เงื่อนไขดี ๆ เมื่อคิด “รีไฟแนนซ์บ้าน” ลดภาระดอกเบี้ย!!
เมื่อกู้ซื้อบ้าน จะเห็นว่าในช่วงแรกของการผ่อนบ้าน ธนาคารมักให้อัตราดอกเบี้ยคงที่หรืออัตราดอกเบี้ยโปรโมชันเพื่อจูงใจให้เราตัดสินใจกู้ซื้อบ้านกับธนาคาร แต่เมื่อผ่อนบ้านไปสักระยะหนึ่งซึ่งผ่านพ้นช่วงอัตราดอกเบี้ยโปรโมชันไปแล้ว
เชื่อว่าหลายคนอยากจะรีไฟแนนซ์ไปธนาคารใหม่เพื่อหาอัตราดอกเบี้ยบ้านที่ถูกกว่า รู้หรือไม่ว่านอกจากการรีไฟแนนซ์จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยบ้านลงแล้ว เรายังสามารถเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขบางอย่างเพื่อให้เป็นประโยชน์กับเรามากขึ้น ซึ่งมีเรื่องอะไรบ้างนั้น K-Expert มีคำแนะนำดี ๆ มาฝากดังนี้ค่ะ
1. เพิ่มผู้กู้ สร้างความสามารถในการชำระหนี้
หากมีความจำเป็นต้องขอสินเชื่อเพิ่ม เช่น จำเป็นต้องกู้ซื้อรถยนต์ไปใช้ในการทำงาน หรือต้องการกู้เงินไปศึกษาต่อ แต่ความสามารถในการชำระหนี้มีไม่เพียงพอเพราะติดภาระผ่อนบ้านอยู่ การรีไฟแนนซ์สามารถเพิ่มความสามารถในการชำระหนี้ได้ด้วยการเพิ่มผู้กู้ที่เป็นเครือญาติค่ะ ซึ่งหลังจากที่เรารีไฟแนนซ์โดยเปลี่ยนจากการกู้คนเดียวเป็นการกู้ร่วมแล้ว ในการขอสินเชื่อครั้งต่อไป ภาระผ่อนที่ธนาคารนำไปพิจารณาก็จะหารตามจำนวนผู้กู้ร่วมแทนที่จะคิดภาระเราเต็มจำนวนค่ะ
ทั้งนี้ แม้ว่าการกู้ร่วมจะช่วยให้เรามีโอกาสขอสินเชื่อใหม่ผ่านได้ แต่ควรให้ความสำคัญกับการผ่อนชำระหนี้ด้วยว่า มีรายได้เพียงพอสำหรับการชำระหนี้หรือไม่ ในกรณีที่เราต้องเป็นผู้ชำระหนี้เพียงคนเดียวอาจส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาทางการเงินได้ หากมีรายได้ตามที่แจ้งไว้กับธนาคารเท่านั้น
แต่ถ้ามีรายได้อื่น ๆ ที่ธนาคารไม่ได้นำมารวม เช่น รายได้จากอาชีพเสริมก็จะช่วยให้เรามีรายได้เพิ่ม สามารถนำมาชำระหนี้ได้เป็นปกติ และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการผ่อนชำระหนี้ แนะนำว่าควรมีภาระผ่อนหนี้ต่อเดือนไม่เกิน 30% ของรายได้ค่ะ เช่น รายได้เดือนละ 40,000 บาท ควรมีภาระผ่อนหนี้ต่อเดือนไม่เกิน 12,000 บาท
2. เพิ่มระยะเวลาผ่อน ลดภาระค่าใช้จ่าย
สำหรับใครที่ทำสัญญาวงเงินกู้กับธนาคารเดิมไว้ โดยเลือกระยะเวลาการผ่อนชำระสั้นกว่าที่ธนาคารกำหนด เช่น มีสิทธิ์ที่จะกู้บ้านได้สูงสุด 30 ปี แต่เลือกกู้เพียงแค่ 15 ปีเท่านั้น ทำให้ยอดผ่อนชำระต่อเดือนค่อนข้างสูง หากต่อมามีภาระค่าใช้จ่ายอย่างอื่นเพิ่มมากขึ้น ทำให้ไม่สามารถผ่อนบ้านได้ตามปกติ
การรีไฟแนนซ์สามารถยืดระยะเวลาการผ่อนครั้งใหม่ให้ผ่อนได้ยาวขึ้นซึ่งจะทำให้ค่าผ่อนต่อเดือนลดลง โดยระยะเวลาผ่อนที่เลือกใหม่จะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่ธนาคารแห่งใหม่กำหนดไว้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่า การผ่อนชำระด้วยจำนวนเงินที่น้อยลงจะส่งผลให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายโดยรวมสูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับการผ่อนระยะสั้นด้วยจำนวนเงินที่มากกว่าค่ะ
3. เพิ่มวงเงิน มีเงินไว้ใช้จ่ายยามจำเป็น
วงเงินกู้ของการรีไฟแนนซ์ไม่จำเป็นต้องเท่ากับภาระหนี้คงเหลือจากธนาคารเดิมเสมอไปค่ะ หากใครกำลังคิดจะรีไฟแนนซ์และมีความจำเป็นต้องใช้เงิน เช่น เอาเงินไปซ่อมแซมบ้านก็สามารถขอวงเงินเพิ่มให้สูงกว่าภาระหนี้คงเหลือได้ ซึ่งวงเงินทั้งหมดจะต้องไม่เกินมูลค่าหลักประกันตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนดไว้ค่ะ
เช่น วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 80% ของราคาประเมิน หรือบางธนาคารอาจกำหนดเงื่อนไขการเพิ่มวงเงิน เช่น สามารถขอเพิ่มได้ไม่เกิน 5 ล้านบาท เป็นต้นค่ะ แต่ในการขอวงเงินเพิ่มนั้น ธนาคารจะพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ประกอบด้วยค่ะว่า เมื่อเปรียบเทียบรายได้กับภาระหนี้แล้วสามารถผ่อนชำระหนี้ได้ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนดไว้หรือไม่
ดังนั้น หากใครสนใจรีไฟแนนซ์และเลือกเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขที่แตกต่างไปจากสัญญาวงเงินกู้เดิม แนะนำให้ศึกษารายละเอียดต่าง ๆ ให้เข้าใจก่อนตัดสินใจ โดยเลือกให้เหมาะสมกับความจำเป็นของเรามากที่สุด และดูกำลังความสามารถในการผ่อนชำระของเราประกอบด้วย ทั้งนี้เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการรีไฟแนนซ์และเกิดความคุ้มค่ามากที่สุดค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูล : K-Expert Action และ Kapook.com
สนใจลงโฆษณากับทาง Homenayoo ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่
คุณวันเฉลิม 086-1290293
ทางเราเป็นเว็บไซต์ให้ข้อมูล ไม่ใช่เจ้าของโครงการนะครับ
แสดงความคิดเห็น