ชื่อโครงการ
ลุมพินี ซีวิว ชะอำ Lumpini SeaView Cha-Am
เจ้าของโครงการ
บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) LPN
เนื้อที่ทั้งหมด
ประมาณ 7 ไร่เศษ
จำนวนตึก
2 อาคาร (แบ่งเป็น 2 เฟส)
จำนวนชั้น
20 ชั้น
จำนวนห้อง
453 ยูนิต
ลักษณะห้องและขนาดห้อง
Studio ( 22.50, 23.00 ตร.ม.)
1 Bedroom ( 25.50, 26.00, 30.00 ตร.ม. )
2 Bedrooms : ( 31.50, 36.00, 39.00 ตร.ม. )
ที่จอดรถทั้งหมด
180 คัน หรือ 25% รวมจอดซ้อนคัน (อาคาร B)
โซน
ชะอำ-เพชรบุรี
ขนส่งสาธารณะ
n/a
รถโดยสารที่ผ่าน
n/a
ที่ตั้ง
ติดถนนเจ้าลาย ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี 76120
กำหนดการ
เปิดจอง 2 ก.ค. 2559
ปีที่สร้างเสร็จ
รอข้อมูลจากโครงการ
ราคา
เริ่มต้น 1.02 ล้านบาท (Fully Furnished)
ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม
เริ่มต้น 42,000 บาท/ ตร.ม.
ค่าส่วนกลางและกองทุน
38 บาท / ตร.ม.
สถานที่สำคัญใกล้เคียง
วนอุทยานชะอำ 1.4 กม.
สถานีรถไฟชะอำ 3.3 กม.
สะพานปลาชะอำ 5 กม.
จุดชมวิวชายทะเลชะอำ 2 กม.
BigC 2.3 กม.
สิ่งอำนวยความสะดวก
สระว่ายน้ำ
ห้องออกกำลังกาย
ห้องกิจกรรมเด็ก
ห้องกิจกรรมผู้สูงอายุ
ห้องสมุด
สนามเด็กเล่น
สวนพักผ่อน
ประตู Key Card
กล้องวงจรปิด
รปภ. 24 ชม.
จุดเด่นของโครงการ
ลุมพินี ซีวิว ชะอำ (Lumpini SeaView Cha-Am) คอนโดพักตากอากาศ จ.เพชรบุรี ติดชายหาดชะอำ วิวสูง 20 ชั้น เหมาะแก่การพักผ่อน เปิดจอง 2 ก.ค. 59 ราคาเริ่มต้น 1.02 ล้านบาท (พร้อมแอร์และเฟอร์นิเจอร์)
ที่ตั้งโครงการ
ติดถนนเจ้าลาย ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี 76120
พิกัด : 12.779824, 99.976148
แผนที่จากทางโครงการ ลุมพินี ซี วิว ชะอำ จะเห็นว่าเส้นทางหลักๆที่เราจะใช้เข้าถึงตัวโครงการได้ก็จะเป็นถนนเพชรเกษม ผ่านแยกชะอำแล้วเราสามารถจะใช้ถนนนราธิป, ถนนราษฎร์พลี หรือถนนหนองแจง เข้าถนนเจ้าลายตรงเข้าโครงการได้ค่ะ โดยเส้นทางที่สะดวกที่สุดที่ทางโครงการแนกนำก็จะเป็นการเข้าโครงการจากทางถนนหนองแจง และเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเจ้าลาย โครงการจะอยู่ทางซ้ายมือ ตรงข้ามกับโครงการรุ่นพี่คือ Lumpini Beachpark ชะอำ ค่ะ
เพิ่งผ่านช่วงวันหยุดยาวกันมาไม่นาน หลายๆคนคงพักผ่อนอยู่บ้านหรือไปพักผ่อนต่างจังหวัดใกล้ๆกรุงเทพ และถ้าพูดถึงที่เที่ยวที่ไม่ไกลจากตัวเมืองเท่าไหร่ “ชายหาดชะอำ” คงจะเป็นชื่อแรกๆที่หลายคนนึกถึงกัน เพราะแค่ขับรถมาแค่ 2 – 3 ชั่วโมงก็จะได้เจอกับทะเลกว้างๆ ให้ได้พักผ่อนหย่อนใจกันแล้ว เพราะเหตุนี้เองหลายคนถึงได้เริ่มมองหาบ้านพักตากอากาศไว้เผื่อมาพักผ่อนในทุกวันหยุดจะได้ไม่ต้องไปแย่งจองโรงแรมกับคนอื่นๆ
ในอดีตหาดชะอำอาจจะถูกมองข้ามในเรื่องของการลงทุนอสังหาเนื่องจากแต่ก่อนยังมีการจัดการที่ไม่ดีนัก หาดจึงค่อนข้างสกปรก แต่ช่วงหลังๆมานี่ก็มีการจัดการที่ดีขึ้นมาก หาดสะอาดขึ้น ดึงดูดนักลงทุนมาเป็นแถวๆ รวมถึงโครงการที่เราจะพาไปชมกันในวันนี้คือ โครงการ Lumpini Seaview ชะอำ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเพชรบุรี บนถนนเจ้าลาย เป็นทำเลที่อยู่เกือบๆจะถึงหาด แต่ไม่ได้ติดหาดนะ ต้องเดินจากโครงการมาประมาณ 300 เมตร ซึ่งก็ถือว่าเป็นระยะที่เดินมาได้สบายๆ
และแน่นอนว่าประเด็นสำคัญของคอนโดพักตากอากาศก็ต้องเป็นส่วนสวยๆงามๆอย่าง ชายหาด และเป็นตัวแปรสำคัญของราคาค่าตัวไปโดยปริยาย โดยเราต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า หาดชะอำเนี่ย จะมีหน้าหาดที่ยาวมากกและสภาพแวดล้อมของแต่ละช่วงของหาดก็จะแตกต่างกันไป คือมีทั้งส่วนที่เป็นหมู่บ้านชาวประมง มีเรือจอดเต็มหน้าหาด เล่นน้ำลำบากหน่อย บางช่วงก็เป็นดินเลน เล่นน้ำไม่ได้ หรือถ้าดูกันตามความเป็นส่วนตัวก็จะมีทั้งช่วงที่ยังติดถนนเลียบชายหาด ที่จะมีคนพลุกพล่านหน่อย เพราะสามารถขับรถเข้ามาได้สะดวก และช่วงของหาดที่มีความเป็นส่วนตัวที่จะเป็นช่วงที่สิ้นสุดถนนเลียบหาดเป็นต้นไป
