เปลี่ยนพื้นที่รก ๆ ริมรั้วเป็นสวนครัวกินก็ได้ ดูก็ดี กันเถอะ
สวัสดีปีใหม่ทุก ๆ ท่านค่ะ กลับมาเยี่ยมเยือนกันอีกครั้ง กับการเปลี่ยนแปลงพื้นที่รก ๆ ในบ้าน ให้เป็นมุมสวนสวย ๆ เราจัดการเปลี่ยนพื้นที่ริมรั้ว เป็นมุมกาแฟไปแล้วหนึ่ง เป็นมุมนั่งเล่นไปอีกหนึ่ง ตอนนี้ยังเหลืออีกสองมุม จะเปลี่ยนเป็นอะไรดีนะ
ทิ้งท้ายไว้ในกระทู้ที่แล้ว ว่าอยากลองปลูกผักสวนครัวดูบ้าง แต่พอลงมือจัดจริง ๆ ก็พบว่า มุมนี้แสงแดดไม่มากพอที่จะปลูกผักสวนครัวตามแผนที่วางไว้ ก็เลยต้องปรับเปลี่ยน จนออกมาเป็นสวนลูกครึ่ง คือจัดสวนหย่อมด้วยผักสวนครัว หรือจะเรียกว่าเป็นสวนครัวสไตล์สวนหย่อมก็ได้ มาดูกันค่ะ ว่าหน้าตาจะเป็นยังไง
มุมด้านนอก พอมีแสงแดดบ้างเลยได้ทั้งอาหารตา (ไม้ประดับ) และอาหารใส่ท้อง (ผักสวนครัว)
มุมด้านใน แสงแดดส่องไม่ค่อยถึง ปลูกได้แต่ไม้ประดับในร่ม (มองจากห้องนอนลงมาข้างล่าง)
ความเดิมตอนที่แล้ว :
ตอน 1 มุมกาแฟ (http://pantip.com/topic/30453474)
ตอน 2 มุมนั่งเล่น (http://pantip.com/topic/30726061)
พื้นที่สวนบริเวณนี้จะมีมุมเว้า ๆ ด้านในเป็นรูปตัวยู เวลามองจากด้านนอกจะไม่เห็น แต่พอเดินเข้ามาข้างในถึงจะเห็น เป็นมุมเล็ก ๆ ส่วนตัวมุมนึง
จุดประสงค์ของการจัดสวนมุมนี้ คือต้องการเชื่อมพื้นที่สวนบริเวณหน้าบ้าน เข้ากับสวนด้านข้างตัวบ้าน นอกจากนี้ก็เพื่อสร้างความสวยงาม ร่มรื่น แต่แหมลงแรงจัดทั้งที ได้ประโยชน์แค่สองข้อน้อยไป เพิ่มไปอีกข้อแล้วกัน อยากได้ผักสวนครัวมาทำกับข้าวด้วย (ทำไปทำมา..เริ่มยาก..มิน่า งมอยู่เกือบ 6 เดือน )
งานนี้ก็เลยต้องนั่งหลังขดหลังแข็งทำ R&C (Research and Copy) อย่างขมักเขม้น ก็นะ ต้องหาแรงบันดาลใจกันหน่อย ออกมาจะได้สวย ๆ ชมสวนยามเช้า
การจัดสวนมุมนี้เหนื่อยกว่าตอนจัดมุมแรกมว๊ากก เพราะพื้นที่มากกว่า แถมมีงานโครงสร้างเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งก็แน่นอนอยู่แล้วว่า สาว (เหลือ) น้อยอย่างเราไม่มีปัญญาทำเอง เลยต้องไปหามืออาชีพมาช่วย งานที่จ้างผู้รับเหมามาทำคือหลังคากันสาด และระแนงไม้เทียมบังตาริมรั้ว
เราเริ่มจัดสวนมุมนี้ โดยการเคลียร์พื้นที่ก่อนเป็นอันดับแรก ตอนเริ่มปรับพื้นที่ถมทราย ให้คนงานรื้อทางเดินเก่า ๆ ที่เป็นอิฐมอญ มากองไว้ตรงเฉลียงข้างบ้านด้านนี้ หลังจากถมทรายแล้ว ก็มัวแต่ยุ่งกับหน้าที่การงาน ไม่มีเวลาจัดการกับเจ้ากองอิฐนี้เลย มองเผิน ๆ ดูเหมือนบ้านร้างเลยค่ะ (กล้าโชว์เนอะ ไม่มีอายกันเลย)
ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรกับอิญเก่า ๆ พวกนี้ดี เลยต้องย้ายไปเรียงไว้ริมกำแพงก่อน ก้อนที่หักก็กอง ๆ ไว้อีกมุม เสร็จแล้วจัดการขัด และล้างพื้น ได้พื้นกระเบื้องขาว ๆ กลับมาแว้ว ขั้นตอนต่อไปคือ เกลี่ยกองดินที่คนงานเค้าขุดมาจากริมรั้วตอนจัดสวนมุมที่สอง เราขนไปปรับพื้นที่ด้านในสุด ติดกับตัวบ้าน (เริ่มดูเหมือนบ้านคนขึ้นมานิดนึง)
ช่วงที่เริ่มจัดสวนมุมนี้ เป็นช่วงเข้าพรรษาพอดี ฝนตกเป็นล่ำเป็นสันมาก ตั้งใจว่าจะทาสีรั้ว ก็ทาไม่ได้ เราเลยต้องเปลี่ยนแผน มาขุดหลุมตรียมดินปลูกต้นไม้ไว้ก่อน พร้อมกับปรับพื้นที่รอบ ๆ เพื่อวางแผ่นศิลาแลงทำทางเดิน และเริ่มขุดหลุมปลูกต้นไม้มุมด้านในสุด
ย้ายมาขุดริมห้องรับแขก ตรงนี้มีต้นกะเพราที่เราลงไว้รอล่วงหน้าก่อนปรับดิน เป็นกะเพราที่น่าสงสารมาก โดนทั้งนกกระจอกมาจิกใบ แถมเพลี้ยสีน้ำตาลมารุมโทรมอีก จะรอดไม๊เนี่ย
ขุดด้านซ้ายเสร็จแล้วก็ย้ายมาขุดด้านริมรั้ว เสร็จแล้วลงดินผสมใบก้ามปู บวกปุ๋ยคอกรอไว้ก่อน ริมรั้วมีเชอรี่เสปนเหลืออยู่ต้นนึงด้วย
