ชื่อโครงการ
คอนโด เดอะ ลุมพินี 24 / THE LUMPINI 24
เจ้าของโครงการ
ลุมพินี – LPN Development
ลักษณะห้องและขนาดห้อง
– 1 Bed / 26.00 – 99.50 ตร.ม.
– 2 Bed / 53.50 – 109.00 ตร.ม.
– 3 Bed / 124.00 – 164.00 ตร.ม.
เนื้อที่ทั้งหมด
3 ไร่ 2 งาน 22.50 ตร.ว.
จำนวนตึก
2 อาคาร
จำนวนชั้น
46 ชั้น เป็นที่พักอาศัย
8 ชั้น เป็นอาคารจอดรถชั้น 1-6 / Penthouse ชั้น 7-8
จำนวนห้อง
402 ยูนิต
ที่จอดรถทั้งหมด
ประมาณ 290 คัน หรือคิดเป็น 70%
จำนวนลิฟต์
ลิฟท์ 4 ตัว / ลิฟท์ขนของ 1 ตัว
โซน
สุขุมวิทช่วงต้น 1-24, นานา , อโศก
ขนส่งสาธารณะ
รถไฟฟ้า BTS พร้อมพงษ์
รถโดยสารที่ผ่าน
ไม่มีรถประจำทางผ่าน
ที่ตั้ง
ซอยสุขุมวิท 24 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร
กำหนดการ
เริ่มก่อสร้าง ม.ค. 2557
ปีที่สร้างเสร็จ
คาดว่าแล้วเสร็จ ธ.ค. 2558
ราคา
เริ่มต้น 5.735 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม
เริ่มต้น 200,000 บาท/ตร.ม.
ค่าส่วนกลางและกองทุน
ค่าส่วนกลาง 70 บาท/ตร.ม./เดือน
ค่ากองทุน 1,000 บาท/ตร.ม. ชำระครั้งเดียว ณ วันโอน
สถานที่สำคัญใกล้เคียง
รพ.เทพธารินทร์ 1.6 กม.
Tesco Lotus 800 ม.
BigC 650 ม.
ตลาดสดท่าเรือคลองเตย 2.1 กม.
K Village 450 ม.
ม.กรุงเทพฯ 2.8 กม.
Major เอกมัย 2.7 กม.
Gateway เอกมัย 4.2 กม.
Fifty Fifth Plaza 3.1 กม.
Emporium 850 ม.
EmQuatier 1.9 กม.
Terminal21 2.9 กม.
สวนเบญจสิริ 1.2 กม.
สวนเบญจกิตติ 2.5 กม.
ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต 2.1 กม.
สิ่งอำนวยความสะดวก
– สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, ซาวน่า
– รปภ., กล้องวงจรปิดโครงการ, ประตู Key Card
– สตรีม, สวนหย่อม
– ห้องสมุด
– อื่นๆ (อาคารจอดรถ, ล็อบบี้, สนามเด็กเล่น)
จุดเด่นของโครงการ
The Lumpimi 24 คอนโดมิเนียม 46 ชั้น ระดับ Exclusive ที่มอบความหมายแห่งชีวิตเมือง ในแบบที่คุณค้นหา โดดเด่นด้วย Landmark สัญลักษณ์แห่งความมีระดับใจกลางสุขุมวิท 24 สัมผัสแหล่งรวมเทรนด์ ล่าสุด สีสันของกรุงเทพฯ
ที่ให้คุณ กิน เที่ยว ช็อป ดื่ม ได้อย่างไร้ขีดจำกัดสัมผัสบรรยากาศแห่งความหรูหรา ด้วยการออกแบบสไตล์ Modern Luxury ที่ลงตัวในทุกองศาทั้งภายในและภายนอก ให้ความรู้สึกของ “บ้าน”ที่สมบูรณ์แบบพร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่กับกลิ่นอายสีสันของกรุงเทพมหานครฯ ตลอด 24 ชั่วโมง
ต้อนรับคุณด้วยความสดชื่น ที่มาพร้อมกับร่มเงาแห่งธรรมชาติ ให้คุณเลือกพักผ่อนในพื้นที่ส่วนกลาง ที่ออกแบบม่เพื่อการอยู่ร่วมกัน ดูแลห่วงใยและแบ่งปัน ทั้ง Sky Lounge, Lobby และสวนสวนภายในโครงการที่ไม่ว่าช่วงเวลาไหนคุณก็จะมีอิสระไร้ขอบเขต
คอนโด BTS พร้อมพงษ์ / คอนโดติดรถไฟฟ้า BTS พร้อมพงษ์
คอนโดใกล้ BTS พร้อมพงษ์
ซอยสุขุมวิท 24
ซอยสุขุมวิท 26 และสุขุมวิท 30/1
ซอยสุขุมวิท 28
ซอยสุขุมวิท 39
ซอยสุขุมวิท 41, สุขุมวิท 43 และสุขุมวิท 47
ซอยสุขุมวิท 31 และสุขุมวิท 33
ที่ตั้งโครงการ
ซอยสุขุมวิท 24 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร
พิกัด : 13.722476, 100.566799
แผนที่จากทางโครงการ จะเห็นว่าตัวโครงการตั้งอยู่บนพื้นที่แปลงมุม ติดถนนซอยสุขุมวิท 24 จุดสังเกตุเมื่อมาจากฝั่งถนนสุขุมวิทคือโรงแรม The Davis Bangkok ค่ะ
โครงการ The Lumpini 24 ตั้งอยู่ในย่านพร้อมพงษ์ ในซอยสุขุมวิท 24 ตามชื่อโครงการเลยค่ะ โดยจะมีระยะทางจากปากซอยสุขุมวิท 24 เข้ามาประมาณ 900 เมตร ซึ่งอยู่ในย่าน CBD และซอยนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นซอยสุขุมวิทฝั่งเลขคู่ที่ Hot มานมนานเนื่องจากหน้าปากซอยเป็นที่ตั้งของห้างเก่าแก่อย่าง The Emporium และยังเชื่อมกับสถานี BTS พร้อมพงษ์ได้ไม่ไกล บวกกับที่ล่าสุดเพิ่งจะมีห้าง Emquatier และ ผนวกกันเป็น Emdistrict จึงไม่แปลกที่ราคาที่ดินจะสูงขึ้นๆอย่างต่อเนื่อง และมีการลงทุนของคอนโดตึกสูงที่เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มคอนโดที่ค่อนข้างมีสไตล์ ไม่เหมือนคอนโดตลาดทั่วๆไป ซึ่ง LPN ก็มองเห็นตรงนี้และได้จับมาทำโครงการหรูตัวแรกในแบรนด์ ที่มีรูปร่างหน้าตาผิดจากโครงการอื่นๆที่จะเป็นแท่งๆเหลี่ยมๆธรรมดา
ซอยนี้จะเป็นซอยที่มีคนต่างชาติอยู่เยอะ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น ส่วนบรรยากาศในซอยจะประกอบไปด้วย คอนโด, อพาร์ทเมนท์และโรงแรมค่อนข้างเยอะ ส่วนใหญ่จะป็นตึกสูงๆกันเกือบหมด นอกจากนั้นก็จะแทรกด้วยบ้านคนที่มีมาแต่ดั้งเดิมบ้างประปรายค่ะ
การเดินทางด้วยรถสาธารณะ ถือว่าสะดวก โดยการใช้รถไฟฟ้า BTS สถานีพร้อมพงษ์ ที่อยู่หน้าปากซอยสุขุมวิท 24 โดยเราลองวัดระยะทางจากทางลงสถานีมาถึงตัวโครงการก็ประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะที่แอบไกลไปหน่อยแต่ถ้าใครอยากจะเดินก็พอได้อยู่ ถือว่าเป็นการออกกำลังกายในวันที่ไม่รีบร้อน หรือถ้าใครขี้เกียจก็มีพี่วินให้บริการอยู่ที่หน้าปากซอยและบริเวณแยกหน้าโครงการค่ะ หรือถ้าจะเรียกพี่ Taxi ก็มีวิ่งผ่านหน้าโครงการตลอดไปขาดแคลน ส่วนรถประจำทางก็มีอยู่หน้าปากซอยทั้งฝั่งถนนสุขุมวิทและฝั่งถนนพระราม 4 ค่ะ
ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว มีความสะดวกสบายแน่นอน เพราะซอยสุขุมวิท 24 เป็นซอยที่เชื่อมถนนสุขุมวิทและถนนพระราม 4 ได้ นอกจากนั้นยังมีซอยย่อยบริเวณแยกแถวๆหน้าโครงการคือซอยเศรษฐีทวีทรัพย์และซอยอรรถกระวี โดยซอยเศรษฐีทวีทรัพย์จะสามารถเชื่อมกับซอยสุขุมวิท 16 ใช้วิ่งไปออกถนนรัชดาภิเษกบริเวณใกล้ๆแยกอโศกได้ และซอยอรรถกระวีสามารถจากถนนพระราม 4 มาโครงการได้ แต่มีข้อเสียอยู่นิดนึงคือซอยย่อยทั้งสองซอยสามารถเดินรถไก้ทางเดียวคือจากถนนพระราม 4 มุ่งหน้าซอยสุขุมวิท 16 คือพูดง่ายๆว่าเราก็จะมีทางลัดนิดๆหน่อยๆให้ได้พอเลือกใช้งานกันสองทางค่ะ ถึงแม้ว่าการเดินทางจะค่อนข้างสะดวกแต่ก็ต้องอดทนกับสภาพการจราจรนิดนึง เพราะแถวนี้รถค่อนข้างติดมาก โดยเฉพาะฝั่งเลขคู่นี่เรียกได้ว่าติดเป็นกิจวัตรโดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วนช่วงต้นซอยจะติดสุดๆเลยค่ะ
