้แบบนี้ จริงๆ แล้วจะวางเป็นแบบ Island ก็มีที่พอนะ
เราจะเข้าไปดูในห้องครัวกันต่อ บริเวณหน้าห้องครัวจะมีหน้าต่างบานเลื่อน สามารถเปิดส่งอาหารได้โดยไม่ต้องเดินออกมาจากห้อง
เข้ามาในห้องครัวจะเป็นห้องครัวแบบปิด พื้นยังปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้เหมือนในห้องโถงของบ้าน ภายในห้องครัวจะสามารถจัดวางเคาน์เตอร์ได้ทั้ง 2 ฝั่งของห้องเลย โดยตรงกลางห้องจะมีหน้าต่างบานเกล็ดเป็นช่องแสงให้ 1 บาน
ดวงโคมภายในห้องครัวจะติดเป็นดวงโคมซาลาเปาแทนนะ
ที่ฝั่งขวาสามารถวางเคาน์เตอร์เป็นรูปตัว L วางอ่างล้างจานและเหลือพื้นที่เตรียมอาหาร และอย่าลืมเผื่อพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นด้วยนะคะ ไซส์มาตรฐานก็ประมาณ 0.6 x 0.6 เมตร
ฝั่งซ้ายมือของห้องจัดเป็นโซนปรุงอาหาร วางพวก Hob และ Hood และยังมีพื้นที่เคาน์เตอร์เหลือสำหรับวางเครื่องปรุง และอาหารที่เตรียมเอาไว้ก่อนลงกระทะ
จากห้องครัวจะมีประตูเปิดออกสู่ลานซักล้างหลังบ้านได้ ประตูที่ใช้เป็นบานสำเร็จรูป
พร้อมมือจับลูกบิดสแตนเลส
เปิดออกไปเป็นพื้นลานซักล้างปูกระเบื้องขนาด 20 x 20 ซม.ให้ ลดระดับลงจากพื้นห้องครัวเล็กน้อย
โซนหลังบ้านตรงนี้จะเป็น Back of House ค่ะ ห้องแม่บ้านและห้องน้ำแยกก็จะอยู่ด้านหลังนี้ด้วย
กลับเข้ามาภายในบ้าน ดูห้องน้ำแขกฝั่งขวาและห้องนอนชั้นล่างฝั่งซ้ายกันต่อ
พื้นห้องน้ำจะลดระดับลงจากพื้นห้องโถงประมาณ 5 ซม.
ภายในห้องน้ำปูกระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม.แบบผิวด้านกันลื่น กรุผนังด้วยกระเบื้องลายหินธรรมชาติขนาดเท่ากัน สุขภัณฑ์ภายในจะใช้ของ Cotto ทั้งหมด เนื่องจากห้องน้ำนี้ถูกจัดเอาไว้สำหรับรับรองแขกจึงทำออกมาในลักษณะของ Powder Room คือไม่มีโซนอาบน้ำมาให้ด้วย
ดวงโคมภายในห้องน้ำใช้ดวงโคมดาวน์ไลท์เช่นกัน
ในส่วนของสุขภัณฑ์ อ่างล้างมือที่ได้จะเป็นแบบฝังบนเคาน์เตอร์หินแกรนิต ผนังติดกระจกเจียปรีมาให้ และในส่วนของห้องน้ำ วัสดุ และกระเบื้องตามภาพ และบ้านตัวอย่างเลย
อ่างทรงสี่เหลี่ยมขนาดกำลังดี ขอบอ่างก็พอมีพื้นที่สำหรับวางพวกสบู่และกล่องกระดาษทิชชู่ได้
ก๊อกน้ำทรงมนปลอดภัย จับถนัดมือ
ถัดจากอ่างล้างมือจะเป็นส่วนของโถสุขภัณฑ์แบบแยกชิ้นระบบ Dual Flush พร้อมสายฉีดชำระและที่ใส่กระดาษชำระ
Accessories ก็เป็นของ Cotto เช่นเดียวกันค่ะ
ราวแขวนผ้าเช็ดตัวถูกติดอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโถสุขภัณฑ์
เข้ามาดูห้องนอนชั้นล่างกันต่อ ห้องนี้เราอาจจะใช้เป็นห้องนอนแขกหรือห้องนอนของผู้สูงอายุก็เหมาะสมนะ นอกจากนี้จะใช้เป็นห้องอเนกประสงค์ก็ได้เช่นกัน
ภายในห้องสามารถวางเตียงนอนขนาด 3 ฟุตได้ ข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่งยังเหลือที่ว่าง เปลี่ยนผ้าปูและทำความสะอาดได้สะดวก และสามารถวางโต๊ะข้างหัวเตียงและตู้เสื้อผ้าได้อีก 1 ตัว
เหนือหัวเตียงจะเป็นช่องแสงของห้องทั้ง 2 ฝั่ง
เป็นหน้าต่างบานเปิดมือจับแบบก้านโยกแบบนี้
อีกฝั่งสามารถวางชั้นวางทีวีได้อีก 1 ชุด จะยังเหลือพื้นที่ปลายเตียงเดินผ่านได้สบายๆ ค่ะ
ความพิเศษของบ้านหลังนี้ก็คือ ห้องนอนทุกห้องจะมีห้องน้ำในตัวเป็นของตัวเองทั้งหมด ในห้องนอนชั้นล่างก็ด้วยเช่นกัน
โดยพื้นห้องน้ำจะลดระดับลงไปเล็กน้อยประมาณ 5 ซม.