พอเตรียมดินเสร็จแล้วพักไว้ก่อน หันมาปูทางเดิน เราใช้แผ่นศิลาแลงปูทางเดิน เพราะอยากให้ดูต่อเนื่องกับมุมหน้าบ้าน พยายามวางให้เป็นแนวโค้งๆ เว้นช่องว่างไว้โรยกรวดบ้าง แต่มันจะออกแนวเบี้ยวมากกว่าโค้งนะคะเนี่ย จะยกศิลาแลงคนเดียวคงไม่ไหว ต้องไปเกณฑ์แรงงานในบ้านมาช่วย (พูดเหมือนมีคนเยอะจริง ๆ มีกันอยู่แค่สองคนแหละ 555) ทางเดินนี้ยาว 7 ม. ใช้แผ่นศิลาแลงไป 84 ก้อน กรวดขนาดเล็ก (เบอร์ S-5) อีกห้าถุง
แดดร่มลมตกหน่อยก็เริ่ม ปวดหลัง ปวดไหล่ ทางเดินเจ็ดเมตรของเราก็เสร็จเสียที ไปยกต้นส้ม มะนาว มะเขือ สารพัดต้นไม้ที่ซื้อเตรียมไว้ มาวางตามจุดต่าง ๆ แต่ก็หมดแรงจะปลูกแล้ว รอไปอีกอาทิตย์แล้วกัน เฮ้อ… หมดไปอีกวัน
อาทิตย์ต่อมา ถือเป็นวันปลูกต้นไม้ค่ะ ตรงมุมบ้านซึ่งโดนแดดมากหน่อย เราลงพุดเวียดนามไว้สองต้น ตอนซื้อมามีดอกตูมติดมาด้วย พอลงดินไม่กี่วันก็บานให้คนปลูกได้ชื่นใจ (ว่าน่าจะรอดแล้ว อิอิ)
พุดเวียดนาม (ตั้งใจจะไปซื้อพุดซ้อนอย่างเดียว แต่ได้พุดเวียดนามติดมาด้วย ซะงั้น)
ด้านในเป็นมุมค่อนข้างร่ม เพราะอยู่ใต้ชายคาบ้าน เราลงหมากผู้หมากเมียให้เป็นจุดนำสายตาของมุมนี้ ด้านหน้าวางกระถางน้ำล้น ซึ่งเป็นของเก่าเก็บเหลืออยู่ในบ้านรอบ ๆ กระถาง ลงไม้ในร่มจำพวกคร้าเสน่ห์ขุนแผน ซุ้มกระต่ายด่าง เฟิร์นเงิน เพื่อคลุมดิน และเตรียมตัวติดตั้งกระถางน้ำล้น
“ต้นเฟิร์นเงิน” ใบสีขาวสลับเขียว ช่วยให้พื้นที่เล็ก ๆ ดูสว่างขึ้นค่ะ
ขยับไปอีกนิด เป็นมุมที่ร่มสุด เพราะอยู่ใต้ชายคาด้านใน ไม่โดนแสงแดด เราเลยยึดบริเวณนี้ทำรังบีโกเนียซะเลย ยกโอ่งดินเผามาตั้งแล้วเติมน้ำลงไป เก็บไว้รดบีโกเนียและเพื่อช่วยเพิ่มความชื้นในอากาศ จากนั้นก็ยกกระถางบีโกเนียมาวางเรียง รองกระถางด้วยอิฐมอญ ไล่ระดับจากสูงมาต่ำ ไม่ให้บังกัน
“ต้นบีโกเนียใบ” ได้ยินคนขายเรียกชื่อไทยว่า ส้มกุ้ง ต้นนี้โดนหอยทากรุมซะใบแหว่งหมด
เราซื้อบีโกเนียสีส้ม ๆ นี้มาต้นแรกค่ะ ทดลองเลี้ยงดูก่อน พออยู่รอดปลอดภัยก็ทยอยซื้อมาอีกเรื่อย ๆ มารู้ตัวก็ตอนยกมาตั้งรวม ๆ กันนี่แหละว่า สีสันเค้าคล้าย ๆ กันไปหมดเลยต้องแก้ปัญหาด้วยการไปหาต้นพรมญี่ปุ่นมาวางแซม ๆ เพราะเป็นต้นไม้แนว ๆ เดียวกันคือชอบอยู่ที่ร่ม ๆ ชอบชื้นแต่ไม่แฉะ อาศัยดอกเล็ก ๆ เพิ่มสีสันให้กับมุมสวนในร่มตรงนี้ค่ะ
หันมาด้านขวามือบ้าง มุมนี้ได้รับแสงแดดตรง ๆ แค่ประมาณสามชั่วโมงช่วงเช้า ตอนไปซื้อศิลาแลง เห็นที่ร้านมีอิฐดินเผาโค้ง ๆ ที่เรียงเป็นบ่อน้ำกลม ๆ ได้ก็เลยเกิดความคิดว่าซื้อมาเรียงเป็นบ่อกลม ๆ เตี้ย ๆ แล้ววางสับปะรดสีโชว์ดีกว่า เพิ่มสีสันให้มุมนี้ และไม่ต้องรดน้ำเยอะด้วย
ตอนเรียงอิฐ เว้นช่องว่างไว้ระบายอากาศบ้าง เสร็จแล้ววางกระถางพลาสติครองไว้ด้านใน จากนั้นวางกระถางสับปะรดสีลงไป เลือกขนาดต้นและสีสันให้เข้ากัน บ่ออิฐมอญนี้ เราใช้วิธีเรียงซ้อนกันเฉย ๆ ไม่ได้ก่อปูน เพราะต้องการทดลองดูก่อนว่าต้นไม้เค้าจะอยู่ได้หรือเปล่า
อิฐแบบนี้สวยแต่ก็แอบแพงนะคะเนี่ย ก้อนละ 7 บาท เราใช้ไป 60 ก้อน ได้ความสูงประมาณ 40 ซ.ม จริงๆ จะใช้บล็อคประสาน เรียงเป็นทรงกลมก็ได้เหมือนกัน แต่เราชอบผิวสัมผัสของอิฐมอญมากกว่า มันดูธรรมชาติดี ก็เลยออกมาแบบธรรมชาติลงโทษยังงี้แหละ (แบบว่ามันเอียงอ่ะ แต่ขี้เกียจรื้อจัดใหม่)
ข้าง ๆ บ่ออิฐมอญ เราลงต้นปริกหางกระรอกไว้หนึ่งกอ อีกด้านลงต้นเล็บครุทด่าง สีขาวตัดกับสีอิฐมอญสวยดีค่ะ ใกล้กันลงต้นซุ้มกระต่ายเขียว ด้านหน้าลงฤาษีผสมแคระ พื้นที่โล่ง ๆ หน้าบ่อสับปะรดสี ลงต้นริบบิ้นแดงเพื่อคลุมดิน ยังเห็นพื้นดินโล่ง ๆ บางส่วนอยู่ ไม่เป็นไร รอให้ต้นฤาษีผสมโตคลุมดินไปเอง