ถึงแม้จะเป็นทำเลกลางเมืองที่การเดินทางสะดวกทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถสาธารณะ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียเลยนะ จากที่บอกข้างต้นว่าการจราจรแถวนี้ค่อนข้างหนาแน่น ทำให้บางทีที่อยากจะออกนอกเมืองก็อยากจะหาทางเลี่ยงรถติดอย่างการใช้ทางด่วนบ้างซึ่งจุดขึ้นทางด่วนรอบๆก็มีให้เลือกมากมายค่ะ แต่ข้อเสียคือเข้าถึงค่อนข้างยากหน่อย ด้วยระยะทางอาจจะดูไม่ไกลเท่าไหร่ แต่ถ้าต้องฝ่ารถติดไปขึ้นนี่ก็เสียเวลาพอสมควรเหมือนกันค่ะ
โดยจุดขึ้นทางด่วนที่ใกล้โครงการที่สุดจะเป็นจุดขึ้นทางด่วนเฉลิมมหานครฝั่งมุ่งหน้าเข้าเมืองค่ะ โดยจะมีระยะห่างจากโครงการประมาณ 1.9 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 นาที
ส่วนจุดขึ้นทางด่วนเฉลิมมหานครฝั่งมุ่งหน้าไปบางนา – ตราด จะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 2.7 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาทีค่ะ
ความอุดมสมบูรณ์ของโครงการถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์อยู่พอตัวสมกับเป็นย่านที่มีที่พักอาศัยอยู่เยอะค่ะ โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นร้านอาหารแบบค่อนข้างดูดีมีราคานิดนึง ที่ใกล้กับโครงการก็จะเป็น La montee ร้านเบเกอรี่สไตล์ฝรั่งเศส, 24th Avenue ด้านในมีทั้งสปาและร้านอาหารหลากหลายร้าน, The Davis Hotel, True Coffee และ Lawson ที่ตึก Emporio Place ไกลออกไปหน่อยบนซอยข้างเคียงก็จะมี K Village , A Square ส่วนร้านค้าประเภท Hyper Market ที่ใกล้ที่สุดจะอยู่ทางฝั่งถนนพระราม 4 มี BigC และ Tesco Lotus ค่ะ
และห้างใหญ่ๆก็จะหนีไม่พ้นแก็งค์ห้างหรู The District Em ประกอบด้วย The Emporium, EmQuatier และ Emsphere ค่ะ นอกจากนั้นยังมีสวนเบญจสิริเป็นสวนสาธารณะที่ใกล้ที่สุด สามารถมาออกกำลังกายได้ในวันหยุดค่ะ
การเดินทาง
การเดินทางวันนี้เราจะเริ่มต้นกันที่สถานีรถไฟฟ้า BTS พร้อมพงษ์ เดินตรงไปตามซอยสุขุมวิท 24 ประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะถึงโครงการค่ะ
เริ่มต้นที่ BTS พร้อมพงษ์ เดินไปออกที่ทางออก 4 ค่ะ
จากแผนที่ที่อยู่บนสถานีจะช่วยให้เราเห็นทิศทางที่ชัดเจนมากขึ้น
ลงมาจากตัวสถานีแล้วลองมองย้อนกลับขึ้นไปสักหน่อย
ซึ่งตรงนี้ถ้าเราเดินย้อนไปทางด้านหลังบันไดจะมุ่งหน้าไปทางซอยสุขุมวิท 26 นะคะ
เรามาเริ่มเดินไปโครงการกันเลยดีกว่าค่ะ ลุยย ลงมาจากตัวสถานีก็จะเจอฟุตบาทที่มักจะมีผู้คนพลุกพล่านและมีร้านอาหารข้างทางขายอยู่ตลอด โดยเฉพาะช่วงเช้าและเย็นค่ะ
เดินมาถึงปากซอยสุขุมวิท 24 จะเจอร้าน Naraya ที่เป็นที่นิยมมากในชาวต่างชาติค่ะ
หน้าปากซอยเป็นถนนสุขุมวิทมุ่งหน้าอโศก, รัชดา
มีพี่วินคอยให้บริการอยู่ที่หน้าปากซอยเลยค่ะ ใครเดินมาจาก BTS และไม่อยากเดินต่อแล้วก็สามารถใช้บริการพี่เค้าได้นะ
ค่าโดยสารของพี่วินเค้าค่ะ
เดินต่อมาในซอยบรรยากาศก็จะเป็นอาคารพาณิชย์ มีร้านรวงต่างๆที่มีป้ายเป็นภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่นเต็มไปหมด ส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารและสปามีตั้งแต่ร้านขนาดเล็กถึงขนาดกลางๆ
มีทางเข้าห้าง The Emporiumจากในซอยนี้เลยด้วยค่ะ ทั้งทางเข้าแบบเดินเข้าห้างปกติ
และทางเข้าที่จอดรถ
เดินเข้ามาอีกหน่อยจะเห็นซอยย่อยทางซ้ายมือ
ภายในซอยก็จะเป็นร้านอาหาร สปาหลายร้านค่ะ
บรรยากาศช่วงต้นซอยแบบรวมๆค่ะ มีร้านเสริมสวย, สปา, ร้านอาหาร, ร้านตัดสูทเป็นต้น
เราเดินตามทางในซอยมาเรื่อยๆค่ะ ฝั่งซ้ายของซอยจะมีฟุตบาทให้เราเดินได้สบายกว่าฝั่งขวา ตอนนี้เราเดินผ่านร้าน Lemongrass ร้านอาหารไทยดั้งเดิมเปิดมานานมากแล้ว รสชาติดีค่ะ
ถัดมาเป็น
ติดกันเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นและสปา
เราเดินกันต่อไปเรื่อยๆค่ะ แอบร้อนนิดนึงเพราะไม่ค่อยมีต้นไม้เท่าไหร่
นอกจากร้านอาหาร สปาและคอนโดตึกสูงต่างๆแล้วก็ยังมีที่ดินบางแปลงที่ยังคงเป็นบ้านเดี่ยวของเจ้าของดั้งเดิมอยู่ด้วยค่ะ
ถัดมาเป็นโรงแรม Hilton สุขุมวิท
และโรงแรม Oakwood Residence
เดินต่อมาเรื่อยๆ
ผ่าน Siri Residence คอนโดมิเนียมสูง 32 ชั้น
ฝั่งตรงข้ามเป็นโรงแรม Ariston Bangkok
เราเดินมาเรื่อยๆจะผ่านร้านเสริมสวย
Premier Condominium สูง 12 ชั้น
ด้านล่าง Premier Condominium มีโรงพยาบาลสัตว์ Pet and Vet ไว้ให้บริการด้วยค่ะ
ฝั่งตรงข้ามเป็น Grandville House คอนโด สูง 13 ชั้น
เดินมาเรื่อยๆผ่าน 7 – 11 จุดแรก
และโรงแรม Hope Land
ฝั่งตรงข้ามมีร้านซักรีด สปา และอื่นๆ
ถัดมาเป็นสำนักงานขายของ Century 21
ด้านหลังเป็น Asa Garden อพาร์ทเมนท์ สูง 18 ชั้น
เรายังเดินกันต่อมาเรื่อยๆ
ผ่านซอยเมธีนิเวศน์
ซอยนี้เราสามารถขับทะลุไปออกถนนสุขุมวิท บริเวณข้าง The Emporium ได้
เดินต่อมาเรื่อยๆผ่าน Baan Siri Twentyfour คอนโดของแสนสิริ สูงประมาณ 33 ชั้น
ผ่านร้าน La Piazza ร้านพิซซ่าเพิ่งเปิดไม่นาน เป็นร้านสไตล์อิตาเลียนค่ะ
ถัดจากตรงนี้ไปเราจะเริ่มเห็นแก็งค์ตึกสูงทั้งคอนโดและอพาร์ทเมนท์
ตึกแรกเลยคือ Le Raffine คอนโดสูง 30 ชั้น
ถัดไปเป็นคอนโดกรุงเทพธานี, Grand Sethiwan และโรงแรม Marriott
เดินมาเรื่อยๆผ่านสหายเพลส ที่ด้านล่างจะมี 7 – 11 ด้วยค่ะ
ที่ว่างระหว่าง กรุงเทพธานีกับ Grand Sethiwan จะเป็นทางเข้าของโครงการ Park 24 โดยพราวด์ เรียลเอสเตสค่ะ
เราเดินต่อมาเรื่อยๆผ่านร้าน Seafood Market & Restaurant
ฝั่งตรงข้ามเป็น Bright Condominium สูง 36 ชั้น
เดินต่อมาเรื่อยๆ ผ่าน Ideal 24 Condominium สูง 41 ชั้น
ถัดมาอีกหน่อยใกล้ถึงตัวโครงการแล้ว เราจะต้องผ่าน Emporio Place และ The Bangkok Residence
Emporio Place ทางซ้ายมือมีทั้งหมด 3 อาคาร สูง 12, 35 และ42 ชั้น และเป็นที่ตั้งของสำนักงานขาย The Lumpini 24 ด้วยค่ะ
ด้านล่างมี Lawson 108 ที่เริ่มหาได้ยากแล้วด้วยย
โดยที่ตั้งของสำนักงานขายจะเป็นอาคารสูง 12 ชั้น ด้านล่างเป็น True Coffee ค่ะ
สำนักงานขายจะอยู่ที่ชั้น 2 บน True Coffee นะคะ
บรรยากาศภายในสำนักงานขาย
มีที่นั่งรับรอง 2 – 3 ชุดค่ะ
อีกด้านเป็น The Bangkok Residence
ถัดมาเป็น Mahogany Tower
ฝั่งตรงข้าม Mahogany Tower จะเป็นที่ตั้งของโครงการแล้วค่ะ
ถึงโครงการ The Lumpini 24 ที่เราจะมาดูกันวันนี้แล้วค่ะ
โดยที่ตั้งของโครงการจะอยู่บริเวณแยกโรมแรม Davis Bangkok มองจากตรงนี้ไปเราก็จะเห็น Presidence Park และถนนเส้นนี้ถ้าเราตรงไปจะสามารถไปออกถนนพระราม 4 ได้ค่ะ
ส่วนซอยทางขวาจะออกไปซอยอรรถกระวี