ภายในห้องน้ำจะใช้วัสดุและสุขภัณฑ์เหมือนกับห้องน้ำที่ผ่านมาค่ะ อาจจะมีต่างรุ่นกันบ้างแต่ยังคงใช้ของ Cotto เหมือนเดิม
อ่างล้างมือในห้องนี้ใช้แบบแขวนผนัง ขนาดกระทัดรัด กับก็อกน้ำรุ่นเดิม
ถัดมาเป็นโถสุขภัณฑ์พร้อม Accessories
ฝั่งในสุดของห้องจัดเป็นโซนอาบน้ำ โดยติดฉากกั้นอาบน้ำมาให้เรียบร้อย
พื้นภายในโซนอาบน้ำกว้างขวางกำลังดี ก่อธรณีประตูขึ้นมาให้เพื่อกันน้ำไหลย้อน ภายในปูด้วยกระเบื้องขนาด 30 x 30 ซม.
ภายในติดตั้งฝักบัวสายอ่อน หัวมีขนาดกระทัดรัด สามารถปรับรูปแบบสายน้ำได้
และติดตั้งจานวางสบู่มาให้ ขนาดพอวางสบู่ได้ 1 ก้อน ต้องซื้อชั้นมาติดตั้งเพิ่มเอานะคะ
ภายในโซนอาบน้ำจะมีหน้าต่างบานกระทุ้งมาเป็นช่องแสงให้กับห้อง
จบจากชั้น 1 แล้วเราจะขึ้นไปดูที่ชั้น 2 กันต่อเลยค่ะ บันไดจะเป็นโครงการคอนกรีตเสริมเหล็กแข็งแรง ปิดผิวด้วยไม้อัดประสาน ส่วนราวจับบันไดจะเป็นราวเหล็กฝังกับแม่บันได มือจับเป็นไม้จริงสีเข้ากับพื้นบันได ตัวโถงกว้าง 1 เมตรไม่แคบจนเกินไป
มองขึ้นไปยังโถงบันไดจะเห็นว่าสูงโปร่ง โคมไฟระย้าที่เห็นนี้ทางโครงการให้มากับตัวบ้านด้วยนะ
มุมมองย้อนกลับลงไปที่ชานพักบันได เป็นบันไดรูปตัว U หักกลับตามภาพ
ขึ้นมาถึงโถงบันไดชั้น 2 จะเป็นตัวแจกเข้าห้องนอนทุกห้อง ฝั่งซ้ายมือคือห้องนอน 2 และห้องนอน 3 ส่วนฝั่งขวามือคือห้องนอน Master Bedroom พื้นชั้น 2 จะปูด้วยลามิเนตหนา 12 มม. ผนังติดวอลเปเปอร์ให้เหมือนเดิม
พื้นที่ส่วนโถงบันไดสามารถจัดเป็น Family Room ได้อีก 1 ห้อง บริเวณโถงติดหน้าต่างขนาดใหญ่มาให้เต็มผนังทำให้ภายในโถงดูสว่างและโปร่ง
มุมมองย้อนกลับไปที่โถงบันได อีกฝั่งนึงก็ติดหน้าต่างขนาดใหญ่สูงจากคานชั้น 2 ขั้นมาจนเกือบถึงฝ้าเพดาน
เดี๋ยวเราจะเข้าไปดูภายในห้องนอน Master Bedroom กันก่อนเลยค่ะ
ภายในห้องนอนมีขนาดใหญ่และกว้างขวาง สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ฝ้าเพดานภายในห้องนอนเป็นฝ้าฉาบเรียบ ติดดวงโคมดาวน์ไลท์ให้ทุกห้อง
ภายในห้องสามารถวางเตียงนอนขนาด King Size ได้
และยังเหลือพื้นที่โดยรอบเตียงแบบเดินได้สบายๆ
ฝั่งตรงข้ามเตียงนอนสามารถทำเป็นชั้นวางทีวีแบบ Built-in ได้เต็มทั้งผนัง พยายามทำช่องเก็บของเอาไว้บ้างนะคะจะได้สามารถช่วยจัดระเบียบภายในห้องได้
ขนาดวางชั้นวางทีวีแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ปลายเตียงอีกเยอะ จะวางสตูลปลายเตียงตัวเล็กๆ เพิ่มอีกสักตัวก็ยังพอ
ที่ฝั่งหน้าบ้านของห้องจะมีประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่เปิดออกสู่ระเบียงห้อง
พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องขนาด 30 x 30 ซม. ส่วนราวจะเป็นราวกระจกติดราวจับเป็นราวสแตนเลส
พื้นที่ระเบียงก็มีขนาดค่อนข้างกว้าง สามารถตั้งเก้าอี้นั่งเล่นรับลมได้สบายๆ
มุมมองย้อนกลับเข้ามาภายในห้องนอน
ทางบ้านตัวอย่างได้กั้นห้องเอาไว้ให้ดูเป็นไอเดียสำหรับการทำ Walk-in Closet
ภายใน Walk-in Closet เราสามารถจัดวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งได้ทั้ง 2 ฟากเลย ส่วนประตูตรงกลางคือประตูห้องน้ำ
ตัวอย่างการออกแบบตู้เสื้อผ้า Built-in ของบ้านตัวอย่างค่ะ
พื้นห้องน้ำก็จะลดระดับลงจากห้องนอนเล็กน้อย
