ชื่อโครงการ
ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ THE ESSE at SINGHA COMPLEX
เจ้าของโครงการ
สิงห์ เอสเตท Singha Estate
ลักษณะห้องและขนาดห้อง
– 1 Bedroom 1 Bathroom 34.75 – 47.75 ตร.ม.
– 2 Bedrooms 2 Bathrooms 70.00 – 77.00 ตร.ม.
– Penthouse 215.50 ตร.ม.
เนื้อที่ทั้งหมด
2 – 0 – 98.2 ไร่
จำนวนตึก
1 อาคาร
จำนวนชั้น
39 ชั้น
จำนวนห้อง
319 ยูนิต
ที่จอดรถทั้งหมด
– คิดเป็น 87% (รวมจอดซ้อนคัน)
– พร้อมที่จอดรถสำหรับ Super Car
โซน
อโศก, สุขุมวิท, เพชรบุรี
ขนส่งสาธารณะ
– รถไฟฟ้า BTS อโศก
– รถไฟฟ้า MRT เพชรบุรี
– รถไฟฟ้า Airport Rail Link มักกะสัน
รถโดยสารที่ผ่าน
รถเมล์ 11, 23, 58ร, 60, 72, 93, 99ร, 206
ที่ตั้ง
ถนนอโศกมนตรี แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. 10110
กำหนดการ
Pre – Sale 4 – 5 มีนาคม 2560
ปีที่สร้างเสร็จ
ตุลาคม 2562
ราคา
เริ่มต้น 8.60 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม
เริ่มต้น 275,000 บาท/ ตร.ม.
ค่าส่วนกลางและกองทุน
ค่าส่วนกลาง 90 บาทต่อ ตร.ม. ต่อเดือน
กองทุน 900 บาท ต่อ ตร.ม.
สถานที่สำคัญใกล้เคียง
ARL มักกะสัน : 450 เมตร
BTS อโศก : 1.4 กม.
มศว.ประสานมิตร : 650 เมตร
รร.วัฒนา : 1.1 กม.
มักกะสัน คอมเพล็กซ์ : 400 เมตร
Central พระราม 9 : 1.1 กม.
Terminal 21 : 1.5 กม.
The EM District : 2.5 กม.
รพ.จักษุรัตนิน : 300 เมตร
รพ.ผิวหนัง อโศก : 350 เมตร
รพ.บำรุงราษฎร์ : 1.7 กม.
รพ.กรุงเทพ : 2.9 กม.
สิ่งอำนวยความสะดวก
Parking 87% (รวมจอดซ้อนคัน) พร้อมที่จอดพิเศษสำหรับซูเปอร์คาร์ Ground Floor
Green Amphitheatre
Hidden Pavillion
Mailbox &Private Storage
8 th Floor
36th – 36th M Floor
Meeting Room
The Library and Co – Working Space
The Sky Social Lounge
The Residential Lounge, space for private parties
Private Theatre
Private Spa and Salon
37th – 37th M Floor
Sky Edge Swimming Pool, Kid’s Pool
On the Cloud Fitness with rock climbing wall and boxing ring
Onsen, Japanese hot spring and bathing facility
Steam Room
Private Exercise Room
Rooftop
จุดเด่นของโครงการ
โครงการตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูงใกล้ย่านธุรกิจ และแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ศูนย์การค้า สถานศึกษาและ มหาวิทยาลัยชื่อดัง โรงพยาบาล และโรงแรม และที่สำคัญคือเป็นทำเลที่แวดล้อมไปด้วยอาคารสำนักงานชั้นนำ การเดินทางสะดวกสบายใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนพิเศษศรีรัช ใกล้รถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที สถานีเพชรบุรีและสถานีสุขุมวิท รถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีอโศก และแอร์พอร์ตลิงค์สถานีมักกะสัน
คอนโด MRT เพชรบุรี / คอนโดติดรถไฟฟ้า MRT เพชรบุรี
คอนโดโดยรอบ MRT เพชรบุรี
ที่ตั้งโครงการ
ถนนอโศกมนตรี แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. 10110
พิกัด :13.748377, 100.563425
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
โครงการ THE ESSE at SINGHA COMPLEX ตั้งอยู่ในที่ดินเดียวกับ Singha Complex บนทำเลติดถนนเพชรบุรีฝั่งมุ่งหน้าไปประตูน้ำ ใกล้แยกอโศก – เพชรบุรี ที่เคยเป็นที่ตั้งของสถานฑูตญี่ปุ่น จุดเด่นของทำเลนี้คือเป็นทำเลที่ถือว่าอยู่กลางเมือง และเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่าง CBD ปัจจุบัน และทำเลที่มีแนวโน้มจะเป็น New CBD ในอนาคต ก็คือช่วงเส้นอโศก – ดินแดง จนถึง เส้นรัชดาภิเษก ที่นอกจากจะมีอาคารสำนักงานเยอะแล้วยังมี โครงการใหม่ๆที่กำลังจะเกิด คือ G – Tower (ใกล้เสร็จแล้ว), Super Tower ตึกสูง 125 ชั้น ซึ่งจะเป็นตึกที่สูงที่สุดในประเทศไทย และ อาเซียน
และ Mega Project ที่สำคัญอีกแห่งคือ “มักกะสันคอมเพล็กซ์” ที่ดินบริเวณ Airport Link มักกะสัน ขนาด 497 ไร่ ซึ่งมีแผนที่จะแบ่งที่ดินมักกะสันเป็นสวนสาธารณะ พิพิธภัณฑ์ และอาคารเชิงพาณิชย์ ( พิพิธภัณฑ์ 30 ไร่ สวนสาธารณะ 150 ไร่ พื้นที่ในการพัฒนาเชิงพาณิชย์ 140 ไร่ ส่วนที่เหลืออีก 177 ไร่ จะมีการพัฒนาเชิงพาณิชย์ในอนาคตค่ะ )
การเดินทางด้วยรถยนต์ ของโครงการนี้จะมี ทางเข้า-ออกโครงการ ติดถนนใหญ่เพชรบุรี ฝั่งมุ่งหน้าประตูน้ำ โดยจะใช้ทางเข้าร่วมกันกับ Singha Complex เพราะฉะนั้นจึงจะพิจารณาการเดินทางด้วยเส้นเพชรบุรีเป็นหลัก ซึ่งถือว่าสามารถใช้เดินทางได้สะดวกเพราะถนนเพชรบุรีเป็นถนนเส้นหลักที่สามารถเชื่อมต่อกับถนนเส้นหลักอื่นๆได้หลายเส้นทาง ทั้งถนนอโศกมนตรี, ถนนอโศก – ดินแดง, ถนนราชดำริ, ถนนพญาไท, ถนนพระราม 6, ถนนรามคำแหง, ถนนพัฒนาการ แต่ถ้าใครมาทางอโศกมนตรีแล้วจะเข้าโครงการก็อาจจะต้องไปกลับรถไกลหน่อย โดยปกติจะต้องไปกลับรถที่แยกพร้อมพงษ์ ส่วนถ้าใครจะออกจากโครงการวิ่งไปทางเอกมัย, รามคำแหง โดยใช้เส้นเพชรบุรี ก็จะมีจุดกลับรถบริเวณหน้าโครงการ แต่ระยะอาจจะกระชั้นเกินไปหน่อย(รอข้อมูลคอนเฟิร์มตำแหน่งทางเข้า) จึงอาจจะต้องเลี้ยวขวาที่แยกอโศก – เพชรบุรี และเลี้ยวซ้ายเข้าถนนกำแพงเพชร 7 เพื่อวิ่งไปกลับรถที่เส้นนิคมมักกะสันเข้าเพชรบุรี มุ่งหน้าไปทางเอกมัยได้ ส่วนเส้นทางอื่นๆสามารถวิ่งเข้าได้ปกติ ทั้งจากแยกเลี้ยวซ้ายเข้าเส้นอโศกมนตรี และเลี้ยวขวาที่แยก เข้าอโศกดินแดง
จุดเด่นอีกอย่างของทำเลโครงการนี้คือการเดินทางด้วยรถสาธารณะ โดยจะมีทางเชื่อมต่อ MRT เพชรบุรี อยู่ภายในที่ดินของสิงห์เลยค่ะ ซึ่งจะอยู่บริเวณหน้าโครงการของส่วนคอนโดในระยะที่เดินถึงได้สบายๆ ซึ่งจาก MRT เพชรบุรีก็จะมีทางเชื่อมต่อไปยัง Airport Rail Link มักกะสัน ใช้เดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิและพญาไทได้สะดวก หรือถ้าต้องการใช้ BTS ก็สามารถนั่ง MRT ไป 1 สถานีจะถึง MRT สุขุมวิท ซึ่งจะเป็นสถานี Interchange กับ BTS อโศก อีกด้วยค่ะ ซึ่งการเดินทางในโซนนี้ใช้รถไฟฟ้าดูจะประหยัดเวลาที่สุด ไม่ต้องเสี่ยงรถติดด้วยค่ะ
นอกจากการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าแล้วหน้าโครงการจะมีป้ายรถเมล์ สาย 11, 23, 58ร, 60, 72, 93, 99ร, 206 วิ่งผ่าน และเนื่องจากตัวโครงการใกล้คลองแสนแสบมากๆ จึงมีทางเลือกในการเดินทางเพิ่มมาอีก 1 ทางเลือกคือการเดินทางด้วยเรือโดยสาร ท่าเรือสะพานอโศก ซึ่งเมื่องทางเชื่อมต่อ MRT เสร็จเรียบร้อยก็จะสามารถใช้ทางเชื่อมข้ามถนนมาฝั่งท่าเรือได้ไม่ยาก และไม่ร้อนด้วยค่ะ
ส่วนใครที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวและต้องรีบเดินทางก็มีทางด่วนให้เลือกใช้ 2 เส้นทางคือทางด่วนศรีรัช และทางด่วนเฉลิมมหานคร ซึ่งจุดขึ้นทางด่วนที่ใกล้โครงการที่สุด จะเป็นจุดขึ้นทางด่วนศรีรัช ฝั่งมุ่งหน้าไปทางสาทร, ปากเกร็ด โดยจะมีระยะทางจากโครงการประมาณ 1 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 – 7 นาทีค่ะ
จุดขึ้นทางด่วนศรีรัช ฝั่งมุ่งหน้าไปทางสมุทรปราการ และเชื่อมกับมอเตอร์เวย์และทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ โดยจะมีระยะทางจากโครงการประมาณ 4.4 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 – 20 นาทีค่ะ
จุดขึ้นทางด่วนเฉลิมมหานคร ฝั่งมุ่งหน้าไปทางดอนเมือง, รังสิต จะมีระยะทางจากโครงการประมาณ 3.9 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 – 15 นาทีค่ะ
จุดขึ้นทางด่วนเฉลิมมหานคร ฝั่งมุ่งหน้าไปทางสวนลุม, พระราม 3 จะมีระยะทางจากโครงการประมาณ 1.9 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 – 15 นาทีค่ะ
ความอุดมสมบูรณ์ของโครงการ ถือ ว่าสูงเลยค่ะ ตั้งแต่ความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินก็จะมีตัว Singha Complex เอง ภายในส่วนของ Luxury Retail นอกจากนั้นรอบๆโครงการก็รายล้อมไปด้วยแหล่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทางฝั่งรัชดาภิเษก – พระราม 9 – รัชดา – ห้วยขวาง มี Fortune, Central พระราม 9, The Street รัชดา (เปิด 24 ชม.), เอสพลานาดและมีสำนักงานออฟฟิศ, สถานที่ราชการอยู่เยอะ เช่น อาคาร Cyber World, AIA Capital Center, True Towe, RS Tower, อาคารตลาดหลักทรัพย์, สถานฑูตจีน, สถานฑูตเกาหลี, สถานฑูตลาว, สนง.ใหญ่ธอส.จึงทำให้มีตลาดของกินหลายแห่ง ที่เปิดขายกันจนดึกอย่างตลาดนัดรถไฟรัชดา, ตลาดละลายทรัพย์ และ ที่ขาดไม่ได้เลยคือ ตลาดห้วยขวาง ซึ่งเป็นตลาดที่มีของขายเยอะมากค่ะ
หากลงมาทางอโศกมนตรี ก็จะมีทั้งอาคารสำนักงานและตลาดหลายแห่งเช่นกัน เช่น Thai Summit Tower, OAI Tower, GMM, Sino-Tower, สถานฑูตอินเดีย และอื่นๆ อีกมากมาย มีตลาดเพ็ชรอโศก, ตลาดรวมทรัพย์, อาคาร Midtown และมีทางฝั่งนี้ก็มีห้าง Terminal 21 ด้วยค่ะ
ส่วนสถานศึกษาใกล้ๆโครงการก็มีหลายแห่ง โดยเฉพาะโรงเรียนนานาชาติ เช่น วิทยาลัยนานาชาติ The Regent’s (RIC), ร.ร.บางกอกทวิวิทย์, ร.ร.นานาชาติ NIS, ร.ร.นานาชาติ Anglo Campus 31, ร.ร.นานาชาติ Australian-ISB, ร.ร.นานาชาติ MISB, ร.ร.นานาชาติ ASB, รร. เซนต์ดอมินิก, รร.วัฒนาวิทยาลัย, ร.ร.สาธิต มศว.ประสานมิตร และ มศว.ประสานมิตร
และโรงพยาบาลชั้นนำใกล้โครงการจะมี ทั้ง ร.พ.พระราม 9, ร.พ.ปิยะเวท, รพ.กรุงเทพ, รพ.บำรุงราษฎร์, รพ.สมิติเวช สุขุมวิท, รพ.คามิลเลียน, รพ.จักษุ รัตนิน และ รพ.ผิวหนังอโศก อยู่ในระยะที่สามารถไปถึงได้รวดเร็วค่ะ
การเดินทาง
สำหรับการเดินทางในวันนี้ เราจะเริ่มต้นกันบนถนนสุขุมวิทบริเวณแยกอโศก เลี้ยวซ้ายเข้าถนนอโศกมนตรีขับตรงไปเรื่อยๆจนถึงแยกอโศกเพชรบุรี แล้วเลี้ยวขวาขับตรงไปบนถนนเพชรบุรีฝั่งมุ่งหน้ารามคำแห งถึงแยกพร้อมพงษ์กลับรถและขับย้อนมาทางแยกอโศก – เพชรบุรี ถึงแยกอโศก – เพชรบุรีเลี้ยวซ้ายตรงมาอีกหน่อยจะถึงทางเข้า Sales Office โครงการ THE ESSE at SINGHA COMPLEX ทางซ้ายมือค่ะ
สรุปการเดินทาง แยกอโศก > ถนนอโศกมนตรี > แยกอโศกเพชรบุรี > แยกพร้อมพงษ์ > THE ESSE at SINGHA COMPLEX
เริ่มการเดินทางการบนถนนสุขุมวิทบริเวณแยกอโศกเลี้ยวซ้าย เข้าถนนอโศกมนตรีจากถนนอโศกมนตรี
ขับรถมุ่งตรงไปเรื่อยๆมุ่งหน้าแยกอโศกเพชรบุรี
ถึงบริเวณอโศกเพชรบุรีเราจะเห็น MRT ทางซ้ายมือ ถ้าใครไม่ขับรถยนต์ส่วนตัวมาก็สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินได้สะดวกค่ะ
จากแยกอโศกเพชรบุรีเราเลี้ยวขวาเข้าถนนเพชรบุรี
ขับตรงมาเรื่อยบนถนนเพชรบุรี
ถึงแยกพร้อมพงษ์กลับรถไปทางถนนเพชรบุรีมุ่งหน้าแยกอโศกเพชรบุรีค่ะ
กลับรถมาแล้วเราขับตรงไปเรื่อยๆ
ผ่านศุภาลัยพรีเมียร์ทางซ้ายมือ
ผ่านศุภาลัยพรีเมียร์มาแล้วเราจะเห็นโครงการสิงห์คอมเพล็กซ์กำลังก่อสร้างอยู่ทางซ้ายมือ
ถึงแยกอโศก – เพชรบุรีเราเลี้ยวซ้าย
เลี้ยวซ้ายเข้าถนนอโศกมนตรี ฝั่งมุ่งหน้าแยกอโศกมาหน่อยเดียว เราจะเห็นทางเข้าสำนักงานขายทางซ้ายมือค่ะ
เข้ามาด้านในจะเห็นตัวอาคารสำนักงานขายของโครงการ THE ESSE at SINGHA COMPLEX
บรรยากาศภายใน Sale Office เข้ามาจะเจอเคาน์เตอร์รับรอง
ด้านขวามือเป็นโมเดลจำลองภายรวมของที่ตั้งโครงการและหน้าตาอาคารหลัก
ส่วนอีกฝั่งจะเป็นที่นั่งรับรอง พร้อม Coffe Bar สำหรับบริการผู้เยี่ยมชมโครงการค่ะ
ถนนและแยกที่สำคัญรอบโครงการ
แยกอโศก-เพชรบุรี : 100 ม.
แยกอโศก : 1.5 กม.
แยกพระราม 9 : 900 ม.
แยกพระรามสี่ : 4.2 กม.
แยกวิทยุ : 5.7 กม.
แยกเพลินจิต : 4.3 กม.
แยกชิดลม : 2.9 กม.
แยกทองหล่อ : 4.6 กม.
แยกเอกมัย : 5.7 กม.
แยกราชประสงค์ : 3.1 กม.
แยกประตูน้ำ : 2.7 กม.
ถนนพระรามเก้า : 5 กม.
ถนนดินแดง : 550 เมตร
สถานที่สำคัญรอบๆโครงการ
ARL มักกะสัน : 450 เมตร
BTS อโศก : 1.4 กม.
มศว.ประสานมิตร : 650 เมตร
รร.วัฒนา : 1.1 กม.
มักกะสัน คอมเพล็กซ์ : 400 เมตร
Central พระราม 9 : 1.1 กม.
Terminal 21 : 1.5 กม.
The EM District : 2.5 กม.
รพ.จักษุรัตนิน : 300 เมตร
รพ.ผิวหนัง อโศก : 350 เมตร
รพ.บำรุงราษฎร์ : 1.7 กม.
โรงพยาบาลกรุงเทพ : 2.9 กม.