ส่วนซอยทางขวาจะเป็นซอยเศรษฐีทวีทรัพย์
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว
การเดินทางโดยรถยนต์วันนี้เราจะเริ่มเดินทางจากปากซอยสวนพลู วิ่งไปบนถนนสาทรใต้ผ่านแยกพระราม 4 แล้วเลี้ยวขวาวิ่งไปบนถนนพระราม 4 ตรงไปเรื่อยๆจนถึงซอยสุขุมวิท 24 แล้วเข้าซอยไปประมาณ 350 เมตร ก็จะถึงที่ตั้งโครงการแล้วค่ะ
สรุปการเดินทาง : ซอยสวนพลู > ถนนสาทรใต้ > แยกวิทยุ > แยกพระราม 4 > ถนนพระราม 4 > ซอยสุขุมวิท 24 > The Lumpini 24
เริ่มจากปากซอยสวนพลู ออกถนนสาทรใต้
ออกมาบนถนนสาทรใต้แล้วชิดขวาเพื่อเตรียมตัวกลับรถไปสาทรใต้ฝั่งมุ่งหน้าถนนวิทยุ
กลับรถที่จุดกลับรถ
กลับรถมาแล้วก็ตรงไปค่ะ
ผ่านตึก Bangkok Insurance
ตรงมาเรื่อยๆจะถึงแยกวิทยุ ถ้าเลี้ยวซ้ายจะสามารถไปหัวลำโพง, ศาลาแดง แต่เราจะตรงไปและเลี้ยวขวาข้ามแยกเพื่อเข้าถนนพระราม 4 ผ่านตึก Q House และ Life Center
สะพานที่พาดผ่านแยกที่เราเห็นด้านบนคือสะพานไทย – เบลเยี่ยม
ผ่านแยกเราเลี้ยวขวา
ตอนนี้เราก็อยู่บนถนนพระราม 4 แล้วค่ะ วิ่งผ่าน Mrt ลุมพินีทางซ้ายมือ
ตึกสูงๆที่เราเห็นด้านหน้าคือลุมพินี ทาวน์เวอร์
ตรงมาเรื่อยๆจะถึงแยกสำหรับขึ้นทางด่วน โดยถ้าเราเบี่ยงออกซ้ายจะไปขึ้นทางด่วนเฉลิมมหานครที่ด่านเก็บเงินพระราม 4 สามารถไปจตุจักร, ดอนเมือง และยังไปเชื่อมกับทางด่วนศรีรัช ใช้มุ่งหน้าไป Motor Way ออกนอกเมืองได้ค่ะ
เราตรงผ่านแยกไปโลดด
พ้นแยกมานิดเดียวก็จะเห็น Mrt คลองเตย ทางซ้ายมือ
ตรงมาอีกหน่อยจะเจอแยกที่เราสามารถเลี้ยวขวาไปถนนสุนทรโกษาได้ค่ะ
ผ่านแยกพระราม 4 สามารถเลี้ยวซ้ายเพื่อไปถนนรัชดาภิเษกได้ค่ะ
เรายังคงตรงต่อไป
ผ่านซอยไผ่สิงห์โตทางซ้ายมือ ซอยนี้สามารถเชื่อมกับซอยสุขุมวิท 16 วิ่งทะลุไปถนนรัชดาภิเษกช่วงใกล้ๆแยกอโศกได้ด้วย เผื่อไว้ใช้เป็นทางหนีทีไล่เวลารถติดค่ะ ส่วนขวามือฝั่งตรงข้ามเป็นตลาดสดคลองเตยที่มีของขายทุกอย่างตั้งแต่ของสดสำหรับทำกับข้าวไปจนถึงขนมนมเนย
ตรงไปเรื่อยๆผ่านซอยสุขุมวิท 22 ที่สามารถไปเชื่อมกับซอยสุขุมวิท 16 และ 24 ใช้เป็นทางลัดไปออกถนนรัชดาภิเษกและถนนสุขุมวิทได้
ขับตรงมาอีกหน่อยก็ถึงซอยสุขุมวิท 24 หน้าปากซอยเป็นปั๊ม Esso
เข้ามาในซอยจะเห็น Millennium Auto ทางซ้ายมือ
ตรงตามทางมาเรื่อยๆผ่านสามแยกซ้ายมือจะไปเชื่อมกับสุขุมวิท 22 ส่วนเราตรงไปค่ะ
ผ่านแยกมาอีกหน่อยเดียวก็ถึงแยกโรงแรม Davis จากตรงนี้เราก็จะเห็นโครงการแล้วค่าา
ถนนและแยกสำคัญใกล้ๆโครงการ
แยกพระราม 4 3.2 กม.
แยกระนอง 1.9 กม.
แยกศุลกากร 1 กม.
แยกอโศก 1.8 กม.
แยกเอกมัย – สุขุมวิท 3.5 กม.
ถนนสุขุมวิท 950 ม.
ถนนพระราม 4 350 ม.
สถานที่สำคัญรอบๆโครงการ เช่น
รพ.เทพธารินทร์ 1.6 กม.
Tesco Lotus 800 ม.
BigC 650 ม.
ตลาดสดท่าเรือคลองเตย 2.1 กม.
K Village 450 ม.
ม.กรุงเทพฯ 2.8 กม.
Major เอกมัย 2.7 กม.
Gateway เอกมัย 4.2 กม.
Fifty Fifth Plaza 3.1 กม.
Emporium 850 ม.
EmQuatier 1.9 กม.
Terminal21 2.9 กม.
สวนเบญจสิริ 1.2 กม.
สวนเบญจกิตติ 2.5 กม.
ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต 2.1 กม.
ตัวโครงการ
โครงการ The Lumpini 24 เป็นโครงการคอนโด High Rise ที่ทาง Developper คือ LPN ทำให้แตกต่างจากคอนโดรุ่นอื่นๆที่ผ่านมา โดยตั้งใจจะทำให้เป็น Landmark ของย่านนี้ ยกระดับให้เป็นคอนโดที่ดูหรูหรา และมีดีไซน์ที่มากกว่าแท่งเหลี่ยมแบบเดิมๆ ออกแบบโดยบริษัทออกแบบอันดับต้นๆของไทยคือ A49 โดยที่ยังคงสโลแกน สังคมคุณภาพ เอาไว้ด้วยค่ะ ตัวโครงการแบ่งเป็น 2 ส่วนคืออาคารหลัก สูง 46 ชั้น 1 อาคาร จำนวนยูนิตพักอาศัย 402 ยูนิต และส่วน Penthouse จะอยู่บนอาคารจอดรถชั้น 7 – 8 มีจำนวนยูนิตพักอาศัย ประมาณ 9 ยูนิต โดยส่วนอาคารหลักและส่วน Penthouse จะแยกส่วนกลางกันชัดเจนค่ะ โดยตัวอาคารหลักจะมีส่วน Facilities อยู่ที่ชั้น 1, 2, 41 และ 42 และตัว Penthouse จะมีส่วนกลางอยู่บนชั้นดาดฟ้า เป็นสวนสไตล์ Zen และสระว่ายน้ำ ซึ่งรายละเอียดเราจะค่อยๆอธิบายพร้อมรูปภาพกันไปทีละส่วนๆนะคะ รวมยูนิตพักอาศัยทั้งโครงการเป็น 411 ยูนิต บนพื้นที่โครงการรวมประมาณ 3 ไร่ ค่ะ
เนื่องจากบริเวณรอบๆโครงการห้อมล้อมไปด้วยตึกสูงจึงอาจจะมีผลกระทบในเรื่องของวิวอยู่บ้าง ทางโครงการเค้าเลยทำผังบริเวณมาให้ดูกันแบบไม่กั๊กเลยค่ะ ว่าด้านไหนของตึกจะมีโอกาสโดนบังวิวบ้าง จากผังเราจะเห็นว่าอาคารสูงๆส่วนใหญ่จะอยู่ทางทิศเหนือ, ใต้ และมีทางทิศตะวันตกบางส่วนถ้าเราวิเคราะห์จากผังก็จะสรุปได้คร่าวๆว่าในอาคารหลัก ห้องพักทางฝั่งทิศเหนือตั้งแต่ชั้น 3 – 26 จะถูกบังวิวจากอาคาร The Residence Bangkok แน่นอน ส่วนทางทิศะวันออกเฉียงเหนือก็จะถูกบังจาก The Emporio และตึก Mahogany Tower ได้ในชั้น 3 – 44 แต่เนื่องจากไม่ได้อยู่ใกล้โครงการเท่า The Residence จึงอึดอัดน้อยกว่าหน่อย สำหรับทิศใต้จะถูกบังวิวจาก The Residence Park ในชั้น 3 – 39 แต่ไม่อึดอัดเท่าไหร่เพราะมีระยะห่างจากตัวโครงการพอสมควรค่ะ
ส่วนทิศที่น่าจะได้วิวดีๆมากกว่าใครเพื่อนน่าจะเป็นทิศตะวันตกเพราะไม่มีอาคารสูงในระยะใกล้เท่าไหร่ ยกเว้นในชั้น 3 – 8 ที่อาจจะเปิดมาจ๊ะเอ๋กับอาคารจอดรถได้ค่ะ
การวางตัวห้องพักจะวางไว้ทุกทิศเลยค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะวางทางทิศตะวันตกและตะวันออกที่เป็นส่วนโค้งของอาคาร ซึ่งถ้าพูดถึงความร้อนและแดดทั้งทิศตะวันออกและวันตกจะได้รับพอๆกันแต่จะแตกต่างไปตามช่วงเวลาเท่านั้นค่ะ
เพื่อให้เรามองเห็นภาพรวมของโครงการ เราจะมาดูตัวโมเดลกันก่อนค่ะ เริ่มจากตัวอาคารในโครงการจะแบ่งเป็นอาคารหลักด้านหน้าและอาคารจอดรถด้านหลัง
ทางเข้าหลักของโครงการจะอยู่ด้านหน้าติดถนนสุขุมวิท 24 ส่วนอีกด้านของโครงการจะวางขนานไปกับซอยเศรษฐีทวีทรัพย์ ซึ่งพื้นที่ฟุตบาทด้านนี้จะถูกจัดเป็นสวนหย่อมสำหรับนั่งพัก ลงต้นไม้และจัดบ่อน้ำเล็กๆไว้ให้ดูร่มรื่น หรือเป็นฟุตบาทที่มีทางเดินค่อนข้างกว้างเดินได้สะดวกค่ะ
ชั้นบนสุดของอาคารจอดรถเป็น Penthouse มีประมาณ 9 ยูนิต
เส้นทางการเดินรถภายในโครงการจะใช้ถนนเส้นสั้นๆ ต่อมาจากทางเข้าหลักวิ่งลัดข้างอาคารแล้วมาเข้าที่จอดรถด้านหลังอาคารหลักแบบนี้ค่ะ
ส่วนที่ยื่นออกมาบนชั้น 41 ทีเราเห็นกันอยู่นี้คือส่วนของสระว่ายน้ำ Sky Pool
ผังรวมโครงการ
ทางเข้าหลักของโครงการจากถนนสุขุมวิท 24 เข้ามาจะเจอกับป้อมรปภ.