ส่วนตัวของโครงการ Lumpini Seaview ชะอำ นี้จะตั้งอยู่บนถนนเจ้าลายซึ่งเป็นถนนที่ถัดเข้ามาจากถนนเลียบหาดอีกที คือไม่ได้อยู่ติดหาดขนาดที่เดินออกจากโครงการมาแล้วจ๊ะเอ๋กับสายลม แสงแดดริมหาดเลย แต่ก็ยังสามารถได้วิวของหาดอยู่แน่นอน ส่วนบริเณหน้าหาดที่เราสามารถเดินออกมาได้จะเป็นหน้าหาดส่วนที่เกือบๆจะสุดถนนเลียบหาด ( มาประมาณ 1 กิโลเมตร จะสุดถนนเลียบหาด ) ซึ่งถือว่าค่อนข้างสงบ มีความเป็นส่วนตัวประมาณนึงแต่ไม่มาก เพราะยังมีถนนให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวหาดได้สะดวกอยู่ค่ะ
ความอุดมสมบูรณ์ของโครงการจะหาของทานแบบเป็นเรื่องเป็นราวยากหน่อย ต้องขับหากันไกล แต่ถ้าเป็นคนง่ายๆ ใกล้ๆโครงการจะมีร้านขายของชำเล็กๆ และสามารถหาของกินได้ตามถนนเลียบหาดจะมีทั้งร้านอาหารพวกซีฟู้ดขนาดกลางๆและร้านรถเข็นเปิดขายเยอะทุกวัน แต่วันธรรมดาอาจจะเงียบกว่าวันหยุดหน่อยค่ะ นอกเหนือจากนี้แล้วก็ต้องขับไปถนนเส้นเพชรเกษม หรือไปแถวสะพานปลาชะอำนี่ก็จะมีกุ้ง หอย ปู ปลาให้เลือกอย่างจุใจเลยค่ะ
การเดินทาง
การเดินทางวันนี้ขับกันไกลหน่อยค่ะ เราเริ่มเดินทางจากในกรุงเทพโดยใช้ทางด่วนเฉลิมมหานคร มุ่งหน้าดาวคะนองวิ่งตรงออกไปทางสมุทรสาครและเพชรบุรี โดยใช้ถนนเส้นหลักคือถนนเพชรเกษม ผ่านแยกชะอำแล้วเข้าถนนหนองแจงบริเวณตรงข้ามกับวนอุทยานชะอำ ตรงมาเรื่อยๆจนเกือบสุดทางแล้วเลี้ยวเข้าถนนเจ้าลาย โครงการ Lumpini Seaview ชะอำ จะอยู่ทางซ้ายมือตรงกันข้ามกับโครงการ Lumpini Park Beach ชะอำค่ะ
สรุปการเดินทาง จุดขึ้นทางด่วนเฉลิมมหานคร > สมุทรสาคร > ชะอำ > แยกชะอำ > ถนนหนองแจง > ถนนเจ้าลาย > โครงการ Lumpini Seaview ชะอำ
เริ่มต้นการเดินทางกันที่กรุงเทพมหานคร ใช้ทางด่วนเฉลิมมหานครมุ่งหน้าดาวคะนองค่ะ
ขับตรงตามป้ายดาวคะนองไปเรื่อยๆเลยค่ะ
ตรงมาตามป้ายดาวคะนองมาสักพักเราจะเห็นป้ายบอกทางแยกไปสมุทรสาคร เราก็ตรงตามป้ายต่อไปค่ะ
ลงมาจากทางด่วนแล้วเราก็จะเห็นป้ายบอกทางไปสมุทรสาคร ขับง่ายๆค่ะ ตรงไปเลยยาวๆ
ตอนนี้เราเขตจังหวัดสมุทรสาครแล้วค่ะ
ขับตรงตามทางมาเรื่อยๆเราก็จะเจอป้ายบอกทางไปเพชรบุรี เราก็ขับตามป้ายกันต่อไปค่ะ
ผ่านจังหวัดสมุทรสงคราม
ยังคงขับตามป้ายมุ่งหน้าไปเพชรบุรีค่ะ
เห็นป้ายนี้ให้เตรียมตัวเบี่ยงออกซ้ายนะคะ
ขับมาอีกไม่นานเราก็ถึงจังหวัดเพชรบุรีแล้วค่าา
เมื่อเราเข้ามาในเขตจังหวัดเพชรบุรีก็จะมีป้ายบอกทางสำหรับแยกไปในตัวเมืองเพชรบุรี และไปประจวบคีรีขันธ์และชะอำ จุดหมายปลายทางของเราในวันนี้ค่า
ขับตามทางมาเรื่อยๆเห็นป้ายนี้แล้วเตรียมเบี่ยงออกเลนซ้ายค่ะ
เราเลี้ยวไปแยกซ้ายเพื่อไปชะอำ ส่วนทางขวาจะเข้าประจวบคีรีขันธ์นะคะ
ขับมาเรื่อยๆตามถนนเพชรเกษมมา เราก็จะเข้าสู่เขตชะอำค่ะ โดยแยกแรกที่เราจะต้องผ่านคือแยกชะอำ จากตรงนี้เราสามารถเลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าถนนนราธิปที่สามารถวิ่งทะลุออกไปถึงโครงการได้เช่นกัน แต่วันนี้เราจะตรงไปก่อนนะคะ
เลยแยกมาไม่ไกลจะผ่านทางเข้าถนนราษฎร์พลี ซึ่งสามารถใช้เป็นเส้นทางเข้าโครงการได้อีกเช่นกันค่ะ
เราขับตรงมารื่อยๆผ่าน BigC ซึ่งเป็น Hyper Market ที่ใกล้กับตัวโครงการที่สุดแล้วในละแวกนี้นะคะ
ขับตรงมาเรื่อยๆพอเราเห็นสะพานแล้วให้เตรียมชิดซ้ายค่ะ
เลี้ยวซ้ายเข้าถนนหนองแจง ที่จะอยู่ตรงข้ามกับวนอุทยานชะอำ
ถนนเส้นนี้เป็นถนน 2 เลน กั้นด้วยเกาะกลางขับค่อนข้างสบายค่ะ สามารถใช้ทะลุไปจนถึงหน้าหาดชะอำได้ด้วยค่ะ
ตรงมาเรื่อยๆจนเกือบสุดถนนจะเจอทางแยกให้เราเลี้ยวซ้าย
เราเลี้ยวซ้ายมาแล้วเราจะเข้าสู่ถนนเจ้าลาย ขับตามถนนมาหน่อยเดียวเราจะเห็นโครงการ Lumpini Park Beach ทางขวามือค่ะ
เลย Lumpini Park Beach ชะอำ มาหน่อยเดียวก็จะถึง Sale Office ของโครงการ Lumpini Seaview ชะอำ แล้วค่าา
Sale Office จะอยู่หน้าที่ดินของโครงการเลยค่ะ
ข้าง Sale Office จะมีป้ายคอนโดลุมพินีเห็นชัดเจน
ภายใน Sale Office สว่างและกว้างขวาง
มีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการหลายคนค่ะ
อีกด้านจะเป็นที่นั่งรับรอง, ข้อมูลโครงการ และห้องตัวอย่าง 3 แบบค่ะ
ถนนและแยกที่สำคัญรอบๆโครงการ
ถนนหนองแจง 230 ม.
ซอยร่วมจิตร ( ถนนเลียบหาดชะอำ ) 300 ม.
ถนนเพชรเกษม 1.1 กม.
ถนนราษฎร์พลี 1.2 กม.
ถนนนราธิป 1.8 กม.
แยกชะอำ 2.5 กม.
สถานที่สำคัญบริเวณโครงการ
วนอุทยานชะอำ 1.4 กม.
สถานีรถไฟชะอำ 3.3 กม.
สะพานปลาชะอำ 5 กม.
จุดชมวิวชายทะเลชะอำ 2 กม.
BigC 2.3 กม.