รอบๆโครงการ
รอบๆโครงการจะมีอาคารสูงอยู่บ้าง แต่ระยะห่างค่อนข้างเยอะ จึงไม่ค่อยมีปัญหาในเรื่อง Block วิว และเรื่อง Ventilation ของตัวอาคาร โดยอาคารสูงที่อยู่ใกล้โครงการที่สุด จะเป็นตัว Office Building ของ Singha Complex มีระยะห่างประมาณ 30 เมตร ถือว่าค่อนข้างห่างพอสมควร และมีช่วงเวลาการใช้งานที่แตกต่างกันจึงไม่ค่อยเป็นปัญหาเวลาเข้าอยู่อาศัยเท่าไหร่ค่ะ สำหรับพื้นที่รอบๆที่ดินผืนใหญ่ของโครงการ
ทิศเหนือ หรือหน้าโครงการติดกับถนนเพชรบุรี ฝั่งมุ่งหน้าประตูน้ำ
ทิศใต้ ติดกับคลองแสนแสบ
ทิศตะวันออก ติดกับ ศุภาลัย พรีเมียร์
ทิศตะวันตก ติดกับถนนอโศกมนตรี ฝั่งตรงข้ามมีคอนโด Q Asoke
ด้านหน้าโครงการมีป้ายโครงการขนาดใหญ่ ทำเป็น Vertical Garden พร้อมต้นไม้ใหญ่ที่มีอยู่เดิม ทางโครงการไม่ตัดออก ยังเก็บไว้ทุกต้นค่ะ
แยกอโศก – เพชรบุรี ที่ติดกับที่ดินโครงการ
หน้าทางเข้า Singha Complex ติดกับถนนเพชรบุรี
ฝั่งซ้ายมือที่ดินที่ติดกับโครงการเป็นคอนโด ศุภาลัย พรีเมียร์
บรรยากาศถนนเพชรบุรี มุ่งหน้าประตูน้ำ
ถนนเพชรบุรีมุ่งหน้ารามคำแหง
ตัวโครงการ
โครงการ THE ESSE at SINGHA COMPLEX เป็นโครงการคอนโด High Rise สูง 39 ชั้น ตั้งอยู่ใกล้แยกอโศก – เพชรบุรี ติดถนนเพชรบุรี บนจุดเชื่อมต่อระหว่าง CBD ปัจจุบัน และ พื้นที่ New CBD ในอนาคต และอยู่ในผืนที่ดินเดียวกันกับ Singha Complex ที่จะช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้นมาก
นอกจากจุดเด่นที่ตัวทำเลแล้ว การออกแบบตัว THE ESSE at SINGHA COMPLEX ก็ยังมีความน่าสนใจไม่แพ้กัน โดยโครงการออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง Concept ดี ละเอียดตั้งแต่ Character ภายนอกของตัวอาคารที่ได้แรงบรรดาลใจมาจากรวงข้าวบาร์เล่ (เหมาะกับสิงห์มากๆ), การออกแบบผังโครงการให้มีความเป็น ส่วนตัวสูง, วัสดุที่ใช้ในโครงการ ที่ตอบโจทย์ทั้งความมีรสนิยม และประโยชน์ใช้สอย รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้ชีวิตมีความสะดวกสบายขึ้น, และที่ชอบคือใส่ Concept ไปในแต่ละ Type ห้องแต่ละแบบด้วยโดยจะสร้างบรรยากาศในห้องด้วย Concept ท้องฟ้ายามเช้า, ท้องฟ้ายามเย็น และท้องฟ้ายามค่ำคืน
ภาพจำลองหน้าตาโครงการในส่วน Singha Complex ที่เป็นอาคาร Mixed Use จะมีส่วน Luxuty Retail 4 ชั้น และ Grade A Office Building 42 ชั้น และ THE ESSE at SINGHA COMPLEX ที่อยู่บนที่ดินผืนเดียวกัน ใช้ทางเข้าร่วมกัน แต่ส่วน THE ESSE at SINGHA COMPLEX จะถูกแยกมาเป็นส่วน Residential ให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น หน้าตาอาคารทั้ง 2 ทำออกมาในทิศทางเดียวกัน
โมเดลจำลองโครงการของสิงห์ทั้งหมด ที่ดินตั้งอยู่ติดแยกอโศกเพชร อาคารทั้งส่วน Complex และ Residential ที่มีหน้าตาคล้ายๆกัน ทำให้ภาพรวมโครงการมี Character ชัดเจน สวยงามพอให้เป็น Land Mark บนทำเลนี้ได้ค่ะ
ตัวอาคาร THE ESSE at SINGHA COMPLEX เป็นคอนโด สูง 39 ชั้นโดยชั้น 1 – 7 จะเป็นส่วนของชั้นจอดรถ ชั้น 8 เป็นสวน Sanctuary แบบ Outdoor ส่วน Main Facility อยู่ที่ชั้น 36 – 36 และมีสวน Rooftop บนชั้นสูงสุดของอาคาร
ส่วนชั้น Tropical Floor จะเป็นชั้น 8 – 35 ทุกชั้นจะมีการวางผังห้องคล้ายๆกัน ส่วนชั้น 38 – 39 จะเป็นส่วน Penthouse ค่ะ
ผังที่ดินของสิงห์ทั้งหมดโดยคร่าว แสดงการจัดสรรผังทั้งหมด และจะเห็นว่าโครงการมีทางเข้าออกทางเดียว ใช้ร่วมกับ Singha Complex โดยส่วน THE ESSE at SINGHA COMPLEX จะอยู่ด้านในสุดของที่ดิน ช่วยให้ลดความพลุกพล่านลงไปได้ในระดับนึง
จากตัวโมเดลแสดงตัวอาคาร THE ESSE at SINGHA COMPLEX ให้ดูจุดเชื่อมต่อ MRT จะเห็นว่าอยู่ไม่ไกลจากโครงการเลยค่ะ ซึ่งจุดเชื่อม MRT นี้จะเปิดให้บุคคลทั่วไปใช้ด้วย แต่จุดประสงค์หลักคือจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ที่เข้ามาใช้ในส่วนของสิงห์ค่ะ
เรามาดูด้านในอาคารกันบ้าง เริ่มจาก Master Plan ทางเข้าออกโครงการจะเชื่อมจากถนนทางเข้า Singha Complex ผ่านป้อมรปภ. ใช้ระบบรักษาความปลอดภัยด้วย Key Card Access แบบ Easypass เมื่อเข้ามาในโครงการเส้นทางเดินรถจะต้องเลี้ยวซ้าย สำหรับ Supercar จะมีที่จอดรถรับรองไว้ให้ที่ชั้น 1 ด้านหลังและรอบอาคารฝั่งใต้ ส่วนรถยนต์ทั่วไปจะเข้าตัวอาคาร ไปจอดที่ชั้น 2 – 7 โดยที่จอดรถทั้งหมด (รวม Supercar) จะมีทั้งหมด 87% รวมจอดซ้อนคัน
พื้นที่สีเขียวของชั้นนี้จะเป็นสวนหน้าโครงการซึ่งจะมีส่วน Green Amphitheatre เป็นสวนไล่ระดับคล้ายๆขั้นบันได สามารถที่จะมานั่งพักผ่อนได้ และจะมีส่วนที่พิเศษกว่าสวนธรรมดาทั้วไปเป็นส่วน Hidden Pavillion ที่ด้านบนจะมีส่วนพื้นทำเป็น Slope แหงนขึ้น ทำให้เวลาที่เราเดินเล่นอยู่ในส่วนจะไม่สามารถมองเข้ามาในตัวอาคารได้ และจากภายในอาคารจะสามารถมองลงมายังสวนได้ แต่ละไม่เห็นในส่วนของ Hidden Pavillion ค่ะ
เมื่อเข้ามาในอาคารจะเจอกับส่วน Grand Lobby เป็นจุดแรก เป็นโถง Lobby ขนาดใหญ่ แยกย่อยออกไปเป็น Business Lounge ขยับเข้ามาด้านในจะเป็นส่วน Mail Room, ห้องน้ำรับรองส่วน Lobby และมีห้อง Personal Storage ที่สามารถนำของมาฝากไว้ได้ โดยอาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ( รายละเอียดจะเป็นการจัดการของส่วนนิติในอนาคตค่ะ ) ส่วนตัวโถงลิฟท์ จะต้องใช้ Key Card แตะเพื่อเข้าไปชั้นอื่นๆของอาคาร และจะเป็นลิฟท์แบบล็อคชั้น สามารถใช้ขึ้นไปได้ที่ชั้นของตัวเองและส่วนกลางเท่านั้นค่ะ
ตัวโมเดลแสดงทางเข้าที่เชื่อมต่อกับ Singha Complex เมื่อเข้ามาในโครงการแยกทางซ้ายไปเป็นที่จอดรถ Supercar และที่จอดรถทั่วไป
สำหรับ Supercar จะต้องขับมาด้านข้างโครงการ
รอบๆอาคารจะมีที่จอดรถสำหรับ Supercar รองรับ
ที่จอดรถ Supercar ด้านหลังอาคาร
สวนด้านหน้าโครงการจะมีส่วน Green Amphitheatre และ Hidden Pavillion
โดยพื้นที่สวนส่วน Green Amphitheatre เป็นขั้นบันไดไล่ระดับ สามารถมานั่งเล่นได้
ส่วน Hidden Pavillion จะมีพื้นเป็น Slope อยู่ด้านบน ช่วยเรื่องมุมมองทั้งจาก Grand Lobby และภายใน Hidden Pavillion แยกออกจากกัน ทำให้มีความเป็นส่วนตัวทั้ง 2 ฝั่ง
ภาพจำลองบรรยากาศทางเชื่อมจาก Singha Complex เข้ามาในโครงการ ด้านหน้ามีพื้นที่สีเขียว ในอาคารเป็นส่วน Grand Lobby
ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Grand Lobby ตกแต่งด้วยโทนสี Rose Gold
ผังโครงการชั้น 2 – 7 เป็นส่วนของที่จอดรถทั่วไป
ผังอาคารชั้น 8 จะเริ่มเป็นส่วนพักอาศัยและมีสวน Sanctuary Terrain Garden โดยแต่ละชั้นจะมียูนิตพักอาศัยมากสุด 12 ห้อง ต่อชั้นเท่านั้น ซึ่งถือว่ามีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง โดยที่ชั้น 8 จะมียูนิตพักอาศัยทั้งหมด 11 ยูนิต เป็นห้องแบบ 1 Bedroom 1 Bathroom 9 ห้อง และ 2 Bedroom 2 ห้อง จะตำแหน่งติดสวน Sanctuary Terrain Garden
โมเดลแสดงสวน Sanctuary Terrain Garden มีทั้งสวนไล่ระดับ และบ่อน้ำด้านหน้า
ภาพจำลองบรรยากาศส่วน Sanctuary Terrain Garden
ผังโครงการชั้น 9 – 10, 12 – 13, 15 -16, 18 – 19, 21 – 22 เป็นส่วนของ ยูนิตพักอาศัยล้วนๆ มีทั้งหมด 12 ห้องต่อชั้น มีห้อง 1 Bedroom 1 Bathroom 10 ยูนิต และห้องแบบ 2 Bedroom 2 ยูนิต เป็นห้องมุม ตำแหน่งเดียวกับที่ชั้น 8 ค่ะ
ผังโครงการชั้น 11, 14, 17, 20, 23 เป็นส่วนของ ยูนิตพักอาศัยล้วนๆ มีทั้งหมด 12 ห้องต่อชั้น มีห้อง 1 Bedroom 1 Bathroom 10 ยูนิต และห้องแบบ 2 Bedroom 2 ยูนิต เป็นห้องมุม แต่ชั้นนี้จะมความพิเศษตรงที่มี Garden Terrace แทรกเข้ามาในส่วนโถงทางเดินค่ะ
ผังโครงการชั้น 26, 29, 32 เป็นส่วนของ ยูนิตพักอาศัย มีทั้งหมด 10 ห้องต่อชั้น มีห้อง 1 Bedroom 1 Bathroom 6 ยูนิต และห้องแบบ 2 Bedroom 4 ยูนิต เป็นห้องมุม และมี Garden Terrace แทรกเข้ามาในส่วนโถงทางเดินค่ะ
ผังโครงการชั้น 26, 29, 32 เป็นส่วนของ ยูนิตพักอาศัย มีทั้งหมด 10 ห้องต่อชั้น มีห้อง 1 Bedroom 1 Bathroom 6 ยูนิต และห้องแบบ 2 Bedroom 4 ยูนิต เป็นห้องมุม แต่ชั้นนี้จะไม่มี Garden Terrace ในส่วนโถงทางเดินค่ะ
ผังโครงการชั้น 36 เป็นส่วนของ Facility สำหรับนั่งทำงานหรือนั่งประชุม ประกอบไปด้วย Library & Co-Working Space, Sky Social Lounge, Meeting Room ส่วน Indoor และ Semi Outdoor, The Residence Lounge และ Private Theatre
ผังโครงการชั้น 36 Mezzanine เป็นส่วนของ Private Spa and Salon เป็นห้องสปา มีเตียงนวดเตรียมไว้ให้สำหรับลูกบ้านที่นัดบริการสปามาให้บริการแบบเป็นส่วนตัว ก็สามารถที่จะจองใช้ห้องส่วนนี้ได้ ไม่ต้องเข้าไปในห้องพักค่ะ
ภาพจำลองบรรยากาศภายในส่วน Library & Co-Working Space
บรรยากาศภายใน Sky Social Lounge มีพื้นที่นั่งคุยและกิจกรรมที่ทำร่วมกันเป็นกลุ่มได้
ภายในห้อง The Residence Lounge
ผังโครงการชั้น 37 เป็น Main Facility ของโครงการ ประกอบไปด้วย Sky Edge Swimming Pool เป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือ ยาว 22 เมตร มีสระเด็กแยกต่างหาก มุมจากสระว่ายน้ำมองไปจะเห็นวิวสวนมักกะสัน
ส่วนกลางแบบ Indoor จะมี On The Cloud Fitness ที่จะแบ่งเป็น Fitness ที่มีเครื่องเล่นทั่วไป และอีกห้องจะเป็นส่วน Activity พิเศษๆเช่น มวย และ ปีนเขา ส่วนในห้องน้ำจะมีห้อง Steam และที่พิเศษคือบ่อ ONSEN แยกชาย-หญิง ผนังโดยรอบเป็นกระจก มองเห็นวิวเมือง
ผังโครงการชั้น 37 Mezzanine เป็นส่วนของ Private Exercise Room
บรรยากาศภายใน On The Cloud Fitness โซนสนามมวยและปีนเขา
แบบจำลองส่วนสระว่ายน้ำ เป็นแบบ Outdoor มีสระเด็กแยก และมี Pool Terrace ให้ได้นั่งพักชมวิวเมืองพร้อมทั้งนั่งดูแลเด็กๆได้ค่ะ
พื้นที่ใต้ชั้น 37 เป็นส่วน Semi – Outdoor ของห้อง Meeting Room ค่ะ
ภาพจำลองอาคารส่วน Main Facility, ส่วน Penthouse และ Rooftop
ภาพจำลองบรรยากาศส่วนสระว่ายน้ำ โชว์วิวเมืองที่กว้างไกล
ผังโครงการชั้น 38 – 39 เป็นส่วนของ Penthouse
ผังโครงการชั้น Rooftop เป็นสวนโล่งๆ มี Couter Station เตรียมไว้ให้สำหรับใครที่พาเพื่อนมาจัดปาร์ตี้ได้
บนส่วน Rooftop สวนและ Couter Station สำหรับปาร์ตี้ค่ะ
แบบห้อง
แบบห้องในโครงการหลักๆจะมีทั้งหมด 4 แบบ แต่ละแบบจะมี Concept การตกแต่งภายในที่แตกต่างกัน โดยจะแบ่งเป็น
ห้องแบบ 1 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 34.75 ตร.ม.