ก่อนจะเข้าไปดูด้านในอาคารเราจะไปเดินดูรอบๆอาคารกันก่อนนะคะ เริ่มจากผ่านส่วนป้อมรปภ.ไปเพื่อเข้าไปดูอาคารจอดรถ โดยระบบคัดกรองลูกบ้านของที่นี่จะมี CCTV ที่ทางเข้าออกฝั่งละ 1 ตัว และใช้เป็นระบบ Key Card Access ระยะใกล้ แตะแล้วรั้วกั้นก็จะกระดกให้เราผ่านเข้าไปได้ค่ะ
ผ่านป้อม รปภ.เข้ามาแล้วจะเป็นถนนเส้นสั้นๆนำไปยังอาคารจอดรถด้านหลัง บรรยากาศตรงนี้ทำไว้ร่มรื่นดีค่ะ ด้วยรั้วที่ใช้ต้นไม้มาบังตัวกำแพงจริงๆไว้ ทำให้รู้สึกสดชื่นเขียวชอุ่มดีค่ะ
ทางเข้าและออกของอาคารจอดรถ
ตรงเข้ามาเรื่อยๆจะเจออาคารจอดรถออกแบบมารับกับตัวอาคารหลักดีค่ะ
ที่จอดรถจำกัดความสูง 2.10 เมตร เข้าทางซ้ายออกทางขวานะ
เข้ามาด้านในที่จอดรถแล้วจะเห็นลูกศรบอกทางทิศทางได้แบบชัดเจน สำหรับรถขาเข้าสามารถตรงไปหรือเลี้ยวซ้ายได้
ถ้าเลี้ยวซ้ายเข้ามาก็จะเจอกับที่จอดรถแบบนี้
ที่จอดรถแต่ละบล็อคจะจอดรถได้ 3 คัน
เข้ามาด้านในตรงนี้ก็จะเป็นที่จอดรถยนต์ แต่ที่เห็นมีรถมอเตอร์ไซค์จอดอยู่เยอะๆนี่เป็นของพนักงาน จอดไว้ชั่วคราวค่ะ
เดินมาสุดทางจะเจอกับโถงลิฟท์ โดยลิฟท์ตัวซ้ายมือจะเป็นลิฟท์สำหรับขึ้นลงที่จอดรถ ส่วนลิฟท์ทางขวามือจะเป็นลิฟท์โดยสารสำหรับลูกบ้าน Penthouse เท่านั้น
โดยตามปกติแล้วถ้าจะเข้าไปใช้ลิฟท์สำหรับ Penthouse ก็จะต้องแตะ Key Card เพื่อเข้าไปในโถงลิฟท์ย่อยก่อนค่ะ
ด้านในโถงลิฟท์ จะเป็นโถงเล็กๆ ผนังติดกระจกเงาไว้ช่วยให้ไม่รู้สึกคับแคบจนเกินไป ตัวลิฟท์เป็นระบบ Proxy lift หรือลิฟท์แบบล็อคชั้นค่ะ
ขึ้นมาบนชั้น 7 จะเจอโถงทางเดินสั้นๆแบบนี้
เดินตรงออกมาจะเจอกับยูนิตพักอาศัยที่เป็นส่วน Penthouse แบบนี้ ซึ่งรายละเอียดอื่นๆจะขอยกยอดไปไว้ในหัวข้งห้องแบบ Penthouse ด้านล่างแทนนะคะ
กลับมาที่ด้านหน้าอาคารหลักกันต่อ ด้านหน้าอาคารจะมีการใช้กรระจกแบ่งเป็นช่องๆ ตามภาพ
ส่วนทางซ้ายจะเป็นลานทางเข้าตัวอาคาร พร้อมสวนด้านหน้า
หน้าประตูจะมีตกแต่งด้วยบ่อน้ำเล็กๆ ช่วยให้ดูสดชื่นขึ้นอีกหน่อย
มองภาพรวมของลานหน้าอาคารหลักจากอีกด้าน
ด้านข้างอาคารก็จะเป็นทางเดินกว้างๆ มีบ่อน้ำเล็กๆประดับพร้อม Sculpture สีน้ำเงิน
มาถึงด้านหลังอาคารจะมีสวนหย่อมเล็กๆ และทางเดินเชื่อมเล็กๆไปอาคารจอดรถด้านหลังค่ะ
เดินออกมาถึงด้านหลังอาคารหลักก็จะเจอกับอาคารจอดรถ และทางเข้าเล็กสำหรับลูกบ้านชั้น Penthouse
ดูรอบๆโครงการกันไปแล้ว ตอนนี้เราก็เข้ามาดูด้านในตัวอาคารกันบ้างค่ะ เริ่มที่ชั้น 1 จะประกอบไปด้วยส่วย Lobby, Reception, ส่วนออฟฟิศ, โถงลิฟท์ และ Mailbox จากแปลนนี้จะเห็นว่ามีการวางผังแบบเท่ๆ โดยเอาโถงลิฟท์และบันไดหนีไฟมาใส่ไว้กลางอาคารเลย ทำให้ทุกห้องมาใช้งานได้สะดวกค่ะ
เรามาเดินดูของจริงกันทีละส่วนๆ เริ่มจากส่วน Reception ยาวมาถึงส่วน Lobby กันก่อน
ประตูทางเข้าอาคารเป็นประตูบานเปิด มีพนักงานคอยเปิดประตูให้ค่ะ
เข้ามาจะเจอกับส่วน Reception ก่อน จะมีเคาน์เตอร์พร้อมพนักงานต้อนรับแบบนี้
จากส่วน Reception เดินไปตามทางซ้ายมือจะเป็นโถง Lobby ฝ้าเพดานสูงโปร่ง
โคมไฟตกแต่งด้านบนสวยดีค่ะ
มีที่นั่งรับรองอยู่ 2 – 3 ชุด
อีกด้านเป็นส่วน Back Office มีทางเดินขึ้นไปด้านบน
ลองขึ้นมาดู ด้านบนจะเป็นห้อง Meeting
ห้อง Meeting จะเป็นห้องกระจก ห้องค่อนข้างใหญ่เลยค่ะ
ถัดมาเราจะไปดูในส่วนโถงลิฟท์และ ห้อง Mail Box ค่ะ
จากส่วน Reception คราวนี้เราเดินมาทางขวามือ มุ่งหน้าไปโถงลิฟท์
ทางเดินไปโถงลิฟท์จะเป็นทางต่างระดับ มีทั้งบันไดเดินปกติ และ Slope พร้อมราวจับ สำหรับคนที่ต้องใช้รถเข็นหรือผู้ที่ไม่สะดวกที่จะใช้บันไดค่ะ
เดินเข้ามาอีกหน่อยจะเจอที่นั่งรับรองหน้าโถงลิฟท์
สำหรับทางเข้าโถงลิฟท์จะมีประตูกั้นอีกชั้น
เข้ามาภายในโถงลิฟท์ตกแต่งมาได้สวยเลยค่ะ ดูเข้ากับส่วน Lobby ดี
เดินมาสุดโถงลิฟท์จะแบ่งเป็นห้องรับรองทางขวามือและ Mail Box ทางซ้าย
ภายในห้องรับรอง
และ Mail Box
มีลิฟท์ให้บริการทั้งหมด 4 ตัว
หน้าตาลิฟท์ชัดๆ
ภายในตัวลิฟท์จะมีกล้องวงจรปิดและไฟให้ความสว่าง ผนังรอบๆเป็นกระจกเงาสลับผนังตกแต่งและราวจับ
ขึ้นมาที่ผังชั้น 3 – 33 เป็นชั้นที่เป็นยูนิตพักอาศัยล้วนๆ เฉลี่ยจะมีทั้งหมด 12 ห้องต่อชั้นค่ะ โดยมีทั้งแบบ 1 ห้องนอนและ 2 ห้องนอน
No.01-04 และ 09-12 ขนาด 1 ห้องนอน ตั้งแต่ 28.00-38.40 ตารางเมตร
No.05-08 ขนาด 2 ห้องนอน ตั้งแต่ 54.00-55.40 ตารางเมตร
ยกเว้นชั้น 7 จะเป็น Mechnical Floor ส่วนการวางผัง จะมีการวาง Core Lift และบันไดหนีไฟไว้ตรงกลางอาคาร มีโถงทางเดินรอบตัว Core และวางห้องพักรอบๆตามรูปทรงของตัวอาคาร หน้าห้องทุกห้องจะหันหน้าเข้าหาโถงทางเดิน
มาดูของจริงกันค่ะ เมื่อเราออกมาจากตัวลิฟท์และจะเจอช่องแสงแบบนี้ทุกชั้น
หน้าตาโถงลิฟท์ในชั้นปกติ
ส่วนลิฟท์ตัวลิฟท์จะหน้าตาแบบนี้ค่ะ
ทั้งซ้ายและขวาจะเป็นโถงทางเดิน
บรรยากาศโถงทางเดินหน้าห้อง
เดินตามทางมาเรื่อยๆ จะเห็นป้ายบันไดหนีไฟ
ทางเข้าบันไดหนีไฟค่ะ
เปิดออกไปจะเห็นโถงทางเดินอีกฝั่ง
ผังชั้น 34-39 จะเป็นชั้นที่มีแค่ยูนิตพักอาศัยล้วนๆ เหมือนชั้น 3 – 33 ค่ะ แต่ห้องพักของชั้นนี้จะมีขนาดใหญ่กว่า โดยแต่ละชั้นจะมียูนิตพักอาศัยแค่เพียง 4 ห้อง ต่อชั้นเท่านั้น ประกอบด้วย
ห้อง No.01 และ 04 ขนาด 3 ห้องนอน 124 ตารางเมตร
ห้อง No.02 และ 03 ขนาด 2 ห้องนอน 109 ตารางเมตร
ส่วนชั้น 41 จะเป็นชั้น Mechanical Floor ไม่มีผังมาให้ดูนะคะ
สำหรับชั้น Facility ตัวหลักของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 41 และ 42 โดยทั้ง 2 ชั้นนี้จะเชื่อมต่อกันด้วยบันไดสามารถเดินขึ้นลงได้โดยไม่ต้องใช้ลิฟท์ค่ะ สำหรับการพาชมเราจะพาทุกคนขึ้นไปดูที่ชั้น 42 กันก่อน แล้วค่อยเดินลงบันไดมาดู Facility ที่ชั้น 41 นะคะ
โดยที่ชั้น 42 นี้จะประกอบไปด้วย Laundry, ห้อง Multifunction หรือห้องเอนกประสงค์ และห้อง Fitness ค่ะ
เราขึ้นลิฟท์มาที่ชั้น 42 กันก่อน ออกมาจากลิฟท์จะเจอช่องแสงแบบนี้เหมือนในทุกๆชั้น
แต่จะได้วิวแบบมุมสูงกว่าหน่อย
เราไปดูส่วน Laundry กันก่อนค่ะ
จากโถงลิฟท์หันไปทางซ้ายมือก็จะเห็นห้อง Laundry แล้วค่ะ
มีป้ายกำกับหน้าห้องแบบนี้