การจัดโซนของห้องน้ำ Master Bedroom จะต่างจากห้องน้ำชั้นล่างคือประตูทางเข้าจะอยู่ตรงกลางห้อง ตำแหน่งของอ่างล้างมือจึงอยู่ตรงกลาง ส่วนฝั่งซ้ายและขวาจะแบ่งวางโถสุขภัณฑ์และโซนอาบน้ำ ส่วนวัสดุและสุขภัณฑ์ก็ยังคงเดิมค่ะ
ในส่วนของอ่างล้างมือจะเป็นแบบฝังบนเคาน์เตอร์หินแกรนิตเหมือนห้องน้ำชั้นล่าง ผนังด้านหลังอ่างก่อเป็น Lower Wall ขึ้นมา สามารถวางของใช้ได้มากขึ้น และติดตั้งปลั๊กกันน้ำเอาไว้ให้สำหรับที่โกนหนวดไฟฟ้าหรือไดร์เป่าผม
ฝั่งซ้ายมือวางโถสุขภัณฑ์พร้อม Accessories
ส่วนฝั่งขวาเป็นโซนอาบน้ำ วัสดุยังเหมือนเดิมนะ แค่เปลี่ยนรุ่นเปลี่ยนลายไปบ้าง
ที่พิเศษขึ้นมาก็คือภายในจะติดตั้งชุด Rain Shower พร้อมฝักบัวสายอ่อน และราวปรับระดับมาให้ด้วย
ขนาดหัวฝักบัวจับถนัดมือ มีขนาดใหญ่กำลังดีเลย
เราจะไปดูภายในห้องนอน 2 กันต่อค่ะ
จุดที่พิเศษของบ้านหลังนี้อีกอย่างหนึ่งก็คือ ห้องนอนเล็กของบ้านก็ไม่ได้มีขนาดเล็กอย่างชื่อนะ ขนาดก็ทัดเทียมห้องนอน Master Bedroom ได้เลย
จะเห็นว่าภายในก็สามารถวางเตียงนอนขนาด King Size ได้เหมือนกัน (ทางบ้านตัวอย่างจัดวางเตียงขนาด Queen Size มา) พื้นที่โดยรอบก็ยังเหลือเยอะด้วย
ส่วนฝั่งตรงข้ามก็สามารถวางชั้นวางทีวีได้ค่ะ จริงๆ แล้วเราจะทำเป็น Built-in รูปตัว L เลยก็ได้นะ
อีกฝั่งหนึ่งของห้องถูกแบ่งให้เป็น Walk-in Closet และห้องน้ำในตัวค่ะ ตรงนี้เราสามารถทำประตูบานเลื่อนเพื่อกั้นโซนแต่งตัวได้ด้วย
ดูๆ ไปแล้วพื้นที่แต่งตัวของห้องนี้จะกว้างกว่าห้องนอน Master Bedroom อีกนะ
จากโซนแต่งตัวเข้าไปดูห้องน้ำกันต่อ
วัสดุ และสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำก็จะไม่ต่างจากห้องที่ผ่านๆ มาค่ะ แต่สีสันและลวดลายของวัสดุก็จะมีเปลี่ยนไปบ้างให้ดูไม่น่าเบื่อ
ในส่วนของโซนอาบน้ำก็จะติดตั้งชุด Rain Shower มาให้เหมือนห้องน้ำของ Master Bedroom เลย
มาถึงห้องนอนห้องสุดท้ายของบ้านนี้กันแล้ว
ห้องนอน 3 เป็นห้องนอนขนาดเล็กที่สุด แต่ดูๆ ไปแล้วพื้นที่ก็ยังใหญ่เหมือน Master Bedroom ของโครงการอื่นๆ เลยนะ
ภายในสามารถวางเตียงขนาด Queen Size ได้ เหลือพื้นที่โดยรอบเยอะไม่อึดอัด
ฝั่งตรงข้ามมีหน้าต่างเป็นช่อง 2 ทั้ง 2 ด้าน สามารถวางชั้นวางทีวีหรือชั้นเก็บของตรงกลางห้องได้
ด้านในห้องสามารถกั้นส่วนเป็น Walk-in Closet ได้เช่นกัน ฝั่งขวามือคือประตูห้องน้ำค่ะ
ห้องน้ำภายในห้องนอน 3 จะมีการจัดวางสุขภัณฑ์แบบห้องนอน 2 ทุกประการ
นอกจากนี้สวิตช์และปลั๊กไฟของบ้านจะใช้ของ Schneider Electric ทั้งหมดค่ะ
:: แบบบ้าน SYMMETRY ขนาด 219 ตรม. ::
จากบ้านขนาดใหญ่ที่สุดมาดูบ้านไซส์กลางของโครงการกันบ้าง นั่นก็คือแบบบ้าน SYMMETRY ขนาด 219 ตรม. มี 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ และ 2 ที่จอดรถค่ะ
พื้นที่จอดรถจะลดเหลือ 2 คัน ภายในยังคงมีประตูตู้เก็บของอยู่ แต่ไม่มีประตูเล็กเพื่อเข้าบ้านเหมือนบ้านหลังใหญ่
ในส่วนของหน้าบ้านเฉลียงจะทำเป็นสเต็ปเดียวยกระดับขึ้นไปประมาณ 20 ซม. ฝั่งขวามือทำม้านั่งหน้าบ้านให้เหมือนกัน ประตูทางเข้าบ้านเป็นบานเลื่อนอลูมิเนียม Powder Coat ติดกระจกเขียวตัดแสงเหมือนเดิม
เข้ามาภายในบ้าน ผังบ้านจะวางเหมือนเดิมทุกประการเลยค่ะ วัสดุก็ยังใช้กระเบื้องแกรนิตโต้ และติดวอลเปเปอร์ให้ ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตรพร้อมดวงโคมดาวน์ไลท์