รอบๆโครงการ
สภาพแวดล้อมโดยรวมรอบๆโครงการก็จะเป็นแบบต่างจังหวัด ติดทะเลทั่วๆไป โดยส่วนมากจะเป็นที่พักอาศัยแรวราบของชาวบ้าน ส่วนตึกสูงๆหน่อยจะเป็นรีสอร์ท โรงแรมและคอนโดตากอากาศ สำหรับตัวโครงการเอง ทิศเหนือ จะติดกับที่ตินเปล่า ทิศตะวันออก หรือหน้าโครงการจะติดกับถนนเจ้าลาย ฝั่งตรงข้ามเป็นโครงการ Lumpini Park Beach คอนโด Low Rise สูง 4 ชั้น ทิศตะวันตก ติดกับที่พักอาศัยสูง 1 – 2 ชั้น และทิศใต้ ติดกับที่ดินเปล่าค่ะ
ก่อนไปดูรายละเอียดโครงการเรามาเดินดูรอบๆกันสักหน่อยก่อนนะคะ เริ่มจากด้านหน้าที่ดินโครงการ จะติดกับถนนเจ้าลาย และโครงการ Lumpini Park Beach
ทางซ้ายมือเป็นถนนเจ้าลายฝั่งมุ่งหน้าไปถนนนราธิป
ทางขวามือเป็นถนนเจ้าลายฝั่งมุ่งหน้าไปถนนหนองแจงและหน้าหาดค่ะ
ติดกับโครงการเลยจะเป็นที่ดินเปล่า
มีรีสอร์ทเล็กๆ 1 แห่ง
เราเดินมุ่งหน้าไปทางถนนหนองแจ้งค่ะ
เดินมาจากโครงการไม่ไกลจะมีร้านขายของชำเล็กๆ
ถึงถนนหนองแจ้ง ถ้าเราไปทางขวามือจะพาเราไปออกถนนเพชรเกษม แต่เดี๋ยวเราจะเดินไปดูทางซ้ายมือเพื่อไปดูบริเวณหน้าหาดกันนะคะ
ฝั่งขวามือมุ่งหน้าไปถนนเพชรเกษม เป็นถนน 2 เลนกว้างๆ ขับสะดวก แต่ต้องระวังมอเตอร์ไซด์หน่อยนะคะ มีเด็กๆขับกันด้วย
ซ้ายมือมุ่งหน้าหาดชะอำค่ะ
ทางเดินไปหน้าหาดจะมีอาคารพาณิชย์สูง 2 – 3 ชั้นและบ้านเดี่ยวของชาวบ้านอยู่ริมทางแบบนี้
สุดทางเป็นถนนเลียบหาด หรือถนนร่วมจิตร
วิวหน้าหาดบริเวณนี้ค่ะ ริมทางเป็นต้นสนหลายต้นให้ร่มเงา ส่วนทรายริมหาดก็สะอาด ละเอียดพอประมาณ แต่ไม่ขาวใสกิ๊งนะคะ
หันกลับไปดูฝั่งถนนเลียบหาด เราจะเห็นโครงการ Lumpini Park Beach คอนโด
วิวรอบๆโครงการ
เนื่องจากเป็นโครงการคอนโดพักตากอากาศที่เน้นวิวทะเล วันนี้เราเลยเก็บภาพที่ความสูงประมาณชั้นที่ 20 มาให้ดูกันค่าา โดยชั้นที่สามารถมองเห็นวิวทะเลแบบสวยๆได้ก็น่าจะอยู่ที่ประมาณชั้น 10 ขึ้นไปค่ะ
วิวทางทิศเหนือจะได้มุมมองที่เปิดโล่ง ส่วนใหญ่จะเป็นที่พักอาศัยแนวราบ 1 – 3 ชั้น ไม่มีอาคารสูงมาบังวิว มองไปไกลๆจะเห็นแนวชายหาดชะอำด้วยค่ะ
วิวจากทางทิศใต้มองไปจะเห็นที่พักอาศัยสูง 1 – 3 ชั้น และถนนหนองแจง เส้นที่เราใช้เข้ามายังตัวโครงการค่ะ
วิวทางทิศตะวันออกหรือฝั่งหน้าโครงการ ถือเป็นฝั่งที่มีวิวสวยที่สุดของโครงการ มองไปเห็นหาดชะอำกว้างๆ ไม่มีอาคารสูงมาบังเลยค่ะ
วิวทางทิศตะวันตกหรือฝั่งหลังโครงการเป็นวิวที่มองไปทางฝั่งถนนเพชรเกษม ถนนเส้นหลักที่ใช้เดินทางมาชะอำ และมองเห็นภูเขาไกลๆ
ตัวโครงการ
โครงการ Lumpini Seaview ชะอำ เป็นโครงการคอนโด High Rise ที่ตั้งอยู่ใกล้หน้าหาดชะอำ เหมาะสำหรับพักตากอากาศ หน้าตาโดยรวมของโครงการก็เรียบๆตามเอกลักษณะของคอนโดลุมพินีค่ะ โดยตัวโครงการจะแบ่งออกเป็น 2 เฟส 2 อาคาร คืออาคาร A และอาคาร B บนพื้นที่รวมประมาณ 7 ไร่ ซึ่งวันนี้ส่วนที่เราจะพาไปดูรายละเอียดกันคือ อาคาร B ส่วนตัวอาคาร A ยังไม่มีรายละเอียดออกมา ณ ตอนนี้ แต่ถ้ามีอัพเดทเราจะมาเพิ่มเติมข้อมูลกันภายหลังนะคะ
สำหรับตัวอาคาร B จะเป็นอาคารสูง 20 ชั้น จำนวนยูนิตพักอาศัย 453 ยูนิต เฉลี่ยยูนิตพักอาศัยต่อชั้นประมาณ 37 : 1 ยูนิต โดยตัวอาคารจะมีส่วน Facilities อยู่ที่ชั้น 1 และ พื้นที่จอดรถจะอยู่ที่ชั้น 2 – 4 โดยจะสามารถจอดได้ทั้งหมด 180 คัน หรือคิดเป็น 25% ( รวมจอดซ้อนคัน )
ก่อนไปดูผังเรามาดูทิศทางแดด ลม กันสักหน่อย ห้องพักในทั้งอาคาร A และ B เกือบทั้งหมดจะหันหน้าไปทางทิศเหนือและใต้ ไม่ใช่ทิศตะวันออกหรือตะวันตกเพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องกังวัลว่าห้องจะร้อนจัดเท่าไหร่ ส่วนถ้าจะเทียบห้องทิศเหนือและใต้ ก็ต้องบอกว่าห้องทิศเหนือจะเย็นกว่าทิศใต้อยู่สักหน่อยค่ะ ส่วนเรื่องลมที่พัดผ่านมาก็จะได้ทั้ง 2 ด้าน ถ้าเป็นลมดูร้นก็จะมาจากทางทิศใต้เป็นหลัก ส่วนถ้าเป็นลมฤดูหนาวก็จะมาทางทิศเหนือ ใครจะพอใจห้องแบบไหนนั้นก็ต้องลองพิจารณากันดูนะคะ
มาดูกันที่ผังรวมของโครงการกันก่อนนะคะ จากผังรวมขนาดใหญ่อย่างแรกที่เราสังเกตุได้เลยคือตัวโครงการ The Lumpini Seaview นี้จะตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการ Lumpini Park Beach บนถนนเจ้าลายซึ่งเป็นโครงการคอนโดสไตล์รีสอร์ทรุ่นพี่ในเครือ Lumpini เหมือนกันค่ะ
มาดูในพื้นที่โครงการ Lumpini Seaview จะมีการแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 เฟส โดยพื้นที่ฝั่งหน้าโครงการจะเป็นพื้นที่ของอาคาร A และพื้นที่ด้านหลังจะเป็นที่ของอาคาร B ทั้ง 2 เฟสจะใช้ทางเข้า – ออก ทางเดียวกัน จากถนนเจ้าลาย โดยทางเข้าออกจะต้องผ่านป้อมรปภ. และใช้ระบบคัดกรองลูกบ้านโดย Key Card Access ค่ะ