ปล. เนื่องจากพื้นที่เล็กกระจึ๋งเดียว จึงต้องอาศัยไม้เล็ก แคระ ด่าง เป็นตัวช่วย ไม่ให้ดูอึดอัด
ติดกันจะเป็นกอหมากแดงต้นเก่าแก่ของบ้าน ปลูกตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่บ้านนี้ใหม่ ๆ ต้นเดิมสูงจนถึงชั้นสองของบ้านแล้ว เราเลยตัดทิ้งแล้วแต่งกอใหม่ ที่เห็นอยู่นี่เป็นหน่อรุ่นลูกแล้วค่ะ หมากแดงมีดีตรงลำต้นสีแดงสวย ๆ นี่แหละค่ะ
เราเก็บไว้เป็นไม้ประธานของมุมนี้ ปรกติเค้าจะแตกหน่อออกมาเรื่อยๆ เลยต้องเว้นพื้นที่รอบ ๆ ไว้บ้าง จะได้เข้าไปแต่งกอ ขุดย้ายหน่อได้ง่าย ๆ ปลูกให้ได้แสงแดดซักครึ่งวัน ต้นจะแดงสวยค่ะ กอนี้โดนตัดแต่งหนักไปหน่อย เกือบโกร๋น
ลงต้นไม้เป็นแนวเสร็จแล้ว ถึงขั้นตอนปรับพื้นทำทางเดินรอบ ๆ บ้าง เนื่องจากเรามีอิฐมอญเก่าเหลืออยู่เยอะ ก็เลยไปขนมาเรียงเป็นทางเดินค่อย ๆ ปรับพื้นไปเรื่อย ๆ ปูตาข่ายไนล่อนแล้วเรียงอิฐไปทีละด้าน เว้นพื้นที่ตรงกลางไว้โรยกรวดบ้างจะได้ไม่ดูทึบเกินไป
กว่าจะเสร็จทุกด้านก็ก้ม ๆ เงย ๆ เล่นเอาหน้ามืด เสร็จแล้วให้คุณแฟน ช่วยฉีดน้ำล้างเศษดินตามพื้นอิฐ แล้วไปยกถุงกรวดมาเท บริเวณนี้เราใช้กรวดขนาดเล็กโรย เพื่อช่วยให้พื้นที่เล็ก ๆ ไม่ดูอึดอัดมากเกินไป จัดมุมนี้เสร็จพร้อม ๆ กับพระอาทิตย์ตกดินพอดี
มุมมองจากห้องรับแขกผ่านกอบีโกเนีย
เราอยู่บ้านนี้มาหลายปีดีดัก แต่ไม่ได้ทำรางน้ำฝน ตอนจัดสวนครั้งแรก ก็ไม่ได้ปลูกต้นไม้อะไรมากนัก เน้นปูทางเดินโรยกรวดอย่างเดียว แต่พอมาจัดสวนครั้งนี้ คิดว่าคงต้องทำรางน้ำแล้วค่ะ ไม่งั้นทั้งต้นไม้และพื้นทราย โดนน้ำฝนเซาะกระจาย แถมผนังบ้านเป็นคราบตะไคร่ดำเชียว
งานนี้คุณแฟนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไปขับรถตระเวณหาร้านทำรางน้ำแถว ๆ บ้าน ได้มาสองร้าน ซึ่งก็ตีราคารางน้ำฝนแสตนเลสออกมาใกล้เคียงกัน แต่แฟนเราเลือกร้านที่สอง รู้สึกว่าจะคุยถูกคอกับเจ้าของร้านดี พอติดแล้วออกมาแบบนี้ ท่อน้ำอีกด้านซ่อนไว้ให้น้ำไหลลงกอหมากแดง เพราะเค้าเป็นต้นไม้ชอบน้ำ แต่มุมด้านใน ไม่รู้จะหลบจะซ่อนยังไง เพราะรูปแบบหลังคาบ้าน มันเป็นจั่วอยู่ตรงนี้พอดี
พื้นที่ริมห้องรับแขกอีกด้าน
ได้หยุดพักพอหายเหนื่อยแล้ว มาจัดการพื้นที่ที่เหลือกันต่อ คราวนี้เป็นคิวของพื้นที่ริมห้องรับแขกติดกับทางเดิน จุดนี้ได้รับแสงแดดครึ่งวันเช้าดูแล้วน่าจะพอปลูกผักสวนครัวพวกที่ไม่ต้องการแดดจัด ๆ ได้ ตอนแรกเราพูนดินขึ้นไปสูง ๆ ว่าจะทำเป็นแปลงปลูกผักแต่พอรดน้ำต้นไม้แล้วดินไหลลงมา เลยแก้ปัญหาด้วยการไปหาบล็อคประสานมาวางกั้นเป็นขอบแปลงแทน
เริ่มเบื่อเส้นตรง ๆ เลยเรียงบล็อคประสานให้เหลื่อม ๆ กันจะได้ดูมีมิตินิดนึงออกมาเป็นแปลงปลูกต้นไม้เล็ก ๆ สามแปลง
ตรงมุมในสุดติดกับพุดเวียดนาม เราลงต้นสาริกาลิ้นทองไว้ต้นนึง ต้นนี้มีลูกกลม ๆ สีแดงเรื่อ ๆ ดูแปลกตาดีค่ะ ด้านหน้าลงต้นชะพลูไว้คลุมดิน ใกล้กันลงมะเขือการ์ตูน ซึ่งย้ายออกมาจากกระถางข้างโซฟานั่งเล่น จะไม่เอาลงดินก็สงสาร กลัวอาหารจะไม่พอเลี้ยงลูก ติดกันลงผักหวานบ้านไว้สามต้น ปลูกห่าง ๆ เผื่อโต ตามด้วยต้นก้ามปูหลุดเพื่อคลุมหน้าดิน ตรงขอบแปลงก็ปูตาข่ายแล้วเรียงอิฐมอญทับ โรยกรวดปิดช่องว่างอีกที
แปลงที่อยู่ตรงกลางมี กะเพราอยู่แล้วหนึ่งต้น เราลงต้นแมงลักเพิ่มไปอีกหนึ่ง พยายามปลูกไว้ชิดด้านขอบแปลง เผื่อตอนต้นเค้าโทรม ๆ จะได้เข้าไปขุดเปลี่ยนย้ายได้ง่าย ๆ จากนั้นลงต้นลิ้นกระบือด่าง ไว้ขอบแปลงอีกด้าน หน้าสุดลงไม้คลุมดิน ผักชีใบเลื่อย ผักเป็ดด่างและฟ้าประดิษฐ์ (ต้นนี้กินไม่ได้ แต่เท่ห์ ด้วยดอกสีฟ้าเล็ก ๆ ค่ะ)
สภาพปัจจุบัน