ในส่วนของห้องรับแขก บ้านหลังนี้จัดวางโซฟารูปตัว L มาให้ดูเป็นตัวอย่าง ก็สามารถวางได้พอดีเหมาะสมกับพื้นที่เลย
ผนังบางส่วนของชั้นวางทีวีตกแต่งด้วยกระจกทำให้บ้านดูกว้างขวางขึ้น เราสามารถใช้ข้อดีตรงนี้ไปตกแต่งส่วนอื่นๆ ของบ้านที่ต้องการความโปร่งโล่งขึ้นได้
มุมมองไปยังห้องรับประทานอาหาร, ห้องครัว และโถงหน้าบันไดและทางเข้าห้องนอน
ในห้องรับประทานอาหารจะมีหน้าต่างโดยรอบ ทำให้ภายในบ้านรู้สึกเชื่อมต่อกับธรรมชาติภายนอกได้ ฝั่งขวามือมีประตูระเบียงสามารถเปิดออกสู่สวนข้างบ้านได้เช่นกัน
โต๊ะทางอาหารสามารถวางเป็นโต๊ะตัวยาวขนาด 8 ที่นั่งตามที่แนะนำในบ้านหลังใหญ่ได้เลยค่ะ
ประตูทางเข้าห้องครัวจะเปลี่ยนตำแหน่งมาอยู่ข้างๆ ห้องรับประทานอาหารแทน
ภายในห้องครัวสามารถวางเคาน์เตอร์เป็นรูปตัว L ได้อย่างลงตัว
พื้นที่ก็พอสำหรับการจัดวาง Hob&Hood, อ่างล้างจาน และพื้นที่ในการเตรียมอาหาร
จากห้องครัวก็สามารถเชื่อมต่อสู่ลานซักล้างหลังบ้านซึ่งเป็น Back of House ได้เหมือนกัน
พื้นที่ลานซักล้างด้านหลังก็จะมีห้องแม่บ้าน และห้องน้ำแยกให้เหมือนเดิมค่ะ
มองย้อนกลับไปที่หน้าบ้าน
เราจะเข้าไปดูในส่วนของโถงหน้าบันได, ห้องนอนชั้นล่าง และห้องน้ำกันต่อ
พื้นที่โถงตรงนี้จะเหลือเนื้อที่ค่อนข้างเยอะ เราสามารถจัดวางเป็นชั้นวางของหรือแพนทรี่เพิ่มเติมได้อีก
เราจะเข้าไปดูห้องน้ำฝั่งขวามือตามด้วยห้องนอนฝั่งซ้ายมือนะ
พื้นห้องน้ำจะลดระดับลงจากพื้นโถงประมาณ 5 ซม.
ภายในห้องจะยังใช้วัสดุและสุขภัณฑ์เหมือนบ้านหลังใหญ่ การจัดแปลนห้องน้ำเรียงจากโซนแห้งเข้าไปยังโซนเปียกด้านในสุด
เริ่มจากอ่างล้างมือแบบแขวนผนัง พร้อมกระจกเจียปรีมาคู่กัน
ถัดเข้าไปเป็นโถสุขภัณฑ์พร้อม Accessories
ด้านในสุดเป็นโซนอาบน้ำ ก่อธรณีที่พื้นพร้อมติดฉากกั้นอาบน้ำให้เรียบร้อย
ภายในติดชุดฝักบัวสายอ่อนพร้อมจานวางสบู่มาให้เหมือนเดิม
เข้าไปดูภายในห้องนอนชั้นล่างกันต่อ ซึ่งจะใช้เป็นห้องทำงานหรือห้องอเนกประสงค์แทนก็ได้ ภายในมีหน้าต่างโดยรอบทำให้ห้องได้รับแสงสว่างอย่างเพียงพอ
ถ้าจัดเป็นห้องนอนจะพอดีกับเตียงนอนขนาด 3 ฟุต
ส่วนปลายเตียงยังสามารถวางชั้นวางทีวีได้อีก 1 ตัว
ข้างๆ กันสามารถวางตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้อีก 1 ตู้ หรือจะแบ่งวางโต๊ะเครื่องแป้งด้วยก็ได้
เราจะขึ้นไปดูที่ชั้น 2 กันต่อ วัสดุของบันไดยังคงเหมือนเดิมทุกประการ
มองขึ้นไปยังโถงบันได เราจะได้โคมไฟประดับตามแบบบ้านตัวอย่างมาด้วยค่ะ
มองย้อนกลับไปที่ชานพักบันได
ขึ้นมาถึงชั้น 2 ส่วนของโถงบันไดจะเป็นตัวแจกเข้าห้องนอนทุกๆ ห้อง ฝั่งซ้ายคือห้องนอน 2, ห้องน้ำ 2 และห้องนอน 3 ส่วนฝั่งขวามือคือห้องนอน Master Bedroom พื้นชั้น 2 ทั้งหมดจะปูด้วยลามิเนตหนา 12 มม. ผนังติดวอลเปเปอร์ให้เหมือนเดิม
ในส่วนของพื้นที่ตรงกลางโถงก็สามารถจัดเป็น Family Room ได้อีกเหมือนกัน หรือจะจัดเป็นห้องพระแทนก็ได้นะคะ
มองย้อนกลับไปที่โถงบันได
เหมือนเดิมค่ะ เราจะเริ่มต้นจากห้องนอนที่ใหญ่ที่สุดก่อน
ภายในห้องนอนใหญ่ยังคงสามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้เหมือนบ้านหลังใหญ่ เพราะมีขนาดพื้นที่ที่ไม่ต่างกันมาก
เมื่อวางเตียงนอนขนาด King Size แล้วก็ยังเหลือพื้นที่โดยรอบ สามารถวางโต๊ะข้างหัวเตียงได้ทั้ง 2 ฝั่ง
