ความอุดมสมบูรณ์โดยรอบสูง มี Tops Super Market ในระยะ 400 เมตร และห้างใหญ่ทั้ง Emporium และ Emquartier ในระยะ 750 เมตร
สำหรับรายละเอียดโครงการทั้งหมดจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ติดตามต่อที่ด้านล่างได้เลยค่ะ 🙂
ดู ASHTON ทำเลอื่นๆ
Ashton Asoke
Ashton Chula-Silom
Ashton Silom
Ashton Residence 41
ชื่อโครงการ
แอชตัน เรสซิเดนซ์ 41 Ashton Residence 41
เจ้าของโครงการ
อนันดา Ananda
ลักษณะห้องและขนาดห้อง
Single Floor
2 ห้องนอน, 2 ห้องน้ำ ขนาด 67 – 75 ตร.ม.
2 ห้องนอน, 2.5 ห้องน้ำ ขนาด 89 ตร.ม.
3 ห้องนอน, 2.5 ห้องน้ำ ขนาด 133.50 ตร.ม.
Duplex
2 ห้องนอน, 2 ห้องน้ำ ขนาด 122 – 124.50 ตร.ม.
3 ห้องนอน, 3 ห้องน้ำ ขนาด 130.50 – 161 ตร.ม.
3 ห้องนอน, 3.5 ห้องน้ำ ขนาด 215.50 ตร.ม.
เนื้อที่ทั้งหมด
1-3-65 ไร่
จำนวนตึก
2 อาคาร
จำนวนชั้น
8 ชั้น
จำนวนห้อง
79 ยูนิต
ที่จอดรถทั้งหมด
204% เป็นที่จอดรถแบบทั่วไปและระบบ Mechanical parking (จอดใต้ดิน)
โซน
เขตวัฒนา
ขนส่งสาธารณะ
– รถไฟฟ้า BTS พร้อมพงษ์ 600 เมตร
รถโดยสารที่ผ่าน
รถเมล์สาย 2, 25, 38, 40, 48, 98, 501 และ 508
ที่ตั้ง
ซอยสุขุมวิท 41 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.
กำหนดการ
เริ่มก่อสร้างปี 2558
ปีที่สร้างเสร็จ
สร้างเสร็จพร้อมอยู่
ราคา
เริ่มต้น 18.5 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม
เริ่มต้นประมาณ 276,000 บาท / ตร.ม.
ค่าส่วนกลางและกองทุน
n/a
สถานที่สำคัญใกล้เคียง
Miracle Mall 400 ม.
Trinity International School 2.9 กม.
รพ.เทพธารินทร์ 3 กม.
Tesco Lotus พระราม 4 3.2 กม.
BigC พระราม 4 2.1 กม.
K Village 1.8 กม.
Major เอกมัย 2.3 กม.
Gateway เอกมัย 3.8 กม.
Fifty Fifth Plaza 2.2 กม.
Emporium 1 กม.
EmQuatier 1 กม.
Terminal21 3 กม.
สวนเบญจสิริ 1.1 กม.
สวนเบญจกิตติ 4.1 กม.
ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต 3.9 กม.
รพ.สุขุมวิท 2.8 กม.
Max Value 2.4 กม.
Park Lane เอกมัย 2.6 กม.
รพ.สมิติเวช สุขุมวิท 800 ม.
สิ่งอำนวยความสะดวก
– สระว่ายน้ำ
– สวนหย่อม
– สวนลอยฟ้า
– ฟิตเนส
– ซาวน่า-สตรีม
– Mechanical parking ที่จอดรถใต้ดิน
– Access Control Card
– CCTV
– รปภ. 24 ชม.
จุดเด่นของโครงการ
“Ashton Resident 41 คอนโด Low-Rise สูง 8 ชั้น 2 อาคาร ตั้งบนทำเลศักยภาพใจกลางสุขุมวิท ใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีพร้อมพงษ์ เพียง 600 เมตร”
คอนโด BTS พร้อมพงษ์ / คอนโดติดรถไฟฟ้า BTS พร้อมพงษ์
คอนโดใกล้ BTS พร้อมพงษ์
ซอยสุขุมวิท 24
ซอยสุขุมวิท 26 และสุขุมวิท 30/1
ซอยสุขุมวิท 28
ซอยสุขุมวิท 39
ซอยสุขุมวิท 41, สุขุมวิท 43 และสุขุมวิท 47
ซอยสุขุมวิท 31 และสุขุมวิท 33
ที่ตั้งโครงการ
ซอยสุขุมวิท 41 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.
พิกัด : 13.732878, 100.573578
แผนที่จากทางโครงการค่ะ จะเห็นว่าตัวโครงการตั้งอยู่สุดซอยสุขุมวิท 41 ซึ่งเป็นซอยตันที่ไม่ลึกมาก ทำให้มีความเป็นส่วนตัวและเดินทางได้สะดวกค่ะ
โครงการ แอชตัน เรสซิเดนซ์ 41 ( Ashton Residence 41 ) ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 41 ตามชื่อโครงการเลย หรือมีอีกชื่อที่คนรู้จักกันดีในชื่อซอยภิรมย์ภักดี โดยจะต้องเข้าซอยไปประมาณ 450 เมตร ตัวโครงการจะตั้งอยู่สุดซอย ซึ่งเป็นซอยตัน ผู้คนไม่พลุกพล่านเพราะที่ดินในซอยส่วนใหญ่จะเป็นที่ดินของคนมีอันจะกินแต่ดั้งเดิม สภาพแวดล้อมในซอยเลยจะร่มรื่นและเงียบสงบ ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮมและอาคารชุดอีกนิดหน่อย
ถึงแม้ว่าตัวโครงการจะเข้าซอยมาลึกหน่อยและไม่ได้อยู่ติดติดรถไฟฟ้าซะทีเดียวแต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระยะที่ไม่ไกลมาก ระยะประมาณ 600 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่กลางๆ ถ้าขยันหน่อยก็เดินถึงได้ ถ้าจะนั่งรถก็ไม่ไกล แต่ประเด็นคือทำเลของโครงการที่ได้ความสงบร่มรื่นค่อนข้างมากในระยะห่างจาก BTS พร้อมพงษ์ แค่ 600 เมตรนั้น ถือว่าค่อนข้างคุ้ม เพราะได้ทั้งความสงบในการอยู่อาศัย แล้วยังได้ความสะดวกในการเดินทางอีกค่ะ แถมสภาพแวดล้อมในซอยมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนไปวุ่นวายค่อนข้างยากเพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่าที่ดินในซอยส่วนใหญ่เป็นของคนมีฐานะมาแต่ดั้งแต่เดิม จะเปลี่ยนมือคงยากหน่อยค่ะ
นอกจากนั้นช่วงต้นซอยจะมีซอยเชื่อมกับซอยสุขุมวิท 43 อยู่ ซึ่งในซอยเชื่อมนี้ส่วนใหญ่จะเป็น Service Apartment และร้านอาหารน้อยใหญ่ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นกลุ่มลูกค้าเป็นชาวต่างชาติอย่างญี่ปุ่น เลยจะมีความเป็นระเบียบไม่วุ่นวายค่ะ
การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว เนื่องจากเป็นทำเลกลางเมืองแบบนี้การเดินทางจึงสะดวกทั้งการใช้รถยนต์ส่วนตัวและรถไฟฟ้าค่ะ เริ่มจากการเดินทางโดยใช้รถยนต์ส่วนตัวของโครงการนี้ สามารถเข้าถึงโครงการได้สะดวกจากเส้นทางหลักๆทางเดียวคือ ถนนสุขุมวิทซึ่งเป็นถนนสายหลัก ที่สามารถเชื่อมไปยังถนนสายหลักอื่นๆได้อีก ทั้งถนนรัชดาภิเษก, ถนนพระราม 1, ถนนอ่อนนุช, ถนนพระราม 4 ยาวไปถึงถนนบางนา – ตราด, อุดมสุข และอื่นๆอีกหลายเส้นทางค่ะ
ส่วนการจราจรบนถนนสุขุมวิท พร้อมพงษ์นั้นก็เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าหนาแน่นมากเนื่องจากเป็นจุดเชื่อมให้คนใช้เดินทางไป-มา ระหว่างถนนสุขุมวิท ถนนพระรามสี่ และถนนเพชรบุรี เพราะฉะนั้นก่อนจะเดินทางก็ต้องวางแผนหาทางหนีทีไล่กันดีๆ หรือจะหนีไปใช้รถไฟฟ้าเลยก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีนะคะ
ถึงแม้จะเป็นทำเลกลางเมืองที่การเดินทางสะดวกทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถสาธารณะ แต่การจราจรแถวนี้ค่อนข้างหนาแน่น ทำให้บางทีก็อยากจะหาทางเลี่ยงรถติดอย่างการใช้ทางด่วนบ้างซึ่งจุดขึ้นทางด่วนรอบๆก็มีให้เลือกมากมายค่ะ แต่ข้อเสียคือเข้าถึงค่อนข้างยากหน่อย ด้วยระยะทางอาจจะดูไม่ไกลเท่าไหร่ แต่ถ้าต้องฝ่ารถติดไปขึ้นนี่ก็เสียเวลาพอสมควรเหมือนกันค่ะ
สำหรับจุดขึ้นทางด่วนที่ใกล้โครงการที่สุดจะเป็นจุดขึ้นทางด่วนเฉลิมมหานครฝั่งขาออก ขึ้นไปดอนเมือง รังสิตได้ค่ะ โดยระยะทางจากโครงการถึงจุดขึ้นทางด่วนนี้จะอยู่ที่ประมาณ 4.6 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 – 30 นาที