พอเข้าหน้าหนาว พระอาทิตย์เริ่มอ้อมใต้ ทำให้กะเพราและฟ้าประดิษฐ์ไม่ค่อยโดนแดด เหลือแต่ใบหลอมแหลม ต้องย้ายออกแล้วไปซื้อเจ้าต้นพญาวานร (ฮวานง็อก) มาลงแทน จากข้อมูลที่หามาใด้ ต้นนี้จะชอบร่ม ๆ ต้องดูกันยาว ๆ ว่าเค้าจะอยู่ได้หรือป่าว ด้านหน้าเราลงไม้คลุมดิน คือสะระแหน่ปน ๆ กับผักเป็ดด่าง จะได้ดูมีสีสัน
แปลงด้านนอกสุด ตั้งใจว่าจะลงพริกสายรุ้งกับปูเล่ แต่ทั้งสองต้นยังอยู่ในถาดเพาะอยู่เลยค่ะ ก็เลยต้องเปลี่ยนแผน หาเมล็ดผักกาดขาวมาหย่อนไว้แทนปูเล่ เพาะปูเล่ แต่ออกมาเป็นตำลึง ฮากันไปทั้งบ้าน
ปูเล่น้อย (ตั้งกระถางไว้ที่ร่มเกิน ต้นเลยเอียงกะเท่เร่เลยค่ะ)
ช่วงที่ปลูกผักกาดขาว เราก็ยังไม่ละความพยายามเรื่องการปลูกปูเล่ ไปซื้อเมล็ดพันธ์มาอีก คราวนี้พยายามเลือกเอาซองที่เพิ่งผลิตใหม่ ๆ โดยดูด้านหลังซอง (หลังซองจะพิมพ์ว่าวันเก็บรวบรวม) ทดลองเพาะในพีชมอส
แค่คืนเดียว เปลือกที่หุ้มเมล็ดก็เริ่มแตกและมองเห็นต้นอ่อนเขียวๆ ด้านใน เอ๊ะ ทำไมมันต่างกับเมล็ดซองแรกจังฟร่ะเนี่ย วิ่งกลับไปดูหลังซองที่ซื้อมาครั้งแรก โอ๊ะโอ เมล็ดมันเก็บมาตั้งแต่ปี 2555 มิน่า ปลูกปูเล่ ออกมาเป็นตำลึง (เกี่ยวกันไม๊เนี่ย)
พอกล้าโตได้ระดับนึง (มีใบจริงประมาณ 3-4 ใบ) เราก็ย้ายลงแปลงแทนผักกาดขาว (ที่ตอนนี้ลงหม้อต้มจืดไปเรียบร้อยหมดแล้ว) รดน้ำใส่ปุ๋ยไปเรื่อย ๆ ออกมาเป็นแบบนี้ งามจนไม่อยากตัดมากิน (แล้วจะปลูกเพื่อ..) ปูเล่เขียว ด้วยพลังของปุ๋ยขี้วัวและขี้ใส้เดือน โตจนจะล้นแปลงแว๊ว
ฝั่งนี้พอเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ย้ายไปปลูกต้นไม้ริมรั้วกันต่อ ตามที่เกริ่นไว้ตอนแรกว่า รั้วบ้านเราด้านนี้ ติดกับครัวของเพื่อนบ้าน จะปลูกต้นไม้ใหญ่ ก็กลัวกิ่งก้านจะโผล่เข้าไปรบกวนเค้า
สุดท้ายก็มาตกลงปลงใจ ซื้อไม้พุ่มขนาดกลาง ๆ คือส้มจี๊ดด่างและมะนาวเหลือง มาเข้าสังกัดสวนริมรั้วของเรา บวกกับเชอรี่เสปนที่เหลืออยู่ ได้ไม้ยืนต้นสามต้นริมรั้วพอดี
“มะนาวเหลือง (Lemon)” แม่ค้าอัดปุ๋ยมาเต็มที่ ต้นนิดเดียวมีลูกตั้ง 6 ลูก (สีเหลือง ๆ ในกระถางนั่นคือพริกกะเหรี่ยงที่แม่ค้าใจดีแถมมาให้ทดลองเพาะ) ลงดินแล้วผูกไม้ค้ำรอไว้เลย คิดว่าลูกต้องดกแน่ ๆ
พอลงส้มจี๊ด และมะนาวเหลืองเสร็จแล้วก็ทะยอยปลูกไม้คลุมดินไปอาทิตย์ละต้นสองต้น เริ่มจากหน้าต้นส้มจี๊ดด่าง ซึ่งเป็นมุมที่ได้แสงแดดมากสุดของบ้าน เราปลูกมะลิลาสองต้น ตามคำขอของผู้ช่วยจัดสวน มุมในสุดติดรั้วเป็นจุดที่น้ำไหลผ่าน ลงตะไคร้ไว้กอนึง อีกด้านลงต้นลิ้นกระบือไว้เพิ่มสีสัน
ขยับมากึ่งกลางระหว่าง ต้นเชอรี่กับมะนาวเหลือง เราลงผักหวานไว้สามต้น เว้นระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 30 ซ.ม ถัดจากมะนาวเหลือง ติดกับริมรั้วเป็นต้นคริสตินา ที่ยังเหลืออยู่สามต้นข้าง ๆ แทรกด้วยพุดซ้อนด่างอีกสอง
พักปลูกต้นไม้ไปอาทิตย์นึง เพราะรอให้ผู้รับเหมาเข้ามาทำหลังคากันสาด และระแนงริมรั้วให้เรียบร้อย ก่อนที่จะลงต้นไม้เพิ่มค่ะ
พื้นที่โล่ง ๆ ก่อนทำหลังคากับเสาโฮบเวลล์ (อ้าวผิดงานนิหว่า มันคือเสาปูนซึ่งเคยเป็นโครงสร้างไม้ระแนงเก่าค่ะ)
ใช้เวลาทำสองวันก็เรียบร้อย หลังคาโครงเหล็กทาสีโอ๊ค มุงด้วยโพลีคาร์บอเนตแผ่นตันผิวส้มสีชา ใส่รางน้ำฝนไวนิล ใกล้ ๆ กันคือระแนงบังตา เนื่องจากรั้วอิฐบล็อค ที่กั้นระหว่างบ้านเรากับเพื่อนบ้านชราภาพเต็มที เราเลยให้ช่างเค้าทำโครงเหล็กขึ้นมาใหม่ พยายามไม่ไปยุ่งกับรั้วเดิม ผลคืองบประมาณบานปลายกันไป อิอิ
หลังคาเสร็จแล้ว ลงต้นไม้ต่อ เราไปหาโมกกอใหญ่มาลงตรงมุมเสาติดกับหลังคากันสาด เพื่อช่วยพรางความแข็งกระด้างและเหลี่ยมมุมของโครงเหล็กและเสาปูน ซื้อแบบกอใหญ่ ๆ แล้วให้ร้านต้นไม้มาส่งให้ แบบว่าพรึ่บเดียวสวยเลย