อีกฝั่งจัดวางเป็นชั้นวางทีวี ดูไอเดียการใช้โทนสีและวัสดุ ทำออกมาได้น่าสนใจทีเดียวค่ะ
เมื่อวางชั้นวางทีวีแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ปลายเตียงเดินผ่านได้สบายๆ
ที่ฝั่งหน้าบ้านจะมีประตูบานเลื่อนเปิดออกสู่ระเบียงได้เหมือนกัน
พื้นที่ระเบียงมีขนาดแคบลงจากบ้านหลังใหญ่เล็กน้อย แต่ยังสามารถตั้งม้านั่ง หรือกระถางต้นไม้สร้างบรรยากาศได้อยู่ค่ะ
กลับเข้ามาภายในห้อง เข้าไปดู Walk-in Closet และห้องน้ำกันต่อ
ภายในสามารถจัดวางตู้เสื้อผ้าได้ไม่ต่างจากบ้านหลังใหญ่
ห้องน้ำยังเข้าจากตรงกลางเหมือนเดิมจึงจัดวางสุขภัณฑ์เหมือนๆ กัน ตรงกลางวางอ่างล้างมือ ฝั่งซ้ายวางโถสุขภัณฑ์และฝั่งขวาเป็นโซนอาบน้ำ
ซึ่งภายในก็ติดตั้งชุด Rain Shower มาให้เหมือนกับบ้านหลังใหญ่ค่ะ
ออกมาจากห้องนอนใหญ่ไปดูห้องนอน 2, ห้องน้ำ 2 และห้องนอน 3 จากห้องซ้ายไปขวาต่อกันตามลำดับ
ภายในห้องนอน 2 มีขนาดพื้นที่ไม่เล็กไม่ใหญ่ ภายในสามารถวางเตียงนอนขนาด Queen Size ได้
ขนาดเตียงเหมาะสมกับขนาดพื้นที่ เหลือพื้นที่โดยรอบเตียงสามารถวางโต๊ะข้างหัวเตียง และเหลือพื้นที่ยืนแต่งตัวหน้าตู้เสื้อผ้าได้
แบบตู้เสื้อผ้าที่แนะนำผู้เขียนคิดว่าเป็นบานเลื่อนจะสะดวกและประหยัดพื้นที่มากกว่าค่ะ
ผนังฝั่งปลายเตียงจะสามารถวางชั้นวางทีวีได้ทั้งผนัง หรือจะแบ่งอีกครึ่งเพื่อวางโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้งก็เหมาะสม
ในส่วนของห้องน้ำ 2 การจัดวางจะไม่ต่างจากห้องน้ำในห้องนอน 2 และ 3 ของบ้านหลังใหญ่ค่ะ แต่สุขภัณฑ์ที่ได้อาจไม่พรีเมี่ยมเท่า ได้เป็นอ่างล้างมือแบบแขวนผนังแทน ส่วนในโซนอาบน้ำจะได้เป็นฝักบัวสายอ่อน ไม่มี Rain Shower มาให้
มาถึงห้องนอน 3 ห้องสุดท้ายกันแล้วค่ะ
ขนาดเตียงนอนที่วางได้จะเป็นขนาด 3 ฟุต ถึง 3 ฟุตครึ่งนะ
ในส่วนของปลายเตียงสามารถวางชั้นวางทีวีได้ จะเป็นพื้นที่ตรงกลางระหว่างหน้าต่าง 2 บาน
ส่วนผนังอีกฝั่งสามารถวางได้ทั้งตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งค่ะ ถึงขนาดห้องจะเล็กกว่าห้องอื่น แต่ก็ยังสามารถวางเฟอร์นิเจอร์ได้ครบ และทำให้ห้องไม่ดูอึดอัดจนเกินไปด้วย
:::: สรุปรายการวัสดุ และสิ่งที่โครงการให้ (กันยายน 2560) ::::
วัสดุโดยรวม
ห้องน้ำ และสุขาภิบาล
งานไฟฟ้า
***รายละเอียด Spec ของวัสดุ อาจมีการเปลี่ยนแปลงเป็นรุ่นที่เทียบเท่า สามารถสอบถามที่โครงการเพิ่มเติมได้ค่ะ
:::: ราคา (กันยายน 2560) ::::
แบบบ้าน SCENIC
พื้นที่ใช้สอย 288 ตรม. 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ
– แปลงมาตรฐานขนาด 59.90 ตร.วา
– ราคา 12,400,000 บาท
แบบบ้าน SํYMMETRY
พื้นที่ใช้สอย 219 ตรม. 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
– แปลงมาตรฐานขนาด 52.10 ตร.วา
– ราคา 8,990,000 บาท
แบบบ้าน SํANCTUARY
พื้นที่ใช้สอย 187 ตรม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
– แปลงมาตรฐานขนาด 50.60 ตร.วา
– ราคา 7,390,000 บาท
***ข้อมูลราคา และโปรโมชั่นอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดติดต่อสำนักงานขายเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
:::: สรุป ::::