มาลองดูตัว Model กันบ้างจะได้มองเห็นภาพกันได้ง่ายๆ เริ่มจากทางเข้าและออกโครงการร่วมกันจากถนนเจ้าลายของอาคาร A และ B
เลี้ยวเข้ามาในพื้นที่ของโครงการจะต้องผ่านป้อมรปภ. แยกทางเข้าออก ใช้ระบบรั้วกั้นไม้กระดก และ Key Card Access
เข้ามาในที่ดินของโครงการจะเห็นว่าจะถูกแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน ด้านหน้าเป็นพื้นที่ของอาคาร A และพื้นที่ด้านหลังเป็นของอาคาร B
เข้ามาในพื้นที่โครงการปุ๊ปก็จะมีถนนแยกเป็น 2 ทาง คือถนนเส้นหลักที่วิ่งตรงไปยังอาคาร B และถนนทางซ้ายที่ใช้วิ่งเข้าไปในพื้นที่ของอาคาร A
เมื่อเข้ามาถึงประมาณกลางที่ดินก็จะเจอถนนกั้นระหว่างอาคาร A กับอาคาร B เป็นถนนที่ใช้วนรอบอาคารค่ะ
อีกด้านของตัวอาคารค่ะ
มาดูผังอาคาร B แบบ ซูมๆ กันต่อค่ะ เริ่มจากผังชั้น 1 เราสามารถแบ่งตัวอาคารได้เป็น 2 ส่วนคือส่วนของที่จอดรถ จะเป็นโซนด้านหลัง และโซนด้านหน้าจะเป็นส่วนของ Facility อื่นๆ โดยทั้ง 2 โซนนี้จะถูกแบ่งด้วยถนนที่ใช้เข้าที่จอดรถค่ะ อย่างที่บอกว่า Facility หลักๆของอาคาร B นี้จะอยู่ที่ชั้น 1 โซนด้านหน้าทั้งหมด เริ่มจากส่วนของสระว่ายน้ำและฟิตเนสจะอยู่ด้านหน้าอาคาร แยกออกมาจากตัวอาคารหลัก ถ้าเราขับรถเข้าโครงการมาตามถนนหลักก็จะเห็นส่วนสระว่ายน้ำและห้องฟิตเนสได้จากภายนอกอาคารค่ะ ส่วน Facility อื่นๆคือ Library, ห้องผู้สูงอายุ, ห้องกิจกรรมเด็ก, Laundry และโถงทางเข้า + โถงลิฟท์จะอยู่ภายในตัวอาคาร สามารถเข้าได้จากทางเข้าหลักค่ะ
ส่วนตัวโถงลิฟท์จะประกอบไปด้วยลิฟท์โดยสารทั้งหมด 2 ตัว ถ้าเอามาคิดเป็นอัตราส่วนห้องพักกับจำนวนลิฟท์แล้วก็จะอยู่ที่ประมาณ 226 : 1 ซึ่งถือว่าหนาแน่นมาก แต่เนื่องจากเป็นคอนโดที่มีจุดประสงค์เพื่อมาพักตากอากาศ ลูกบ้านจึงอาจจะไม่รีบร้อนกันเท่าไหร่ และอาาจจะไม่ได้มีคนมาอยู่ประจำเยอะๆ เหมือนคอนโดในตัวเมือง ความหนาแน่นตรงนี้จึงอาจจะไม่ค่อยเป็นปัญหาเท่าไหร่ แต่ถ้าใครใจร้อนอาจจะต้องทำใจนิดนึงถ้ามีคนใช้งานพร้อมๆกันเยอะๆค่ะ
หน้าตาโดยรวมของพื้นที่ชั้น 1
สระว่ายน้ำแบบ Out door และฟิตเนสที่เป็นอาคารเล็กๆแยกออกมาจากตัวตึก
ข้างสระว่ายน้ำก็จะมีสวนหย่อมสำหรับเดินเล่น
ภาพจำลองบรรยากาศทางเข้าของโครงการ
ภาพจำลองบรรยากาศสวนหย่อมข้างอาคาร
ส่วนทางเดินเล่นในสวน
โซนนั่งพักผ่อน
สระว่ายน้ำ Outdoor
ตัวสระเป็นระบบน้ำล้น
ขึ้นมาที่ชั้น 2 – 4 จะยังคงแยกเป็น 2 ส่วนคือเป็นส่วนของลานจอดรถและส่วนพักอาศัย โดยในชั้น 2 – 4 นี้จะมียูนิตพักอาศัยน้อยกว่าชั้นอื่นๆ มีความเป็นส่วนตัวมากกว่า ซึ่งแบบห้องที่มีในชั้นนี้จะประกอบไปด้วย
แบบ 1 Bedroom
ขนาด 25.50 ตร.ม
ขนาด 26.00 ตร.ม
ขนาด 30.00 ตร.ม
แบบ 2 bedroom
ขนาด 31.50 ตร.ม
ขนาด 39.00 ตร.ม
ชั้น 5 – 20 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยล้วนๆ โดยจะไม่มีการแบ่งโซนเป็นพื้นที่จอดรถแล้วค่ะ ตัวโถงทางเดินของชั้นนี้ก็จะเป็นโถงทางเดินยาวๆ มีโถงลิฟท์อยู่บริเวณค่อนมาด้านหน้าอาคาร เพราะฉะนั้นคนที่อยู่ห้องท้ายๆก็อาจจะต้องเดินกันไกลหน่อย แต่ก็ได้ในเรื่องของความเป็นส่วนตัวค่ะ สำหรับห้องพักจะมีทุกขนาดตั้งแต่แบบ Studio ไปจนถึง 2 Bedroom ค่ะ โดยขนาดห้องก็จะมีต่างๆกัน ดังนี้
แบบ Studio
ขนาด 22.50 ตร.ม.
ขนาด 23.00 ตร.ม.
แบบ 1 Bedroom
ขนาด 25.50 ตร.ม.
ขนาด 26.00 ตร.ม.
ขนาด 30.00 ตร.ม.
แบบ 2 bedroom
ขนาด 31.50 ตร.ม.
ขนาด 36.00 ตร.ม.
ขนาด 39.00 ตร.ม.
ห้องตัวอย่าง
แบบห้องในโครงการจะมีทั้งห้องแบบ Studio ขนาด 22.50 ตร.ม , 1 Bedroom ขนาด 26.00 ตร.ม และ 2 Bedroom ขนาด 39.00 ตร.ม ค่ะ โดยแต่ละขนาดก็จะมีการวางผังในห้องที่แตกต่างกันไป ซึ่งทางโครงการจะมีห้องตัวอย่างมาให้ดูทั้ง 3 แบบ และเราก็จะพาทุกคนไปชมทั้ง 3 แบบเลยค่ะ
เริ่มที่ห้องแบบแรก เป็นห้องแบบ Studio ขนาด 22.50 ตร.ม เมื่อเปิดเข้าไปในห้องจะเจอส่วนของห้องครัวมีลักษณะเป็นครัวเปิด ครัวนี้จะมีเคาน์เตอร์พร้อมอ่างล้างจานมาให้ จากส่วนครัวจะมีพื้นที่ต่อเนื่องไปเป็นส่วนทานอาหารและห้องรับแขก จากส่วนห้องรับแขกนี้จะสามารถเชื่อมต่อออกไปยังระเบียงภายนอกได้ค่ะ
ส่วนห้องครัวก็จะมีพื้นที่ต่อเนื่องมาจากห้องรับแขกเช่นกัน โดยส่วนห้องนอนและห้องรับแขกนี้จะไม่มีผนังกั้น ตามสไตล์ของห้องแบบ Studio ค่ะ ส่วนห้องน้ำก็สามารถเข้าได้จากส่วนห้องนอน ภายในห้องน้ำจะได้แบบแยกส่วนห้องส่วนเปียกไว้ให้โดยการลดระดับพื้นแต่จะไม่มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้ค่ะ
ไปดูของจริงกันเลยค่ะ ห้องขนาด 22.50 ตร.ม.