โมกแบบนี้ได้ยินพ่อค้าเรียกว่าโมกใบไผ่ ใบจะแหลม ๆ กว่าโมกลา แปลกดีไม่เคยได้ยินชื่อโมกแบบนี้มาก่อนเลย
ทำหลังคาเสร็จก็ออกพรรษาพอดีไม่มีฝนแล้ว ได้เวลาจัดการทาสีรั้วบ้าน ที่กระดำกระด่างซะที ให้คุณแฟนไปลากเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง ออกมาจากห้องเก็บของ ฉีดไล่ไปตามกำแพงเพื่อทำความสะอาด เวลาฉีดต้องระวังต้นไม้นิดนึง เนื่องจากเราดันใจร้อน ลงต้นไม้ริมกำแพงไปแล้วหลายต้น
หลังจากนั่งหาข้อมูลสีทาภายนอกอยู่เป็นวัน ๆ เราตัดสินใจทดลองซื้อซิเมนต์สีตราจรเข้มาทารั้ว ดูข้อมูลจากเวบไซด์แล้วคิดว่าน่าจะทาเองได้ไม่ยาก ผสมน้ำตามอัตราส่วนแล้วก็ละเลงเลยค่ะ
เพื่อความมั่นใจ ลองทามุมเล็ก ๆ หลังบ้านดูก่อนว่ารับได้กับโทนสีหรือป่าว
จากรั้วกระดำกระด่าง แปลงโฉมเป็นรั้วสีเหลืองนวล อบอุ่น ดูดีขึ้นเป็นกองเนอะ แต่อย่ามองเลยไปถึงหลังบ้านนะ มันคนละโลกกันเลยค่ะ
งานโครงสร้างหลัก ๆ เสร็จแล้วก็ทยอยลงต้นไม้เพิ่มให้เต็มพื้นที่ โคนต้นโมก เราลงพวกไม้พุ่มคลุมดิน มีต้นสาริกาลิ้นทอง (เราชอบลูกเล็ก ๆ กลม ๆ ตามกิ่งของเค้า เลยซื้อมาสามต้นเลย)
แล้วตามด้วยสารพัดพริก คือพริกขี้หนูสวน พริกฟักทองและพริกใบด่าง มุมนี้ภูมิใจมว๊ากค่ะ เพราะพริกพวกนี้เราเพาะเมล็ดเอง อิอิ กว่าจะโตลุ้นตัวโก่ง
พืชสวนครัวส่วนใหญ่เค้าเป็นประเภทมาเร็ว เคลมเร็ว (เป็นไงฟระ) คือเพาะง่าย โตเร็ว ออกดอก ติดลูกแล้วก็โทรม ตายไป ก่อนจะปลูกเราต้องวางแผนนิดนึง ว่าจะจัดวางไว้ตรงไหน ถึงจะเข้าไปทำงาน เก็บผลิตผลและรื้อถอนได้ง่าย ๆ
ต้นกล้าพริกที่เพิ่งย้ายลงดิน ต้นเพิ่งสูงได้สองคืบเอง แถมต้นพริกขี้หนูที่อยู่ตรงกลางนี่ เราเผลอทำยอดเค้าหักอีก จะรอดมั้ยเนี่ย
ส่วนนี่คือโฉมหน้าพริกม่วงแบบใกล้ ๆ ม่วงอย่างเดียวไม่พอแถมด่างอีก ยังไม่พอแถมยังแคระด้วย ต้นสูงแค่คืบกว่า ๆ ก็เริ่มออกดอกแล้ว
พอลงโมกเสร็จแล้ว มุมด้านในก็เลยร่มครึ้มไปเลย แถมเป็นซอกเล็ก ๆ แคบ ๆ อีกปลูกอะไรดีละทีเนี้ย ต้องระเห็จออกไปเดินร้านขายต้นไม้อีกรอบเพื่อหาแรงบันดาลใจ สุดท้ายได้โอ่งใบนี้กลับบ้านมาในราคา 900 บาท เป็นโอ่งใหม่ทำลวดลายและสีเลียนแบบโอ่งเก่าค่ะ
จริง ๆ เราชอบโอ่งดินเผาเก่า ๆ นะคะ เก็บน้ำเย็นดีแต่ราคามันแร๊งงส์ไปนิด รับไม่ไหวเลยต้องเบนเข็มไปซื้อของใหม่แทนค่ะ
เรายกมาตั้งไว้ข้าง ๆ โคนต้นโมก ตั้งใจจะใช้เก็บน้ำเพื่อรดต้นบีโกเนีย หน้าต้นโมกยังว่างอยู่ ยกหินทรายลูกเต๋าที่เหลือ ๆ อยู่มาวางเป็นแนวโค้งแล้วปลูกต้นหนวดปลาดุกแคระแทรกตามรอยต่อ ด้านข้างลงต้นปูเล่ม่วงไว้หกต้น รอบโอ่งโรยกรวดขาวไว้กันดินกระเด็นเวลารดน้ำต้นไม้
ปูเล่สีม่วงนี่ซื้อต้นใหญ่ ๆ มาจากร้านแถว ๆ เลียบทางด่วนรามอินทรา เราพยายามหาซื้อเมล็ดมาเพาะเองแต่ปูเล่สีม่วงนี่หาเมล็ดยากมากค่ะ เลยต้องใช้ตัวช่วยแบบมาพรึ่บเดียวสวยเลย
ถัดจากปูเล่ ยังมีพื้นที่ว่างเล็ก ๆ อยู่เราไปยกก้อนหินทรายที่เหลืออยู่ในบ้าน มาวางแทรกไว้ จะได้ไม่ต้องปลูกต้นไม้ให้ดูทึบเกินไป ข้างก้อนหินปลูกต้นจิงจูไฉ่คลุมดินไว้ (ตกลงนี่มันบ้านคนหรือร้านขายของแต่งสวนกันแน่เนี่ย มีเกือบทุกอย่าง)
ปลูกไว้ให้เห็นกันจะ ๆ งี้เลยจะได้เก็บกินง่าย ๆ อิอิ (ซื้อแบบเพาะในถุงดำ มาจากร้านต้นไม้ปากทางถนนรามอินทราเข้าถนนเกตร – นวมินทร์ เส้นตัดใหม่เยื้อง ๆ กับห้างแฟชั่น ไอส์แลนด์ ราคา 3 ถุง 100)
ปล. เก็บใบไปใส่แกงจืดเต้าหู้หมูสับ หวาน อร่อยมั่ก ๆ