มีจุดขึ้นทางด่วนฝั่งขึ้นไปทางทิศเหนือแล้วก็ต้องมีเส้นที่ลงทิศใต้บ้าง โดยเส้นทางนี้จะสามารถไปบางนา, พระราม 3 ได้ มีระยะทางจากโครงการถึงจุดขึ้นทางด่วนประมาณ 8.3 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 14 – 35 นาที
นอกจากนั้นก็ยังมีทางด่วนอีกเส้นที่อยู่ไม่ไกลจากโครงการนัก คือทางด่วนรามอินทรา – อาจนรงค์ โดยจุดขึ้นทางด่วนฝั่งมุ่งหน้าไปทางทิศใต้จะสามารถไปเชื่อมกับทางด่วนเฉลิมมหานคร มุ่งหน้าไปบางนาได้ โดยจุดขึ้นทางด่วนมีระยะห่างจากโครงการประมาณ 6.7 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 – 26 นาที
และจุดขึ้นทางด่วนรามอินทรา – อาจนรงค์ ฝั่งมุ่งหน้าขึ้นทิศเหนือที่สามารถไปเชื่อมกับทางด่วนกาญจนาภิเษกวิ่งยาวไปออกปทุมธานีได้ โดยจุดขึ้นทางด่วนนี้จะมีระยะห่างจากโครงการประมาณ 5 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 – 25 นาที
การเดินทางโดยรถสาธารณะนั้นก็ถือว่าสะดวกสมกับเป็นทำเลกลางเมืองเลยค่ะ เพราะตัวโครงการอยู่ห่างสถานี BTS พร้อมพงษ์ เป็นระยะ 600 เมตร ซึ่งถือว่ากลางๆ ไม่ไกลเกินเดินถึง ฟุตบาทบนถนนสุขุมวิทก็เดินได้สะดวกอยู่ ถึงแม้ว่าในซอยจะไม่มีฟุตบาท แต่ก็สามารถเดินได้ไม่อันตราย เพราะซอยค่อนข้างเงียบ รถเข้าออกไม่เยอะค่ะ หรือถ้าใครไม่อยากเดินก็มีช่องทางอื่นๆให้เลือกใช้บริการ เช่น พี่วินที่หน้าปากซอย ค่าบริการเริ่มต้น 10 บาท และ ป้ายรถเมล์ 100 เมตร จากหน้าปากซอย ซึ่งจะมีรถเมล์สาย 2, 2ส , 25, 38ร, 40ร, 48ร, 98ร, 501 และ 508 นอกจากนั้นก็สามารถเรียก Taxi หน้าปากซอยได้ มีวิ่งผ่านไปมาตลอดค่ะ
ความอุดมสมบูรณ์โดยรอบสูง โดยส่วนใหญ่จะเป็นแบบดูดีๆหน่อย ค่าครองชีพแถวนี้ค่อนข้างสูง จะไม่มีพวกตลาดทั่วไปนะคะ จะมีเป็นร้านดีๆให้นั่งมากกว่า และที่เป็นจุดขาย คือห้างหรูตระกูล EM ในเครือ The Mall ทั้งห้างเก่าแก่อย่าง The Emporium และห้างใหม่สุดฮอตอย่าง EmQuartier ซึ่งห้างทั้ง 2 แห่งนี้ก็มีระยะห่างจากโครงการแค่ประมาณ 0.75 – 1 กิโลเมตรเท่านั้นค่ะ นอกจากห้างใหญ่ทั้ง 2 แล้ว ความอุดมสมบูรณ์รอบๆก็จะมีหลากหลายค่ะ มีร้านอาหารธรรมดาบ้าง ไปจนถึงร้านดังซึ่งส่วนใหญ่จะทำขึ้นมาจับกลุ่มตลาดชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น ราคาค่าครองชีพแถวนี้จึงค่อนข้างสูง เทียบๆกันแล้วก็พอๆกับทำเลทองหล่อแต่จะมีความหลากหลายน้อยกว่าหน่อยค่ะ นอกจากนั้นในระยะเดินสบายๆก็จะมี Miracle Mall จะมี Top ซุปเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆอยู่หน้าปากซอย ในซอยก็จะมีร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่ 1 – 2 ร้าน และร้านอาหารข้างทางอยู่ 1 – 2 ร้านด้วยค่ะ
การเดินทาง
การเดินทางในวันนี้ เราจะเริ่มต้นกันบนถนนสุขุมวิท บริเวณแยกอโศกมนตรี ฝั่งมุ่งหน้าอ่อนนุช ขับตรงไปจนผ่าน BTS พร้อมพงษ์ สังเกตซอยสุขุมวิท 41 ทางซ้ายมือ เลี้ยวเข้าซอยแล้วขับตรงไปจนสุดซอยจะเจอโครงการ Ashton Residence 41 ทางซ้ายมือ
สรุปการเดินทาง แยกอโศก > ถนนสุขุมวิท > ซอยสุขุมวิท 41 > Ashton Residence 41
เราเริ่มการเดินทางกันบนถนนสุขุมวิท ฝั่งมุ่งหน้าอ่อนนุช บริเวณแยกอโศกมนตรี โดยจากแยกจะสามารถเลี้ยวซ้ายไปอโศก ดินแดง และพระราม 9 ได้ ส่วนถ้าเลี้ยวขวาจะสามารถไปพระราม 4 ได้ค่ะ
ขับตรงผ่านแยกมาเราจะผ่าน Jasmin City หน้าปากซอยสุขุมวิท 23 ซึ่งภายในจะมีร้านอาหารให้เลือกหลายร้าน
ขับตรงต่อมาอีกหน่อย จะผ่าน RSU Tower หน้าปากซอยสุขุมวิท 31 ด้านในจะมีร้านอาหารเช่นกัน
ขับตรงต่อมาก่อนถึง BTS พร้อมพงษ์ เราจะเห็น Villa Market ทางซ้ายมือ
เมื่อถึง BTS พร้อมพงษ์ ให้เราเตรียมตัวชิดซ้ายค่ะ
โดยสถานีนี้ปัจจุบันจะเป็นจุดเชื่อมต่อห้างหรูใหญ่ 2 แห่ง คือ Emquartier และ Emporium
ผ่านสถานีมาแล้วเราจะเริ่มเข้าเลนซ้าย โดยตามเส้นทางมาเราจะเห็นโครงการเพื่อนบ้าน Marque สุขุมวิท ทางซ้ายมือ
ตรงมาอีกหน่อยเราก็จะถึงซอยสุขุมวิท 41 แล้ว เลี้ยวเข้าซอยไปเลยค่ะ
เข้าซอยมาแล้ว เราขับตรงมาจนสุดซอย ระยะทางประมาณ 450 เมตร ก็จะถึงโครงการ Ashton Residence 41 ทางขวามือค่ะ
และการเดินทางอีกเส้นทางคือการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS ขอเริ่มจาก BTS พร้อมพงษ์ โดยใช้วิธีเดินๆๆ จนถึงโครงการกันนะคะ จะได้ดูบรรยากาศในบริเวณนี้ไปด้วยเลย
สรุปการเดินทาง BTS พร้อมพงษ์ > ซอยสุขุมวิท 41 > Ashton Residence 41
เริ่มจากในสถานีกันก่อน ลงมาจากรถไฟฟ้าแล้วเดินตามป้ายทางออก 3 ค่ะ
ลงมาจากสถานีจะเจอธนาคารออมสินทางขวามือ
หันกลับมาที่บันไดทางลง เดี๋ยวเราจะเดินย้อนไปด้านหลังบันไดทางลง BTS นี้นะคะ
เดินเลย BTS มาหน่อยจะเจอ Family Mart มีร้านอาหารตั้งบนฟุตบาท 1 – 2 ร้าน
มีทั้งร้านกาแฟ ร้านขายหนังสือและแผงขายขนม, ผลไม้
ซอยแรกที่เราเดินผ่านเป็นซอยสุขุมวิท 37 เป็นซอยตื้นๆ สุดซอยจะมีถนนเชื่อมไปซอยสุขุมวิท 39 ช่วงหน้าปากซอยจะมีร้านอาหารเปิดอยู่บ้าง 2 – 3 ร้าน
ส่วนด้านในซอยจะเป็นอพาร์ทเมนต์และร้านรวงต่างๆที่ส่วนใหญ่จะเน้นลูกค้าญี่ปุ่น สังเกตได้จากป้ายชื่อร้านจะเป็นภาษาญี่ปุ่นค่ะ
กลับออกมาบนถนนใหญ่จะเจอ 7 – 11
ซอยถัดมาที่อยู่ไม่ไกลกันคือซอยสุขุมวิท 39
ซอยนี้เป็นซอยยาวว สามารถใช้ทะลุไปถนนเพชรบุรี และสามารถใช้ลัดไปซอยสุขุมวิท 37, สุขุมวิท 49, สุขุมวิท 51 ได้อีกด้วยค่ะ
เดินต่อมาก็จะเจออาคารพาณิชย์ที่เปิดเป็นร้านรวงต่างๆ เช่น ร้านนวด, ร้านเสริมสวย ร้านเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งดูจากหน้าตาร้านก็น่าจะเปิดมานานพอสมควรแล้วค่ะ
ถัดมาเป็นอาคารสำนักงาน Metropolis สูง 21 ชั้น
ติดกันเป็นคอนโด The Madison สุขุมวิท
เป็นคอนโด High Rise สูง 36 ชั้น
ซอยสุขุมวิท 41 หรือซอยภิรมย์ภักดีจะเป็นซอยตัน ไม่ลึกมาก แค่ประมาณ 450 เมตร สภาพแวดล้อมภายในซอยส่วนใหญ่จะเป็นบ้านเดี่ยวเนื้อที่บ้านเยอะๆ แต่ช่วงต้นๆซอยก็จะถนนเชื่อมซอยสุขุมวิท 43 อยู่ ซึ่งถนนเส้นนี้ห้ามเลี้ยวขวาเข้านะคะ คือจะใช้เป็นเส้นทางจากซอย 43 มาซอย 41 มากกว่า ด้านในซอยเชื่อมนี้ก็จะเป็น Service Apartment และร้านอาหารที่เน้นให้บริการชาวญี่ปุ่นซะเป็นส่วนใหญ่ กลับมาดูในซอยสุขุมวิท 41 ช่วงต้นซอยก็จะมีคอนโดของลุมพินี, อพาร์ทเมนท์ River Placeและโรงแรม Adelphi Grand อยู่ช่วงกลางซอย แต่ถึงจะมีอาคารชุดอยู่หลายอาคาร แต่บรรยากาศในซอยยังคงเรียบร้อยไม่วุ่นวายค่ะ ออกแนวสงบเงียบ ซอยสะอาด ร่มรื่นต้นไม้เยอะ เหมาะสมกับการอยู่อาศัย
ถัดจากคอนโด Madison มาก็ถึงซอยสุขุมวิท 41 แล้วค่ะ
หน้าปากซอยจะมี Miracle Mall เป็น Mall เล็กๆ มีร้านอาหารและ Tops Market ให้ได้มาจับจ่ายซื้อของใช้จำเป็นกันค่ะ
เข้ามาดูภายในซอยกันบ้าง ตัวซอยเป็นถนน 2 เลน ไม่แคบมาก รถพอวิ่งสวนกันได้พอดีๆ