ห้องแบบ 1 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 47.75 ตร.ม.
ห้องแบบ 2 Bedroom 2 Bathroom ขนาด 70 และ 77 ตร.ม.
ห้องแบบ Penthouse ขนาด 215.50 ตร .ม .
ห้องแบบ 1 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 34.75 ตร.ม. มีทั้งหมด 2 Layout ที่มีฟังก์ชั่นภายในคล้ายๆกัน ใช้ Concept การออกแบบเสมือนท้องฟ้ายามเช้า ทั้งสีโดยรวมของห้อง การตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมด จะได้เป็นสีโทนสว่าง ได้ Fully Furnished ส่วนแรกที่เข้าห้องไปจะเจอกับครัว ซึ่งครัวจะได้ ไมโครเวฟ, Hood&Hob, ตู้เย็น Built – in , Shoes Cabinet ภายในส่วน Living Area ได้โซฟา และ Built – in TV ใช้หินจริงในส่วนผนัง Built – in TV
และจุดเด่นของห้อง Type เล็กคือจะมีฉากบานเลื่อนกระจก สามารถเลือก ปิด-เปิด เพื่อ Connect Space ระหว่างห้องนอนและห้องนั่งเล่นได้
ห้องแบบ 1 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 47.75 ตร.ม. การออกแบบเสมือนท้องฟ้ายามเย็น สีโดยรวมของห้องจะได้เป็นโทนสีน้ำตาล ทั้งงานการตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมด และจุดเด่นอีกอย่างของห้อง Type นี้คือจากตำแหน่งการวางห้องในตัวอาคารจะได้เป็นห้องหน้ากว้าง ได้ช่องแสงบานใหญ่ ทำให้ได้ความรู้สึกว่าห้องโปร่งขึ้น ส่วนเฟอร์นิเจอร์ที่ได้แถมจะคล้ายกับห้องแบบที่แล้ว แต่จะได้โต๊ะทานอาหารขนาดใหญ่ขึ้น และได้ Bathtub เพิ่ม
ห้องแบบ 2 Bedroom 2 Bathroom ขนาด 70 ตร.ม. ลักษณะได้เป็นห้องหน้ากว้าง การตกแต่งภายในใช้ Concept ท้องฟ้ายามค่ำคืน เน้นโทนสีน้ำเงินและดำ
ห้องแบบ 2 Bedroom 2 Bathroom ขนาด 77 ตร.ม. ลักษณะได้เป็นห้องหน้ากว้าง การตกแต่งภายในใช้ Concept ท้องฟ้ายามค่ำคืน เน้นโทนสีน้ำเงินและดำ ได้ครัวขนาดใหญ่พร้อมเคาน์เตอร์ Island, เตาอบแทนเตาไมโครเวฟ
ห้องแบบ Penthouse ขนาด 215.50 ตร .ม .
ห้องตัวอย่าง
เรามาเริ่มที่ห้องขนาดเล็กสุดของโครงการเป็นห้อง Type 1 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 34.75 ตารางเมตร การตกแต่งโดยรวมของห้องขนาดเล็กจะตกแต่งด้วยโทนสีขาวทางโครงการใช้ concept เหมือนยามเช้าMood&Tone จะเป็นสีขาวและสี Pink Gold ใช้สีสว่างเพื่อจะเปรียบเหมือนท้องฟ้ายามเช้า ซึ่งจะเป็น Concept ในการตกแต่งห้องแต่ละ Type ความสูงฝ้าเพดานทุกห้อง 3 เมตร และส่วน Drop สูง 2.7 เมตร
เริ่มดูที่ผังห้องกันก่อน เมื่อเข้าไปในห้องจะเจอกับส่วนครัว ภายในครัวจะมีเคาน์เตอร์ Built – in ไว้ให้ครบชุดติด
กับห้องครัวเป็นส่วนของ Living Room จาก Living Room จะสามารถออกไประเบียงภายนอกได้และจากห้อง Living Room จะสามารถเชื่อมต่อกับห้อง Master Bedroom ได้โดยจะมีฉากกั้นกระจก เป็นบานเลื่อน 3 ตอน ติดตั้งมาให้
ภายในห้อง Master Bedroom จะได้เตียงและโต๊ะหัวเตียงครบชุด และภายในห้อง Master Bedroom จะมีส่วน Walk – in Closet เข้าไปจะมีตู้เสื้อผ้า Built – in มาให้ครบชุด
จากห้อง Walk – in Closet จะสามารถเชื่อมต่อเข้าไปในห้องน้ำได้ โดยภายในห้องน้ำจะได้ชุดสุขภัณฑ์ครบชุด แยกส่วนแห้งส่วนเปียกมี Shower Box ติดตั้งมาให้เรียบร้อยค่ะ
นอกจากนั้นทุกห้องจะมี Home Automation คุมระบบแอร์, ระบบม่าน และระบบไฟ สามารถดาวน์โหลด Application ไว้ได้ในมือถือ สามารถ Dim ไฟ สั่งเปิด – ม่าน
เรามาดูห้องของจริงกันต่อ สำหรับบานประตูหน้าห้องจะได้เป็นบานสูง
พร้อม Digital Door Lock ยี่ห้อ Yale แบบ 3 ระบบ คือกุญแจ, ใช้ลายนิ้วมือ, และกดรหัสค่ะ
เข้ามาภายในห้อง ส่วนแรกที่เราเจอจะเป็นส่วนของห้องครัว มองตรงไปจะเป็นส่วนของ Living Room และ Master Bedroom ตามลำดับ
เรามาดูในส่วนของห้องครัวกันก่อน โดยพื้นที่ห้องครัวจะได้ชุดเคาน์เตอร์ครัว Built – in ครบชุด หน้าบาน Coated Glass Panel With Aluminium Edge คือหน้าบานทำสี + Top กระจก และขอบบานอลูมิเนียม สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย
เรามาดูในส่วนของชุด Built – in ที่เราได้ในส่วนครัวกันก่อนค่ะ เริ่มจากชุดตู้ หลังบานประตูทางเข้าหลักจะได้เป็นตู้บานสูงจรดฝ้าเพดานภายในเป็นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้า ด้านบนจะเป็นชั้นเก็บของอีก 2 ชั้น สำหรับเครื่องซักผ้าทางโครงการจะไม่ได้แถมมาให้นะคะ โดยหน้าบานของตัวตู้ Built – in ส่วนครัวทั้งหมดจะเป็นบานกระจกและอลูมิเนียมตามแบบห้องตัวอย่างค่ะ
มือจับจะมีลักษณะเว้าลงไปทำให้ตัวหน้าบานภายนอกไม่มีมือจับยื่นออกมาให้เกะกะสายตา
Top เป็น Composit Quart หรือหินสังเคราะห์ ซึ่งมีข้อดีสวยคล้ายหินจริงแต่ดูแลรักษาง่าย ซิงค์ล้างจานแบบฝัง ทรงสี่เหลี่ยม พร้อมก๊อกน้ำเย็น ยี่ห้อ FRANKE
เตาไฟฟ้าได้เตาแบบ 2 หัว ยี่ห้อ Kuppersbusch
ส่วนชุดเคาน์เตอร์ครัวหลักจะแบ่งออกเป็นตู้เก็บของด้านล่าง คือตู้บานเปิดใต้ซิงค์ล้างจาน ภายในจะมีถังขยะติดตั้งมาให้ ติดกันจะเป็นตู้ลิ้นชัก เปิดออกมาเป็นชั้นวางจาน ถัดมาเป็นตู้เก็บของ 2 บานและลิ้นชักเก็บช้อนส้อมอีก 1 ลิ้นชัก
ถังขยะใต้ซิงค์ล้างจานที่ได้หน้าตาแบบนี้ แบ่งเป็น 2 ช่อง
ภายในลิ้นชักเก็บช้อนและส้อมค่ะ
ส่วนชุดตู้ Built – in ด้านบนจะได้เป็นตู้บานเปิดทั้งหมด 3 ชุด
และมาพร้อมเครื่องดูดควันและเตาไมโครเวฟติดตั้งมาให้เรียบร้อยค่ะ โดยเตาไมโครเวฟจะได้ของยี่ห้อ Kuppersbusch
ส่วนตู้เย็นก็จะได้เป็นแบบ Built – in กลมกลืนไปกลับชุดครัวทั้งหมด โดยตำแหน่งการติดตั้งตู้เย็นจะอยู่ติดกับซิงค์ล้างจานเป็นตู้เย็น 2 ตอน แบ่งเป็นช่องแช่ธรรมดา และช่องฟรีซค่ะ โดยตู้เย็นจะได้ของ Kuppersbusch