หลังกอต้นโมก ดูโล่ง ๆ ไม่สวยเลยอ่ะหาวิธีใช้ของเก่าในบ้านให้เกิดประโยชน์ด้วยการขนอิฐมอญเก่า ๆ ที่เหลืออยู่มาวางเรียงเป็นแท่น วางสองแถวให้ไล่ระดับกัน เสร็จแล้วไปยกพวกกระถางพรมญี่ปุ่น บีโกเนีย สับปะรดสี ต้นเงินเต็มบ้าน รวมทั้งพลูด่างเพื่อนยากที่เราแยก ๆ ชำ ๆไว้ มาวางประดับ กว่าจะเสร็จมุมนี้ปาเข้าไปทุ่มนึง เลยต้องมาถ่ายรูปตอนเช้าแทน เสร็จแว้ว..ดูดีขี้นเป็นกอง
ตอนนี้พื้นที่แนวราบเราก็ถูกจับจองไปหมดแล้ว แต่ยังเหลือต้นไม้ในดวงใจอีกหลายต้นที่เราอยากปลูก ทั้งน้ำเต้าที่เซียนที่เพาะรอไว้ในกระถาง ไหนจะมอร์นิ่ง ที่ไปไล่ขอชาวบ้านเค้ามา ไหนจะตำลึงที่ชอบกินอีก ทำไงดีละ คิดไปคิดมา เออในเมื่อปลูกแนวราบไม่ได้ ก็ปลูกแนวตั้งแทนแล้วกัน ไปรื้อกองไม้ไผ่ที่เหลืออยู่หลังบ้าน เอามาปักเป็นซุ้มเล็ก ๆ ให้ไม้เลื้อย เป็นซุ้มชั่วคราว เดี๋ยวมะนาวโต ก็คงต้องรื้อออก
ปักไม้ไผ่ทำซุ้มให้ตำลึง และน้ำเต้าเซียน
ณ ปัจจุบัน ต้นตำลึงโตเร็วดีค่ะ เก็บยอดได้แว้วแต่ต้นน้ำเต้าเพิ่งเลื้อยเตาะแตะขึ้นมาตามเสา สงสัยโดนแดดน้อยไปหน่อยเลยไม่ค่อยจะโต
เราไปเดินตลาดจตุจักร 2 เจอโครงเหล็กรูปดอกไม้ เลยซื้อติดมือมาปักไว้ข้าง ๆ โซฟานั่งเล่น เอาไม้ไผ่ปักดามไว้เป็นเสา เพิ่มความแข็งแรง แล้วลงต้นขจรให้เลื้อยขึ้นไป
ซุ้มแบบนี้ดูไม่แข็งแรงเท่าไหร่ ปลูกไม้เถาเล็ก ๆ พอได้แต่ถ้าไม้เลื้อยเถาใหญ่ ๆ มีโค่นแน่ค่ะ
ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการ ได้เมล็ดมอร์นิ่งมาแต่ไม่มีที่ลง (บอกแล้ว ที่กว้างร้อยกว่าไร่) ก็เลยเอาเมล็ดเค้าไปหย่อนไว้กับซุ้มขจร สองเดือนผ่านไป ต้นมอร์นิ่งขึ้นมาคลุมต้นขจรซะแทบไม่ออกดอกเลย ตอนนี้กำลังทยอยรื้อต้นมอร์นิ่งออกค่ะ ..ขอโทษนะ เราไปด้วยกันไม่ได้จริง ๆ แง..แง
ใครจะปลูกไม้เลื้อยแบบนี้หาข้อมูลดี ๆ นะ เพราะต้นไม้แต่ละต้นอัตราการเจริญเติบโตไม่เหมือนกัน
ต้นขจร เป็นต้นไม้สุดโปรดของเราอีกต้นนึง ดอกหอมอ่อน ๆ จนไม่อยากเก็บดอกตูมมากิน ปล่อยให้บานคาต้นซะงั้น
หลังจากลงต้นไม้หลัก ๆ เสร็จแล้วเราก็ทะยอยตกแต่งสวน เก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ กุ๊กกิ๊กไปเรื่อยเปื่อย
หน้าต้นผักหวานยังโล่ง ๆ อยู่ลงไม้พุ่มเตี้ยคือสมุนไพรแปะตำปึง และว่านมหากาฬคลุมดิน ติดกับรั้วลงต้นสาริกาลิ้นทอง จากนั้นก็ปูอิฐมอญทับพื้นด้านหน้า เพื่อกันดินกระเด็น และเพื่อจะได้เดินทำงานง่าย ๆ ด้วย
“ว่านมหากาฬ” เป็นของโปรดของเพลี้ยแป้งเลยค่ะ เราใช้น้ำสมุนไพรหนอนตายหยากฉีด ก็พอช่วยได้บ้าง แต่ถ้าลืมฉีดเมื่อไหร่ หงิกเมื่อนั้น
หันกลับมาดูมุมด้านในบ้านมั่ง ตรงบ่ออิฐมอญ ดูแล้วมันแปลก ๆ เนอะแบบว่ามีบ่อโผล่มาดื้อ ๆ โดด ๆ อยู่อย่างเดียว นอกจากนี้ไอ้เจ้ากอปริกหางกระรอกข้าง ๆ ก็เริ่มโอนเอนหาแสง เนื่องจากว่าเป็นช่วงปลายฤดูฝนแล้ว พระอาทิตย์เริ่มอ้อมใต้ ทำให้ได้รับแสงไม่พอ
คิดไปคิดมา เราเลยย้ายปริกใส่กระถางแล้วยัดไว้ในบ่ออิฐมอญ ค่อยหมุนกระถางเพื่อให้เค้าได้รับแสงสม่ำเสมอ จะได้ไม่โอนเอียงฝักใฝ่สีใดสีหนึ่ง (เกี่ยวไรกันเนี่ย)
ขอบบ่อยังว่าง ๆ อยู่เรายกตุ๊กตาดินเผา ตัวเล็กตัวน้อย ที่เหลือในบ้านมาวางตกแต่ง จากนั้นขับรถไปร้านต้นไม้ หากระถางดินเผาลายสวย ๆ มาใส่สับปะรดสีจัดวางไว้ข้าง ๆ ให้ไล่ระดับจากใหญ่มาเล็ก เสร็จแว้วค่อยดูมีเรื่องราวขึ้นหน่อย (แหม ๆ อยากมีเรื่องก็ไม่บอกตั้งแต่ทีแรกเนอะ)
ยกเก้าอี้แขนอ่อนมาวางไว้นั่งฟังเพลงตอนเช้า ๆ
กระถางน้ำล้น เพิ่มเสียงน้ำไหลแบบเบา ๆ ให้สวน (ดูภาพแบบธรรมชาติดิบ ๆ เลยค่ะแบบว่าตะไคร่ตรึม )
หน้ากอหมากแดง คุณแฟนย้ายกระถางน้ำล้นจากฝั่งซ้ายมาตั้ง แล้วไปยกตุ๊กตาควายยิ้มมาวางข้าง ๆ เห็นหน้าไอ้ตัวนี้ทีไร อดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ ควายยิ้มพร้อมลูกสมุนกบแย้ม อิอิ