มีป้ายบอกไว้ด้วยว่าข้างในเป็นซอยตัน
มีพี่วินให้บริการอยู่ปากซอย ใครเดินมาจาก BTS และไม่อยากเดินต่อแล้วก็สามารถใช้บริการพี่เค้าได้ ถ้าเราเข้าไปโครงการค่าโดยสารก็ 10 บาทเท่านั้นค่ะ
ข้างทางก็จะมีรถขายผลไม้ ขนมนิดๆหน่อย
ตึกสูงที่เราเห็นหน้าปากซอยนี้ก็คือคอนโด The Madison ที่เราเดินผ่านกันมานั่นเองค่ะ
เข้ามาในซอยอีกนิด จะมีร้านอาหารข้างทาง ตั้งขายกันเป็นเรื่องเป็นราวเลยทีเดียว
อีกด้านก็จะเป็นซอยที่ใช้เชื่อมกับซอยสุขุมวิท 43 อาคารส้มๆที่เห็นนี่ก็เป็น Service Apartment ค่ะ
บรรยากาศภายในซอยเชื่อมจะเป็นถนนเส้นแคบๆหน่อย รถวิ่งได้ทางเดียว
ในซอยมีทั้งร้านอาหาร และร้านขายของเล็กๆน้อยๆ เกือบทุกร้านที่เปิดขายของพวกนี้จะตกแต่งร้านแบบน่ารักน่าเข้าไปชมสินค้าซะจริงง ><
ถัดเข้ามาเป็นโรงแรม 41 Suite Bangkok
ที่เหลือก็จะเป็นอาคารพาณิชย์ที่อยู่กันมานมนานแล้วค่ะ
สุดซอยที่เชื่อมกับซอยสุขุมวิท 43 จะมีร้านขายของชำเล็กๆอยู่ทางซ้ายมือ
ขอแว้บออกมาดูในซอย 43 สักหน่อย เห็นรถรับส่งผู้โดยสารของโรงแรม, อพาร์ทเมนท์แถวนี้พอดี ถ้าเราเข้ามาอยู่จะเห็นรถแบบนี้วิ่งผ่านบ่อยๆค่ะ น่ารักดี
กลับเข้ามาในซอยสุขุมวิท 41 เลยซอยที่เชื่อมซอย 41 กับ 43 มาหน่อยจะเจอคอนโด Lumpini Suite สุขุมวิท 41 เป็นคอนโดสูง 9 ชั้น หน้าตาเรียบร้อยเข้ากับบรรยากาศในซอยเลยค่ะ
ถัดมาจากคอนโดลุมพินี จะเจออพาร์ทเมนท์ River Place ทางขวามือ เป็นอพาร์ทเมนท์สูง 8 ชั้น 2 อาคารค่ะ
ส่วนทางขวาจะเป็นบ้านเดี่ยวหลังที่มีที่ดินกว้างม้ากก
ถักมาจะเจอร้านอาหารญี่ปุ่นเล็กๆ
ข้างร้านอาหารญี่ปุ่นจะมีซอยแยกไปอีก เป็นซอยตันนะ สุดซอยก็เป็นร้าน Soba Q เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นอีกเช่นกัน
กลับมาที่ซอยหลัก ตึกส้มๆทางขวามือที่เห็นคืออพาร์ทเมนท์สูง 4 ชั้น ส่วนซ้ายมือยังเป็นที่ของบ้านเดี่ยวที่เราผ่านมาเมื่อกี้ค่ะ
เดินเข้ามาอีกหน่อย จะเป็นที่ของบ้านเดี่ยวขนาบทั้ง 2 ข้างทางค่ะ
สังเกตว่าบ้านทุกหลังเค้าจะปลูกต้นไม้ไว้ค่อนข้างเยอะ อย่างหลังนี้นอกจากต้นไม้จะเยอะแล้วยังเป็นไม้ต้นใหญ่อีกด้วย เพราะเหตุนี้จึงทำให้บรรยากาศในซอยร่มรื่น ดูเย็นๆค่ะ
ถัดมาจะเจอกับโรงแรม Adelphi Grand ทางขวามือ โรงแรมนี้เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว จึงมีการจัดการค่อยข้างดี ไม่วุ่นวายค่ะ
เดินเข้ามาอีกหน่อยจะขวามือจะเป็นบ้านเดี่ยวทั้งขวาและซ้าย
ถัดมาจะเจออพาร์ทเมนท์ภิรมย์ การ์เดนท์
เข้ามาในซอยลึกอีกหน่อยซ้ายมือยังคงเป็นพื้นที่ของอพาร์ทเมนท์ภิรมย์ การ์เดนท์ ส่วนขวามือจะมีซอยที่มีทาวน์โฮมหลายหลังอยู่ค่ะ
ในซอยที่มีทาวน์โฮมนี้จะมีทาวน์โฮมที่อยู่มาแต่ดั้งเดิม สูงประมาณ 2 – 4 ชั้นค่ะ
เข้ามาในซอยอีกหน่อย ใกล้จะถึงตัวโครงการแล้วค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านเดี่ยว 1 – 2 ชั้น และอาคารส้มๆทางซ้ายมือเป็นอาคารพักอาศัยสูงประมาณ 3 ชั้น
เดินต่อมาอีกนิดด ถึงตัวโครงการแล้วค่าา
ตรงข้ามโครงการเป็นอพาร์ทเมนต์สูงประมาณ 6 ชั้น
ติดกับโครงการทางขวามือเป็นซอยตัน เชื่อมเข้าไปยังที่พักอาศัย และมีอาคารพักอาศัยสูงประมาณ 3 ชั้นเช่นกันค่ะ
แยกและถนนที่สำคัญรอบโครงการ เช่น
แยกอโศก 2 กม.
แยกเอกมัย – สุขุมวิท 3.2 กม.
แยกพระราม 4 4.6 กม.
แยก ณ ระนอง 4.1 กม.
ถนนรัชดาภิเษก 9 กม.
ถนนพระราม 4 4.3 กม.
สถานที่สำคัญรอบๆโครงการ เช่น
Miracle Mall 400 ม.
Trinity International School 2.9 กม.
รพ.เทพธารินทร์ 3 กม.
Tesco Lotus พระราม 4 3.2 กม.
BigC พระราม 4 2.1 กม.
K Village 1.8 กม.
Major เอกมัย 2.3 กม.
Gateway เอกมัย 3.8 กม.
Fifty Fifth Plaza 2.2 กม.
Emporium 1 กม.
EmQuatier 1 กม.
Terminal21 3 กม.
สวนเบญจสิริ 1.1 กม.
สวนเบญจกิตติ 4.1 กม.
ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต 3.9 กม.
รพ.สุขุมวิท 2.8 กม.
Max Value 2.4 กม.
Park Lane เอกมัย 2.6 กม.
รพ.สมิติเวช สุขุมวิท 800 ม.
รอบๆโครงการ
เนื่องจากตัวโครงการเป็น Low Rise สูง 8 ชั้น และอยู่ในเมืองก็ต้องทำใจเรื่องวิวรอบๆอยู่แล้วในระดับนึง ว่าคงไม่ได้เห็นวิวเมืองกรุงสวยๆยามค่ำคืน และอาจจะโดนตึกสูงขึ้นมาบังวิวอีก แต่โครงการนี้ก็ไม่ได้เน้นเรื่องวิวภายนอกเท่าไหร่อยู่แล้วค่ะ สังเกตได้จากการที่ทางโครงการจับระเบียงหันหน้าเข้าหาวิวสวนส่วนกลาง และดึงเอา Corridor มาไว้ด้านนอกแทนเพราะฉะนั้นลูกบ้านส่วนใหญ่ก็คงจะอยู่ที่ระเบียงของตัวเอง ไม่ออกมายืนมองวิวตรง Corridor กันเท่าไหร่เนอะ
ทิศเหนือ ติดที่อยู่อาศัย (บ้านเดี่ยว) สูง 2 – 3 ชั้น
ทิศใต้ ติดที่อยู่อาศัย(บ้านเดี่ยว) สูง 2 – 3 ชั้น
ทิศตะวันออก หรือด้านหลังโครงการติดที่อยู่อาศัยสูง 2 – 3 ชั้น
ทิศตะวันตก หรือด้านหน้าโครงการติดกับซอยสุขุมวิท 41 และอพาร์ทเมนท์สูงประมาณ 6 ชั้น
ตัวโครงการ
โครงการ “แอชตัน เรสซิเดนซ์ 41” ( Ashton Residence 41 ) เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร ตั้งในซอยสุขุมวิท 41 หรือซอยภิรมย์ภักดี มีจำนวนยูนิตพักอาศัยทั้งสิ้น 79 พื้นที่โครงการรวมแค่ประมาณ 1 – 3 – 65 ไร่ เท่านั้นค่ะ
ตัวโครงการมีความโดดเด่นหลายอย่างในงานออกแบบโดยได้บริษัท A 49 มาทำส่วนสถาปัตยกรรมและออกแบบร่วมกับ TROP ซึ่งเข้ามาช่วยทำในส่วนของ Landscape ซึ่งทุกอย่างจะเน้นความเป็นส่วนตัวและความสะดวกสบายของส่วนกลาง ทั้ง Automatic Parking, Vertical Green Wall, สระว่ายน้ำที่ใช้แนวความคิด Creek Pool, Fitness Sauna ครบครัน และยังสามารถเลี้ยงน้องหมาได้อีกด้วย
เริ่มจากแปลนโครงการชั้น Ground 1 – 3 จะเป็นที่จอดรถใต้ดิน จะเห็นว่าที่จอดส่วนใหญ่จะเป็นที่จอดแบบ Automatic Parking ที่อาคาร B จะเป็นที่จอดรถชั้นใต้ดินปกติค่ะ
แปลนโครงการชั้น 1 จากผังจะเห็นว่าโครงการมีทางเข้า – ออกทางเดียว คือทางซอยสุขุมวิท 41 เมื่อเข้าโครงการมาจะเจอกับพื้นที่ Drop Off คือจอดให้ผู้โดยสารได้ลงก่อน หลังจากนั้นจึงแยกซ้ายและขวาเพื่อเข้าสู่ที่จอดรถ โดยที่จอดรถของโครงการนี้จะมีจำนวนมากถึง 204% คือให้ที่จอดรถตามจำนวนห้องนอนเลย คือ 2 ห้องนอนก็ได้ 2 คัน, 3 ห้องนอน ก็จอดได้ 3 คันค่ะ ที่จอดรถจะแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ
ที่จอดรถอาคาร A จะเป็นที่ Commercial Parking ซึ่งเป็นที่จอดรถแบบธรรมดาทั่วไป สำหรับรถคันใหญ่ที่ไม่สามารถนำรถเข้าถาดจอดได้ หรือ Visitor ที่ไม่มี Key Card สำหรับเข้าไปจอดในส่วน Automatic Parking ก็สามารถมาจอดในที่จอดรถอาคาร A ได้เลยค่ะ