หันกลับมาดูตู้ข้างประตูทางเข้าอีกฝั่ง จะเป็น Shoes Cabinet ชั้นวางรองเท้าและเก็บของกระจุกกระจิก จำนวนชั้นที่ได้มาค่อนข้างเยอะสามารถเก็บรองเท้าได้หลายคู่ และเก็บของด้านบนได้เยอะค่ะ
พื้น Composit Stone พื้นที่ทำครัวห้องนี้ค่อนข้างกว้างสามารถยืนเตรียมของพร้อมกัน 2 คนได้สบายๆค่ะ
ติดกับห้องครัวจะเป็นพื้นที่ทานอาหารโดยจะมีตู้ Built – in ติดมาให้กับเคาน์เตอร์ครัว พร้อมเก้าอี้ตามแบบค่ะ
โดยจะได้เป็นโต๊ะทานอาหาร 2 ที่นั่งแบบนี้ค่ะ
ถัดมาเราจะไปดูกันต่อที่ห้อง Living Room โดยพื้นของส่วน Living Room จะเปลี่ยนเป็นพื้น Engineer Wood ลายไม้สีเข้ม
เข้ามาในส่วนของห้อง Living Room ส่วนนี้จะมีช่องแสง 1 บาน เป็นประตูเชื่อมออกไปยังระเบียงภายนอก
สำหรับห้อง Living Room นี้ทางโครงการจะมี Built – in ผนังด้านหลังทีวีทั้งหมดด้วยหินจริง สีเทาขาว ตามแบบ พร้อมชั้นวางของและติดตั้งทีวีแบบนี้เลยค่ะ โดย Build – in TV ผนังหิน จะได้เป็นมาตรฐานในทุกห้อง
เราไปดูในส่วนของระเบียงด้านนอกกันก่อน
โดยบานประตูที่ได้จะได้เป็นบานเลื่อนคู่ ลักษณะบานเปิดแบบสลับด้าน วัสดุที่ได้จะได้เป็นบาน Aluminium สี ซาฮาร่า กระจก Laminate ความสูงเกือบจรดฝ้าเพดาน ทำให้รับแสงเข้ามาภายในห้องได้เยอะ
มือจับบานประตูพร้อมตัวล็อค
ออกมายังพื้นที่ระเบียงด้านนอก จะมีโคมไฟติดตั้งไว้ให้ 1 ดวง และกันพื้นที่ของคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ให้เป็นสัดส่วน
สำหรับพื้นของระเบียงภายนอกจะลดระดับลงมาประมาณ 3 เซนติเมตร ขนาดระเบียงกว้างประมาณ 60 เซนติเมตร พอให้ออกมายืนชมวิวได้และสามารถวางราวตากผ้าขนาดไม่ใหญ่มากได้ค่ะ ส่วนราวกันตกจะได้เป็นกระจกใส ราวจับสแตนเลส
มุมจากห้องนั่งเล่นมองย้อนกลับไปทางห้องครัว
กลับเข้ามาด้านในห้อง ส่วนของห้องนั่งเล่นจะได้ผนังด้านหลังส่วนพื้นที่วางทีวีพร้อม Built – in ชั้นวางของมาให้ตามแบบ โดยวัสดุจะได้เป็นหินอ่อนสีขาว
ส่วนโซฟาจะได้เป็นโซฟาสีขาวครีมขนาด 2 ที่นั่ง
ระยะดูทีวีที่เหลือจะเหลือประมาณ 1.5 เมตรค่ะ
อีกฝั่งของห้อง Living room จะติดกับห้องนอน โดยพื้นที่ระหว่าง 2 ห้องนี้ จะมีบานเลื่อนเป็นบานกระจกขนาดใหญ่ ความสูงติดฝ้าเพดาน ที่สามารถ Connect Space ระหว่างสองห้องได้เป็นอย่างดี สามารถเลือกได้ว่า เราจะปิดเพื่อแยกพื้นที่ห้องนอนออกจากห้องนั่งเล่น หรือเปิดโล่งเพื่อให้ทั้งสองพื้นที่เชื่อมต่อกัน
โดยตัวบานที่ได้มานี้จะมีคุณสมบัติเก็บเสียงด้วย จึงสะดวกเวลาที่คนนึงยังอยากดูทีวีหรือเล่นเกมอยู่ อีกคนก็สามารถที่จะปิดประตูเพื่อนอนหลับได้โดยไม่มีเสียงรบกวนค่ะ
มือจับจะเป็นร่องลงไปให้จับแบบนี้
เข้ามาภายในห้องนอน ผนังห้องจริงจะได้เป็นติดวอลเปเปอร์ทั้งห้อง ของแถมที่ได้มาในห้องจะเป็นเตียงและโต๊ะหัวเตียงค่ะ
ห้องนี้มีช่องแสงขนาดใหญ่ข้างเตียง เป็นหน้าต่างบานฟิกซ์ 2 บาน และหน้าต่างบานกระทุ้งขนาดใหญ่ 1 บาน
ตัวบานกระทุ้งที่ได้ เปิดได้ค่อนข้างกว้าง มือจับก็ใหญ่สามารถจับได้สะดวก
สำหรับเตียงที่ได้จะเป็นเตียงขนาดคิงส์ไซส์
พื้นที่ข้างเคียงที่เหลือพอให้วางโต๊ะหัวเตียงและยังมีพื้นที่เหลือข้างๆอีกนิดหน่อยค่ะ
ต่อมาเราไปดูในส่วนของ Walk – in Closet และห้องน้ำกันต่อ ก่อนที่เราจะเข้าไปในส่วน Walk – in Closet เราจะเห็นว่าห้องนี้จะได้แอร์มา 2 ตัว โดยจะเป็นแอร์แบบ Conceal Airconditioner หรือแบบฝังใต้ฝ้า ทำให้ภายในห้องดูเป็นระเบียบค่ะ ทำให้โดยรวมของห้องดูเรียบร้อย
เรามาดูในส่วน Walk – in Closet กันต่อ
โดยพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างห้องนอนและ Walk – in Closet เป็น Engineer Wood
ภายในห้อง Walk – in Closet จะได้โต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าแบบ Built – in
ชุดโต๊ะเครื่องแป้งจะได้เป็นโต๊ะสีขาว พร้อมกระจกเงาและเก้าอี้ ตามแบบ
โต๊ะเครื่องแป้งจะมีลิ้นชักใต้โต๊ะ 2 ช่อง สำหรับเก็บของ
ส่วนตัวตู้เสื้อผ้าจะได้เป็นตู้แบบ Built – in หน้าบานกระจก บานเลื่อน เปิดสลับด้านได้แบบนี้ ภายในตู้เสื้อผ้าจะมีราวแขวนเสื้อ ด้านบนจะเป็นชั้นสำหรับเก็บพวกผ้าขนหนูหรือผ้านวม
ส่วนข้างล่างจะมีลิ้นชักทั้งสองฝั่ง สามารถแยกเก็บของให้เป็นระเบียบได้ค่ะ
มาดูอีกด้านจะเป็นส่วนของห้องน้ำ
เข้ามาภายในห้องน้ำ พื้นห้องน้ำจะลดระดับลงมาประมาณ 1.5 ซม. ภายในห้องน้ำจะตกแต่งด้วยโทนสีดำทั้งหมด โดยปูผนังจากกระเบื้องและมีผนังส่วนห้องอาบน้ำที่จะใช้เป็นหินจริง สีเข้ากันกับกระเบื้องทั้งหมด
อ่างล้างมือจะได้เป็นอ่างทรงสี่เหลี่ยมพร้อมเคาน์เตอร์ใต้อ่าง Top แบบ Undermount โครงการสั่งทำมาเป็นพิเศษสำหรับโครงการนี้ค่ะ
ตัวก๊อกน้ำจะได้เป็นก๊อกน้ำแบบปรับอุณหภูมิได้ยี่ห้อ Grohe
ใต้อ่างเป็นเคาน์เตอร์ ตู้เก็บของ สามารถใช้เก็บของได้พอประมาณ บานเปิด Soft Close
ด้านในติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้เรียบร้อย
ส่วนตัวกระจกเงาจะได้เป็นบานใหญ่เต็มพื้นที่ พร้อมซ่อนชั้นเก็บของไว้ด้านหลัง 1 บาน
ตัวสุขภัณฑ์จะได้แบบ Wall Hung ซึ่งเป็นสุขภัณฑ์ที่ติดตั้งไว้กับผนัง โดยข้อดีของสุขภัณฑ์แบบนี้คือทำให้เราทำความสะอาดสะดวกเพราะว่าเป็นสุขภัณฑ์แบบลอยตัว จะไม่ยึดเกาะอยู่กับพื้นทำให้ทำความสะอาดพื้นใต้โถสุขภัณฑ์ได้สะดวกค่ะ
ต่อมาจะไปดูในส่วนของห้องอาบน้ำกันต่อ ในห้องอาบน้ำจะได้ Shower Box ติดตั้งมาให้ตามแบบ ตัวบานประตูแบบผลักเข้าไปในห้องอาบน้ำ
มือจับด้านนอกเป็นก้านสแตนเลสขนาดใหญ่ ส่วนด้านในจะเป็นปุ่มจับแบบนี้ค่ะ
ภายในห้องอาบน้ำติดตั้งฝักบัวอาบน้ำแบบ Rain Shower และ Hand Shower แบบปรับอุณหภูมิได้ยี่ห้อ Grohe
ขนาดห้องอาบน้ำประมาณ 0.85 x 1.3 เมตร พื้นห้องอาบน้ำจะลดระดับลงมาประมาณ 1.5 ซม.