ข้างกอหมากแดง เราตัดต้นเตยหอมจากหน้าบ้านมาจิ้มไว้สามกิ่ง ตามด้วยฤาษีผสมแคระ ถึงตอนนี้ แทบไม่ต้องซื้อต้นไม้คลุมดินแล้วค่ะ อาศัยตัด ๆ จิ้ม ๆ เอา(เริ่มงก)
“ฤาษีผสมแคระ” เป็นไม้คลุมดินที่โตเร็ว ตัดกิ่งมาจิ้มไว้ ทำลืมๆ สองเดือนผ่านไป ฟูเต็มพื้นที่แล้ว น่ารัก อิอิ
ส่วนหน้ากอหมากผู้หมากเมีย ได้หินกลิ้งมาวางแทน กว่าจะวางได้ระดับนี่เล็งกันตาแทบเหล่ ไม่ได้ระดับเค้าก็ไม่หมุนอีก เยอะเนอะ
สภาพปัจจุบัน ภาพมุมกว้างค่ะ
มองจากบนบ้านอีกซักรูป (ชอบถ่ายรูปมุมสูง ดูอลังดีค่ะ)
มาดูผักสวนครัวกันมั่ง ตอนเริ่มปลูกผัก เราพยายามหาผักที่เราชอบกินมาปลูก จะได้มีกำลังใจกันหน่อย เริ่มจากเพาะแตงกวาไว้ในถุงปุ๋ยเก่า ๆ พอโตแล้วก็เปลี่ยนใส่กระถางดินเผา ยกไปตั้งมุมที่มีแดด ให้เถาเค้าทอดเลื้อยไปตามพื้น แบบว่าทูอินวัน คือเป็นไม้ประดับและกินได้ด้วย แต่กว่าจะได้กินลูกนี่ไม่ง่ายเลยค่ะ เพราะโดนอิเต่าแตงรุมทึ้งตลอด ฉีดน้ำหมักยาเส้นไล่ก็ไม่ยอมไป เฮ้อปวดหัว
ทำแปลงผักไม่ได้ ก็ปลูกใส่กระถางเอาแล้วกัน
เราชอบกินเห็ดค่ะ เลยไปเสาะหาก้อนเห็ดสำเร็จรูปมาลองวางไว้แถวใต้ต้นโมก เห็นมันชื้น ๆ เย็น ๆ คิดว่าน่าอยู่ได้ อาทิตย์เดียวเห็นผล ดอกเห็ดโผล่มาให้ยลโฉม คนกรุงเทบอย่างเรา ปลูกเห็ดกินเองได้นี่มันตื่นเต้นจังวุ้ย ตัดมารวม ๆ กับผักบุ้งที่เราปลูกไว้ในกระถาง ใส่มาม่าได้ชามนึง อร่อยเหาะ
ชุดเห็ดสำเร็จรูปแบบนี้สะดวกสำหรับคนในเมืองมาก แต่ราคาแอบแรงนะ กล่องละ 150 บาท เอิ๊ก ใครสนใจลองเสริชหาคำว่า mushboomkit ดูนะคะ เค้าป่าวเป็นม้านะ แค่ซื้อมาลองเฉย ๆ
ช่วงที่เราจัดสวนมุมนี้ เฝ้าเวบพันทิปทุกวัน กระทู้ไหนมีแจกเมล็ดผักสวนครัวและไม้ประดับ อิชั้นแทบไม่พลาด ถือโอกาศใช้พื้นที่กระทู้นี้ ขอบคุณเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ทุกท่านในห้องต้นไม้ ที่ใจดี เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่
ถึงแม้จะไม่เคยรู้จัก เห็นหน้าค่าตากัน แต่ก็อุตส่าห์เสียสละเวลา มานั่งแพ็คเมล็ดแจก ให้มือใหม่หัดทำสวนอย่างเรา มีเมล็ดพืชมาทดลองปลูก แล้วจะมาตั้งกระทู้ส่งการบ้านให้คุณครูตรวจนะคะ ตอนนี้ขอจัดสวนให้เสร็จก่อน
มอร์นิ่งเหลืองดอกเล็ก ๆ กับฟ้าใส ๆ ยามเช้า
กระทู้นี้ขอไม่บรรยายถึงต้นไม้ที่เราใช้จัดสวนทุกต้น เพราะเยอะเกิน ขอลงรายชื่อไว้คร่าว ๆ อยากทราบรายละเอียดต้นไหน ถามได้นะคะ
ขอแบ่งคร่าว ๆ ตามการใช้งานเป็น 5 กลุ่ม อาจจะไม่ถูกต้องเป๊ะตามข้อมูลทางวิทยาศาสตร์นะคะ
กลุ่มที่ 1 กลุ่มไม้ต้นขนาดเล็ก (เอ…หรือจะเรียกว่าไม้พุ่มขนาดกลางดีนะเนี่ย ชักไม่ค่อยจะแน่ใจ)
ส้มจี๊ดด่าง มะนาวเหลือง (Lemon) เชอรี่สเปน โมก
“ส้มจี๊ด” เป็นต้นไม้ที่คนจีนนิยมซื้อเป็นของขวัญให้กัน ยิ่งเป็นส้มจี๊ดด่างแล้วนี่ เราว่าเหมาะให้เป็นของขวัญมากค่ะ เพราะทั้งใบและผล มีลายด่างสวยเชียว ดอกก็หอม ผลใช้ทำกับข้าวแทนมะนาวได้อีก โวะ อะไรจะเพอร์เฟ็คขนาดนี้นี่ ปัญหาอย่างเดียวคือ ซื้อมาแล้ว จะเลี้ยงได้งาม ออกดอกออกผลเหมือนตอนอยู่กับแม่ค้าได้หรือป่าวเนื่ยซิ ส้มจี๊ดสูง 1 ม. ราคา 400 บาท (ตลาดมีนบุรี) ลูกเค้าลาย ๆ น่ารักดี พาลให้ไม่อยากเก็บมากิน ปล่อยให้สุกเหลืองคาต้นจนร่วงไปเอง
กลุ่มที่ 2 ไม้ประดับเพื่อความสวยงาม
คล้าสเน่ห์ขุนแผน คล้านกยูง เฟิร์นเงิน บีโกเนีย พรมญี่ปุ่น ปริกหางกระรอก ซุ้มกระต่ายเขียว พุดเวียดนาม พุดซ้อนด่าง สาริกาลิ้นทอง ลิ้นกระบือแบบธรรมดาและแบบใบด่าง หมากแดง มะลิลา สังกรณีใบมัน หมากผู้หมากเมีย
“บีโกเนีย” ถ้ารู้ใจเค้าซักนิดก็ดูแลไม่ยากค่ะ (ชอบเครื่องปลูกโปร่ง ๆ ระบายน้ำดีไม่ชอบแฉะ ไม่ต้องรดน้ำบ่อย)