ที่จอดรถอาคาร B จะเป็นที่จอดรถแบบ Automatic Parking ซึ่งเป็นอีกจุดเด่นของโครงการนี้ คือเราสามารถถอยรถเข้าถาดจอดแล้วตัวถาดจอดรถก็จะนำรถของเราเข้าไปจอดให้เองอัตโนมัติ ส่วนขนาดของถาดจอดจะเป็นขนาดของรถทั่วไป และรถ Super Car ส่วนใหญ่ค่ะ โดยจะมีถาดจอดรถไว้ให้ที่ชั้น 1 นี้ทั้งหมด 3 ถาด สามารถเข้าจอดรถพร้อมๆกันได้เลย ไม่ต้องรอคิว ใช้เวลาในการจอดทั้งหมดประมาณ 2 นาทีค่ะ
เข้ามาในตัวอาคารทั้ง 2 อาคารจะมี Lobby แยกเป็นของตัวเอง ตัว Lobby ขนาดไม่ใหญ่มากเข้ามาก็เจอกับโถงลิฟท์เลยค่ะ ส่วนยูนิตพักอาศัยที่ชั้นนี้จะมีทางเข้าจาก Lobby เช่นเดียวกัน แต่จะต้องใช้ Key Card ในการเข้าไปยังตัว Corridor ของชั้น 1 ค่ะ
ส่วน Facility ที่ชั้นนี้นอกจากตัว Lobby ของแต่ละอาคารแล้วก็จะมีสระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด ประมาณ 40 x 10 เมตร แยกสระเด็กและสระผู้ใหญ่โดยสระน้ำนี้จะมีแนวความคิดการออกแบบสระแบบ Creek Pool มาจาก Barton Springs Pool สหรัฐอเมริกา คือออกแบบให้เสมือนลำธารที่ไหลผ่านโขดหินให้คามรู้สึกเป็นธรรมชาติเพื่อให้เข้ากับตัว Vertical Green Wall ที่ตัวอาคารด้วย โดยเปรียบตัวอาคารเป็นโขดหินและสระว่ายน้ำเป็นลำธารค่ะ
ลักษณะการวางอาคารจะวางเอียง 45 องศา ทำให้มุมมองมีระยะห่างเพิ่มขึ้นจากประมาณ 12 เมตร เป็น 21 เมตร ลดโอกาสการมองไปห้องฝั่งตรงข้ามแล้วจ๊ะเอ๋กัน นอกจากนั้นยังทำ Vertical Garden แปะไว้กับผนังอาคารฝั่งที่ถูกบิดไป 45 องศาเปลี่ยนวิวที่มองจากห้องให้เหมือนกับได้นั่งมองสวนทั้งวัน มองลงปข้างล่างก็เป็น Creek Pool เพิ่มความ Privacy ให้กับแต่ละยูนิตได้เป็นอย่างดี ซึ่งถือว่าตรงนี้ออกแบบมาได้ใส่ใจดีค่ะ
สำหรับยูนิตพักอาศัยที่ชั้นนี้จะเป็บแบบ Duplex ทุกยูนิต พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 62.50 ตร.ม – 89 ตร.ม และทุกยูนิตสามารถออกมาใช้สระว่ายน้ำจากห้องของตัวเองได้เลยค่ะ
มาดูของจริงกันต่อ เริ่มจากประตูทางเข้าโครงการ เป็นรางเลื่อนและมีป้อมรปภ.ทางขวามือ
ภาพรวมของตัวอาคารมองจากหน้าโครงการดุสวยกว่าตัวโมเดลอีกค่ะ
เข้ามาด้านในจะเจอกับพ้ืนที่ส่วน Drop Off มองตรงไปเป็นส่วนกลางหลัก คือสระว่ายน้ำระหว่างอาคาร
ฝั่งซ้ายมือเป็นทางลงที่จอดรถแบบ Commercial Parking ซึ่งเป็นที่จอดรถแบบธรรมดาทั่วไป สำหรับรถคันใหญ่ที่ไม่สามารถนำรถเข้าถาดจอดได้ หรือ Visitor ค่ะ
ส่วนฝั่งขวามือเป็น Automatic Parking มีทั้งหมด 3 ถาด สามารถเข้าจอดรถพร้อมๆกันได้เลย ไม่ต้องรอคิว ใช้เวลาในการจอดทั้งหมดประมาณ 2 นาที
เข้ามาด้านในจะเจอส่วนกลางที่เป็นเอกลักษณธของโครงการคือสระว่ายน้ำแบบ Creek Pool ตั้งอยู่ระหว่าง 2 อาคาร
รายละเอียดของสระจะอยู่ที่พื้นริมสระ อย่างที่เห็นจะมีการไล่ระดับ เลียนแบบโขดหินทำให้ดูมีมิติและดูแพงขึ้นมากเลยทีเดียวค่ะ
นอกจากนั้นจะเห็นว่ามีระเบียงที่เชื่อมออกมาจากห้องชั้น 1 ทุกห้อง ใครที่ได้ห้องชั้นนี้ไปเหมือนได้สระน้ำส่วนตัวเลยค่ะ เดินออกมาก็ลงน้ำได้เลย
เข้ามาในส่วนรับรองกันบ้าง โดยแต่ละอาคารจะมี Lobby รับรองแยกที่อาคาร A และ B สำหรับในภาพนี้จะเป้น Lobby ของอาคาร B ค่ะ ภายในขนาดกระทัดรัด เหมาะสำหรับนั่งไม่นาน เช่น Visitor มานั่งรอเจ้าของห้อง หรือเจ้าของห้องมานั่งรอรถ ซึ่งจะมีชุดเก้าอี้จัดไว้ให้ 2 – 3 ชุด ผนังใช้วัสดุที่เป็นเงาช่วยให้ห้องดูหรูขึ้นและไม่แคบ
อีกด้านของ Lobby จะเป็นผนังกระจกใส มองเห็นบรรยากาศภายนอก
ภายใน Lobby ทั้ง 2 อาคาร จะมีหน้าจอสั่งงานของที่จอดรถอัตโนมัติติดตั้งมาให้ สำหรับการใช้งานคือต้องแตะคีย์การ์ด และนั่งรอ แล้วระบบจะรันถาดจอดลงมาให้ถึงชั้น Ground แล้วเราก็สามารถไปขับออกมาได้เลย สบายๆ
ด้านหลังมีห้องน้ำรับรอง 1 ห้อง รวม ชาย – หญิง
ภายในห้องน้ำตกแต่งมาสวยน่าใช้งาน ขนาดค่อนข้างกว้าง
ส่วนโถงลิฟท์ของอาคาร B นี้จะต้องลงมาชั้นล่างค่ะ โดยพื้นที่โถงจะเชื่อมต่ออยู่กับโถงทางเดินของห้องพักชั้น 1 และห้องนิติ
มีลิฟท์โดยสาร 2 ตัว
ภายในลิฟท์ทำออกมาสวยน่าใช้งาน ติดตั้งกล้องวงจรปิดมาให้ 1 ตัว มีราวจับรอบลิฟท์
แผงกดลิฟท์ มาตรฐาน การใช้งานจะต้องแตะคีย์การ์ดเพื่อขึ้นไปยังชั้นพักอาศัย
มีแผงกดลิฟท์สำหรับผู้ที่ใช้ Wheel Chair ติดตั้งมาให้เพื่ออำนวยความสะดวก
บรรยากาศภายใน Lobby ของอาคาร A ก็จะตกแต่งมาคล้ายๆ กับอาคาร B แต่จะดูกว้างกว่าหน่อย เพราะมีโถงลิฟท์อยู่ภายใน Lobby เลยค่ะ
หน้าจอระบบควบคุมที่จอดรถอัตโนมัติก็จะติดตั้งมาให้ทางซ้ายมือ
พื้นที่ใน Lobby จัดชุดโซฟามาให้ 3 ชุด
เข้ามาด้านในจะเจอโถงลิฟท์
มีลิฟท์โดยสารให้ 2 ตัว
ภายในลิฟท์หน้าตามาตรฐาน มีติดตั้งราวจับและปุ่มกดลิฟท์สำหรับผู้ใช้ Wheel Chair ด้วย และสำหรับอาคาร A นี้จะเข้าออกได้ 2 ทาง เป็นทางเข้าส่วนกลางที่ชั้น 3 ค่ะ
ใช้ลิฟท์แบบ Lock ชั้น ของ Mitsubishi จุคนประมาณ 14 คนหรือประมาณ 1,050 กิโลกรัม
ติดกับโถงลิฟท์จะมีทางลาดลงไปยังส่วน Residence ชั้น 1
เมื่อลงมาชั้นล่างก็จะต้องแตะคีย์การ์ดเพื่อเข้าไปยังส่วนห้องพักค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้น 2 ออกมาจากลิฟท์โดยสารก็จะเข้าสู่ Corridor เพื่อแยกเข้าแต่ละห้องเลยค่ะ มีบันไดสำหรับขึ้นลงที่บริเวณปลายโถงทางเดินทั้ง 2 ด้าน สำหรับยูนิตพักอาศัยของชั้น 2 นี้จะเป็นแบบ Duplex ต่อมาจากชั้น 1 ค่ะ
ที่ชั้น 3 จะมีส่วนกลางพวก Fitness, Social Club ที่อาคาร A ส่วนอาคาร B จะเป็นยูนิตพักอาศัยล้วนๆ โดยยูนิตพักอาศัยที่ชั้น 3 นี้จะเป็นแบบ Single Floor ขนาดห้องตั้งแต่ 68.50 ตร.ม. – 91.50 ตร.ม. และมีห้องขนาดใหญ่ 1 ยูนิต คือห้องขนาด 137 ตร.ม. ที่อาคาร B
เรามาดูส่วนกลางหันต่อ เมื่อออกจากโถงลิฟท์มาแล้วจะเจอประตูแยกทางซ้ายมือ
เข้ามาด้านในส่วนแรกจะเป็นโถงรับรอง
จัดโซฟาหนังสีดำยาว 1 ตัวให้ สำหรับนั่งพักผ่อน
จากโถงรับรองจะเชื่อมไปยังส่วนอื่นๆ โดยส่วนแรกที่เราจะไปดูกันคือ Social Lounge
เข้ามาปุ๊ป ส่วนแรกจะเป็นโต๊ะนั่งทำงานหรือประชุม 6 ที่นั่ง
ถัดเข้ามาด้านในจะเป็น Lounge ยาว ผนังกระจก มีเก้าอี้จัดไว้ให้ประมาณ 6 ตัว
ด้านในมี Bar และอ่างล้างจานเล็กๆไว้ให้บริการ
ส่วนอีกด้านจะมีห้อง Private ประตูกระจกใส
ภายในมีโต๊ะ 5 ที่นั่ง พร้อมจอทีวี เหมาะใช้ประชุมเป็นส่วนตัวขึ้นอีกหน่อย
ห้องนี้เวลากลางวันแทบไม่ต้องเปิดไฟเลย เพราะผนังที่เป็นกระจกรอบด้าน ทำให้ได้รับแสงธรรมชาติเพียงพอ
กลับออกมาที่โถงรับรองด้านนอก เราจะไปดูในส่วนของห้องน้ำ และห้อง Fitness กันต่อ
โดยห้องแรกทางซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำหญิง และห้อง Steam Room
เข้ามาภายในจะเจอโถงทางเดินยาว
มีล็อคเกอร์ให้ใช้ 4 ช่อง พร้อมกุญแจ
ถัดเข้ามาด้านในจะมีอ่างล้างมือพร้อมกระจกเงาให้ 1 จุด
