6 วิธีเช็คปัญหาเบื้องต้น เมื่อเครื่องซักผ้าไม่หมุน
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องซักผ้าแบบฝาบนหรือเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้า ปัญหามอเตอร์เครื่องซักผ้าไม่หมุน หรือ เครื่องซักผ้าไม่มีแรงหมุน นั้นเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ ก่อนเรียกช่าง จึงแนะนำให้ลองมาหาสาเหตุกันก่อนดีกว่า ว่าที่จริงแล้ว มันเกิดมาจากสาเหตุใดกันแน่
6 วิธีเช็คปัญหาเบื้องต้น เมื่อเครื่องซักผ้าไม่หมุน
1. ตรวจสอบว่าประตูปิดสนิท
หากพบว่า ประตูเครื่องซักผ้าเปิดอยู่ เครื่องจะไม่ทำงาน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าปิดประตูสนิทแล้ว นำวัตถุที่ติดอยู่ที่ประตูออก แล้วปิดประตูจนกระทั่งได้ยินเสียงล็อก
2. หลีกเลี่ยงใช้สารซักฟอกมากเกินไป
คุณอาจใช้สารซักฟอกมากเกินไป หรือใช้สารซักฟอกประเภทที่ไม่เหมาะกับเครื่อง ในกรณีนี้ เครื่องซักผ้าของคุณจะหยุดปั่นแห้ง และจะพยายามดูดซับฟองที่มีอยู่มากไปในถัง อ่านคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์สารซักฟอก เพื่อดูว่าเป็นชนิดที่เหมาะกับเครื่องซักผ้าของคุณหรือไม่ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่ใช้สารซักฟอกมากเกินปริมาณที่แนะนำ
3. ดูว่ามีน้ำเหลืออยู่ในถังหรือไม่
รอบการปั่นแห้งจะไม่เริ่มทำงาน หากไม่ได้ระบายน้ำออกจนหมด ปิดเครื่องซักผ้า แล้วตรวจสอบท่อระบายน้ำและตัวกรองปั๊ม ท่อไม่ควรงอหรืออุดตัน หากจำเป็น ให้ขจัดสิ่งอุดตันหรือยืดให้ตรง เปลี่ยนท่อที่รั่วซึม หากท่อมีรูรั่วหรือเป็นสนิม ทำความสะอาดปั๊มระบายทุก 3 เดือน เพื่อลดการอุดตัน
4. ตรวจสอบความเสียหายของสายพานเครื่อง
เปิดประตูและลองหมุนถังด้วยมือของคุณ หากหมุนได้โดยไม่มีแรงต้านเลย สายพานเครื่องซักผ้าของคุณอาจเสียหายหรือชำรุด ในกรณีนี้ โปรดติดต่อผู้แทนให้บริการที่ได้รับการแต่งตั้ง
5. ใส่ผ้ามากเกินไป
สังเกตดูว่าปริมาณเสื้อผ้าที่ใส่ลงไปในถังเครื่องซักผ้ามีมากเกินไปหรือไม่ หากมากเกินไปก็อาจต้องคัดแยกเสื้อผ้าบางส่วนออกมาบ้างเพราะจะทำให้ถังซักหรือ ถังปั่นแห้งไม่หมุน
6. จัดว่าเป็นปัญหาทางเทคนิค
เครื่องซักผ้าของคุณอาจหยุดทำงานเนื่องจากไฟกระชาก ถอดปลั๊กไฟออก รอประมาณหนึ่งนาที จากนั้นเสียบปลั๊กกลับ ลองเริ่มโปรแกรมอีกครั้ง หากยังคงมีปัญหา เครื่องซักผ้าของคุณอาจมีปัญหาทางเทคนิค หากคุณคิดว่าจะเป็นกรณีนี้ โปรดติดต่อผู้แทนให้บริการที่ได้รับการแต่งตั้ง
พฤติกรรมแบบไหนที่ไม่ควรทำเมื่อใช้งานเครื่องซักผ้า !
1. เสียบปลั๊กเครื่องซักผ้าร่วมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น
เครื่องซักผ้าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ค่อนข้างกินไฟ ถ้าเรานำไปเสียบร่วมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดอื่นในปลั๊กพ่วงเดียวกัน อาจจะทำให้ไฟตก ไฟช็อต เกิดการดึงกระแสไฟที่มากเกินไปทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร อาจเป็นอันตรายกับผู้ใช้งานได้
2. ซิปกางเกง หรือซิปกระเป๋า
เพราะตัวซิปอาจจะเข้าไปติดตัวถังในระหว่างการปั่นผ้า หรือแรงปั่นของเครื่อง ทำให้ตัวซิปกระแทกกับถัง จนเกิดรอยข่วน หรืออาจจะเกิดรอยร้าวจนแตกได้ ทำให้เราต้องเช็คดูสักนิดก่อนปั่นผ้าว่ารูดซิปเก็บเรียบร้อยแล้วหรือยัง
3. ชุดชั้นในของผู้หญิง
อาจเป็นสาเหตุทำให้เครื่องทำงานได้ยากมากขึ้น ทั้งตัวตะขอ และโครงเสื้อในที่ทำมาจากโลหะ จะทำให้ถังปั่นเกิดความเสียหายได้ ดังนั้นการซักชุดชั้นในด้วยมือ หรือให้ใส่ถุงซักก่อนนำเข้าเครื่องจะช่วยถนอมชุดชั้นใน ถนอมเนื้อผ้า และยืดอายุการใช้งานตัวเครื่องได้อีกด้วย
4. เหรียญต่างๆ
ในกระเป๋ากางเกงก็สามารถทำให้เครื่องเสียหายยิ่งกว่าตัวซิปกางเกงอีก เพราะเหรียญเป็นโลหะ แล้วยิ่งไปเจอกับแรงเหวี่ยงตอนปั่นผ้า อาจทำให้ถังปั่นมีปัญหา มีรอยอาจแตกได้เลย ทำให้ก่อนปั่นผ้า เราควรตรวจดูสิ่งของในกระเป๋ากางเกงของเราก่อนนำไปซัก
5. ไม่ทำความสะอาดถังซักเลย
เป็นสิ่งสำคัญที่เราเองก็อาจจะมองข้ามไปในบางครั้ง เพราะว่าเครื่องซักผ้ายังไงก็มีการปั่นน้ำสะอาด ปั่นน้ำยาซัก และอาจจะคิดว่าได้ถูกทำความสะอาดไปแล้ว
แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย เพราะเสื้อผ้าที่เรานำมาซักเป็นสิ่งสกปรก พอเราเอามาซักที่เครื่องก็ยังมีคราบสิ่งสกปรกเหล่านั้นหลงเหลือทิ้งเอาไว้บนเครื่องซักผ้าของเรา
อีกทั้งเครื่องซักผ้ามีความชื้นเป็นแหล่งในการสะสมของเชื้อรา เราควรทำความสะอาดเพื่อช่วยลดเชื้อโรคและกลิ่นอับ อย่างน้อยเดือนละครั้ง
สนใจลงโฆษณากับทาง Homenayoo ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่
คุณวันเฉลิม 086-1290293
ทางเราเป็นเว็บไซต์ให้ข้อมูล ไม่ใช่เจ้าของโครงการนะครับ
แสดงความคิดเห็น