เข้ามาด้านในจะเป็นห้องโล่งๆกว้าง มีช่องแสงบานใหญ่ ให้ความรู้สึกสะอาดน่าใช้งานดีค่ะ
มีเครื่องซักผ้าฝาหน้าแบบหยอดเหรียญ 4 เครื่อง
และเครื่องอบผ้าอีก 2 เครื่อง
มีพื้นที่สำหรับนั่งรอผ้าเสร็จให้ด้วย
ถัดไปเราจะไปดูในห้อง Multi – Function กันค่ะ
จากโถงลิฟท์เลี้ยวขวา
เดินมานิดเดียวก็ถึงแล้วค่ะ
มีป้ายกำกับหน้าห้องแบบนี้
เข้ามาด้านในเป็นห้องโล่งๆ เห็นวิวเมือง
วิวที่ได้จากห้องนี้ค่ะ
อีกด้านของห้องติดตั้งชั้นวางทีวีและตู้เก็บของมาให้
ถัดมาเป็นห้องฟิตเนส
ด้านในห้องฟิตเนสค่อนข้างกว้างขวางเลยทีเดียวค่ะ โดยอุปกรณ์ที่ได้จะประกอบไปด้วย เครื่อง Abdominizer 2 ตัว, ลู่วิ่ง 6 ลู่
รูปทรงห้องจะโค้งตามรูปทรงอาคาร
อีกฝั่งเป็นจักรยานไฟฟ้า 4 ตัว และเครื่องบริหารร่างกายรวมอีก 1 เครื่อง
พร้อมดัมเบลน้ำหนักต่างๆ 20 ชิ้น
วิวที่ได้จากห้องฟิตเนสเป็นวิวฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาไกลๆ
ลงมาที่ชั้น 41 จะประกอบไปด้วย Kid Club, ห้องน้ำหญิงและห้องน้ำชาย, Sky Lounges และ ไฮไลท์ของที่นี่คือ Sky Pool ค่ะ
เริ่มจากส่วน Sky Lounges
จากโถงทางเดินชั้น 42 จะมีบันไดเชื่อมลงไปที่ชั้น 41 แบบนี้ค่ะ
บันไดเป็นกระจกซะด้วย ตอนลงแอบหวิวๆ แต่เค้าบอกว่าแข็งแรงแน่นอนไม่ต้องกลัวค่ะ
ส่วน Sky Lounges วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลยังไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ เก็บภายมาให้ดูได้แค่บางส่วนนะคะ คือจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือส่วนด้านนอกติดกับสระว่ายน้ำและด้านขวามือที่เป็นห้องกระจกกั้น จะได้ความสงบมากกว่าหน่อย
จาก Sky Lounges ออกไปดูที่ส่วน Sky Pool กันต่อค่ะ
สระว่ายน้ำก็จะเป็นรูปโค้งตามตัวอาคาร แบบที่เห็นในโมเดลเลยค่ะ แยกสระเด็กสระผู้ใหญ่ ส่วนวิวที่ได้จากส่วนนี้จะเป็นวิวทิศเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือ ส่วนใหญ่จะเป็นวิวโล่งๆไม่โดนตึกสูงบัง
ส่วนถัดไปเราจะมาดูที่ห้องน้ำของส่วนกลางกันบ้าง เริ่มจากห้องน้ำหญิงก่อนค่ะ
เข้ามาด้านในตกแต่งด้วยสีดำเงาวับ ดูหรูดีค่ะ
มีอ่างล้างมือ 2 อ่าง
ล็อกเกอร์ 15 ช่อง พร้อมกุญแจ
แม้แต่ในห้องน้ำเค้าก็ยังทำช่องเปิดให้ชมวิวกันได้ชิลล์ๆ
วิวที่ได้ค่ะ
ส่วนของห้องน้ำจะอยู่เกาะทางเดินไปยังส่วน Sauna มีทั้งหมด 2 ห้อง
ด้านในห้องน้ำค่ะ
ถัดมาเป็นส่วน Sauna ประกอบไปด้วยห้องอาบน้ำ 3 ห้อง และห้อง Sauna อีก 2 ห้อง
ภายในห้องอาบน้ำ
ภายในห้อง Sauna ห้องแรก
อีกห้องนึงค่ะ
ในส่วนของห้องน้ำชายจะมีการจัดวางเหมือนห้องน้ำหญิงเลยค่ะ แต่จะมีฟังก์ชั่นต่างกันนิดๆหน่อย
คือมีล็อคเกอร์พร้อมกุญแจแค่ 6 ช่อง
มีโถปัสสาวะ 2 โถ
ห้องน้ำชายก็มีพื้นที่ให้ Take View เหมือนกันนะ
วิวที่ได้จากห้องน้ำชายค่ะ
มีห้องน้ำ 2 ห้อง
ส่วน Sauna จะเหมือนในห้องน้ำหญิงเลยค่ะ
ส่วน Penthouse
สวนส่วนกลางของ Penthouse ตกแต่งมาในสไตล์เซน นิ่งๆ สงบๆ มีสระว่ายน้ำระบบเกลือ
ข้างสระจัดเป็นที่นั่งพักผ่อน มีหลังคาระแนงพอกันแดดได้ แต่กันฝนไม่ได้นะ
นอกจากนั้นข้างสระอีกด้านยังมียูนิตพักอาศัยที่ได้วิวสวนและสระว่ายน้ำตรงนี้ไปเต็มๆอีกด้วย แต่อาจจะต้องแลกมาด้วยความเป็นส่วนตัวสักหน่อยนะคะ
ยูนิตข้างสระว่ายน้ำอีกด้าน
เรามาดูห้องตัวอย่างกันค่ะ หน้าตาภายนอกของห้องแบบ Penthouse ด้านหน้าเป็นกระจกใสล้วนๆ และใช้เส้นสายสีเทาเข้มและเหลืองเหมือนตัวอาคารหลัก
ด้านหน้าแต่ละห้องจัดเป็นสวนลงหญ้าและต้นไม้ไว้ให้บางส่วนแบบนี้
ทางเดินเข้าห้องเป็นระเบียงไม้สั้นๆ ส่วนประตูทางเข้าห้องจะเป็นประตูบานเดี่ยวแบบดึงออก บานกรอบอลูมิเนียมอบสีเทาเข้มค่ะ
สำหรับห้องตัวอย่างของ Penthouse ที่เราจะพาทุกคนมาดูในวันนี้ เปิดเข้ามาจะเห็นพื้นที่กว้างๆ เปิดเป็น Double Volumn จากตรงนี้เราสามารถมองเห็นส่วนครัวและพื้นที่ของชั้น 2 ได้ และด้วยการทำพื้นที่ให้เปิดเป็น Double Volumn ตรงนี้ทำให้ได้ความรู้สึกโอ่โถงมากขึ้น ไม่รู้สึกว่าอยู่ในคอนโดเลยค่ะ
มาดูที่ส่วนครัว เราจะได้ชุดเคาน์เตอร์ พร้อมอ่างล้างจานและเคาน์เตอร์ Island สำหรับนั่งทานอาหารเบาๆตอนเช้าตามแบบนี้เลยค่ะ ส่วนครัวตรงนี้จะได้เป็นครัวเปิด ไม่มี Hob & Hood เพราะเค้าตั้งใจให้เป็นเหมือนครัวรับรอง สำหรับเตรียมอาหารเบาๆเท่านั้นค่ะ เนื่องจากเค้าทำครัวหลักมาให้ด้านหลังแล้ว
จากภายในห้องมองออกไปยังฝั่งหน้าห้อง เนื่องจากผนังฝั่งหน้าห้องเปิดโล่งเป็นกระจกบานใหญ่แบบนี้จึงช่วยให้ได้ความโปร่ง และรับแสงธรรมชาติได้เต็มๆ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการเสียความเป็นส่วนตัวไปสักหน่อย อาจจะต้องติดตั้งม่านหรือมู่ลี่บังสายตาเพิ่มเติมกันด้วยนะคะ
ถัดไปเราจะไปดูห้องต่างๆฝั่งด้านในกันต่อ
ห้องแรกเปิดเข้ามาเป็นห้องนอนขนาดพอสำหรับนอน 1 คนได้แบบสบายๆ มีช่องแสง 1 จุด
โดยช่องแสงที่ได้นี้จะได้เป็นหน้าต่างบานยาว กรอบอลูมิเนียมสีดำ สูงจากพื้นถึงฝ้าเลยค่ะ สามารถเปิดออกไปยังระเบียงด้านนอกที่เชื่อมอยู่กับส่วนครัวได้
ภายในห้องนี้จะได้เฟอร์นิเจอร์มา 1 ชิ้นคือตู้เสื้อผ้า Built – in แบบบานเลื่อน ความสูงเต็มถึงฝ้า
ห้องถัดมาเป็นประตูบานกลางค่ะ
เปิดออกมาเป็นห้องครัว ที่เค้าตั้งใจทำให้เป็นครัวหลัก เพราะครัวนี้จะได้เป็นครัวปิดพร้อมเคาน์เตอร์ และ Hob & Hood ครบชุดมาค่ะ
มีประตูเชื่อมออกไปยังระเบียงด้านนอก
เปิดออกมาเจอพื้นที่ระเบียงที่ได้ค่อนข้างกว้าง สามารถตากผ้าได้สบายๆ อาจจะวางไม้กระถางสักหน่อยก็ยังได้ค่ะ
อีกด้านนึง
มาถึงประตูบานซ้ายมือ
ด้านในเป็นโถงบันไดที่เชื่อมขึ้นไปยังชั้นบน และยังสามารถเชื่อมลงไปออกชั้นที่จอดรถที่ชั้น 6 ได้อีกด้วยค่ะ
เราขึ้นมาดูชั้นบนกันก่อน แล้วเดี๋ยวจะพาลงไปดูการเชื่อมต่อที่ชั้นจอดรถนะคะ
โถงบันไดที่เชื่อมขึ้นมาที่ชั้น 2 จะมีช่องแสงมาให้ 1 จุด เป็นหน้าต่างบานเลื่อนคู่ บานกรอบอลูมิเนียมสีดำ
ขึ้นมาชั้นบนจะถ฿กแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ห้องด้วยกัน 2 ห้องแรกทางขวามือจะเป็นส่วนของห้องนอน และห้องที่สุดทางเดินจะเป็นห้องน้ำ พื้นที่โถงตรงนี้ค่อนข้างแคบนะ คิดว่าแค่เดินสวนกัน 2 คนก็แอบแน่นนิดๆแล้วค่ะ