ส่วนห้องอาบน้ำและห้องอาบน้ำจะจัดมาให้อย่างละ 1 ห้อง ภายในห้องอาบน้ำตกแต่งมาสวย ติดตั้ง Hand Shower มาให้ 1 จุด
ภายในห้องน้ำค่ะ
และในห้อง Steam ตกแต่งด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนทั้งห้อง
ถัดมาเรามาดูในห้อง Sauna Room และห้องน้ำชายต่อ
เข้ามาด้านในจะเจอโถงยาว ส่วนแรกเป็น Locker เหมือนในห้องน้ำหญิงเลยค่ะ
ที่แตกต่างจากห้องน้ำหญิงคือเมื่อเข้ามาในห้องแล้ว ทางขวามือจะมีโถปัสสาวะชายติดตั้งมาให้ 1 จุด
ติดกับโถปัสสาวะจะมีห้องแยก ติดตั้ง Bibet ให้ 1 จุด
ถัดมาเป็นอ่างล้างมือพร้อมกระจกเงา 1 จุด
มีห้องน้ำ 1 ห้อง และห้องอาบน้ำ 1 ห้อง
ภายในห้องอาบน้ำติดตั้ง Rain Shower มาให้ค่ะ
ด้านในสุดของห้องจะเป็นห้อง Sauna
ภายในห้องขนาดค่อนข้างเล็กหน่อย แต่ปกติก็จะไม่ค่อยใช้งานพร้อมๆกันหลายคนอยู่แล้วค่ะ
ด้านในห้องหลบมุมที่นั่งไว้ให้เป็นส่วนตัว
กลับออกมาด้านนอก เราไปดูในห้องฟิตเนสกันต่อ
เข้ามาภายในห้องฟิตเนส ก็จะมีขนาดกระทัดรัดอีกเช่นกัน แต่อุปกรณ์มีมาให้ครบ ซึ่งส่วนนึงที่ส่วนกลางของโครงการนี้ไม่ค่อยใหญ่เพราะเขาจับตลาดบน ซึ่งส่วนใหญ่ลูกบ้านก็มักจะเป็น Member ของฟิตเนสในห้างอยู่แล้วมากกว่านะคะ
ผนังในห้องใช้วัสดุเงา ช่วยให้ห้องดูไม่แคบ
อุปกรณ์ที่มีมาให้ถึงจะมีจำนวนชิ้นไม่มาก แต่ได้ของหน้าตาดี มีคุณภาพทุกชิ้น ชิ้นแรกจะเป็นดัมเบล คละน้ำหนัก จำนวน 20 ชิ้น
Smith Machine 1 เครื่อง
ลู่วิ่ง 2 ลู่
เครื่อง Multi Machine 1 เครื่อง
เครื่อง Eliptical 1 เครื่อง
และจักรยานไฟฟ้า 1 เครื่อง
ขึ้นมาที่ชั้น 4 – 6 จะเป็นยูนิตพักอาศัยแบบ Single Floor ทั้งหมด มีอาคารละ 7 ยูนิตต่อชั้น ขนาดห้องตั้งแต่ 68.50 ตร.ม. – 137 ตร.ม. เหมือนกันทั้ง 3 ชั้นค่ะ
ชั้น 7 และชั้น 8 จะมียูนิตพักอาศัยแบบ Duplex ล้วน ขนาดห้องตั้งแต่ 124.50 ตร.ม. – 208.50 ตร.ม โดยความพิเศษของ Duplex ชั้น 7 – 8 นี้คือสามารถ Access ชั้นดาดฟ้าได้จากยูนิตพักอาศัยเลยค่ะ
ขึ้นมาดูบนชั้นดาดฟ้ากันบ้าง บนชั้นดาดฟ้านี้จะประกอบไปด้วย Roof Top Garden ซึ่งสามารถจะใช้เป็นพื้นที่พักผ่อนได้อีกจุดนึง นอกเหนือจากสระว่ายน้ำที่ชั้นล่าง
จากผังจะเห็นว่ามีพื้นที่สำหรับวาง CDU (Condensing Unit) อยู่ เพราะโครงการนี้จะติดตั้งเครื่องปรับอากาศระบบ VRV ที่มีข้อดีคือเราไม่ต้องแยกคอมเพรสเซอร์แอร์ไปติดไว้ที่ระเบียงของแต่ละห้องให้เกะกะค่ะ และมีช่องแสงรูปสามเหลี่ยมตึกละ 3 ช่อง ตรงนี้จะเป็นช่องแสงเหมือนสปอร์ตไลท์ธรรมชาติส่องลงไปตรงบริเวณ Corridor ทุกชั้นค่ะ
ส่วนยูนิตที่ชั้น 7 – 8 ที่เป็นห้องแบบ Duplex จะสามารถขึ้นมาใช้ส่วน Roof Top นี้ได้จากห้องของเราเองเลยค่ะ
สำหรับหน้าตาโถงลิฟท์ในชั้นพักอาศัยก็จะเรียบง่าย จัดโซฟาไว้เผื่อนั่งรอลิฟท์ 2 ตัว
และโถงทางเดินในชั้นพักอาศัยจะเป็นโถงเปิดโล่งรับแสงธรรมชาติ และหมดห่วงเรื่องระบายอากาศไปได้เลยค่ะ
แบบห้อง
แบบห้องของโครงการนี้มีหลายแบบค่ะ แบ่งใหญ่ๆก็จะเป็นแบบ Duplex และ Single Floor ขนาดห้องเริ่มต้นก็ตั้งแต่ 68.50 ตร.ม. – 208.50 ตร.ม. ซึ่งแต่ละแบบก็จะถูกจัดไว้ในแต่ละชั้นแตกต่างกันไป ซึ่งจริงๆแล้วแบบจะคล้ายๆกันแต่ไม่เหมือนกันซะทีเดียว ยกเว้นชั้น 3 – 5 ที่จะมีห้องเหมือนกันเป๊ะๆ ค่ะ
วันนี้เราก็เอาแบบห้องทั้งหมดมาให้ดูกัน
เริ่มจากแบบ Duplex ที่ชั้น 1 – 2 เราจะลงแบบห้องให้ดูเฉพาะอาคาร A นะคะ ส่วนแบบห้องในอาคาร B จะเหมือนกับอาคาร A เลยแต่จะเป็นแบบ Mirror เราจะเริ่มเรียงตำแหน่งห้องจากซ้ายไปขวา
ชั้น 3 เป็นแบบ Single Floor ทุกแบบจะเป็น 2 Bedroom ยกเว้นห้องแบบ C ที่อาคาร B ค่ะ
ชั้น 4 – 6 เป็นแบบ Single Floor 2 ห้องนอนและมีแบบ C เป็นแบบ 3 ห้องนอนชั้นละ 2 ห้อง
ชั้น 7 – 8 เป็นแบบ Duplex เรียงตำแหน่งจากซ้ายไปขวาเช่นกันค่ะ
ห้องตัวอย่าง
ห้องตัวอย่างในวันนี้เราจะพาชมห้องแบบ Duplex Type B1 (D1-2 ) พื้นที่ใช้สอย 135.50 sq.m. และห้องแบบ Single Floor Type C ห้องมุม ขนาด 136 ตร.ม.
เรามาเริ่มที่ห้องตัวอย่างแบบแรกกันก่อน ห้องนี้จะเป็นห้องชั้น 1 อาคาร B Type B1 (D1-2) ขนาด 77 ตร.ม. หรือพื้นที่รวม 135.50 ตร.ม. แบบ Duplex หรือห้องที่มี 2 ชั้นนั่นเองค่ะ ฟังก์ชั่นภายในห้องจะมี 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ โดยที่ชั้น 1 เมื่อเข้าไปในห้องจะเจอโถงขนาดใหญ่ แบ่งฟังก์ชั่นเป็นห้องรับแขก, โถงบันได และห้องน้ำรับรอง ส่วนฟังก์ชั่นที่ติดกับห้องรับแขกจะมีห้องนอน, ห้องครัว และมีประตูเชื่อมออกไปยังระเบียงภายนอก ซึ่งจะสามารถเชื่อมไปสู่สระว่ายน้ำกลางโครงการได้
ฟังก์ชั่นบนชั้น 2 เมื่อขึ้นไปจะเจอกับโถงบันไดที่มีประตูเชื่อมออกไปยังโถงทางเดินที่ชั้น 2 ได้ และจากโถงบันไดจะสามารถมองเห็นพื้นที่ Double Space ด้านล่าง รวมไปถึงมีทางเข้าส่วนของห้อง Master Bedroom และห้องนอนรองห้องที่ 2 และทุกห้องจะมีห้องน้ำในตัวค่ะ
มาดูของจริงกันต่อ เริ่มที่หน้าห้อง หน้าบาน เป็นบานเล็ก และบานขนาดปกติเผื่อในกรณีต้องขนของเข้าห้องจะได้เปิดประตูให้กว้างขึ้นได้ ด้านข้างประตูจะมีกล่องจดหมายที่จะมีเจ้าหน้าที่จัดการส่งให้ถึงห้องเลยค่ะ
พร้อม Digital Door Lock
และกริ่งหน้าห้อง
เข้ามาในห้องจะเจอกับพื้นที่โถงขนาดใหญ่ ฝั่งขวามือจะเป็นโถงบันได มองตรงไปเป็นห้องรับแขก พื้นห้องเป็นพื้นหินแท้ Jaguar Grey นำเข้าจากอิตาลี มีการเลือกสีมาให้เหมาะกับการเลี้ยงสัตว์เพราะหินสีแบบนี้เวลามีรอยขีดข่วนจากเล็บน้องหมาน้องแมวก็จะมองไม่ค่อยเห็นค่ะ ข้อดีอีกอย่างของพื้นหินแท้คือถ้าตรงไหนที่เป็นริ้วรอยเยอะๆเราสามารถจะขัดผิวหน้าพื้นได้โดยพื้นไม่เสีย และสีไม่เพี้ยนค่ะ
ทางฝั่งซ้ายมือจะมีตู้เก็บของหรือวางเครื่องซักผ้าติดตั้งมาให้
ติดกันเป็นห้องน้ำรับรอง
พื้นห้องน้ำลดระดับลงไปประมาณ 2 เซนติเมตร
ห้องน้ำรับแขกจะเป็นห้องน้ำแบบ Powder Room มีเฉพาะโถสุขภัณฑ์และอ่างล้างหน้า พร้อมกระจกเงากว้างเต็มผนัง
อ่างล้างมือเป็นอ่างขนาดเล็ก ยี่ห้อ American Standard
พร้อมก๊อกน้ำทรงโค้ง
ใต้อ่างมีเคาน์เตอร์เก็บของ สามารถใช้ก้บของเล็กๆน้อยๆ เช่น กระดาษชำระ หรือสบู่ล้างมือได้
เหนืออ่างล้างมือจะมีเต้าเวียบติดตั้งมาให้พร้อมฝาครอบ 1 จุด
ติดกับอ่างล้างมือเป็นโถสุขภัณฑ์ American Standard มีปุ่มชักโครกติดตั้งไว้ด้านบน
สายชำระพร้อมปุ่มกดหน้าตาโมเดิร์น
กลับออกมาที่โถงด้านนอกเราไปดูในส่วนห้องรับแขกกันต่อ