สามารถยืนอาบได้สบายๆ ส่วนตัวท่อระบายน้ำ เป็นแบบสั่งทำพิเศษ เข้ากับพื้นห้องทั้งหมด
มาต่อกันที่ห้องแบบที่ 2 จะเป็นห้อง 1 Bedroom ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น พื้นที่ใช้สอย 47.75 ตารางเมตร
สำหรับผังห้อง เมื่อเข้าไปในห้องจะเจอกับพื้นที่ส่วนครัว เชื่อมต่อไปยังห้องทานอาหารและห้อง Living Room โดยพื้นที่ห้องทั้งสามจะเป็นพื้นที่โถงเปิดโล่งเชื่อมต่อกันทั้งสามห้อง
ส่วนห้อง Master Bedroom จะถูกตั้งแยกไว้เป็นสัดส่วน โดยภายในห้อง Master Bedroom จะมีส่วน Walk – in Closet และห้องน้ำขนาดใหญ่ขึ้นจากห้องที่แล้วค่ะ
เข้ามาดูในห้องตัวอย่างกันต่อ เมื่อเข้ามาแล้วจะเจอกับส่วนห้องครัวก่อน โดยพื้นที่ห้องครัวจะเป็นลักษณะครัวเปิด ถ้าใครกังวลเรื่องกลิ่นก็สามารถติดตั้งผนังกั้นเพิ่มกันได้ โดยแนะนำให้ติดเป็นกระจกใสที่นอกจากจะช่วยให้ห้องไม่ทึบแล้ว ยังทำให้ห้องโดยรวมดูสวยขึ้นด้วยค่ะ
เรามาดูพื้นที่ห้องครัวกันก่อนโดยเคาน์เตอร์ชุดครัวจะได้ครบชุด โดยรวมจะเหมือนกับห้องที่แล้วค่ะ วัสดุจะได้เป็นโทนสีเดียวกันและวัสดุชนิดเดียวกันทั้งหมด
ตัวซิงค์ล้างจานจะได้แบบฝังเคาน์เตอร์ ทรง 4 เหลี่ยม ยี่ห้อ FRANKE และเตาไฟฟ้า 2 หัว ยี่ห้อ Kupperbusch
ส่วนพื้นที่เก็บของใต้อ่างล้างจาน จะมีตู้ใต้ซิงค์ล้างจาน พร้อมถังขยะ ติดกันเป็นชั้นตู้เก็บของและลิ้นชักเก็บช้อนส้อม ถัดมาจะเป็นตู้บานเลื่อนสำหรับคว่ำจานและได้ Combi Oven เป็นทั้งเตาไมโครเวฟและเตาอบในตัว มาด้วยอีก 1 ตัวค่ะ
ตู้เก็บของด้านบน 3 ตู้ ด้านในแบ่งชั้นวางของไว้ให้ตามแบบ
และส่วนของตู้เย็นจะได้เป็นตู้เย็นแบบ Built – in ยี่ห้อ Kupperbusch เหนือตู้เย็นมีช่องเก็บของอีก 2 ช่องค่ะ
ติดกับประตูทางเข้าหลักจะเป็นตู้สำหรับเครื่องซักผ้า ด้านบนจะมีราวแขวนและชั้นเก็บของอีก 1 ชั้น
จากห้องครัวเราจะไปดูในส่วนของห้องทานอาหารและส่วน Living Room กันต่อ โดยจากตรงนี้เราจะเห็นว่า ห้องนี้จะได้เป็นลักษณะหน้ากว้าง จึงทำให้พื้นที่เชื่อมต่อระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องทานอาหารได้ขนาดค่อนข้างใหญ่ มีการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยได้ค่อนข้างดีค่ะ
เรามาดูในส่วนของห้องทานอาหารกันต่อ
โดยพื้นที่ห้องทานอาหารนี้จะได้ชุดโต๊ะทานอาหารสีดำขนาด 4 ที่นั่ง ตามแบบ ระยะการใช้งานพอดีกับพื้นที่แบบเป๊ะๆ
พื้นจากห้องครัวเชื่อมไปยังห้องนั่งเล่นและห้อง Living Room จะเป็น Engineer Wood
โดยส่วนของห้องทานอาหารนี้จะมีช่องแสง 1 บาน เป็นประตูเชื่อมออกไปยังระเบียงภายนอก ซึ่งจะเป็นจุดเดียวที่สามารถเชื่อมต่อไปยังระเบียงภายนอกได้ค่ะ
เปิดออกมายังระเบียง กว้างประมาณ 70 ซม. ราวกันตกกระจกใส พื้นที่ระเบียงแยกส่วนวางคอมเพรสเซอร์ไว้ให้เป็นสัดส่วนและติดตั้งโคมไฟมาให้ 1 ดวง
กลับเข้ามาด้านในห้องจากห้องทานอาหารเราจะไปดูในส่วนของห้อง Living Room กันต่อ จากมุมนี้เราจะเห็นว่าเคาน์เตอร์ครัวและห้องนั่งเล่นจะเชื่อมต่อกันเป็น Space ที่น่าสนใจเลยค่ะ เราสามารถที่จะทำครัวไปดูทีวีไปด้วยได้
โดยพื้นที่ห้องนั่งเล่นนี้จะได้ช่องแสงบานใหญ่ ทำให้แสงธรรมชาติ ส่อง เข้ามาได้ค่อนข้างเยอะ ส่วนผนังฝั่งทีวีก็จะได้เป็นหินจริง เป็นหินสีน้ำตาลตาม Concept ของห้องค่ะ
โซฟาที่ได้จะได้เป็นโซฟาหนังสีน้ำตาลสว่างค่อนไปทางส้มขนาด 2 ที่นั่ง
ระยะดูทีวีห้องนี้ประมาณ 1.6 เมตร
ให้ดูระยะ ทางเดินระหว่างโซฟาภายในห้อง Living Room ถือว่าค่อนข้างกว้าง สามารถเดินได้สะดวกค่ะ
ช่องแสงในห้อง Living Room จะได้เป็นกระจกหน้าต่างบานฟิกซ์ 2 บาน และหน้าต่างบานกระทุ้งขนาดใหญ่
ถัดมาเราไปดูในส่วนของห้องนอนกันต่อ
เข้ามาในห้องนอน Master Bedroom ห้องนี้มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น จึงได้ห้องนอนขนาดใหญ่ขึ้น และห้องน้ำที่ได้จะมีขนาดใหญ่ขึ้นด้วย จึงมีพื้นที่สำหรับ Bathtub เพิ่มเข้ามาค่ะ
ก่อนที่เราจะไปดูในส่วนของ Walk – in Closet และห้องน้ำ เราจะเข้ามาดูในส่วนของห้องนอนกันก่อน
โดยพื้นที่ห้องนอนจะได้เตียงขนาดควีนไซส์และโต๊ะหัวเตียงมาเป็นมาตรฐาน
พื้นที่ข้างเตียงที่เหลือเพราะให้วางตู้หัวเตียงได้พอดีๆ ไม่อึดอัด
ส่วนพื้นที่ปลายเตียงจะมีตู้เก็บของมาให้ 1 ใบ ระยะการใช้งานฝั่งปลายเตียงกว้างพอให้เดินผ่านได้สบายๆค่ะ
สำหรับช่องแสงในห้อง Master Bedroom จะมีความพิเศษตรงที่ได้เป็นชุดกระจกแบบเข้ามุม เป็นหน้าต่างบานฟิกซ์ทั้งหมด 3 บาน และบานกระทุ้ง 1 บาน ซึ่งบานกระจกแบบเข้ามุมนี้จะช่วยให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาในห้องได้มากขึ้น และทำให้ผู้อยู่อาศัยภายในสามารถมองออกไปได้มุมมองที่กว้างกว่าบานกระจกแบบทั่วไปค่ะ
ต่อมาเราจะไปดูในส่วนของห้อง Walk – in Closet และห้องน้ำกันต่อ จากตรงนี้เราจะเห็นว่าตัวห้องน้ำจะได้เป็น Sexy Glass ขนาดค่อนข้างใหญ่
ส่วนของ Walk – in Closet จะมีตู้เสื้อผ้าแบบ Built – in และโต๊ะเครื่องแป้งมาให้เป็นมาตรฐาน โดยตู้ Walk – in Closet จะได้หน้าบานเป็นกระจกบานเลื่อน แบบเปิดสลับข้าง ภายในจะแบ่งเป็น 2 ตู้ชัดเจน โดยแต่ละฝั่งจะมีราวแขวนและชั้นวางของด้านบน
ตัวโต๊ะเครื่องแป้งจะได้เป็นสีไม้เข้มออกแดงพร้อมกระจกเงาและเก้าอี้ครบชุด
ภายในโต๊ะเครื่องแป้งจะมีลิ้นชักแยกไว้ให้ 2 ลิ้นชักแบบนี้ค่ะ
ถัดมาเราไปดูในส่วนของห้องน้ำกันต่อ
เข้ามาภายในห้องน้ำจะได้เป็นห้องน้ำขนาดใหญ่ แยกส่วนแห้งส่วนเปียกไว้เรียบร้อย
ตัวอ่างล้างมือจะได้เป็นทรงสี่เหลี่ยม พร้อมตู้เก็บของใต้อ่าง และโถสุขภัณฑ์ได้เป็นแบบ Wall Hung ชนิด Washless เหนืออ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์จะมีบ่าวางของ สามารถเก็บของได้นิดหน่อย
ส่วนกระจกเงาก็จะได้เต็มพื้นที่เหมือนเดิม พร้อมชั้นเก็บของด้านหลังบานกระจก
สำหรับตัว Sexy Glass ภายในห้องน้ำทางโครงการจะติดตั้ง Smart Film มาให้ สามารถกดสวิตช์เพื่อปิด – เปิด ระบบกระจกฝ้าได้สะดวก เราไม่ต้องหาฟิล์มมาปิดเพิ่มค่ะ
ส่วนตัว Bathtub จะได้เป็นอ่างขนาดค่อนข้างกว้าง
พร้อมฝักบัวและก๊อกน้ำมาตรฐานยี่ห้อ Grohe
ถัดมาในส่วนของห้องอาบน้ำก็จะได้เป็น Shower Box ติดตั้งมาให้ตามแบบ
ภายในห้องอาบน้ำติดตั้ง Rain Shower และ Hand Shower แบบปรับอุณหภูมิได้
อีกด้านจะมีที่นั่งมาให้ค่ะ ซึ่งตรงนี้เราสามารถที่จะปรับเปลี่ยนเป็นที่วางอุปกรณ์อาบน้ำก็ได้ ขนาดห้องอาบน้ำห้องนี้อยู่ที่ประมาณ 1.7 x 8.5 ม. ค่อนข้างกว้างเลยค่ะ สามารถอาบได้สะดวก
มาต่อที่ห้องตัวอย่างห้องสุดท้าย ที่เป็นห้องขนาดใหญ่ที่สุดของโครงการ ห้องนี้จะเป็นห้อง 2 Bedrooms 2 Bathroom ขนาด 77 ตารางเมตร มี Concept การออกแบบใช้ Mood & Tone สีเข้มที่สุดในบรรดาทั้ง 3 แบบ คือจะเน้นใช้โทนสีดำและน้ำเงิน เปรียบเสมือนท้องฟ้ายามค่ำคืน
ฟังก์ชั่นเมื่อเข้าไปในห้องจะเจอกับพื้นที่ครัวขนาดใหญ่ จากพื้นที่ครัวจะเชื่อมต่อไปยัง Living Room และ โถงทางเดินเล็กๆของห้องนอนทั้ง 2 ห้อง