เข้ามาในห้องพื้นจะเป็นลามิเนตลายไม้สีน้ำตาลทั้งห้องยกเว้นห้องน้ำและระเบียง มีตัวจบกั้นไว้ให้เรียบร้อยค่ะ
เข้ามาในห้องจะเจอกับส่วนครัวประกบทางซ้ายและขวา ซึ่งจะได้เป็นครัวแบบเปิด เหมาะสำหรับเตรียมและอุ่นอาหารเล็กๆน้อยๆค่ะ แต่ถ้าใครที่ชอบทำอาหารทานเอง แนะนำให้กั้นห้องนะคะ ไม่งั้นกลิ่นคงคละคลุ้งไปติดเฟอร์นิเจอร์เป็นแน่แท้ ส่วนการกั้นห้องสำหรับพื้นที่จำกัดแบบนี้เราก็แนะนำให้กั้นห้องด้วยวัสดุที่จะไม่ทำให้ห้องทึบตัน อย่างประตูบานกระจกค่ะ
พื้นที่ของห้อง Studio ทั้งหมดจะได้ไฟดาวน์ไลท์มา 3 ดวง
เรามาดูส่วนครัวกันก่อนค่ะ
เนื่องจากทางโครงการจายเป็น Fully Furnished ชุดเคาน์เตอร์ครัวที่เราเห็นอยู่นี้จะได้ครบทั้งตัวเคาน์เตอร์, ตู้เก็บของด้านบนและซิงค์ล้างจาน ยกเว้นเตาไมโครเวฟอันนี้ต้องหามาใส่กันเองนะ
ตัวเคาน์เตอร์ Top ลามิเนต พื้นที่เตรียมอาหารกว้างพอประมาณ
ซิงค์ล้างจานของ Camar – Tec ขนาดค่อนข้างแคบไปหน่อยค่ะ
ด้านล่างเคาน์เตอร์มีช่องเก็บของ 2 ช่องและ ตู้เก็บของแบบมีฝาเปิดใต้ซิงค์ล้างจานอีก 1 ช่อง
มือจับของบานเปิดตู้เฉียง 45 องศา ช่วยให้จับสะดวก
ส่วนด้านบนเคาน์เตอร์ก็จะได้ช่องเก็บของ 3 ช่องตามรูป
ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวจะเป็นที่วางตู้เย็นและพื้นที่สำหรับทานอาหาร
ชุดโต๊ะทานอาหารที่ได้จะเป็นชุดโต๊ะเล็ก 2 ตัว ตั้งประกบกัน พร้อมเก้าอี้ 2 ที่นั่ง
เดินเข้ามาในห้องแล้วลองมองย้อนกลับไปดูส่วนครัวค่ะ
ติดกับส่วนครัวและส่วนทานอาหารจะเป็นห้องรับแขกค่ะ ส่วนนี้จะมีช่องแสง 1 จุด เป็นประตูที่เขื่อมออกไปยังระเบียงนอกห้อง
สำหรับโซฟานั่งพักผ่อนจะได้โซฟาขนาด 2 ที่นั่ง แบบเรียบๆ พนักพิงด้านหลังก็เตี้ยๆหน่อย นั่งนานๆอาจจะไม่สบายเท่าไหร่ ส่วนระยะของตัวโซฟาที่ได้มานี้ก็ดูพอดีๆ ยังเหลือที่เป็นทางเดินไปห้องนอนได้ ไม่เกะกะค่ะ
อีกด้านเป็นชั้นวางทีวี พร้อมชั้นวางของด้านบนซึ่งทั้งชุดนี้ทางโครงการจะให้มาด้วยนะคะ
ระยะวางทีวีประมาณ 1.1 เมตร สามารถวางทีวีขนาด 26″ จะได้ระยะดูทีวีที่สบายตาค่ะ
ประตูเชื่อมห้องนั่งเล่นกับระเบียงจะได้เป็นประตูบานเลื่อนเดี่ยว บานกรอบอลูมิเนียมสีธรรมชาติ
พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ลดระดับลงไปประมาณ 10 ซม.
ราวกันตกเป็นคอนกรีตก่อเชื่อมมาจากผนังห้อง มีเว้นช่องไว้ระบายอากาศแบบนี้
มือจับแบบเซาะร่องและตัวล็อคหน้าตามาตรฐาน
บริเวณระเบียงจะได้ไฟติดผนังมา 1 ดวง ขนาดระเบียงกว้างประมาณ 2.7 x 0.8 ม. สามารถใช้ตากผ้าได้ หรือจะวางไม้กระถางเล็กๆก็พอจะได้อยู่ค่ะ
พื้นที่ระเบียงอีกด้านสามารถที่จะใช้ติดตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์ได้
มาดูในส่วนของห้องนอนกันต่อค่ะ เนื่องจากเป็นห้องแบบ Studio จึงไม่มีการกั้นห้องมาให้ ห้องก็จะโปร่งๆโล่งๆให้เราสามารถจัดห้องได้เองตามใจเลยค่ะ
ห้องนี้จะมีช่องแสง 1 จุด เป็นหน้าต่างบานเลื่อนเดี่ยว บานกรอบอลูมิเนียมสีธรรมชาติ
เตียงที่เราได้มาในห้องนอนจะได้เป็นเตียงขนาดควีนไซส์ค่ะ
ที่หัวเตียงก็จะมีชั้นวางของเล็กๆ สามารถวางของโชว์หรือวางโทรศัพท์ตอนนอนก็ได้นะคะ
ใต้เตียงจะมีช่องเตี้ยๆไว้เผื่อซ่อนของเล็กๆน้อยๆได้
พื้นที่ข้างเตียงฝั่งหน้าต่างเหลือประมาณ 60 ซม. ระยะพอให้เราเดินมาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนได้สบายๆ หรือจะหาโต๊ะเล็กๆมาวางไว้ที่หัวเตียงก็ได้
อีกด้านของห้องจัดเป็นตู้เสื้อผ้า และห้องน้ำ
ระยะข้างเตียงฝั่งนี้จะเหลือประมาณ 90 ซม. พอให้ยืนเลือกเสื้อผ้าแต่งตัวได้
ตู้เสื้อผ้าที่ได้จะได้เป็นตู้เสื้อผ้าบานเปิด ลายไม้สีอ่อน ด้านในเปิดออกมาก็จะมีที่สำหรับแขวนเสื้อผ้าและลิ้นชักเก็บของอีก 2 ชั้น
มือจับเป็นชิ้นไม้ประกบกับตัวบานจับได้สะดวกดี แต่ถ้ามือเปียกๆมาอาจจะลื่นหน่อยนะคะ
บานเลื่อนลิ้นชักปาดเอียง 45 องศา
มาดูในส่วนของห้องน้ำกัน
ธรณีห้องน้ำยกตัวขึ้นมาสูงประมาณ 10 ซม.
ภายในห้องน้ำจะได้ไฟดาวน์ไลท์ 1 ดวง
เข้ามาด้านในห้องน้ำพื้นและผนังปูกระเบื้องเซรามิค ส่วนสุขภัณฑ์จะได้มาครบชุดพร้อมแยกส่วนแห้งส่วนเปียกมาให้เรียบร้อยค่ะ
อ่างล้างมือทรงกลมพร้อมก๊อกน้ำเย็น American Standard มีที่วางของนิดหน่อย แต่ถ้ามีของใช้เยอะๆอาจจะต้องหาชั้นวางของแบบติดผนังเล็กๆมาติดตั้งค่ะ
โถสุขภัณฑ์พร้อมสายชำระของ American Standard และที่วางกระดาษชำระของ Marvel ระยะการติดตั้งใช้งานได้สะดวก
สายชำระขนาดพอดีๆ
อีกด้านของห้องจะเป็นส่วนอาบน้ำ ซึ่งตรงนี้จะมีการแยกโซนมาให้โดยการลดระดับพื้นลงไปประมาณ 2 ซม. แต่จะไม่มี Shower Box มาให้ ซึ่งเราก็สามารถติดตั้งเองได้ไม่ยากค่ะ หรือถ้าคิดว่าแค่มาพักผ่อนบ้างเป็นครั้งคราวก็สามารถที่จะติดตั้งแค่ม่านกั้นอาบน้ำได้ค่ะ
พื้นที่ส่วนอาบน้ำติดตั้งฝักบัวอาบน้ำและเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้เรียบร้อย
โดยเครื่องทำน้ำอุ่นที่ติดตั้งมาให้เป็นของยี่ห้อ Sharp ค่ะ
ด้านล่างฝักบัวก็จะมีก๊อกน้ำสำหรับซักผ้าติดตั้งมาให้ด้วย
พื้นที่ยืนอาบน้ำขนาดประมาณ 1.2 x 0.8 ม. พอให้ยืนอาบได้สบายๆ