ทำเลที่ตั้งโครงการ โครงการ H Cape Serene บางนา-สุขาภิบาล 2 ตั้งอยู่บนถนนสุขาภิบาล 2 ทางกรุงเทพฯฝั่งตะวันออก โซนฝั่งทางขวาของวงแหวนรอบนอก (ฝั่งเดียวกับสุวรรณภูมิ) ถือเป็นทำเลที่น่าสนใจของโครงการในแนวราบ เพราะเป็นทำเลที่สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบายทั้งขาเข้า-ออกเมือง เชื่อมต่อถนนใหญ่หลายสาย เข้า-ออกสนามบินสุวรรณภูมิก็ง่าย อยู่ใกล้จุดขึ้นทางด่วนมอเตอร์เวย์และทางด่วนบูรพาวิถี ใกล้รถไฟฟ้าแอร์พอร์ทลิ้งค์ มีโครงการส่วนต่อขยายเชื่อมต่อสนามบินสุวรรณภูมิ กับ สนามบินดอนเมือง และการขยายสนามบินสุวรรณภูมิขึ้นอีกเฟส ทำให้ทำเลนี้มีความคึกคักมากขึ้นเป็นพิเศษ
แถมยังล้อมรอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งห้างสรรพสินค้า, โรงพยาบาล, สถานศึกษา ไม่ว่าจะเป็น The Paseo บนเส้นลาดกระบัง MEGA และ IKEA บางนา, เซ็นทรัลบางนา, Index Living Mall, Tesco Lotus, HomePro และ Makro บนเส้นบางนา-ตราด และ Seacon Square, ตลาดนัดรถไฟ และ Paradise Park บนเส้นศรีนครินทร์ ส่วนบนถนนสุขาภิบาล 2 จะมีร้านค้า, ร้านอาหาร, ร้านสะดวกซื้อ อยู่เป็นกลุ่มก้อนซึ่งอยู่ใกล้กับตัวโครงการมากๆ ในระยะเดินเพียง 350 เมตร ฝั่งตรงข้ามกับโครงการเองก็มี Top Daily เดินข้ามถนนแล้วถึงเลย นอกจากนี้ก็จะมีตลาดสด อตก Vida Gemopolis ขับรถไป 5 นาทีก็ถึง และ โครงการป่าในกรุงอยู่ห่างจากตัวโครงการไปเพียงกิโลกว่าๆ เท่านั้น
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวในทำเลนี้ถือว่าสะดวกมากทั้งขาเข้าและขาออกเมือง เพราะถนนสุขาภิบาล 2 มีสภาพการจราจรที่คล่องตัว สามารถเชื่อมต่อไปยังถนนใหญ่ได้หลายสาย เชื่อมต่อกับถนนลาดกระบังยาวไปจนถึงอ่อนนุช, พัฒนาการ, ศรีนครินทร์ และ สุขุมวิท ใกล้จุดขึ้นมอเตอร์เวย์ (กรุงเทพ-ชลบุรี สายใหม่) เชื่อมต่อถนนพระราม 9 และทางพิเศษศรีรัช และเชื่อมต่อกับวงแหวนกาญจนาฯลงไปทางเส้นบางนา-ตราด ใกล้จุดขึ้นทางพิเศษบูรพาวิถี สามารถออกไปทางบางพลี, สมุทรปราการ,ชลบุรี หรือไปทางพระราม 2 ถือว่าเป็นทำเลชานเมืองที่อยู่ใกล้จุดเชื่อมต่อการเดินทาง สะดวกในการเชื่อมต่อกับโครงข่ายทางด่วน รวมถึงวงแหวนรอบนอก
การเดินทางโดยรถสาธารณะ โดยรวมแล้วปัจจุบันทำเลนี้จะเหมาะกับผู้ที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวมากกว่า เพราะบนถนนเส้นสุขาภิบาล 2 เองจะยังไม่มีรถประจำทางสายไหนวิ่งผ่าน ตัวโครงการนั้นอยู่ไม่ไกลจากแนวรถไฟฟ้า Airport Link สถานีที่ใกล้ที่สุดก็คือสถานีลาดกระบัง ซึ่งใช้เวลาเดินทางไปประมาณ 10 นาที อีกทั้งในอนาคตจะมีโครงการ Airport Link ส่วนต่อขยายเชื่อมสนามบินสุวรรณภูมิ และ สนามบินดอนเมือง โดยแนวเส้นทางจะต่อขยายจาก สถานีพญาไท ขนานไปกับเส้นทางรถไฟสายเหนือและสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) มาสิ้นสุดสนามบินดอนเมือง รวมถึง รถไฟฟ้าสายสีเหลืองช่วง พัฒนาการ-สำโรง วิ่งผ่านบนเส้นศรีนครินทร์ สถานีที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีศรีนุช จากโครงการใช้เวลาไปถึง 20 นาทีค่ะ