สำหรับพื้นที่ทานอาหารจะรวมอยู่ในพื้นที่ Living Room จากห้อง Living room จะเชื่อมต่อไปยังระเบียงภายนอกได้
ส่วนห้องนอนจะเชื่อมต่อกับพื้นที่อื่นด้วยโถงทางเดินเล็กๆ การแบ่งโถงแยกทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น โดยภายในโถงทางเดินจะแบ่งเป็นห้องน้ำรับรอง, ห้องนอนรอง และห้อง Master Bedroom โดยห้องน้ำรับรองที่โถงทางเดินจะได้เป็นห้องน้ำที่มีฟังชั่นครบ แยกส่วนแห้ง ส่วนเปียก มาให้
ภายในห้องนอนรองจะมีขนาดพอดีวางฟังก์ชั่นได้ครบ และห้อง Master Bedroom จะมีห้องน้ำในตัวพร้อม Sexy Bath และ Walk – in Closet ค่ะ
เรามาดูของจริงกันบ้าง เปิดประตูเข้าไปในห้องเราจะเจอพื้นที่ห้องกว้าง ฝั่งทางซ้ายเป็นพื้นที่ส่วนครัวและ ทางขวาจะเป็นโถงทางเดินแจกไปยังห้องนอนทั้ง 2 ห้อง + ห้องน้ำรับรองและส่วน Living Room และห้องทานอาหารค่ะ
เรามาดูด้านหลังบานประตูกันก่อน ด้านหลังบานประตูเราจะได้ Shoes Cabinet ภายในเปิดออกมามีชั้นวางหลายชั้น พร้อมลิ้นชักเก็บของกระจุกกระจิก และตู้ไฟ
ส่วนพื้นที่ห้องครัวของห้องนี้จะได้เป็นครัวขนาดใหญ่มาก วัสดุพื้นผนังและวัสดุตัวบานจะได้เหมือนกับห้องที่ผ่านมา แต่ครัวของห้อง 2 Bedroom นี้จะมีความแตกต่างตรงที่ ได้ Island เพิ่ม และมีการเปลี่ยนวัสดุบางอย่างเช่นเตาไมโครเวฟจะเปลี่ยนเป็น Combi Oven ส่วนตู้เย็นและเตาไฟฟ้าก็จะได้ขนาดใหญ่ขึ้นค่ะ
เรามาดู เคาน์เตอร์กลางหรือ Island กันก่อน สำหรับ ตัว Island กลางครัวนี้จะสามารถใช้เป็นพื้นที่เสิร์ฟอาหาร หรือพื้นที่เตรียมอาหารได้ ใต้เคาน์เตอร์ Island จะมีลิ้นชักเก็บของให้ทั้งหมด 3 ชั้น แบ่งเป็นชั้นวางช้อนส้อมและชั้นเก็บของอีก 2 ชั้นค่ะ
เรามาดูในส่วนของเคาน์เตอร์และตู้ Built – in กันต่อ โดยจะแบ่งเป็นตู้สำหรับเก็บเครื่องซักผ้าและตู้เย็นขนาดใหญ่ ตู้เย็นของห้องนี้จะได้เป็นบานเปิดคู่ ขนาดใหญ่มากค่ะ
ให้ดูระยะการใช้งานของครัวค่อนข้างกว้างสามารถใช้งานได้สะดวก
เคาน์เตอร์ครัวจะได้ซิงค์ล้างจานแบบอ่างคู่ และเตาไฟฟ้า 4 หัว
ส่วนใต้เคาน์เตอร์ครัวก็จะมีตู้เก็บของใต้ซิงค์ล้างจานพร้อมถังขยะและตู้เก็บของอื่นๆ อีก 4 บาน
ตู้เก็บของด้านบนก็จะแบ่งย่อยออกเป็นตู้บานเปิดอีก 4 บาน ตามแบบค่ะ
จากห้องครัวเราจะไปดูในส่วนของห้องทานอาหารและ Living room กันต่อ
โดยพื้นที่ห้องทานอาหารจะไม่ได้ถูกแบ่งไว้เป็นสัดส่วนแต่จัดการจัดวางจะเห็นได้ว่ามีพื้นที่เหลือค่อนข้างเยอะสามารถใช้งานได้จริงค่ะ
ชุดโต๊ะทานอาหารจะได้เป็นโต๊ะขนาด 4 ที่นั่ง โทนสีน้ำเงิน – ดำ
ติดกับพื้นที่ทานอาหารจะเป็นส่วนของ Living area
พื้นที่ห้องนี้จะได้โซฟสีเทาขนาด 3 ที่นั่ง
ส่วนฝั่ง Built – in ทีวีก็จะได้เป็นหินจริงสีดำ
พร้อมตู้เก็บของด้านล่างอีก 4 ลิ้นชัก
จากห้อง Living room จะสามารถเชื่อมต่อไปยังระเบียงภายนอกได้
ออกไปยังระเบียงภายนอกความกว้างระเบียงประมาณ 70 ซม. ราวกันตกกระจกใส ติดตั้งโคมไฟมาให้ 1 ดวงและกั้นพื้นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์มาให้เป็นสัดส่วน
กลับเข้ามาในห้องมองภาพรวมของ Living room ย้อนไปยังห้องทานอาหารและห้องครัวค่ะ
ระยะดูทีวีของห้องนี้ประมาณ 1.8 เมตร
ถัดมาเราจะไปดูในส่วนของห้องนอนและห้องน้ำกันต่อค่ะ โดยพื้นที่ ที่เชื่อมระหว่างห้องครัว, ห้อง Living Room ไปยังห้องนอน จะเป็นโถงทางเดินที่แบ่งแยกไว้ให้เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวในห้องนอนค่ะ
ก่อนจะเข้าไปดูในห้องนอน เราไปดูในส่วนของห้องน้ำรับรองกันก่อน โดยห้องน้ำห้องนี้จะเป็นห้องน้ำที่ใช้สำหรับห้องนอนรองและส่วน Living Area
เข้ามาภายในห้องน้ำจะตกแต่งด้วยกระเบื้องและหินจริงสีดำ แยกส่วนแห้งส่วนเปียกไว้ให้เรียบร้อย
ชุดสุขภัณฑ์และอ่างล้างมือจะได้มาตรฐานเหมือนห้องอื่น แต่โถสุขภัณฑ์จะได้เป็นแบบ Wall Hung ชักโครกธรรมดา
ส่วนห้องอาบน้ำติดตั้ง Shower Box มาให้
ขนาดห้องอาบน้ำประมาณ 0.85 x 1.6 ม. สามารถยืนอาบได้สบายๆ
ภายในห้องอาบน้ำติดตั้ง Rain Shower และ Hand Shower มาให้เป็นมาตรฐาน
ถัดมาเราจะไปดูในส่วนของห้องนอนทั้ง 2 ห้องกันต่อ
โดยเริ่มที่ห้องนอนรองค่ะ
เข้ามาในห้องนอนรองห้องนี้จะมีขนาดเล็กกว่าห้อง Master Bedroom ภายในห้องมีช่องแสงขนาดใหญ่เป็นหน้าต่างบานฟิกซ์ 2 บานและบานกระทุ้ง 1 บาน
เตียงที่ได้จะได้เป็นเตียงขนาดควีนไซส์ ไม่ได้โต๊ะหัวเตียงมานะคะ
ระยะข้างเตียงที่เหลือเพราะให้วางโต๊ะหัวเตียงเพิ่มเติมได้
พื้นที่ปลายเตียงเหลือพอให้เดินผ่านได้สะดวก
พื้นที่ข้างเตียงอีกฝั่งติดตั้งตู้เสื้อผ้าแบบ Built – in มาให้ หน้าบานกระจกมาตรฐาน
ถัดมาเราไปดูในส่วนของห้อง Master Bedroom กันต่อ
เข้ามาในห้อง Master Bedroom จุดแรกที่เราเห็นจะเป็นส่วนของ Walk – in Closet และห้องน้ำ
เรามาดูในส่วนของ Walk – in Closet กันก่อน สำหรับพื้นที่ Walk – in Closet จะได้ตู้เสื้อผ้าที่แตกต่างจากห้องอื่นนิดหน่อยคือ จะได้เป็นตู้ขนาดใหญ่ขึ้น บานเลื่อนทั้งหมด 4 บาน สามารถเปิดสลับกันได้แบบนี้ค่ะ
ภายในตู้เสื้อผ้าก็จะเป็นตู้แบบเข้ามุมมีราวแขวนเสื้อมากขึ้นและมีช่องเก็บของด้านบนกว้างขึ้น
ด้านล่างมีลิ้นชักแยกให้ 3 ลิ้นชัก
มาส่วนที่ของห้องน้ำกันต่อ
เข้ามาภายในห้องน้ำ จะเป็นห้องน้ำขนาดกว้างเลยค่ะ มีช่องแสงขนาดใหญ่มาให้ 2 บาน เป็นชุดหน้าต่างบานกระทุ้งผสมบานฟิกซ์ในพื้นที่ส่วนแห้ง และหน้าต่างบานฟิกซ์ในห้องอาบน้ำ
สำหรับห้องนี้จะมีความพิเศษตรงที่อ่างล้างมือจะได้เป็นแบบ His & Her
ด้านล่างจะมีตู้เก็บของใต้อ่าง
ติดกัน จะเป็นโถสุขภัณฑ์ Washless แบบ Wall Hung ด้านบนมีบ่าวางของนิดหน่อย
ฝั่งตรงข้ามโถสุขภัณฑ์จะเป็นห้องอาบน้ำ ได้เป็นกระจกนิรภัยแบบเข้ามุม
ภายในห้องอาบน้ำติดตั้ง Rain Shower และ Hand Shower มาตรฐาน
ขนาดห้องอาบน้ำประมาณ 0.85 x 1.2 เมตร พอให้ยืนอาบน้ำได้สะดวก
ตัว Bathtup ก็จะได้แบบเข้ามุมพร้อม Sexy Glass เชื่อมต่อไปยังห้องนอนเช่นกัน
ออกมาจากห้องน้ำเราจะไปดูในส่วนของห้องนอนกันต่อ
สำหรับพื้นที่ในห้องนอนห้องนี้จะค่อนข้างสว่างเพราะได้ช่องแสงมาเยอะ
เป็นชุดกระจกและหน้าต่างแบบเข้ามุม เป็นหน้าต่างบานฟิกซ์ทั้งหมด 3 บาน และหน้าต่างบานกระทุ้งขนาดใหญ่ 1 บาน
ได้เตียงขนาดควีนไซส์พร้อมโต๊ะหัวเตียง
พื้นที่ข้างเตียงเหลือเฟือ
โต๊ะหัวเตียงที่ได้จะได้เป็นลายไม้มีลิ้นชักแบบนี้
ฝั่งปลายเตียงจะได้ตู้ปลายเตียงและโต๊ะเขียนหนังสือ
สำหรับโต๊ะเขียนหนังสือจะได้สีเข้ากับโต๊ะหัวเตียงขนาดไม่ใหญ่มาก พร้อมเก้าอี้
มีช่องเก็บของ 1 จุด
ปลายเตียงจะได้เป็นตู้สีฟ้า ขาสีทอง บานเปิดคู่ 2 บาน ด้านในแบ่งเป็นช่องเก็บของ 2 ชั้น
สวิทช์และปลั๊กไฟใช้ของ Schnider หน้าตาแบบนี้
ราคา
เริ่มต้น 8.60 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ย 275,000 บาท สำหรับ Fully Furnished
Pre Sales Discount
1 Bedroom 34.75 ตร.ม. 200,000 บาท