มาต่อกันที่ห้องแบบที่ 2 เป็นห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 26.00 ตร.ม ด้านกว้างและด้านยาวของห้อง 5.2 x 5.2 เมตร ถ้าเราดูจากผังจะเห็นว่าการวางแปลนห้องของแบบ Studio กับห้องแบบ 1 Bedroom นั้นแทบจะเหมือนกันเลย แตกต่างกันแค่ที่ห้อง 1 Bedroom นี้จะมีกำแพงกั้นระหว่างห้องนอนกับห้องรับแขกและมีพื้นที่สำหรับครัวเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย ส่วนของแถมในห้องจะได้มาเหมือนในห้องแบบ Studio เลยค่ะ
เราไปดูของจริงกันเลยค่ะ
เข้ามาในห้องเราจะเห็นว่าพื้นที่จะถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน ฝั่งซ้ายจะเป็นส่วนของพื้นที่ทานอาหารต่อเนื่องไปส่วนห้องนั่งเล่น ฝั่งขวามือจะเป็นพื้นที่ครัว, ห้องนอนและห้องน้ำ
ส่วนแรกที่เราจะไปดูกันคือพื้นที่ทางฝั่งซ้ายกันก่อนนะคะ
โดยพื้นที่ตั้งแต่ส่วนทานอาหารยาวไปจนห้องรับแขกจะได้ไฟดาวน์ไลท์ทั้งหมด 2 ดวง
พื้นที่ส่วนทานอาหารจะได้ชุดโต๊ะทานอาหารแบบ 2 ที่นั่งค่ะ
ซึ่งถ้าเราดูจากพื้นที่ ที่ยังเหลือแล้วจะเห็นว่ายังมีที่สำหรับวางได้อีกถึง 3 – 4 ที่นั่ง ถ้าเรามีเพื่อนเยอะก็สามารถเปลี่ยนเป็นโต๊ะแบบพับเผื่อเวลาเพื่อนๆมาเที่ยวหลายคนก็สามารถกางออกมาเพื่อปาร์ตี้สังสรรค์ได้
พื้นที่ต่อเนื่องจากส่วนทานอาหารจะเป็นส่วนของห้องนั่งเล่น ได้รับแสงธรรมชาติหลักจากประตูเชื่อมระเบียงภายนอก
โซฟาห้องนั่งเล่นที่ได้จะได้เป็นโซฟา 2 ชิ้น ขนาด 3 ที่นั่ง โดยตัวโซฟาหลักจะได้เป็นแบบเหมือนห้อง Studio และเพิ่มตัวโซฟาเสริมมาอีก 1 ที่นั่งค่ะ
ด้านตรงข้ามโซฟาก็จัดมาเป็นชั้นวางทีวี และมีชั้นวางของ 2 ชั้นด้านบนค่ะ
ชั้นวางของด้านบนจะแตกต่างจากห้องแบบ Studio คือจะได้เป็นที่วางของ 2 ชั้นแบบนี้ ส่วนตู้วางทีวีชั้นล่างจะได้เป็นแบบเดียวกันกับห้อง Studio เลยค่ะ
สำหรับระยะดูทีวีของห้องนี้จะอยู่ที่ประมาณ 1.2 เมตร สามารถวางทีวีขนาด 26″ – 34″ ได้
ติดกับส่วนห้องนั่งเล่นจะเป็นประตูออกไปยังระเบียงนอกห้อง
ขนาดของระเบียงประมาณ 2.4 x 0.8 ม. ขนาดพอๆกับห้องแบบ Studio ค่ะ
ส่วนระเบียงจะได้ไฟติดผนังมา 1 ดวง เราจะเห็นว่าห้องนี้ต้องใช้คอมเพรสเซอร์ 2 ตัว ติดเกือบเต็มหน้ากว้างระเบียงด้านบน โดยจะเป็นคอมเพรสเซอร์ในส่วนของพื้นที่ห้องนั่งเล่นและห้องนอนค่ะ
กลับเข้ามาภายในห้องมองออกไปทางฝั่งประตูทางเข้าเราจะเห็นพื้นที่ส่วนครัวทางซ้ายมือ
เรามาดูในส่วนครัวกันค่ะ พื้นที่ครัวของห้องนี้จะได้มาค่อนข้างกว้างใช้งานได้สะดวก โดยครัวที่ได้จะได้เป็นแบบครัวเปิดซึ่งตรงนี้ถ้าดูจากพื้นที่ก็คิดว่าน่าจะกั้นเป็นครัวปิดได้ไม่ยาก แต่อาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่เพราะอยู่ติดกับห้องนอน ถ้าระบบระบายอากาศไม่ดีก็มีสิทธิที่กลิ่นจะเข้าไปในห้องนอนได้มาก สู้เปิดให้อากาศถ่ายเทออกไปทางห้องนั่งเล่นและระเบียงจะดีกว่านะคะ
ส่วนครัวจะได้ไฟดาวน์ไลท์ 1 ดวง
ภาพรวมของเคาน์เตอร์ครัวที่ได้
ชุดเคาน์เตอร์ครัวที่ได้จะกว้างกว่าห้องแบบที่แล้วนิดหน่อย มีพื้นที่เตรียมอาหารมากขึ้น แต่ก็ยังได้มาแค่ซิงค์ล้างจานอย่างเดียวเหมือนเดิมนะคะ
ใต้เคาน์เตอร์จะได้ช่องเก็บของ 4 ช่อง และตู้เก็บของใต้อ่าง 1 บาน
ข้างเคาน์เตอร์ครัวจะมีที่เหลือให้วางถังขยะได้ แต่อันนี้เค้าตกแต่งมากให้ดูเฉยๆ ไม่ได้แถมมาให้นะคะ
ติดกับห้องครัวจะเป็นห้องน้ำค่ะ
พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ระหว่างห้องน้ำกับห้องครัวจะมีธรณีก่อขึ้นมาสูงประมาณ 10 ซม.
ผนังภายในห้องน้ำกรุด้วยกระเบื้องเซรามิคสีฟ้าอ่อนและกระเบื้องตกแต่งสีน้ำตาล
ได้ไฟดาวน์ไลท์มา 1 ดวง
ชุดอ่างล้างมือ American Standard พร้อมกระจกเงาแบบติดผนัง
อ่างล้างมือทรงกลมมีที่วางของนิดหน่อย
โถสุขภัณฑ์ American Standard พร้อมสายชำระและที่วางกระดาษชำระ ตำแหน่งติดตั้งจะอยู่ใกล้ๆกับพื้นที่อาบน้ำจึงอาจจะมีน้ำกระเซ็นมาเปียกตัวโถบ้างถ้าเราไม่ใช้ม่านกั้นอาบน้ำค่ะ
พื้นที่อาบน้ำจะถูกลดระดับลงไปประมาณ 2 ซม. พร้อมฝักบัวอาบน้ำและเครื่องทำน้ำอุ่น ขนาดฝักบัวแอบเล็กไปนิด
พื้นที่อาบน้ำขนาดกระทัดรัด ประมาณ 1.3 x 0.7 เมตร
เราไปดูในส่วนของห้องนอนกันต่อค่ะ
พื้นห้องนอนปูด้วยลามิเนตยาวต่อเนื่องไปจากห้องครัว มีตัวจบกั้นเรียบร้อยค่ะ
ภายในห้องนอนตกแต่งมาแบบเรียบง่าย สบายตา มีช่องแสง 1 จุด
ภายในห้องนอนจะได้ไฟดาวน์ไลท์มา 1 ดวง
ได้เตียงขนาดควีนไซส์มา 1 หลัง
ระยะที่เหลือข้างเตียงสามารถวางโต๊ะหัวเตียงเล็กๆได้ 1 ตัว
บนหัวเตียงก็จะมีชั้นวางของติดตั้งมาให้ด้วย
อีกด้านของห้องจัดเป็นตู้เสื้อผ้า โดยตู้เสื้อผ้าที่ได้แถมมาจะเหมือนกับห้องแบบที่แล้วค่ะ
และระยะการใช้งานก็พอดีๆให้ยืนส่องกระจกได้
มาต่อกันที่ห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 39.00 ตร.ม ด้านกว้างและด้านยาวของห้องประมาณ7.70 x 5.20 เมตร ถ้าดูจากแปลนจะสังเกตุได้ว่าห้อง Type นี้จะมีการจัดวางแทบจะเหมือนกับห้องแบบ a Bedroom เลย แค่เพิ่มพื้นที่ห้องนอนอีกห้องและพื้นที่ทานอาหารเข้ามา นอกจากจำนวนห้องนอนที่เพิ่มขึ้นมาแล้วห้อง Type นี้ยังมีพื้นที่ใช้สอยในแต่ละส่วนเพิ่มขึ้น และจัดได้เป็นสัดเป็นส่วนมากขึ้น แต่ห้องน้ำก็ยังมีแค่ห้องเดียวเหมือนห้องแบบอื่นๆค่ะ