กลุ่มที่ 3 พืชคลุมดิน
ฟ้าประดิษฐ์ ก้ามปูหลุด ดาดตะกั่ว ริบบิ้นแดง ผักเป็ดด่าง หนวดปลาดุกแคระ หลิวเลื้อย
กลุ่มที่ 4 พืชสวนครัว
ผักหวานบ้าน สะระแหน่ กะเพรา โหระพา แมงลัก ปูเล่ ตะไคร้ ผักชีลาว ผักชีใบเลื่อย (ผักชีฝรั่ง) ตำลึง ต้นขจร พริก จิงจูไฉ่ ชะพลู นอกจากนี้ยังมีผักสวนครัวอายุสั้นที่เราทยอยปลูกหมุนเวียนไปเรื่อย ๆ เช่น ผักบุ้ง ผักกาดขาว
“ผักหวานบ้าน” เป็นผักที่น่าปลูกไว้เป็นผักสามัญประจำสวนครัวมากค่ะ เป็นไม้พุ่มเตี้ย ต้นเป็นกอ ปลูกตามรั้วบ้านได้ ใบแก่จะมีลายนวล ๆ ขาว ๆ อยู่กลางใบ เราชอบนะ สวยดี ยอดอ่อน ๆ ก็ทำเป็นกับข้าวได้หลายอย่าง เอาแบบเบสิคสุด คือผักหวานผัดน้ำมันหอย (เอิ๊ก พิมพ์ไปท้องร้องไป) หรือบางที่จะเรียกต้นนี้ว่า “มะยมป่า” เพราะมีลูกคล้ายมะยมห้อยใต้ใบ (แต่จะเปรี้ยวเหมือนมะยมหรือป่าว อันนี้อิฉันยังไม่กล้าลอง) ผักหวานบ้านนี้หน้าตาเค้าจะคล้าย ๆ กับผักหวานป่าแต่จริง ๆ แล้วเป็นคนละพันธุ์กัน
กลุ่มที่ 5 สมุนไพร
ว่านมหากาฬ ฟ้าทะลายโจร แปะตำปึง พญาวานร
สมุนไพรพวกนี้ น่าปลูกติดบ้านไว้ค่ะ ปลูกไม่ยากแถมประโยชน์เยอะ อย่างว่านมหากาฬนี้ ตามตำราบอกว่าใบสด ตำพอกฝีหรือถอนพิษสัตว์เล็ก ๆ เช่นพวกแมลงป่องได้ค่ะ ส่วนตัวยังไม่มีโอกาศได้ลอง และไม่อยากลองด้วย อิอิ
ว่านมหากาฬ ใบลาย ๆ ถ้าปลูกให้เป็นกลุ่ม ๆ ก็สวยดีค่ะ
ก่อนจะลากันไป มาดูบทสรุปส่งท้ายกันว่า หลังจากหลังขด หลังแข็ง ขุดดิน และเกือบ ๆ จะต้องกินแกลบ (เพราะค่าทำหลังคา) สวนนี้ตอบโจทย์ของเราได้มากน้อยแค่ไหน เริ่มจาก
ข้อที่ 1. การเชื่อมพื้นที่สวนบริเวณหน้าบ้าน เข้ากับสวนด้านข้างตัวบ้าน ทางเดินแผ่นศิลาแลง กว้างเมตรยี่สิบ ปูเป็นแนวโค้งๆ นี่ถือเป็นเส้นนำสายตาและเป็นตัวเชื่อมระหว่างสวนหน้าบ้านและหลังบ้านได้เป็นอย่างดี เดินง่าย ไม่ลื่น น้ำไม่ขัง ถือว่าผ่านค่ะ (แต่สวยหรือป่าวไม่รู้)
รูปนี้ถ่ายย้อนจากหลังบ้านไปหน้าบ้าน
ข้อที่ 2. เรื่องความร่มรื่น สวยงาม ก็ถือว่าพอได้อยู่ มีสีสันจากไม้ใบและกลิ่นหอมอ่อนๆของไม้ดอก รวมทั้งมีผีเสื้อ กิ้งก่า จิ้งเหลน แวะเวียนมาให้ดูเล่นเรื่อย ๆ
มุมนี้ได้ต้นหมากผู้หมากเมีย ช่วยเพิ่มสีสัน สีชมพูหวานจับใจจริง ๆ เป็นต้นไม้ที่ปลูกและขยายพันธุ์ง่ายค่ะ
อาจจะดูแหว่งไปบ้าง เพราะต้นไม้ยังโตไม่ได้ระดับ
แต่ถึงจะแหว่งยังไง อิชั้นก็มั่นใจค่ะว่า…ดูดีกว่ารูปนี้เป็นแน่ !
ข้อที่ 3. เรื่องการปลูกผักสวนครัวไว้ทำกับข้าว ให้หันไปดูรอบ ๆ สวนก่อน เห็นสะระแหน่ กะเพรา โหระพา แมงลัก ผักหวาน ตำลึง ผักบุ้ง ปูเล่ ฯลฯ อยู่ตามมุมต่าง ๆ แล้ว ถือว่าผ่านแล้วกัน (แอบเข้าข้างตัวเองนะเนี่ย) ถึงแม้ว่าตอนนี้ปริมาณผักสวนครัวที่ปลูกได้ จะไม่ได้เยอะแยะมากมาย แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการปลูกผักกินเอง
ปูเล่ม่วง กินก็ได้ ดูก็ดี
ยังเหลือมุมหลังบ้านแคบ ๆ ยาว ๆ รกไปด้วยอภิมหาสมบัติ โอ่งอ่างกระถางแตกอีกมุม ไหนจะถังเก็บน้ำอีก จะปิดบังอำพรางอย่างไรดี เอ..หรือว่าจะลองทำเป็นสวนแนวตั้งงงงง…ดีนะ ว่าแล้วก็ขอจบแบบดื้อ ๆ เลยแล้วกัน จะไปหาข้อมูลจัดสวนต่อ ลากันไปด้วยภาพนี้นะคะ (สวนครัวไม่จำเป็นต้องอยู่หลังบ้านเสมอไปก็ได้นะตะเอง)
ครอบครัวหมูหวาน ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการปลูกต้นไม้รับปีใหม่ค่ะ บุ๊ย ๆ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาทักทาย พูดคุยกันนะคะ ขออนุญาตตอบคำถามไว้ตรงนี้นะคะ จะได้เห็นง่าย ๆ ไม่ต้องคลิกดูความเห็นย่อย
ขอขอบคุณข้อมูล และภาพประกอบ : คุณเรือนขวัญ สมาชิก Pantip.com
แสดงความคิดเห็น