1 Bedroom 47.75 ตร.ม. 300,000 บาท
2 Bedroom 600,000
สรุป
ทำเลที่ตั้งโครงการ : THE ESSE at SINGHA COMPLEX ตั้งอยู่ในผืนที่ดินเดียวกับ Singha Complex มีทางเข้าออกติดถนนเพชรบุรีฝั่งมุ่งหน้าไปประตูน้ำ ใกล้แยกอโศก – เพชรบุรี เป็นทำเลที่ถือว่าอยู่กลางเมือง และเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่าง CBD ปัจจุบัน และทำเลที่มีแนวโน้มจะเป็น New CBD ในอนาคต รายล้อมไปด้วยความเจริญและคามอุดมสมบูณ์ทั้งอาคารสำนักงาน ตลาดเล็กใหญ่ และห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ นอกจากนั้นยังใกล้ โครงการเด่นดังหลายโครงการทั้ง G Tower, Super Tower และ มักกะสันคอมเพล็กซ์ ที่จะเป็นแหล่งรวมทั้งสวนสาธารณะ, พิพิธภัณฑ์, อาคารเชิงพาณิชย์
การเดินทางโดยรถส่วนตัว :ถือว่าสะดวก แต่อาจจะมีการจราจรหนาแน่นบ้าง ในช่วงเวลาเร่งด่วนอย่างช่วงเช้า ไปทำงาน ไปเรียน และช่วงเย็นที่เลิกงาน ถ้าอยากหลีกเลี่ยงรถติด ขอแนะนำให้ใช้เป็นรถไฟฟ้า น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ทางเข้า-ออกโครงการ ติดถนนใหญ่เพชรบุรี ฝั่งมุ่งหน้าประตูน้ำ ซึ่งถือว่าสามารถใช้เดินทางได้สะดวกเพราะถนนเพชรบุรีเป็นถนนเส้นหลักที่สามารถเชื่อมต่อกับถนนเส้นหลักอื่นๆได้หลายเส้นทาง ทั้งถนนอโศกมนตรี, ถนนอโศก – ดินแดง, ถนนราชดำริ, ถนนพญาไท, ถนนพระราม 6, ถนนรามคำแหง, ถนนพัฒนาการ แต่ถ้าใครมาทางอโศกมนตรีแล้วจะเข้าโครงการก็อาจจะต้องไปกลับรถไกลหน่อย โดยปกติจะต้องไปกลับรถที่แยกพร้อมพงษ์ และถ้าใครีบก็มีทางด่วนให้ใช้ 2 เส้นทาง มีระยะไม่ห่างจากโครงการเท่าไหร่
การเดินทางโดยรถสาธารณะ : ถือว่าเป็นจุดเด่นของโครงการซึ่งจะมีให้เลือกใช้หลายทางเลือก โดยจะมีทางเชื่อมต่อ MRT เพชรบุรี อยู่ภายในที่ดินของสิงห์ ซึ่งจะอยู่บริเวณหน้าโครงการของส่วนคอนโดในระยะที่เดินถึงได้สบายๆ ซึ่งจาก MRT เพชรบุรีก็จะมีทางเชื่อมต่อไปยัง Airport Rail Link มักกะสัน ใช้เดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิและพญาไทได้สะดวก หรือถ้าต้องการใช้ BTS ก็สามารถนั่ง MRT ไป 1 สถานีจะถึง MRT สุขุมวิท ซึ่งจะเป็นสถานี Interchange กับ BTS อโศก ซึ่งการเดินทางในโซนนี้ใช้รถไฟฟ้าดูจะประหยัดเวลาที่สุด ไม่ต้องเสี่ยงรถติดด้วยค่ะ
นอกจากนั้นจะมีป้ายรถเมล์ สาย 11, 23, 58ร, 60, 72, 93, 99ร, 206 วิ่งผ่าน และการเดินทางด้วยเรือโดยสาร ท่าเรือสะพานอโศก ซึ่งเมื่องทางเชื่อมต่อ MRT เสร็จเรียบร้อยก็จะสามารถใช้ทางเชื่อมข้ามถนนมาฝั่งท่าเรือได้ไม่ยาก และไม่ร้อนด้วยค่ะ
การออกแบบโครงการและวัสดุ :โครงการ THE ESSE at SINGHA COMPLEX เป็นโครงการคอนโด High Rise สูง 39 ชั้น การออกแบบโครงการน่าประทับใจเลยค่ะ ตั้งแต่ Concept โดยรวม ทำตัวอาคารออกมาได้สวยรับกับตัว Singha Complex ทำให้อาคารดูโดดเด่น การออกแบบภายในก็ดูใส่ใจดี จำนวนยูนิตต่อชั้นสูงสุดแค่ 12 ห้องทำให้มีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง โดยห้องจะได้ห้องแบบ Fully Furnished ความสูงฝ้าเพดาน 3 เมตร ส่วน Drop ฝ้า 2.7 เมตร ซึ่งถือว่าสูง ทำให้ห้องดูโปร่งมากกว่าคอนโดทั่วไป ห้องแต่ละ Type จะมีการตกแต่งที่แตกต่างกันด้วย Concept ท้องฟ้าในช่วงเวลาต่างๆ แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ถ้าเราอยากเปลี่ยนโทนห้องก็ต้องจัดการเอง เลือกไม่ได้ค่ะ ส่วนกลางให้มาเยอะและดูจากภาพ Interior ดูสวย น่าใช้งานและมีฟังก์ชั่นพิเศษๆเพิ่มเข้ามาหลายรายการ
แต่อาจจะมีข้อน่าสังเกตุอยู่อย่าง คือโครงการตั้งอยู่ภายในที่ดินเดียวกับ Singha Complex ซึ่งอาจจะน่ากังวลว่าความเป็นส่วนตัวจะลดลง เนื่องจากการใช้ทางเข้าออกยังต้องใช้ร่วมกับ Singha Complex อาจจะทำให้ Traffic ที่ทางเข้าค่อนข้างเยอะ และการนำเอาทางเข้า MRT มาไว้ในที่ดินใหญ่เดียวกัน ถึงจะสะดวกก็จริงแต่ก็ต้องทำใจเรื่องความพลุกพล่านหน่อยค่ะ
สิ่งอำนวยความสะดวก : ได้มาครบครันตามราคาค่าตัว ใครที่ชอบส่วนกลางดีๆ ต้องถูกใจโครงการนี้ค่ะ เริ่มจากที่จอดรถแยกให้มีที่จอด Supercar ที่ชั้น 1 และที่จอดรถทั่วไปที่ชั้น 2 – 7 รวมที่จอดรถทั้งหมด 87% (รวมจอดซ้อนคัน) ระบบรักษาความปลอดภัย Key Card Access แบบ Easy Pass ที่หน้าโครงการ, Key Card เข้าส่วนโถงลิฟท์ และลิฟท์ระบบล็อคชั้น พร้อม รปภ. ดูแลรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ค่ะ
พื้นที่สีเขียวด้านหน้าอาคารมีสวน Green Amphitheatre และ Hidden Pavillion พร้อมพื้น Slope ด้านหน้า Lobby ช่วยบังสายตาจากแต่ละส่วน เข้ามาภายในอาคารมี Grand Lobby , Business Lobby , Personal Storage ใช้ Key Card แตะเพื่อเข้าสูงโถงลิฟท์ ตัวลิฟท์เป็นแบบล็อคชั้นใช้ขึ้นไปยังชั้นพักอาศัยและส่วนกลางเท่านั้น ลิฟท์โดยสารมีทั้งหมด 4 ตัว อัตราส่วนเฉลี่ยลิฟท์โดยสารต่อยูนิตพักอาศัย 1 : 79 ถือว่าสบายๆไม่หนาแน่น
พื้นที่ส่วนกลางจะอยู่ที่ชั้น 8 มีสวน Sanctuary Terrain Garden ส่วนกลางหลักอยู่ที่ชั้น 36 – 37 มีสระว่ายน้ำกลางแจ้ง เป็นสระระบบเกลือ กว้าง 22 เมตร แยกสระเด็ก, Fitness แยกเป็นเครื่องออกกำลังกายมาตรฐาน และ ส่วนเพิ่มเติมคือเวทีมวย และปีนเขา, ห้องน้ำ ห้อง Steam บ่อ Onsen แยกชาย-หญิง, Private Exercise Room, Library and Co-Working Space, The Sky Social Lounge, Meeting Room, The Residence Lounge, Private Theatre, Private Spa and Salon
คะแนน
ทำเลที่ตั้งโครงการ
8.5
คอนโด High Rise สูง 39 ชั้น ในที่ดินเดียวกับ Singha Complex ทางเข้าติดถนนใหญ่เพชรบุรี ใกล้แยกอโศก จุดเชื่อมต่อ CBD และ New CBD ความอุดมสมบูรณ์โดยรอบดีมาก การเดินทางสะดวกมีทางเลือกหลากหลาย
การเดินทาง ใช้รถ
8.0
เดินทางได้สะดวก แต่รถติดช่วงเร่งด่วน ใกล้ทางด่วน เข้า-ออก และ เชื่อมต่อถนนสายสำคัญได้หลายเส้นทาง
การเดินทาง ไม่ใช้รถ
8.5
มีทางเข้า MRT เพชรบุรีอยู่หน้าโครงการเดินเท้าไปได้สะดวก เชื่อมไป Airport Link มักกะสันและ BTS อโศกได้สะดวก Taxi มีผ่านหน้าโครงการตลอดทั้งวัน
ห้องและวัสดุ
8.0
แปลนห้องแบ่งได้เป็นสัดส่วนลงตัวฝ้าเพดานสูงทำให้ห้องดูกว้างกว่าปกติ ขายแบบ Fully Furnished วัสดุ และเฟอร์นิเจอร์ที่ได้คุณภาพมาตรฐานเหมาะสมกับราคา ส่วนกลางโครงการและทำเล
สิ่งอำนวยความสะดวก
8.0
มีให้ครบครันมาก และออกแบบได้สวย น่าใช้งาน
ความคุ้มค่ากับราคา
7.75
คอนโดระดับ Luxury บนทำเลที่ดี ใกล้รถไฟฟ้า และสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งตลาดและห้างใหญ่ ใกล้ที่ทำงานย่านอโศก รัชดา ในราคาค่าตัวเฉลี่ย 275,000 บาท/ตร.ม.
คะแนนรวมเฉลี่ย
8.12
ดีมาก
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
Tel : 1221
Website : http://www.singhaestate.co.th/
หากเพื่อนๆเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน ขอบคุณค่ะ
และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ
แสดงความคิดเห็น