ไปดูของจริงกันเลยค่ะ
เข้ามาในห้องทางฝั่งซ้ายมือเราจะเจอส่วนของห้องทานอาหารและห้องนอน ทางฝั่งขวามือจะเป็นส่วนของห้องครัว, ห้องนอน 2, ห้องนั่งเล่นและห้องน้ำค่ะ
เรามาดูทางฝั่งซ้ายกันก่อนค่ะ
ส่วนแรกเลยจะเป็นห้องทานอาหาร เฟอร์นิเจอร์ที่เราได้แถมมาในห้องนี้จะแตกต่างจากสองห้องที่แล้วค่ะ โดยเราจะได้เป็นโต๊ะเดี่ยวขนาด 4 ที่นั่ง พร้อมเก้าอี้เดี่ยว 2 ตัวและเก้าอีกยาวอีก 1 ตัว
ขนาดพื้นที่ของห้องทานอาหารสามารถใช้งานได้พอดีๆไม่อึดอัด
เก้าอี้ตัวยาวที่ได้มาจะมีช่องเก็บของใต้ที่นั่งพร้อมบานเลื่อนเปิดเปิดซ้าย – ขวาแบบนี้ค่ะ
ถัดไปเราจะมาดูส่วนของห้องนอนห้องแรกกันก่อนนะคะ
เข้ามาในห้องตกแต่งมาอย่างเรียบง่าย จุดเด่นของห้องนี้คือช่องแสงขนาดใหญ่
แต่ช่องแสงหลักของห้องนี้จะเป็นกระจกบานฟิกซ์ขนาดใหญ่ รับแสงธรรมชาติได้เยอะแต่ไม่มีหน้าต่างจึงไม่สามารถเปิดเพื่อระบายอากาศได้ ต้องอาศัยเครื่องปรับอากาศเอานะ
ภายในห้องนอนห้องนี้จะได้ไฟดาวน์ไลท์ 1 ดวง
วางเตียงขนาด 3.5 ฟุต มาให้ดูเป็นตัวอย่าง
พื้นที่ข้างเตียงที่เหลือฝั่งบานกระจกประมาณ 50 ซม. เหลือพอให้เดินมาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนได้ แต่วางโต๊ะหัวเตียงไม่น่าจะพอแล้วค่ะ
อีกด้านจัดเป็นตู้ใส่เสื้อผ้ามาให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่ตู้บานนี้จะไม่ได้แถมมาด้วยนะคะ เป็นแค่การจัดมาให้ดูระยะการใช้งานเท่านั้น
ซึ่งระยะการใช้งานส่วนตู้เสื้อผ้าก็ค่อนข้างกว้างค่ะ
โต๊ะหัวเตียงที่ได้จะเป็นโต๊ะสี่เหลี่ยมมีลิ้นชักเก็บของ 1 ช่อง
กลับมาด้านนอกเราไปดูห้องทางฝั่งขวากันบ้างค่ะ
โดยพื้นที่ห้องบริเวณห้องครัวและห้องนั่งเล่นจะได้ไฟดาวน์ไลท์ 2 ดวง
มาดูส่วนครัวกันก่อนค่ะ
ชุดเคาน์เตอร์ครัวพร้อมซิงค์ล้างจาน ใต้เคาน์เตอร์จะได้ช่องเก็บของ 4 ช่อง และตู้เก็บของใต้อ่าง 1 บาน ที่ได้แถมมาจะเหมือนในห้องแบบ 1 Bedroom ค่ะ
ให้ดูพื้นที่ทำครัวค่อนข้างกว้างค่ะ พอรองรับแก๊งเพื่อนๆมาวุ่นในครัวได้ซัก 3 – 4 คนเลย
ติดกับห้องครัวจะเป็นส่วนของห้องน้ำ
ผนังภายในห้องน้ำกรุด้วยกระเบื้องเซรามิคสีฟ้าอ่อนและกระเบื้องตกแต่งสีน้ำตาล ได้สุขภัณฑ์ครบชุด และแยกส่วนอาบน้ำไว้ให้เรียบร้อยค่ะ
ชุดอ่างล้างมือ American Standard พร้อมกระจกเงาแบบติดผนังและโถสุขภัณฑ์ American Standard พร้อมสายชำระและที่วางกระดาษชำระ
พื้นที่อาบน้ำจะถูกลดระดับลงไปประมาณ 2 ซม. พร้อมฝักบัวอาบน้ำและเครื่องทำน้ำอุ่น
พื้นที่อาบน้ำของห้อง 2 Bedroom จะเล็กกว่า 2 แบบที่ผ่านมาอยู่หน่อย คือมีขนาดประมาณ 0.9 x 0.8 เมตร เท่านั้น
ถัดมาเราจะมาดูส่วนของห้องนั่งเล่นกันต่อ โดยพื้นที่ห้องนั่งเล่นของห้อง Type นี้ จะได้ความรู้สึกโปร่งมากกว่า 2 แบบที่ผ่านมาค่ะ เพราะการเชื่อมต่อของพื้นที่ห้องทานอาหารและห้องครัวทำให้ได้ Space ที่กว้างขึ้น
อีกด้านของห้องนั่งเล่นก็จะติดกับห้องนอนห้องที่ 2
ได้โซฟาขนาด 3 ที่นั่ง
ด้านตรงข้ามโซฟาก็จัดมาเป็นชั้นวางทีวี และมีชั้นวางของ 2 ชั้นด้านบนค่ะ
โต๊ะวางทีวีที่ได้มาจะมีช่องเก็บของ 3 ช่อง และตู้มีบานเปิดอีก 2 ตู้
ด้านบนโต๊ะวางทีวีก็จะได้ชั้นวางของ 2 ชั้นแบบนี้ค่ะ
สำหรับระยะดูทีวีของห้องนี้จะอยู่ที่ประมาณ 1.2 เมตร สามารถวางทีวีขนาด 26″ – 34″ ได้
ติดกับส่วนห้องนั่งเล่นจะเป็นประตูออกไปยังระเบียงนอกห้อง
ขนาดของระเบียงประมาณ 2.4 x 0.8 ม. ขนาดพอๆกับห้องแบบ 1 Bedroom ค่ะ
ส่วนระเบียงจะได้ไฟติดผนังมา 1 ดวง
ติดกับห้องนั่งเล่นเป็นห้องนอนห้องที่ 2 ค่ะ
ภายในห้องนอนตกแต่งมาด้วยโทนสีฟ้าสดใส ลักษณะของห้องนี้จะเหมือนห้องนอนห้องแรกตรงที่ได้ช่องแสงขนาดใหญ่มาแต่เป็นแบบบานฟิกซ์ ไม่มีหน้าต่างระบายอากาศ ต้องใช้เครื่องปรับอากาศอย่างเดียว
ภายในห้องนอนจะได้ไฟดาวน์ไลท์ 2 ดวง
วางเตียงขนาดควีนไซส์ลงไปแล้วยังเหลือพื้นที่ข้างเตียงอีกพอประมาณ บนหัวเตียงก็จะมีชั้นวางของติดตั้งมาให้ด้วยเหมือนห้องอื่นๆ
พื้นที่ข้างเตียงฝั่งนี้จะเหลือพอให้วางโต๊ะเล็กๆหัวเตียงได้
อีกด้านของห้องจัดเป็นตู้เสื้อผ้า โดยตู้เสื้อผ้าที่ได้แถมมาจะเหมือนกับห้องแบบ 1 Bedroom ค่ะ
และระยะการใช้งานก็พอดีๆให้ยืนส่องกระจกได้
มุมมองจากห้องนอนออกมาห้องนั่งเล่นและห้องทานอาหาร
ราคา ( 14 กรกฎาคม 2559 )
สำหรับข้อมูลราคาตอนนี้จะมีแค่ราคาของแบบ Studio ขนาด 22.50 ตร.ม. Fully Furnish พร้อมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำน้ำอุ่น แต่จะเป็นราคาที่แตกต่างกันในแต่ละชั้น ดังนี้
ยูนิตในชั้น 6 -8 ราคา 1.02 – 1.05 ล้านบาท
ยูนิตในชั้น 16 – 20 ราคา 1.19 – 1.22 ล้านบาท
ค่าส่วนกลาง 38 บาท / ตร.ม.( จ่ายล่วงหน้า 1 ปี )
เงินจอง 10,000 บาท
ทำสัญญา 20,000
บทสรุปโครงการ