โดยจุดเด่นของห้องรับแขกนี้คือเป็นห้องที่มี Double Space ฝ้าเพดานสูง 2 ชั้น ความสูงฝ้าเพดานสูงถึง 4.8 เมตร เมื่อเข้ามาบริเวณห้องนั่งเล่นก็จะรู้สึกโปร่งโล่งมากค่ะ เพราะนอกจากฝ้าเพดานที่สูงแล้ว ยังให้ช่องแสงมาแบบเกือบเต็มผนังทำให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาได้เยอะค่ะ แต่ช่องแสงใหญ่ๆแบบนี้ก็มีข้อเสียอยู่บ้างตรงที่อาจจะทำให้ห้องร้อนได้ แนะนำให้หาม่านกันยูวีมาติดด้วยนะคะ
จากขนาดของห้องเหมาะที่จะวางโซฟาขนาด 3 – 5 ที่นั่ง จะพอดีกับพื้นที่ค่ะ
ฝั่งตรงข้ามโซฟาจะเป้นพื้นที่วางทีวี ติดกับห้องด้านหลังคือห้องทานอาหารและห้องครัว
ระยะดูทีวีค่อนข้างกว้าง สามารถวางโต๊ะกลางได้
นอกจาก Double Space แล้ว จุดเด่นอีกอย่างของห้องส่วนใหญ่ในโครงการนี้คือผนังฝั่งระเบียง ที่หันหน้าเข้าสระว่ายน้ำนั้น จะได้กระจกที่เข้ามุมเป็นบานโค้ง ทำให้มุมมองจากภายในห้องได้มุมมองที่กว้างขึ้นและมีความ Smooth
สำหรับประตูเชื่อมพื้นที่ด้านในกับด้านนอกระเบียงจะเป็นประตูบานเลื่อน 2 ตอน บานกรอบแบบ Sahara เป็นสี Rose Gold มือจับแบบเซาะร่องมาตรฐาน และตัวล็อคแบบเกลียว
พื้นระเบียงลดระดับลงไปประมาณ 6 เซนติเมตร พื้นที่ระเบียงกว้างพอประมาณ สำหรับระเบียงที่ชั้ร 1 จะมีทางเดินเชื่อมลงไปส่วนสระว่ายน้ำได้เลย สวยๆ แล้วก็ไม่ต้องเผื่อพื้นที่สำหรับคอมเพรสเซอร์แอร์ด้วยนะ เพราะทางโครงการใช้แอร์ระบบ VRV ที่จะรวมตัว CDU ไว้บนชั้นดาดฟ้า
ด้านข้างติดไฟภายนอกมาให้ 1 ดวง
กลับเข้ามาภายในห้อง เราไปดูส่วนห้องทานอาหารและห้องครัวกันต่อ
มองขึ้นไปด้านบนหน่อย ให้ดูภาพรวมบนชั้น 2 จะได้ผนังกระจกทั้งหมด ทุกห้องจะสามารถมองลงมาเห็นชั้นล่างได้
กลับมาดูส่วนห้องครัวกันต่อ โดยครัวที่ได้จะได้เป็นครัวปิด ประตูบานเลื่อน 3 ตอน เปิดได้กว้าง
เข้ามาด้านใน จะแบ่งพื้นที่เป็นห้องทานอาหารทางซ้าย และห้องครัวทางขวา
สำหรับพื้นที่ส่วนห้องทานอาหารนี้จะสามารถวางโต๊ะทานอาหารขนาด 6 – 8 ที่นั่งได้
และจากมุมในห้องทานอาหารนี้เราก็จะสามารถมองเห็นบริเวณระเบียงและสระว่ายน้ำได้นิดหน่อย เพราะเราได้ผนังเป็นกระจกมาบางส่วนด้วยค่ะ
จากส่วนทานอาหารมองไปอีกฝั่งจะเป็นส่วนของห้องครัว
พื้นที่ส่วนครัวทางโครงการจะติดตั้งเคาน์เตอร์ครัวมาตรฐาน พร้อม Hob & Hood มาให้ครบชุด
สำหรับพื้นที่ครัวของห้องนี้ได้มาเป็นพื้นที่ ที่มีความเป็นสัดส่วนพอสมควร จึงสามารถที่จะจัด Island เพิ่มเติม สำหรับเป็นบาร์เครื่องดื่มเล็กๆ หรือเพิ่มพื้นที่เตรียมอาหารได้
เคาน์เตอร์กลางจะใช้ Top เป็นหินสังเคราะห์ Alabaster สีดำนำเข้าจาก Italy สามารถขัดเช็ดได้ และไม่ดูดสีถ้าหากมีพวกซอสหรือน้ำมันหกบนผิวหน้าค่ะ มีซิงค์ล้างจานและพื้นที่เตรียมอาหารค่อนข้างกว้าง
ส่วนพื้นที่เก็บของเหนือเคาน์เตอร์จะมีตู้บานเปิด 2 บาน และตู้ใต้เคาน์เตอร์ 2 บาน พร้อมถังขยะ และช่องเก็บของด้านข้าง 2 ช่อง
ตู้ด้านข้างมีพื้นที่วางตู้เย็นไซส์ใหญ่ได้ และมีตู้เก็บของอีก 3 บาน
กลับออกมาที่ห้องรับแขก เราจะเข้าไปดูในส่วนของห้องนอนรองห้องแรกกันก่อน
เข้ามาในห้อง จะได้เป็นห้องขนาดค่อนข้างกว้าง และได้วิวสระว่ายน้ำด้านนอกด้วยค่ะ
ขนาดเตียงสามารถวางเตียงทั้งควีนไซส์และคิงส์ไซส์ได้สบายๆ และมีที่ข้างเตียงเหลือพอให้วางโต๊ะหัวเตียงได้ทั้ง 2 ฝั่ง
พื้นที่ข้างเตียงที่เหลือฝั่งสระว่ายน้ำค่ะ
และพื้นที่ข้างเตียงที่เหลือฝั่ง Walk – in Closet
อีกฝั่งของห้องจะเป็นส่วน Walk – in Closet และห้องน้ำในตัว
สำหรับพื้นที่ส่วน Walk – in closet จะสามารถติดตั้งตู้เสื้อผ้าบานใหญ่ได้ 2 หลัง และยังมีที่เหลือให้ยืนแต่งตัวได้สบายๆ
ถัดจากส่วน Walk – in closet เราจะไปดูภายในห้องน้ำกันต่อ
เข้ามาภายในห้องน้ำ การตกแต่งทำออกมาสวยน่าใช้ แม้จะเป้นห้องนอนรองค่ะ
สำหรับสุขภัณฑ์ที่ได้จะมีอ่างล้างมือแบบลอยตัวพร้อมเคาน์เตอร์ใต้อ่าง และโถสุขภัณฑ์แบบ Washless ระยะการใช้งานเหมาะสม พร้อม Low Wall ที่สามารถใช้วางของได้ด้านหลัง
ฝั่งตรงข้ามอ่างล้างมือจะมีมุมม้านั่งหรือจะใช้เป็นที่วางของก็ได้มาให้ 1 จุด
พื้นที่ส่วนเปียกจะได้เป็นห้องอาบน้ำ พร้อม Shower Box บานประตูสวิงแบบผลักเข้าด้านใน
ภายในห้องน้ำติดตั้งฝักบัวแบบ Rain Shower และ Hand Shower ยี่ห้อ Kohler ขนาดฝักบัวค่อนข้างใหญ่
ขนาดห้องอาบน้ำประมาณ 0.9 x 0.9 ม. พอให้ยืนอาบได้สะดวก
ดูรายละเอียดชั้นล่างกันไปแล้ว เราไปดูชั้นบนกันต่อค่ะ สำหรับบันไดขึ้นชั้นบนจะใช้เป็นไม้โอ๊คแท้ทำสีเบจทั้งลูกตั้งและลูกนอน
บันไดส่วนล่างจะมีขั้นบันไดชั้นกว้าง ที่สามารถวางของตกแต่งได้
ราวบันไดติดตั้งไว้ทางซ้ายมือ
ขึ้นมาบนชั้น 2 จะเจอโถงบันได แยกทางซ้ายและขวา
โถงบันไดบนชั้น 2 จะมีราวกันตกติดตั้งมาให้ และมีช่องแสง 1 จุด เป็นหน้าต่างกระจกฝ้า
พื้นชั้น 2 จะได้เป็นพื้น Engineering Wood
จากโถงบันได มองไปทางซ้ายมือจะเชื่อมไปยังพื้นที่ห้องเก็บของเล็กๆ
เข้ามาถึงส่วนห้องเก็บของ จะเห็นว่ามีประตูที่เชื่อมออกไปยังโถงบันไดชั้น 2 ได้ด้วย
สำหรับห้องเก็บของจะถูกแยกเป็นสัดส่วน ประตูบานเปิด 4 ตอน มุมเก็บของด้านในจะเป็นพื้นห้องแบบสามเหลี่ยม ซึ่งเป็นมุมที่ใช้งานอย่างอื่นไม่ค่อยได้ จึงเหมาะที่จะใช้เก็บของค่ะ
กลับมาที่โถงบันไดอีกฝั่ง จะเจอกับผนังกระจกใส
เมื่อมองลงมาจะเจอกับพื้นที่ Double Space ที่สามารถมองลงไปยังส่วนห้องรับแขกได้ และด้วยความที่เป็นผนังกระจกนี้ยังช่วยให้โถงบันไดชั้น 2 ได้รับแสงธรรมชาติเข้ามาด้วยค่ะ
จากโถงบันได เราไปดูส่วนของห้องนอนรองกันก่อน
เข้ามาในห้อง เราจะเจอกับส่วน Walk – in closet ขนาดย่อมๆ และห้องน้ำ ถัดเข้าไปจะเป็นส่วนห้องนอน
ขนาดของพื้นที่ Walk – in Closet จะไม่กว้างเท่าห้องที่แล้ว แต่ก็พอให้ใช้งานได้สะดวก
เข้ามาดูในห้องน้ำกันบ้าง ขนาดของห้องน้ำห้องนี้ค่อนข้างกว้าง ติดตั้งสุขภัณฑ์มาให้ครบ ได้กระจกเงาบานใหญ่เต็มผนัง
ติดกับประตูทางเข้าห้องน้ำจะมีกระจกใส ที่สามารถมองเห็นส่วนห้องนอนได้ด้วย
สำหรับสุขภัณฑ์ที่ได้จะมีอ่างล้างมือแบบลอยตัวพร้อมเคาน์เตอร์ใต้อ่าง และโถสุขภัณฑ์แบบ Washless ระยะการใช้งานเหมาะสม พร้อม Low Wall ที่สามารถใช้วางของได้ด้านหลัง
พื้นที่ส่วนเปียกจะได้เป็นห้องอาบน้ำ พร้อม Shower Box บานประตูสวิงแบบผลักเข้าด้านใน
ขนาดห้องอาบน้ำประมาณ 1 x 1 ม. พอให้ยืนอาบได้สะดวก
เข้ามาในส่วนของห้องนอนจะมีขนาดไม่กว้างเท่าไหร่ พอวางเตียงไซส์ 3.5 ฟุต หรือควีนไซส์ได้ แต่ถ้าเป็นคิงส์ไซส์อาจจะแน่นไปหน่อยค่ะ
สำหรับเตียง 3.5 ฟุต เมื่อจัดวางลงไปในห้องแล้วก็จะเหลือพื้นที่ข้างเตียงให้วางโต๊ะหัวเตียงได้ทั้ง 2 ฝั่ง
มุมจากห้องนอนมองย้อนไปทางปลายเตียง จะเห็นว่าผนังได้เป็นกระจกใสทั้งหมด
ซึ่งจะทำให้เราสามารถมองเห็นส่วนห้องรับแขกด้านล่าง และวิวสระว่ายน้ำด้านนอกนิดหน่อย
กลับออกมาที่โถงบันได เราจะเข้าไปดูด้านในห้อง Master Bedroom กันต่อ