การออกแบบโครงการ และวัสดุ โครงการเป็นบ้านเดี่ยวสูง 2 ชั้น มีจำนวนทั้งหมด 250 ยูนิตบนพื้นที่ 56 ไร่เศษ การจัดผังของโครงการนั้นทำให้ตัวโครงการดูโล่งและไม่แออัด ด้วยถนนซอยที่ค่อนข้างสั้นทำให้แต่ละซอยมีบ้านเพียง 4-6 หลัง มีความเป็นส่วนตัว จะออกมาที่ถนนเมนก็ง่าย โดยรอบโครงการจะจัดพื้นที่สีเขียวเอาไว้ตลอดแนว อีกทั้งยังรักษาต้นไม้ใหญ่เดิมเอาไว้ ทำให้ภายในโครงการดูร่มรื่นและน่าอยู่ อีกทั้งหน้าบ้านยังถูกวางให้หันหน้าไปตามแกนเหนือ-ใต้ทั้งหมด ทำให้ตัวบ้านสามารถรับลมได้ดีตลอดทั้งปี
ในส่วนของตัวบ้านถูกออกแบบมาให้มีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางและเป็นพื้นที่ที่มีประสิทธิภาพในการใช้งาน ขนาดบ้านพื้นที่ใช้สอยน้อยที่สุดก็ยังสามารถทำออกมาได้ดูกว้างขวางและโปร่งโล่ง ภายในบ้านมีหน้าต่างบานใหญ่อยู่โดยรอบทำให้ตัวบ้านสว่างด้วยแสงจากธรรมชาติ อากาศภายในบ้านสามารถถ่ายเทได้ดี ทำให้ตัวบ้านเย็นสบายและไม่อับ บวกกับเพดานที่สูงโปร่ง ส่วนวัสดุและสุขภัณฑ์ที่ใช้ภายในบ้านถือว่าสวยงามและได้มาตรฐานดีค่ะ ตัวบ้านก่อด้วยอิฐมวลเบาทั้งหมด ซึ่งข้อดีก็คือจะช่วยป้องกันความร้อนเข้าสู่ตัวบ้านได้ดีมากขึ้น อีกทั้งในอนาคตหากต้องการต่อเติมบ้านก็จะสามารถทำได้ง่าย และทำให้ปัญหาการรั่วซึมของน้ำลดน้อยลงอีกด้วยเพราะขจัดปัญหาเรื่องรอยต่อออกไป โดยรอบบ้านจะลงเสาเข็มและคอนกรีตเสริมเหล็กให้ ทำให้ตัวบ้านแข็งแรงคงทนค่ะ
สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบรักษาความปลอดภัย ภายในโครงการจะมีจุดเด่นอยู่ที่ Waterfall Clubhouse ซึ่งได้แนวคิดมาจากบ้าน Falling Water House ของสถาปนิกระดับโลก ภายในมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ระบบเกลือ สามารถใช้งานได้จริง มีการแบ่งสระเด็กออกไป และมีสวนน้ำเล็กๆ เหมือน Leoland ขนาดย่อส่วนมาให้ มีฟิตเนสและห้องสมุดให้บนชั้น 2 โดยรอบ Clubhouse จัดเป็นสวนสาธารณะ มีม้านั่ง และ Jogging Track โดยรอบ อีกทั้งยังมี Oxygen Forest อยู่ท้ายโครงการ รวมๆ แล้วส่วนกลางมีพื้นที่ขนาด 5 ไร่ ถือว่าให้มาอย่างครบครัน หน้าตาก็น่าใช้งานค่ะ
ส่วนระบบรักษาความปลอดภัยจะมีตลอด 24 ชม. ตั้งแต่ซุ้มทางเข้าโครงการ มีป้อมยาม, ระบบ Access Card, รั้วไม้กระดก, Gate และกล้อง CCTV ทั้งโครงการนับว่าได้มาตรฐานที่ดีเลย
:::: คะแนน ::::
ทำเลที่ตั้งโครงการ | 7.7 | ติดถนนใหญ่ อยู่บนถนนสุขาภิบาล 2 สาธารณูปโภครองรับที่อยู่อาศัย อยู่ใกล้ทั้งทางด่วน, สนามบิน และรถไฟฟ้า Airport Link |
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว | 8.0 | สามารถเชื่อมต่อถนนใหญ่ได้หลายเส้น อีกทั้งยังอยู่ใกล้จุดขึ้นทางด่วน 2 ด่วนและใกล้วงแหวนรอบนอก |
การเดินทางโดยรถสาธารณะ | 7.0 | ยังไม่มีรถสาธารณะวิ่งผ่านหน้าโครงการ แต่อยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าแอร์พอร์ทลิ้งค์ |
บ้านและวัสดุ | 7.6 | บ้านสไตล์โมเดิร์น ฟังก์ชั่นขนาดใหญ่ ใช้งานได้สะดวก วัสดุที่ได้มามีคุณภาพดีและเหมาะสม |
สิ่งอำนวยความสะดวก | 8.2 | สิ่งอำนวยความสะดวกมีมาให้อย่างครบครัน น่าใช้งาน มีขนาดใหญ่พอเพียงต่อลูกบ้านในโครงการ |
ความคุ้มค่ากับราคา | 7.6 | โครงการเหมาะสำหรับครอบครัวขนาด 4-6 คน เดิมอาศัย หรือทำงานอยู่ใกล้เคียงกับบริเวณโครงการ หรือทำงานในเมืองแต่อยากได้ที่อยู่อาศัยที่เงียบสงบ มีความเป็นส่วนตัว แต่ก็ยังคงเดินทางได้สะดวกด้วยรถยนต์ส่วนตัว |
คะแนนรวมเฉลี่ย | 7.68 | ดี |
:::: สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ::::