ที่ตั้งโครงการ : โครงการ Lumpini Seaview ชะอำ เป็นโครงการคอนโดที่เหมาะสำหรับพักตากอากาศ ตั้งอยู่บนถนนเจ้าลาย ห่างจากหน้าหาดชะอำประมาณ 300 เมตร สภาพแวดล้อมโดยรอบเป็นที่พักอาศัยแนวราบทั้งหมด ไม่มีอาคารสูงในระยะที่จะบังวิวของห้องพัก ถ้าจะมีก็จะเป็นโรงแรมแต่ก็อยู่ห่างจากโครงการไปพอสมควร ส่วนบรรยากาศของแถวนี้ถือว่ากลางๆ มีความเป็นส่วนตัวพอประมาณ ถ้าเป็นวันหยุด วันเที่ยวบริเวณหน้าหาดก็อาจจะมีคนพลุกพล่านนิดนึง แต่อาจจะไม่มากเท่าช่วงต้นๆของถนนเลียบหาดค่ะ
ส่วนอาหารการกินแถวๆโครงการหลักๆเลยจะเป็นร้านตามริมหาด ทั้งร้านที่ตั้งเป็นร้านดูดีๆหน่อย ถ้าใครกินง่ายๆ ร้านรถเข็นก็มีให้เลือกเยอะ โดยเฉพาะวันหยุด แต่ถ้าจะหามาร้านอาหารบนถนนหลักอาจจะหายากหน่อย ไม่ค่อยมีร้านเท่าไหร่ ถ้าจะมีก็จะเป็นแบบเหมือนที่เที่ยวซะมากกว่าอย่างเช่น อัลปาก้า หัวหิน หรือไม่ก็จะเป็นร้านอาหารในปั๊ม แต่ถ้าใครมาเที่ยวอยากกินอาหารทะเลสดๆ ก็จะมีสะพานปลา เป็นตลาดสดช่วงเช้าค่ะ
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว : การเดินทางมาจากกรุงเทพต้องใช้เส้นเพชรเกษมเป็นหลัก ทางเข้าโครงการไม่ซับซ้อน เดินทางมาง่ายใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงโครงการแล้วค่ะ นอกจากเส้นทางที่มาจากในเมืองแล้วยังสามารถใช้เส้นเพชรเกษมวิ่งยาวไปเที่ยวหัวหินต่อ หรือวิ่งยาวไปภาคใต้ก็ได้
การออกแบบโครงการและที่ดิน : โครงการ Lumpini Seaview ชะอำ เป็นคอนโดตากอากาศ High Rise 42 ชั้น บนที่ดินขนาดประมาณ 7 ไร่ ตัวโครงการจะแบ่งออกเป็น 2 เฟส 2 อาคาร คืออาคาร A และอาคาร B ซึ่งตอนนี้มีรายละเอียดออกมาแค่ตัวอาคาร B จึงจะขอวิเคราะห์กันแค่ส่วนนี้กันก่อนนะคะ
สำหรับตัวอาคาร B จะเป็นอาคารสูง 20 ชั้น หน้าตาเรียบง่ายตามแบบฉบับลุมพีนี จำนวนยูนิตพักอาศัย 453 ยูนิต เฉลี่ยยูนิตพักอาศัยต่อชั้นประมาณ 37 : 1 ยูนิต ถือว่าไม่หนาแน่นค่ะ ตัวอาคารจะมีส่วน Facilities อยู่ที่ชั้น 1 และ พื้นที่จอดรถจะอยู่ที่ชั้น 2 – 4 โดยจะสามารถจอดได้ทั้งหมด 180 คัน คิดเป็น 25% ( รวมจอดซ้อนคัน ) อาจจะน้อยไปหน่อย ช่วงมีลูกบ้านมาพักกันเยอะๆอาจจะมีที่จอดไม่พอได้ค่ะ
ในส่วนของห้องพักจะมีให้เลือก 3 แบบ โดยจะมีห้องขนาดตั้งแต่แบบ Studio, 1 Bedroom, 2 Bedroom แต่ว่าแต่ละ Type ก็จะมีขนาดที่ต่างกันอีก จากห้องตัวอย่างที่ไปดูมาคิดว่ามีการจัดพื้นที่ใช้สอยได้ดีนะคะ จัดแล้วห้องก็ยังดูโปร่งๆโล่งๆ เหมาะกับการพักผ่อน ครัวได้เป็นแบบครัวเปิดมีพื้นที่ติดกับประตูห้องนอน (ในห้อง 1 Bedroom และ 2 Bedroom )ซึ่งถ้าใครอยากจะกั้นส่วนครัวเป็นครัวปิดก็อาจจะลำบากหน่อยเพราะกั้นไปกลิ่นก็สามารถเข้าไปรบกวนในห้องนอนได้อยู่ดี ปล่อยเป็นครัวเปิดไว้ดูจะเหมาะสมกว่า
วัสดุ : วัสดุของโครงการนี้ใช้ของตาม Standard พื้นห้องทั่วไปปูด้วยลามิเนต, ห้องน้ำปูกระเบื้องเซรามิค, ผนังฉาบเรียบ ทาสี, ประตูและกระจกบานเลื่อนจะได้เป็นกรอบอลูมิเนียมสีธรรมชาติ แต่ได้ของแถมมาครบดีค่ะ ได้เคาน์เตอร์ครัว Top ลามิเนตพร้อมซิงค์ล้างจาน, โซฟารับแขก, ชั้นวางทีวี, ชุดโต๊ะทานอาหาร, ตู้เสื้อผ้า, โต๊ะข้างเตียง เครื่องใช้ไฟฟ้าก็มีเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำน้ำอุ่น, ห้องน้ำมีแยกส่วนแห้งส่วนเปียกแต่ไม่มี Shower Box ให้นะคะ, อ่างล้างหน้าแบบฝังเคาน์เตอร์ของ American Standard, ฝักบัวอาบน้ำและโถสุขภัณฑ์ American Standard แบบครบชุด
สิ่งอำนวยความสะดวก : สิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการนี้ให้มาหลากหลายดีค่ะ จะมี Fitness, สระว่ายน้ำ, Library, Laudry, ห้องผู้สูงอายุ, ห้องกิจกรรมเด็ก ระบบรักษาความปลอดภัยจะมีป้อมรปภ. 24 ชม. หน้าโครงการ , มีลิฟท์ 2 ตัวทั้งอาคาร อาจจะต้องรอลิฟท์กันนานหน่อยนึงในช่วงที่มีลูกบ้านมาเที่ยวกันเยอะๆค่ะ
คะแนน
ทำเลที่ตั้งโครงการ
8.5
มองในแง่คอนโดตากอากาศถือว่าค่อนข้างโอเค สามารถเดินไปหน้าหาดได้ไม่ไกล แต่ยังได้ความสงบอยู่เนื่องจากอยู่บนถนนที่ถัดมาจากถนนเลียบหาด คนเลยไม่พลุกพล่านเท่าไหร่ ได้วิวสวยด้วยค่ะ
การเดินทาง ใช้รถ
8.0
ใช้ถนนเพชรเกษมเป็นหลัก
การเดินทาง ไม่ใช้รถ
–
–
ห้องและวัสดุ
7.5
ห้องพักมีให้เลือก 3 แบบ ตั้งแต่แบบ Studio, 1 Bedroom และ 2 Bedroom ขายแบบ Fully Furnished วัสดุในห้องมาตรฐานทั่วไป แต่ได้เฟอร์นิเจอร์ให้มาครบค่ะ
สิ่งอำนวยความสะดวก
7.75
Facilities ครบครัน และหลากหลายดีค่ะ แต่ที่จอดรถกับลิฟท์โดยสารน้อยไปหน่อย
ความคุ้มค่ากับราคา
8.0
เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดพักตากอากาศใกล้หาดชะอำ ราคาไม่แพง ไม่ซีเรียสว่าต้องออกมาแล้วถึงหน้าหาดเลย หาของกินในระยะเดินสะดวกพอประมาณ แต่ถ้าในวงกว้างอาจจะหายากหน่อย
คะแนนรวมเฉลี่ย
7.95
ดี
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Tel : 032-472848
Website : คลิกที่นี่
หมายเหตุ : โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงไปตามความเหมาะสม
หากเพื่อนๆเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ โปรดกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน
และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ
แสดงความคิดเห็น