เข้ามาในห้อง Master Bedroom จะมีขนาดกว้างขวาง
ผนังได้เป็นกระจกใส 2 ด้าน คือฝั่งติดสระว่ายน้ำ ซึ่งจะได้เป็นหน้าต่างบานเต็มเข้ามุมโค้ง ความสูงพื้นจรดฝ้า มองออกไปได้วิวสระว่ายน้ำ และกระจกใสอีกฝั่งเป็นกระจกเข้ามุม สามารถมองลงไปเห็นพื้นที่ห้องรับแขกด้านล่าง
ห้องนี้สามารถที่จะวางเตียงขนาดคิงส์ไซส์ได้สบายๆ
มีพื้นที่ข้างเตียงเหลือกว้างพอจะวางเก้าอี้ ไว้นั่งเอนหลัง อ่านหนังสือได้
อีกฝั่งของห้องจะมีห้อง Walk – in Closet แยกเป็นสัดส่วนและห้องน้ำส่วนตัว
เราเข้าไปดูในส่วนของห้อง Walk – in Closet กันก่อน
พื้นที่ห้อง Walk – in Closet นี้ จะถูกแยกเป็นสัดส่วน ขนาดห้องกว้างสามารถที่จะติดตั้งตู้เสื้อผ้าได้ประมาณ 3 หลัง และมีพื้นที่สามารถยืนแต่งตัวได้สะดวก
ถักมาเราเข้าไปดูด้านในห้องน้ำกันต่อ
ภายในห้องน้ำมีขนาดกว้างเลยค่ะ ได้สุขภัณฑ์แยกเป็นสัดส่วน
โดยอ่างล้างมือจะได้เป็นอ่างแบบฝังเคาน์เตอร์ มีพื้นที่วางของเหนืออ่างกว้าง สามารถวางของได้เยอะ พร้อมเต้าเสียบแบบมีฝาครอบกันน้ำ
ติดกับอ่างล้างมือเป็นโถสุขภัณฑ์ ได้ของ American Standard
ภายในห้องน้ำติดตั้งฝักบัวแบบ Rain Shower แบบ Wall Hang และ Hand Shower ยี่ห้อ Kohler ขนาดฝักบัวค่อนข้างใหญ่ พร้อมม้านั่งอาบน้ำ
ขนาดห้องอาบน้ำประมาณ 1.2 x 0.9 ม. (รวมม้านั่งอาบน้ำ) ค่อนข้างกว้างยืนอาบได้สะดวก
นอกจากห้องอาบน้ำแล้วก็จะได้อ่างอาบน้ำแบบฝัง พร้อมฝักบัวครบชุด ยี่ห้อ Critina
ห้องตัวอย่างแบบที่ 2 ที่เราจะมาชมกันวันนี้ จะเป็นห้องแบบ Single Floor Type C ขนาด 136 ตร.ม. จุดเด่นของห้องนี้คือเป็นห้องมุม จึงทำให้ได้แสงธรรมชาติเข้าทางหน้าต่างบานเต็มทุกห้อง ช่วยให้ห้องโปร่ง สว่างค่ะ
ฟังก์ชั่นเมื่อเข้าไปในห้องจะเจอกับโถงทางเดินยาวเชื่อมเข้าไปยังส่วนครัวและห้องรับแขก โดยห้องรับแขกนี้จะได้ช่องแสงบานใหญ่เต็มผนัง เป็นกระจกบานโค้ง วิวสระว่ายน้ำ และเชื่อมออกไปยังระเบียงภายนอกได้ด้วย
จากห้องรับแขกจะสามารถเชื่อมไปยังห้องนอนทั้ง 3 ห้อง และห้องน้ำรับแขก จากแปลนจะเห็นห้องน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งจะเป็นของห้อง Master Bedroom ส่วนห้องนอนอีก 2 ห้องจะใช้ห้องน้ำร่วมกัน โดยห้องน้ำรองจะมีทางเข้าออก 2 ทาง จากห้องนอนรองทั้ง 2 ห้อง
มาดูของจริงกันต่อ เมื่อเข้ามาในห้องเราจะเจอกับดถงทางเดินยาว ซึ่งในห้องมาตรฐานจะไม่มีที่นั่ง Built – in มาให้แบบนี้นะคะ จะเป็นห้องโล่งกว้าง เราสามารถติดตั้งตู้รองเท้ากันเองได้ค่ะ
เข้ามาด้านในห้องอีกหน่อย ฝั่งซ้ายมือจะเห็นประตูทางเข้าห้องนอนรอง 2 ห้อง
และติดกับห้องนอนรองทางซ้ายจะเป็นห้องน้ำรับรอง
ห้องน้ำรับแขกจะเป็นห้องน้ำแบบ Powder Room มีเฉพาะโถสุขภัณฑ์และอ่างล้างหน้า
อ่างล้างมือเป็นอ่างขนาดเล็กทรงโค้งแบบเข้ามุม พร้อมช่องเก็บของใต้อ่าง ยี่ห้อ American Standard ติดกับอ่างล้างมือเป็นโถสุขภัณฑ์ American Standard แบบ Washless มีปุ่มชักโครกติดตั้งไว้ด้านบน
กลับออกมาที่โถงด้านนอก เราจะเจอกับพื้นที่ส่วนครัวและส่วนทานอาหาร ถัดไปจะเป็นห้องรับแขก
สำหรับพื้นที่ครัวจะได้เป็นครัวเปิด ขนาดกว้าง จึงสามารถวางโต๊ะทานอาหารร่วมกับครัวได้เลย
ให้ดูภาพรวมห้องครัวและห้องทานอาหาร จะเห็นว่าพื้นที่ส่วนนี้จัดค่อนข้างเข้ามุมดี ถ้าใครที่อยากได้ครัวปิดก็สามารถกั้นห้องเองได้ไม่ยากเลยค่ะ
เคาน์เตอร์ที่ได้จะใช้ Top เป็นหินสังเคราะห์ Alabaster สีดำ บนเคาน์เตอร์ติดตั้งซิงค์ล้างจาน, เตาไฟฟ้า และพื้นที่เตรียมอาหารค่อนข้างกว้าง
ซิงค์ล้างจานค่อนข้างกว้าง ยี่ห้อ MEX
และเตาไฟฟ้า 4 หัว ยี่ห้อ Smeg
ได้ตู้ใต้เคาน์เตอร์ 2 บาน พร้อมถังขยะ และลิ้นชัก 2 ลิ้นชัก
ใต้เคาน์เตอร์อีกฝั่งได้ตู้เก็บของ 1 บาน, 3 ลิ้นชัก และช่องเก็บของด้านข้าง 2 ช่อง
พื้นที่เก็บของเหนือเคาน์เตอร์จะมีตู้บานเปิด 3 บาน และช่องวางของด้านข้างอีก 6 ช่อง
ขยับเข้ามาดูในส่วนห้องรับแขกกันต่อ
จากภาพรวมห้องนี้เราจะเห็นว่าจุดเด่นของห้องคือความโปร่ง โล่ง และสว่าง ที่ได้จากผนังกระจกรอบด้าน เข้ามุมโค้งตามรูปอาคาร และยังมีบานกระทุ้งที่สามารถเปิดระบายอากาศได้ด้วยค่ะ
ขนาดของห้องนี้สามารถวางโซฟาตัวใหญ่ ได้สบายๆ
ระยะดูทีวีก็เหลือกว้าง สามารถที่จะตั้งชุดรับแขกกลางห้องได้แบบนี้ค่ะ
อีกด้านของห้องรับแขกจะมีประตูเชื่อมเข้าไปในห้อง Master Bedroom และห้องนอนรอง ซึ่งเรากำลังจะไปดูกันต่อนะคะ
เริ่มที่ห้อง Master Bedroom
เข้ามาภายในห้อง จะได้ห้องนอนที่มีขนาดกว้าง บรรยากาศห้องโปร่งโล่งด้วยผนังกระจกใสเช่นกัน
โชว์ผนังกระจกให้ดูซะหน่อย จะเห็นว่าการใช้กระจกแบบนี้ทำให้ห้องดูโปร่งและกว้างมากขึ้นเยอะเลยและวิวฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นห้องแบบเดียวกันที่ตึก A ค่ะ
สำหรับเตียงในห้องนี้สามารถวางเตียงคิงส์ไซส์ได้สบายๆ และยังเหลือที่ข้างเตียงไว้วางโต๊ะหัวเตียงด้วย
ส่วนประตูด้านหลังเตียงทั้ง 2 บานที่เราเห็นคือทางเข้าห้องน้ำค่ะ
เราเข้าไปดูภายในห้องน้ำกันต่อ
สำหรับห้องน้ำของห้อง Master Bedroom นี้จะมีขนาดใหญ่ม๊ากก พื้นที่พอๆกับห้องนอนเลยค่ะ และผนังฝั่งนึงจะเป็นกระจกใส
และสาเหตุที่ห้องน้ำนี้มีขนาดใหญ่มากก็เพราะรวมส่วน Walk – in Closet ไว้ด้วยนั่นเองค่ะ โดยส่วนแรกจะอยู่ด้านหลังบานประตูทางเข้าห้องน้ำ
และอีกส่วนจะอยู่ฝั่งตรงข้ามอ่างล้างมือ สามารถติดตั้งตู้เสื้อผ้าบานใหญ่ได้สบายๆ
สำหรับพื้นที่ส่วนห้องน้ำจะถูกแยกไว้เป็นสัดส่วน มีประตูปิดเรียบร้อย
ภายในติดตั้งโถสุขภัณฑ์ครบชุด พร้อม Low Wall ด้านหลัง
ส่วนอ่างล้างมือจะได้แบบ His & Her เป็นอ่างทรงกลมฝังเคาน์เตอร์ มีพื้นที่เหนืออ่างกว้าง วางของได้เยอะ
ถัดมาในส่วนของพื้นที่ส่วนเปียก จะเป็นห้องอาบน้ำที่แยกไว้เป็นสัดส่วน กั้นด้วยผนังกระจกใส
ภายในห้องติดตั้งทั้งอ่างอาบน้ำและฝักบัวครบชุด
กลับออกมาที่โถงด้านนอก เราไปดูในห้องนอนรองกันต่อ
เข้ามาภายในห้อง ส่วนแรกจะเป็น Walk – in Closet และห้องน้ำทางซ้ายมือ
เราไปดูในห้องน้ำกันก่อนค่ะ
ห้องน้ำห้องนี้จะเป็นส่วนที่ใช้ร่วมกันระหว่างห้องนอนรองทั้ง 2 ห้อง ซึ่งจะมีทางเข้าออก 2 ทางด้วยค่ะ
ภายในห้องน้ำจะติดตั้งสุขภัณฑ์มาให้ครบ เริ่มส่วนอ่างล้างมือจะได้เป็นอ่างแบบฝัง 2 อ่าง
ส่วนอีกฝั่งจะแยกฟังก์ชั่นการใช้งานไว้ 2 ส่วน คือส่วนแห้งและส่วนเปียก มีข้อดีคือเวลาใช้งาน สามารถใช้พร้อมกันได้ (แต่ถ้าใครเขินก็ติดสติ๊กเกอร์ฝ้าเพิ่มเองได้นะ) และสามารถทำความสะอาดได้ง่ายด้วยค่ะ
ภายในห้องน้ำติดตั้งฝักบัวแบบ Rain Shower และ Hand Shower ยี่ห้อ Kohler ขนาดฝักบัวค่อนข้างใหญ่
ขนาดห้องอาบน้ำประมาณ 0.9 x 0.8 ม.