CALL CENTER : 02-726-5222
WEBSITE : http://www.hcape.com/serene/
EP.2503 รีวิว ศุภาลัย พรีโม่ อนุสาวรีย์ฯ ภูเก็ต / Supalai Primo Thep Kasatri & Sri Sunthon Heroines Monument Phuket ทาวน์โฮมและบ้านแฝดดีไซน์ใหม่ วัสดุประหยัดพลังงาน บนทำเลศักยภาพ ถนนเทพกระษัตรี ใกล้ Robinson ถลาง เพียง 1.2 กม.* เริ่ม 3.39 ล้านบาท*
EP.2502 รีวิว บ้านลลิล รังสิต-คลอง 2 Baan Lalin Rangsit-Klong 2 บ้านหรู 5 ห้องนอน ดีไซน์ฝรั่งเศส ใกล้ Future Park ทางด่วน และรถไฟฟ้า 2 สาย เริ่ม 3.89-7 ล้านบาท* Written by : Nan Kanyaratthp สวัสดีเพื่อน ๆ
EP.2501 รีวิว ไซมิส บลอสซั่ม พหลฯ-วิภาวดี / Siamese Blossom Phahol-Vibhavadi บ้านแฝดและทาวน์โฮมอิสระ สไตล์ Modern Tropical ทำเลดี ติดถนนพหลโยธิน ใกล้รถไฟฟ้าสายสีแดง และ Future Park รังสิต เริ่ม 2.99 ล้าน* Written by : Pure Thitapa สวัสดีค่ะ เพื่อน
EP.2500 รีวิว ศุภาลัย ไพร์ด วงแหวน-พระราม 2 / Supalai Pride Wongwaen-Rama 2 บ้านเดี่ยว, บ้านแฝด และทาวน์โฮมซีรีส์ใหม่สไตล์ Tropical Modern ทำเลดี ใกล้ถนนพระราม 2 และทางด่วนใหม่ เริ่ม 2.29-6 ล้านบาท* Written by : Pure Thitapa สวัสดีค่า คุณผู้อ่านทุกคน
EP.2499 รีวิว นารา โบทานิค ราชพฤกษ์-345 Nara Botanic Ratchaphruek-345 บ้านเดี่ยวหรู สไตล์ Modern Luxury ใจกลางธรรมชาติ วิวทะเลสาบ ติดถนนใหญ่ราชพฤกษ์ ราคาเริ่ม 6.9 ล้านบาท* Written by : Nin Yanin สวัสดีค่า วันนี้ทีมงาน Homenayoo พามาชมโครงการ Nara Botanic ราชพฤกษ์-345 จาก Narai Property ที่ตั้งโครงการอยู่บนทำเลศักยภาพ ติดถนนราชพฤกษ์
EP.2498 รีวิว เศรษฐสิริ งามวงศ์วาน Setthasiri Ngamwongwan บ้านเดี่ยวหรู สไตล์ Georgian ใกล้ทางด่วน เพียง 2 นาที* และ The Mall งามวงศ์วาน เริ่มต้น 18-40 ล้านบาท* Written by : Nin Yanin สวัสดีค่ะ วันนี้ทีมงาน Homenayoo พาคุณผู้อ่านมาชมโครงการ เศรษฐสิริ งามวงศ์วาน บ้านเดี่ยวหรู
EP.2497 รีวิว ศุภาลัย แกรนด์ เอสเซ้นส์ อรุณอมรินทร์ Supalai Grand Essence Arun-Amarin บ้านหรูกลางเมือง 3.5 ชั้น พร้อม Double Space เอกสิทธิ์เพียง 36 ครอบครัว ใกล้ ICONSIAM ทางด่วน และรถไฟฟ้า 3 สาย เริ่ม 22.9-40 ล้านบาท* Written by
EP.2496 รีวิว เดอะ แกรนด์ ปิ่นเกล้า-วงแหวนกาญจนา The Grand Pinklao-Wongwaen Kanchana บ้านเดี่ยวหรูสไตล์ Modern European พร้อม Pool Villa สระว่ายน้ำส่วนตัวทุกหลัง เพียง 39 ครอบครัวเท่านั้น ทำเลดีติดถนนใหญ่ ใกล้ทางด่วน และรถไฟฟ้า MRT ราคาเริ่มต้น 30-70 ล้าน* Written by : Nan
EP.2495 รีวิว บารานี บลิซ รังสิต-วงแหวน / Baranee Bliss Rangsit-Wongwaen บ้านเดี่ยวสไตล์ Modern British Luxury ทำเลศักยภาพ ติด ถ.รังสิต-นครนายก ใกล้วงแหวนกาญจนาภิเษก เอกสิทธิ์เพียง 87 ครอบครัว เริ่ม 8-17 ล้านบาท* Written by : Pure Thitapa สวัสดีคุณผู้อ่านทุกคนค่ะ วันนี้
EP.2494 รีวิว ศุภาลัย พาร์ควิลล์ กาญจนาภิเษก-ซ.กันตนา Supalai Park Ville Kanchanapisek-Soi Kantana บ้านเดี่ยว 2 ชั้น สไตล์ Tropical ใกล้ Central Westgate เริ่ม 5.69 ล้านบาท* Written by : Nin Yanin สวัสดีค่า วันนี้ทีมงาน Homenayoo พาคุณผู้อ่านมาชมโครงการ Supalai Park
แสดงความคิดเห็น