เข้ามาดูภายในห้องนอนห้องแรก ในห้องนี้จะได้ช่องแสงมา 1 จุด เป็นหน้าต่างบานยาวๆแคบที่เราเห็นเมื่อตอนเข้ามาในห้องรับแขกนั่นเองค่ะ
แสงที่ได้รับจากช่องแสงนี้ค่อนข้างแปลกหน่อย ด้วยรูปทรงของบานหน้าต่างทำให้ได้แสงธรรมชาติเข้าห้องมาแบบเป็นเส้นๆแบบนี้ค่ะ ส่วนเฟอร์นิเจอร์ที่ได้ในห้องนี้ก็เหมือนที่ห้องนอนชั้นล่างคือได้เป็นตู้เสื้อผ้า Built – in บานเลื่อน สูงจากพื้นถึงฝ้า
ขยับเข้าไปอีกหน่อยเป็นห้องนอนห้องที่ 2 ของชั้นนี้
เปิดออกมาเป็นห้องนอนที่ได้ช่องแสงมาค่อนข้างใหญ่เต็มผนังฝั่งที่หันออกไปยังห้องรับแขกเลย โดยได้เป็นบานฟิกซ์และบานเปิดด้านข้างแบบนี้เลยค่ะ
มองลงไปส่วนรับแขกหน่อยซิ
ได้เฟอร์นิเจอร์ 1 ชิ้นเป็นตู้เสื้อผ้าแบบห้องที่แล้ว
ออกมาจากห้องนอนจะเห็นหน้าต่างบานเลื่อนที่เชื่อมออกไปพื้นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ด้านนอก ตรงนี้มีไว้เผื่อเวลาที่ต้องออกไปซ่อมคอมเพรสเซอร์จะได้สะดวกๆนั่นเองค่ะ
ติดกับห้องนอน้องเมื่อสักครู่เราจะเห็นประตูที่มีขนาดเล็กลงมาหน่อย
เปิดมาด้านในเป็นห้องน้พของชั้น 2 นี้ค่ะ โดนห้องน้ำที่ชั้นนี้จะแยกส่วนแห้งส่วนเปียกมาให้เรียบร้อย
ด้านในห้องอาบน้ำได้ฝักบัวแบบปรับระดับได้และแบบ Rain Shower พร้อมที่วางสบู่
เสร็จจากด้านบนแล้วเราลองเดินลงไปดูชั้นล่างที่เชื่อมกับที่จอดรถกันสักหน่อย
เดินลงมา 1 ชั้น ก็ถึงชั้นล่างแล้วค่ะ จากตรงนี้เราก็จะเห็นบานประตูทางซ้ายมือ
ข้างบันไดเหลือพื้นที่พอประมาณเลย สามารถใช้เป็นห้องเก็บของได้เลยค่ะ
ส่วนบานประตูที่เราเห็นเมื่อสักครู่
เมื่อเปิดออกมาก็จะถึงอาคารจอดรถที่ชั้น 6 เลยค่ะ ซึ่งในกรณีนี้หมายความว่าถ้าใครเอารถขึ้นมาจอดที่ชั้นนี้แล้วก็สามารถเดินเข้าห้องพักของตัวเองได้เลยจากประตูบานล่างนี้ค่ะ สะดวกดีนะคะ
ภายในที่จอดรถชั้น 6 ค่ะ
ห้องตัวอย่าง
มาดูห้องตัวอย่างกันบ้างค่ะ
ของจริงจะได้เป็นบานประตูหน้าตาแบบนี้นะ
พื้นห้องจะได้เป็นพื้น Engineering Wood ลายไม้สีเข้ม มีตัวจบกั้นมาให้เรียบร้อยค่ะ
เมื่อเข้ามาในห้องเราจะเจอกับส่วนครัวและส่วนทานอาหาร มีพื้นที่ยาวต่อเนื่องไปยังห้องนั่งเล่นและระเบียงค่ะ
มาดูส่วนครัวกันก่อนค่ะ ส่วนครัวที่เราได้จะเป็นครัวเปิดแบบนี้พร้อมเคาน์เตอร์และตู้เก็บของด้านบนตามแบบนี้เลยค่ะ
ซิงค์ล้างจานทรงเหลี่ยมลึกดี แต่ค่อนข้างเล็กไปนิด ยี่ห้อ Camar Tac
เคาน์เตอร์ใต้ซิงค์ล้างจานแบ่งออกเป็นลิ้นชัก 2 ช่อง และตู้เก็บของ 1 ช่อง
ลักษณะบานเปิดแบบธรรมดา แต่ตัวเคาน์เตอร์จะเข้าเข้าไปหน่อยให้จับบานได้สะดวกขึ้นค่ะ
ตัวบานพักเป็นระบบ Soft Closed
ส่วนตู้เก็บของด้านบนจะแบ่งเป็น 3 ตู้ ตู้สองบานทางฝั่งซ้ายจะมีชั้นวางของ 2 ชั้น ส่วนตู้บานขวาจะเป็นตู้มิเตอร์ไฟและ Cut – out ค่ะ
บานจับแบบปาดมุม 45 องศา จับสะดวก
อีกด้านของห้องเป็นที่สำหรับทานอาหาร
สามารถตั้งโต๊ะทานอาหารได้ประมาณ 3 ที่นั่งแบบพอดีๆ ฝ้าเพดานส่วนครัวจะสูงประมาณ 2.4 เมตร
ถัดมาจะเป็นส่วนของห้องนั่งเล่น ห้องนี้จะมีช่องแสง 1 จุด เป็นประตูบานเลื่อนที่เชื่อมออกไปยังระเบียงด้านนอก
ประตูเชื่อมห้องนั่งเล่นกับระเบียงจะได้เป็นประตูบานเลื่อนคู่ บานกรอบอลูมิเนียมสีธรรมชาติ
มือจับแบบเซาะร่องและตัวล็อคหน้าตามาตรฐาน
พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้อง Homogeneous ลดระดับลงไปประมาณ 4 ซม.
พื้นที่ระเบียงกว้างประมาณ 80 ซม. พอให้ตากผ้าได้แบบพอดีๆ หรือจะปลูกไม้กระถางเพื่อเพิ่มสีเขียวให้กับห้องก็ยังได้ค่ะ
ราวกันตกเป็นกระจกช่วยให้ดูโปร่งโล่งดีค่ะ
มีประตูกั้นเป็นพื้นที่สำหรับวางคอมเพรสเซอร์แอร์มาไว้ให้เป็นสัดเป็นส่วน
เราสามารถติดคอมเพรสเซอร์แอร์แบบลอยตัวได้ และยังมีพื้นที่ด้านล่างเหลือนิดหน่อย สามารถใช้เก็บของได้
อีกด้านของระเบียงเราจะเห็นกระจกบานใหญ่แบบนี้ ซึ่งตรงนี้คือกระจกที่เชื่อมมาจากห้องนอนนั่นเองค่ะ
กลับเข้ามาในห้องส่วนห้องนั่งเล่น ฝ้าเพดานส่วนนี้สูงประมาณ 2.7 เมตร ขนาดพื้นที่วางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้ พร้อมโต๊ะวางของข้างโซฟามาให้แบบพอดีๆกับพื้นที่ สามารถวางทีวีขนาดประมาณ 30″ – 40″ จะได้ระยะดูทีวีที่พอเหมาะพอดี
อีกด้านเป็นชั้นวางทีวีแบบ Built – in พร้อมชั้นวางของด้านบนและด้านล่าง ส่วนทางเดินที่เห็นด้านข้างคือทางเชื่อมเข้าไปยังห้องนอนค่ะ
เข้ามาในส่วนของห้องนอนกันต่อค่ะ ห้องนี้ตกแต่งมาแบบวัยรุ่นนิดนึง ขนาดห้องเข้ามาแล้วรู้สึกพอดีๆไม่อึดอัด
สำหรับห้องนอนห้องนี้จะได้ช่องแสงมาแบบเปิดกว้างมากก โดยจะได้เป็นชุดหน้าต่างบานกระทุ้ง 1 บาน และหน้าต่างบานฟิกซ์ขนาดสูงถึงฝ้าอีก 3 บาน
หน้าต่างบานกระทุ้งเปิดได้ไม่กว้างเท่าไหร่นะ
มีส่วนที่ทำเป็นกระจกเข้ามุมมาให้แบบนี้ทำให้เราได้มุมมองที่กว้างขึ้นอีก ทำให้ห้องไม่อึดอัด และยังได้แสงธรรมชาติและแดดมาแบบเต็มๆ ดังนั้นแนะนำให้ติดม่านแบบกันยูวีจะช่วยในเรื่องอุณหภูมิห้องได้นะคะ
สำหรับเตียง ทางโครงการจัดเตียงขนาดควีนไซส์มาให้
จะเห็นว่ามีพื้นที่ข้างเตียงเหลือนิดหน่อย สามารถวางโต๊ะหัวเตียงเล็กๆ ได้
พื้นที่ปลายเตียงเหลือให้พอเดินผ่านได้สะดวก
อีกด้านของห้องจัดเป็นตู้เสื้อผ้า และห้องน้ำ
ตู้เสื้อผ้าที่ได้จะได้เป็นตู้เสื้อผ้าบานเลื่อนคู่ สีเข้ากับตัวห้องแบบนี้ ด้านในเปิดออกมาก็จะมีที่สำหรับแขวนเสื้อผ้าและลิ้นชักเห็บของอีก 2 ชั้น
ลิ้นชักฝั่งซ้าย
และลิ้นชักฝั่งขวาค่ะ
มาดูในส่วนของห้องน้ำกัน
เข้ามาด้านในห้องน้ำพื้นและผนังปูกระเบื้อง Homogeneous ส่วนสุขภัณฑ์จะได้มาครบชุดพร้อมแยกส่วนแห้งส่วนเปียกมาให้เรียบร้อยค่ะ
อ่างล้างมือพร้อมเคาน์เตอร์ใต้อ่างทรงสี่เหลี่ยมพร้อมก๊อกน้ำของ American Standard
ขนาดอ่างล้างมือพอดีๆ
ก๊อกน้ำของ American Standard
โถสุขภัณฑ์ของ American Standard ระยะการติดตั้งใช้งานได้สะดวก
สายชำระขนาดพอดีๆ
ข้างอ่างล้างมือจะมีที่วางของ 2 ชั้น และใช้เป็นที่สำหรับวางกระดาษชำระด้วย
ส่วนพื้นที่อาบน้ำจะได้ Shower Box กระจกนิรภัยแบบขุ่นบานเปิดแบบผลักเข้าด้านในแบบนี้
พื้นห้องอาบน้ำลดระดับลงไปประมาณ 4.5 ซม.