ส่วนภายในห้องน้ำจะติดตั้งโถสุขภัณฑ์ และอุปกรณ์มาให้ครบ มีประตูปิดแยกเป็นสัดส่วน
กลับออกมาที่โถงด้านนอก เราไปดูห้องนอนรองห้องที่ 2 กันต่อ
เข้ามาในห้องนอนรองห้องที่ 2 ส่วนแรกจะเป็นพื้นที่ Walk – in Closet สามารถติดตั้งตู้เสื้อผ้ายาวไปตามผนังได้ และเหลือพื้นที่ยืนแต่งตัวพอสมควร
ขยับเข้ามาด้านในอีกหน่อย จะเห็นประตูทางฝั่งขวามือ คือประตูทางเข้าห้องน้ำ ที่เชื่อมกับห้องนอนรองอีกห้องที่เราพาเข้าไปดูก่อนหน้านี้นั่นเองค่ะ
เข้ามาในส่วนห้องนอนจะเห็นว่ามีช่องแสงบานใหญ่เต็มผนังทั้ง 2 ฝั่ง ดดยจะได้เป็นหน้าต่างบานโค้ง ความสูงพื้นจรดฝ้า มองเห็นวิวต้นไม้ใหญ่ด้านนอกได้รอบ และแสงแดดที่ส่องเข้ามาในห้องจะไม่แรงเท่าไหร่เพราะได้ร่มเงาจากตเนไม้ใหญ่นั่นเองค่ะ
ขนาดห้องห้องนี้สามารถที่จะวางเตียงควีนหรือคิงส์ไซส์ได้ค่ะ
พื้นที่ข้างเตียงที่เหลือ หลังจากวางเตียงขนาดควีนไซส์ลงไปแล้ว จะเหลือพอให้วางโต๊ะหัวเตียงได้ทั้ง 2 ฝั่ง
มุมจากห้องนอนมองย้อนไปทางเข้าห้องและ Walk – in Closet
วิดีโอโครงการ
ราคา
ราคาเริ่มต้น 18.5 ล้านบาท หรือ 276,000 บาท /ตร.ม. สามารถสอบถามห้องที่สนใจได้ที่สำนักงานขายค่ะ
สรุป
ที่ตั้งโครงการ : โครงการ Ashton Residence 41 ตั้งอยู่สุดซอยสุขุมวิท 41 เป็นซอยตันที่มีความลึก 450 เมตร ตัวโครงการห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS พร้อมพงษ์ประมาณ 600 เมตร อาจจะเกินระยะเดินสบายไปหน่อย แต่ก็สามารถเดินถึงได้ไม่เหนื่อยนัก สภาพแวดล้อมโดยรวมรอบโครงการส่วนใหญ่จะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮมและอาคารชุดอีกนิดหน่อย นอกจากนั้นก็จะมี Service Apartment และร้านอาหารน้อยใหญ่อยู่บ้าง 2 – 3 ร้าน ถือว่าเป็นโครงการใจกลางเมืองที่มีความสงบเงียบ เหมาะกับการอยู่อาศัย
ความอุดมสมบูรณ์ระยะเดินสบายๆก็จะมี Miracle Mall และ Tops Super Market ที่หน้าปากซอย และร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่ 1 – 2 ร้าน และร้านอาหารข้างทางอยู่ 1 – 2 ร้าน ส่วนความอุดมสมบูรณ์ในวงกว้าง มีมากมายแต่จะเป็นในแบบที่มีราคาค่อนข้างสูงตามมาตรฐานของย่านนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารดีๆ นอกจากนั้นก็มีห้างใหญ่และหรูอยู่ในระยะ 750 ม.คือ ห้าง The Emporium, EmQuartier
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว : การเดินทางด้วยรถยนต์ค่อนข้างสะดวก แต่รถจะติดมากก สามารถใช้ถนนเส้นหลักอย่างสุขุมวิทเชื่อมไปยังถนนเส้นหลักสายอื่นๆได้เช่นถนนรัชดาภิเษก, ถนนพระราม 1, ถนนอ่อนนุช, ถนนพระราม 4 ยาวไปถึงถนนบางนา – ตราด, อุดมสุข และอื่นๆอีกหลายเส้นทาง ส่วนจุดขึ้นทางด่วนรอบๆโครงการก็มีให้เลือกให้หลายจุดเลยค่ะ ที่ใกล้ที่สุดจะเป็นจุดขึ้นทางด่วนเฉลิมมหานคร ห่างจากโครงการ 4.6 กม.
การเดินทางโดยรถสาธารณะ : การเดินทางโดยรถสาธารณะเป็นทางเลือกที่สะดวก เพราะตัวโครงการอยู่ไม่ไกลจาก BTS พร้อมพงษ์ด้วยระยะทาง 600 เมตร เป็นระยะที่พอจะเดินถึงได้ นอกจากนั้นหน้าจากซอยจะมีคิวพี่วินคอยให้บริการ ถ้าใครขี้เกียจหรือรีบมากๆก็สามารถเรียกใช้บริการได้ ค่าบริการเริ่มต้น 10 บาทค่ะ นอกจากนั้นก็จะมีป้ายรถเมล์อยู่ไม่ไกลจากหน้าปากซอย โดยจะมีระยะทางเพียง 100 เมตรค่ะ ส่วนรถ Taxi ก็มีผ่านหน้าปากซอยตลอดสามารถเรียกใช้บริการได้ค่ะ
การออกแบบโครงการและที่ดิน : โครงการ Ashton Residence 41 เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร บนที่ดินขนาดไร่กว่าๆ ยูนิตพักอาศัยทั้งหมด 79 ยูนิต อัตราส่วนของห้องพักอาศัยแต่ละชั้นอยู่ที่ประมาณ 5 ห้อง เรียกได้ว่ามีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูงเลยที่เดียว ส่วนลิฟท์โดยสารจะมีให้อาคารละ 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์โดยสารต่อยูนิตพักอาศัยจะอยู่ที่ 1 : 20
การออกแบบโดยรวมต้องการให้มีความ Exclusive มากๆ เน้นความเป็นธรรมชาติและความเป็นส่วนตัวซึ่งก็ทำออกมาได้ดีเลยค่ะ จุดเด่นคือการดีไซน์แบบบิดห้องเฉียงๆ 45 องศา ทำให้มุมมองเปลี่ยนจากเดิมที่จะต้องมองเห็นห้องตรงกันข้าม กลับได้วิว Vertical Garden แทน และสระว่ายน้ำที่ออกแบบมาเป็น Creek Pool ทำออกมาได้สวยน่าใช้งาน และด้วยจำนวนยูนิตที่ทำออกมาน้อยมากๆ ขนาดของห้องก็มีพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างเยอะ เริ่มต้นที่ 2 ห้องนอน 68.5 ตร.ม. มีทั้งแบบ Single Floor และแบบ Duplex และแบบ 3 ห้องนอนพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นที่ 125 ตร.ม. เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดเล็กถึงขนาดกลางค่ะ
วัสดุ : วัสดุของโครงการนี้ใช้ของดีตามราคาค่าตัวเลยค่ะ โดยประตูทางเข้าห้องเป็นประตู Digital Door Lock, ประตูระเบียงเป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอน บานกรอบ Sahara สี Rose Gold, บันไดไม้โอ๊คแท้ทำสีเบจ, พื้นห้องรับแขก ห้องครัว จะใช้เป็นหินแท้ Jaguar grey จากตุรกี พื้นห้องนอนและระเบียงปูด้วย Engineering Wood ส่วนพื้นและผนังห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ลายหิน, เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าใช้หินอ่อน
โครงการจะขายห้องให้แบบ Fully Fitted (ตกแต่งบางส่วน) ซึ่งส่วนที่เราจะได้จะเป็นเคาน์เตอร์ครัว Top หินสังเคราะห์ Alabaster import นำเข้าจากอิตาลี, ซิงค์ล้างจาน MEX , เตาไฟฟ้าฐานเซรามิกยี่ห้อ Smeg, เครื่องดูดควันสลิมไลน์ยี่ห้อ Smeg , สุขภัณฑ์ห้องน้ำชั้นล่าง American Standard, สุขภัณฑ์ห้องน้ำของ Master Bedroom ใช้ของ Lixil, อ่างอาบน้ำของ Critina, ก๊อกน้ำและฝักบัวของ Kohler, ฉากกั้นอาบน้ำในห้องน้ำและตู้เสื้อผ้าในส่วน Walk – in Closet ทุกห้อง
สิ่งอำนวยความสะดวก : ส่วนกลางของโครงการที่เด่นๆเลยจะเป็นที่จอดรถ 204% มีทั้งแบบธรรมดาที่อาคาร A และแบบ Automatic Parking ที่อาคาร B ส่วนในตัวอาคารจะมี Lobby แยกกันที่อาคาร A และ อาคาร B แต่จะมีขนาดไม่ใหญ่, Fitness และ Social Club ที่ชั้น 3 ของอาคาร A , Roof Top Garden บนดาดฟ้าของทั้ง 2 อาคาร และสระว่ายน้ำแบบ Creek Pool ที่ชั้น Ground Floor ระหว่าง 2 อาคาร
ระบบรักษาความปลอดภัย ติดตั้ง CCTV รอบโครงการ, ลิฟท์ล็อคชั้น และรปภ.24 ชม.
คะแนน
ทำเลที่ตั้งโครงการ
8.5
ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 41 ใกล้ BTS พร้อมพงษ์ เป็นทำเลกลางเมืองที่มีความสงบร่มรื่น เหมาะแก่การอยู่อาศัย มีความอุดมสมบูรณ์สูง
การเดินทาง ใช้รถ
8.5
ใกล้ถนนสุขุมวิท เข้า-ออกเมืองได้สะดวก มีเส้นทางลัดให้เลือกหลากหลาย แต่การจราจรติดขัดในช่วงเวลาเร่งด่วน
การเดินทาง ไม่ใช้รถ
8.75
ใกล้ BTS พร้อมพงษ์ 600 เมตร มีพี่วินให้บริการหน้าปากซอย และป้ายรถเมล์ 100 เมตรจากปากซอยสุขุมวิท 41 นอกจากนั้นยังมี TAXI เรียกได้ที่หน้าปากซอยหรือบนถนนสุขุมวิท
ห้องและวัสดุ
8.5
ห้องพักมีให้เลือกหลายแบบแตกต่างกันตามพื้นที่ใช้สอยและจำนวนห้องนอน โดยเริ่มต้นที่ 2 ห้องนอน มีทั้งแบบ Single Floor และแบบ Duplex พื้นที่การใช้งานเหมาะสมดี ส่วนวัสดุก็ให้มาดีสมราคา
สิ่งอำนวยความสะดวก
8.0
Facilities ครบครัน สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, Roof Top Garden ที่ชั้นดาดฟ้าของทั้ง 2 อาคาร ที่จอดรถ ชั้นใต้ดิน คิดเป็น 204%
ความคุ้มค่ากับราคา
8.0
เป็นคอนโดใจกลางเมืองที่ได้ความสงบและเดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้าและแหล่งความอุดมสมบูรณ์ เหมาะสำหรับอยู่อาศัยสำหรับเจ้าของกิจการ คนที่ทำงานโซนสุขุมวิท และโซนใกล้เคียง
คะแนนรวมเฉลี่ย
8.37
ดีมาก
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Tel : 02-316-2222
Website : คลิกที่นี่
หากเพื่อนๆเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ โปรดกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน
และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ
แสดงความคิดเห็น