มือจับห้องอาบน้ำจับได้สะดวก สามารถพาดผ้าเช็ดตัวได้ด้วยค่ะ
ฝักบัวอาบน้ำจะได้เป็นฝักบัวธรรมดาแบบปรับระดับได้และ Rain Shower
ขนาดฝักบัวพอดีๆค่ะ
ขนาดพื้นที่อาบน้ำอาบได้พอดีๆไม่อึดอัดค่ะ
มาดูห้องตัวอย่างของจริงกันต่อค่ะ
เข้ามาในห้องจะเจอกับส่วนครัวขนาบข้างซ้ายและขวา ฝ้าเพดานส่วนนี้สูง 2.4 เมตร
มาดูเคาน์เตอร์ชุดทางซ้ายมือกันก่อน ชุดเคาน์เตอร์ครัวฝั่งซ้ายมือนี้จะมีเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน มีพื้นที่เตรียมอาหารเหลือด้านข้างอีกพอสมควรค่ะ ตัวเคาน์เตอร์ทั้งหมด Top จะเป็นหินสังเคราะห์นะคะ
ซิงค์ล้างจานทรงเหลี่ยมพร้อมก๊อกน้ำ
ชุดเคาน์เตอร์ครัวด้านล่างจะแบ่งเป็น 3 ส่วน แต่ละส่วนมีลิ้นชักให้ 3 ชั้น ชั้นบนสุดจะเป็นที่สำหรับเก็บพวกช้อนและส้อม
บนเคาน์เตอร์จะเป็นชุดตู้เก็บของ 3 ตอน
ตู้บานแรกเปิดออกมาจะเป็นช่องเก็บของตื้นๆ วางของได้นิดหน่อยค่ะ
ตู้บานที่สองเปอดออกมาจะเป็นชั้นวางของ 2 ชั้น เก็บของได้พอสมควร
ตู้บานที่สามเปิดออกมาด้านในก็จะเป็นชั้นวางของ 2 ชั้นเช่นกันค่ะ
ชุดเคาน์เตอร์ครัวทางขวามือจะเป็นส่วนเตรียมอาหารมีอ่างล้างจานและที่วางเครื่องซักผ้า
เคาน์เตอร์ครัวชิ้นล่าง Top หินสังเคราะห์ มีอ่างล้างจานพร้อมก๊อกน้ำมาให้ 1 ชุด
ด้านในตู้จะเปิดออกมาเป็นตู้เก็บของใต้อ่างล้างจานและชั้นวางของ 2 ชั้นค่ะ
ชุดตู้เก็บของด้านบนแบ่งออกเปน 3 ช่องดานในมีชั้นวางของและตู้เก็บของช่องใหญ่ค่ะ
ถัดจากส่วนครัวเข้ามาถึงส่วน Living Area ส่วนนี้ฝ้าเพดานจะสูง 2.7 เมตร และจะมีพื้นที่เชื่อมต่อไปยังระเบียงด้านนอก, ห้องนอน และห้องน้ำได้ โดยพื้นที่ส่วน Living Area นี้จะสามารถแบ่งพื้นที่ใช้งานได้เป็น 2 ส่วน คือส่วนนั่งพักผ่อนและส่วนทานอาหาร
มาดูที่ส่วนนั่งพักผ่อนกันก่อน ส่วนนี้จะใช้พื้นที่ประมาณครึ่งนึงของห้องค่ะ
ทางโครงการจัดวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งมาให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งในการจัดพื้นที่ห้องแบบนี้การวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมแล้วค่ะ เพราะถ้าวางใหญ่กว่านี้อาจจะเกะกะทางเดิน ทำให้เดินไม่สะดวกได้
ด้านตรงข้ามโซฟาก็จัดมาเป็นชั้นวางทีวีแบบ Built – in มีชั้นวางของที่จัดสรรพื้นที่เป็นโต๊ะเขียนหนังสือด้านข้าง
อีกด้านของห้องจัดเป็นพื้นที่ทานอาหาร วางชุดโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง ดูพอดีๆ เหมาะสมกับพื้นที่ แต่ถ้าใครเพื่อนเยอะ ชอบพาเพื่อนมาทานอาหารที่บ้านก็สามารถวางโต๊ขนาด 5 – 6 ที่นั่งได้ค่ะ แต่แนะนำให้ใช้เป็นโต๊ะพับนะ เพื่อพับเก็บในเวลาปกติจะได้ไม่เกะกะขวางทางเดิน
ระยะการใช้งานเมื่อวางโต๊ะทานอาหารแล้วพอดีๆ
พื้นที่ข้างโต๊ะยังเหลืออีกหน่อย ไม่อึดอัดค่ะ
ติดกับส่วนทานอาหารและ Living Area จะเป็นประตูออกไปยังระเบียงนอกห้อง
พื้นลดระดับลงไปประมาณ 4 ซม.
พื้นที่ระเบียงจะโค้งตามรูปทรงอาคาร ขนาดกว้างพอประมาณ สามารถตากผ้าได้
หันกลับไปดูภาพรวมที่ทางเข้าห้องอีกครั้ง จะเห็นว่ามีการ Built ผนังให้เป็นชั้นโชว์ของและตู้เก็บของ ถือว่าเป็นการใช้พื้นที่ได้เป็นประโยชน์คุ้มค่า สามารถเก็บไว้เป็นไอเดียตกแต่งห้องของเราได้ค่ะ
ถัดมาเราจะไปดูห้องอื่นๆกันบ้าง ซ้ายมือจะเป็นส่วนของห้อง Master Bedroom มีห้องน้ำในตัว ส่วนทางขวาจะเป็นห้องนอนเล็กใช้ห้องน้ำร่วมกับส่วน Living Area ค่ะ
มาดูส่วนของห้องน้ำกันก่อน ห้องน้ำห้องนี้จะสามารถเข้าถึงจากส่วน Living Area ค่ะ
พื้นและผนังปูด้วยกระเบื้อง Homogeneous ภายในห้องน้ำจะมีฟังก์ชั่นครบทั้งส่วน ห้องน้ำและส่วนอาบน้ำค่ะ สำหรับสุขภัณฑ์ที่ได้อ่างล้างมือ, ก๊อกน้ำ และโถสุขภัณฑ์ของ American Standard
ข้างโถสุขภัณฑ์จะมีที่สำหรับ Built เป็นชั้นวางของได้ แต่ชั้นวางของนี้เราจะไม่ได้แถมมานะ ต้องไปหามาติดตั้งกันเองค่ะ
ส่วนอาบน้ำจะได้ Shower box กั้นแยกมาให้เป็นสัดเป็นส่วน โดยบานประตูห้องอาบน้ำจะเป็นบานแบบผลักเข้าไปด้านในห้องน้ำ มือจับเป็นราวจับได้สะดวกและยังสามารถใช้แขวนผ้าขนหนูได้ด้วยค่ะ
ด้านในห้องอาบน้ำจะมีฝักบัวแบบปรับระดับและ แบบ Rain Shower ให้แบบนี้
พื้นห้องอาบน้ำลดระดับลงไปประมาณ 4.5 ซม. ขนาดอาบได้แบบพอดีๆตัวค่ะ
ถัดไปเราจะไปดูในส่วนของห้องนอนเล็กกันต่อค่ะ
ด้านในห้องนอนเล็กตกแต่งมาแบบเรียบง่าย
มีช่องแสง 1 จุด เป็นชุดหน้าต่างเต็มผนัง ประกอบด้วยหน้าต่างบานกระทุ้ง 1 และหน้าต่างบานฟิกซ์ 3 บาน
ฝั่งปลายเตียงเป็นผนังโล่งๆ เราสามารถติดชั้นวางของแบบลอยตัวได้
อีกด้านจัดเป็นตู้เสื้อผ้า
ไปต่อกันที่ Master Bedroom กันค่ะ
เข้ามาในห้องปุ๊ป ส่วนแรกที่เราจะเจอคือห้องน้ำค่ะ
โดยผนังห้องน้ำบริเวณอ่างล้างมือจะเป็นกระจกฝ้าแบบเดียวกับประตูห้องน้ำ
พื้นห้องน้ำลดระดับลงมาประมาณ 3 ซม. พื้นปูด้วยกระเบื้อง Homogeneous ภายในห้องน้ำแยกส่วนแห้งส่วนเปียกมาเรียบร้อยค่ะ โดยสุขภัณฑ์เราจะได้มาครบชุด อ่างล้างมือและก๊อกน้ำของ American Standard , โถสุขภัณฑ์ของ American Standard และส่วนอาบน้ำจะได้ Shower Box กั้นแยกมาให้เป็นสัดเป็นส่วนแล้วค่ะ
ภายในห้องอาบน้ำจะได้ฝักบัวมา 2 ชุด เป็นฝักบัวธรรมดาแบบปรับระดับได้และฝักบัวแบบ Rain Shower
ห้องอาบน้ำลดระดับพื้นลงไปประมาณ 4 ซม. ขนาดพอดีๆ
ในส่วนของห้องนอนจะมีช่องแสง 1 จุด
อีกด้านของห้องจัดเป็นตู้วางของและตู้เสื้อผ้า
ช่องแสงที่ได้จะเป็นชุดหน้าต่างบานกระทุ้ง 1 บานและกระจกบานฟิกซ์ 3 บาน โดยหย้าต่างในห้องนี้จะได้เป็นหน้าต่างแบบเข้ามุม ทำให้สามารถมองเห็นวิวด้านนอกได้กว้างขึ้นค่ะ
ทางโครงการวางเตียงขนาดควีนไซส์มาให้ดูเป็นตัวอย่างซึ่งเราจะเห็นว่ามีพื้นที่ข้างเตียงเหลือให้วางโต๊ะเล็กตรงหัวเตียงได้ 1 ตัว ถ้าเราจะวางเตียงขนาดคิงส์ไซส์ก็สามารถวางได้ แต่จะแน่นๆหน่อย และจะไม่มีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะหัวเตียงค่ะ
ปลายเตียงจัดเป็นตู้เสื้อผ้าและชั้นวางของ
ตู้เสื้อผ้าที่ได้จะเป็นตู้แบบบานเลื่อน 2 ฝั่ง ด้านในแต่ละด้านจะมีช่องแขวนเสื้อหลัก, ช่องเก็บของด้านบน และลิ้นชักด้านล่างฝั่งละ 3 ชั้น
VDO จากบริษัทผู้ออกแบบโครงการ( A49 )
ราคา
ยูนิต A – 3101 แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 29.04 ตร.ม. ราคา 5.735 ล้านบาท หรือ 211,260 บาท/ตร.ม.
ยูนิต A – 3908 แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 61.38 ตร.ม. ราคา 13.234 ล้านบาท หรือ 223,754 บาท/ตร.ม.
ค่าส่วนกลาง 70 บาท/ตร.ม./เดือน
เงินกองทุน 1,000 บาท/ตร.ม./เดือน
บทสรุปโครงการ
ที่ตั้งโครงการ : โครงการ The Lumpini 24 อยู่ในทำเลใจกลางเมือง ตั้งอยู่ภายในซอยสุขุมวิท 24 ตัวซอยสามารถทะลุเชื่อมถนนสุขุมวิทและถนนพระราม 4 ได้ เป็นซอยที่มีความเจริญสูง เป็นที่นิยมของชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น จุดเด่นของซอยคือมีทางเข้า The Emporium อยู่หน้าปากซอยเลย นอกจากนั้นยังใกล้กับห้างอื่นๆเช่น Emquatier และ Em xx ส่วนภายในซอยจะมีคอนโดตึกสูงอยู่แล้วค่อนข้างเยอะ บรรยากาศในซอยคึกคักมีทั้งร้านอาหารน้อยใหญ่มากมายหลายสัญชาติให้เลือกทาน และส่วนใหญ่จะเป็นรานอาหารแบบดีๆหน่อยค่ะ นอกจากนั้นก็จะมีสปา ร้านเสริมสวย ครบครัน ถือว่าค่อนข้างอุดมสมบูรณ์เลยทีเดียว ตัวโครงการห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS พร้อมพงษ์ประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะที่ถือว่าเกินระยะเดินสบายไปค่อนข้างเยอะ แต่ถ้าขยันๆหน่อยก็ยังพอเดินได้สะดวก เพราะมีฟุตบาทให้เดินตลอดทางค่ะ
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว : การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวถือว่าสะดวกเลยทีเดียว แต่รถจะติดมากก สามารถใช้ถนนเส้นหลักอย่างสุขุมวิทเชื่อมไปยังถนนเส้นหลักสายอื่นๆได้เช่นถนนรัชดาภิเษก, ถนนพระราม 1, ถนนอ่อนนุช, ถนนพระราม 4 ยาวไปถึงถนนบางนา – ตราด, อุดมสุข และอื่นๆอีกหลายเส้นทาง ส่วนจุดขึ้นทางด่วนรอบๆโครงการก็มีให้เลือกให้หลายจุดเลยค่ะ ที่ใกล้ที่สุดจะเป็นจุดขึ้นทางด่วนเฉลิมมหานคร ห่างจากโครงการ 1.9 กม.
การเดินทางโดยรถสาธารณะ : สำหรับคนที่ต้องการหลีกเลี่ยงรถติด การเดินทางโดยรถสาธารณะเป็นทางเลือกที่สะดวกพอสมควร เพราะตัวโครงการอยู่ไม่ไกลจาก BTS พร้อมพงษ์ด้วยระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นระยะที่พอจะเดินถึงได้ นอกจากนั้นจะมีคิวพี่วินทั้งที่หน้าปากซอยและบริเวณแยกหน้าโครงการคอยให้บริการ ถ้าใครขี้เกียจหรือรีบมากๆก็สามารถเรียกใช้บริการได้ ค่าบริการจากโครงการถึงหน้าปากซอย 15 บาทค่ะ ส่วนรถ Taxi ก็มีผ่านหน้าโครงการตลอดสามารถเรียกใช้บริการได้ค่ะ
การออกแบบโครงการและที่ดิน : โครงการ The Lumpini 24 เป็นคอนโด High Rise 46 ชั้น แยกอาคารจอดรถ 7 ชั้นและส่วน Penthouse ไว้ด้านหลังโครงการ บนที่ดินขนาด 3 ไร่กว่าๆ ยูนิตพักอาศัยทั้งหมด 402 + 9 ยูนิต อัตราส่วนของห้องพักอาศัยมากที่สุดในแต่ละชั้นอยู่ที่ประมาณ 12 ห้อง เรียกได้ว่าสบายๆเลยค่ะ ไม่หนาแน่นเกินไป มีความเป็นส่วนตัวพอสมควร ส่วนลิฟท์โดยสารจะมีให้ 4 ตัว และลิฟท์หนีไฟอีก 1 ตัว อัตราส่วนลิฟท์โดยสารต่อยูนิตพักอาศัยอยู่ที่ 1 : 101 ถือว่ามาตรฐานค่ะ ไม่หนาแน่นเกินไป
การออกแบบหน้าตาโครงการโดยรวมทำออกมาได้สวย ดูหรู และยกระดับผลิตภัณฑ์ของ Lpn ได้จริง และการวาง Core ไว้ตรงกลางอาคารและมีโถงทางเดินเชื่อมรอบทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องห้องไหนอยู่ไกลจากลิฟท์มากกว่าห้องอื่นเท่าไหร่ แบบห้องก็ถือว่ามีมาให้เลือกค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับจำนวน 402 ยูนิต คือจะมีห้องขนาด
1 ห้องนอน ตั้งแต่ 28.00-38.40 ตารางเมตร
2 ห้องนอน ตั้งแต่ 54.00-55.40 ตารางเมตร
และ Duplex
3 ห้องนอน 124 ตารางเมตร
2 ห้องนอน 109 ตารางเมตร
วัสดุ : วัสดุของโครงการนี้ใช้ของค่อนข้างดีตามที่ LPN พยายามชูให้เป็นงาน Premium เลยค่ะ โดยห้องที่ขายจะขายเป็นแบบ Fully Fitted ( ตกแต่งบางส่วน ) ได้เคาน์เตอร์ครัว Top หินสังเคราะห์ พร้อมก๊อกและซิงค์ล้างจาน, ตู้เสื้อผ้าในห้องนอน, ชุดสุขภัณฑ์ American Standard ภายในห้องน้ำแยกส่วนแห้งส่วนเปียกมาให้เรียบร้อย พื้นห้อง Living Area, พื้นห้องนอน และพื้นครัวใช้ Engineering Wood ส่วนระเบียงและห้องน้ำได้เป็นกระเบื้อง Homogeneous
สิ่งอำนวยความสะดวก : ส่วนกลางของโครงการนี้จะมีครบทั้งสระว่ายน้ำที่เป็น Sky Pool เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นของโครงการเลยทีเดียว นอกจากนั้นก็จะมีห้อง Fitness, Sauna, Multi – Function Room, Laudry, Kid’s Club แต่พื้นที่สีเขียวอาจจะมีน้อยไปหน่อย คือตัวสวนหย่อมจะมีแค่สวนเล็กๆที่ชั้น Ground บริเวณรอบๆ อาคารเท่านั้น ส่วนที่จอดรถจะได้ทั้งหมด 70% หรือประมาณ 278 คัน ( ไม่รวมจอดซ้อนคัน ) โดยสิทธิ์การจอดจะเป็นอาคารหลักขนาด 1 และ 2 ห้องนอน จอดได้ 1 คัน ( แบบไม่ฟิกซ์ที่ ) และตัว Penthouse จอดได้ 2 คัน ( ฟิกซ์ที่ 1 คัน และไม่ฟิกซ์ที่อีก 1 คัน )
คะแนน
ทำเลที่ตั้งโครงการ
8.5
ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 24 เป็นทำเลกลางเมืองที่มีความเจริญและคึกคัก เป็นที่นิยมของชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น มีที่อยู่อาศัยแบบอาคารสูงอยู่เยอะ ความอุดมสมบูรณ์ก็เยอะตามไปด้วย
การเดินทาง ใช้รถ
8.5
ใกล้ถนนสุขุมวิท และถนนพระราม 4 เข้า-ออกเมืองได้สะดวก มีเส้นทางลัดให้สองสามทาง แต่การจราจรติดขัดในช่วงเวลาเร่งด่วน
การเดินทาง ไม่ใช้รถ
8.5
ใกล้ BTS พร้อมพงษ์ 1 กิโลเมตร มีพี่วินให้บริการบริเวณหน้าโครงการ และหน้าปากซอย นอกจากนั้นยังมี TAXI เรียกได้ที่หน้าโครงการเลยค่ะ
ห้องและวัสดุ
8.0
ห้องพักมีให้เลือกหลายแบบตั้งแต่ 1 ห้องนอนไปถึง 3 ห้องนอน มีทั้งแบบ Single Floor และแบบ Duplex พื้นที่การใช้งานเหมาะสมดี ส่วนวัสดุก็ให้มาดีสมราคา
สิ่งอำนวยความสะดวก
8.0
Facilities ครบครัน สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส แต่พื้นที่สีเขียวน้อยไปหน่อย ที่จอดรถ 70%
ความคุ้มค่ากับราคา
8.0
เป็นคอนโดใจกลางเมืองที่ได้บรรยากาศเมืองในย่าน CBD ที่มีที่อยู่อาศัยเยอะ คึกคักพอประมาณ เดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้าและแหล่งความอุดมสมบูรณ์ เหมาะสำหรับอยู่อาศัยสำหรับคนที่ทำงานโซนสุขุมวิท และโซนใกล้เคียง
คะแนนรวมเฉลี่ย
8.25
ดี
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Tel :02-260-7470, 02-689-6824
Website : คลิกที่นี่
หมายเหตุ : โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงไปตามความเหมาะสม
หากเพื่อนๆเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ โปรดกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน
และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ
room for rent at lumpini 24
one bed, two bed, three bed
089 069 9977
line id: kiangtkt
allthaiproperties@gmail.com
buy sale rent
เจ้าของขายเอง
call 089-668-5668
line : sspon
รายละเอียด.
ห้อง A2101 ชั้น 21 เนื้อที่ 28 ตร.ม. ห้องหันไปทางทิศเหนือ ไม่มีตึกบัง
ราคาหน้าสัญญา 4,536,000 ล้านบาท
-เงินทำสัญญา และเงินจอง 150,000 บาท (จ่ายแล้ว)
-ผ่อน 24 งวด มกรา 57 ถึง ธันวา 58 x งวดละ 24,000 บาท/ เดือน (ผ่อน24 งวดครบแล้ว)
-เพียงชำระส่วนที่เหลือ 3,810,000 บาท
ขายใบดาวน์ the lumpini 24 เสร็จมค 2559 ห้อง 28 ตร.ม. Condo Lumpini sukhumvit 24 for sales
ห้อง A2101 ชั้น 21 เนื้อที่ 28 ตร.ม.
ห้องหันไปทางทิศเหนือ ไม่มีตึกบัง
ราคา 4.536 ล้านบาท
จ่ายไปแล้ว
-ค่าโอน 150,000 บาท
-ผ่อนไป 20 งวด ถึง สิงหาคม 58 x งวดละ 24,000 = 480,000 บาท
เหลือผ่อนอีก 5 งวด
ห้อง28ตร.ม.ระเบียงใหญ่ไป ทำให้พื้นที่วางทีวีเล็กเลย