รีวิว สร้าง “บ้านนี้เพื่อเธอ” บ้านเดี่ยว 2 ชั้น หลังใหญ่ บนที่ดิน 188 ตร.วา. ใช้งบประมาณ 2.165 ล้านบาท
เอารีวิวการสร้างบ้านมาฝากกันอีกแล้วนะคะ สำหรับบ้านหลังนี้ เป็นรีวิวจากคุณ HoneyMoonBlossom สมาชิก Pantip.com ที่ออกมาเล่าถึงประสบการณ์ การปลูกบ้านด้วยตัวเอง เนื่องจากต้องการขยับขยายที่อยู่อาศัย เพราะว่ามีลูก 2 คน ที่กำลังโตขึ้นเรื่อยๆ เปลี่ยนจากที่อยู่บ้านคุณพ่อ คุณแม่ มาเป็นบ้านของตัวเอง โดยเจ้าของกระทู้ได้ซื้อที่ดินใหม่ ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านเดิม แถมบ้านหลังใหม่ ยังมีพื้นที่กว้างๆ ให้ลูกๆได้วิ่งเล่นด้วย ลองมาชมกันค่ะ
สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ วันนี้เราจะรีวิวบ้านสร้างเองของเราค่ะ
เดิมทีเราอยู่บ้านของแม่ค่ะ แต่พอแต่งงานมีลูกน้อยสองคน บ้านที่อยู่ก็คับแคบลงไปเพราะของใช้และของเล่นลูก ข้อนี้เชื่อว่าทุกบ้านที่มีลูกเล็ก ๆ มักจะประสบปัญหานี้
บ้านเดิมของแม่เราเก่ามาก รีโนเวทไม่ไหว พื้นที่แคบ เรากับสามีเลยตะเวนหาที่ดินที่ใกล้ ๆ บ้านเดิม เพราะไม่อยากเปลี่ยนวิถีชีวิตแบบเดิมมากเกินไป ก็หามาหลายปี ไปดูทั้งบ้านจัดสรร ที่ดินจัดสรร จนสุดท้ายก็ไปที่สำนักงานที่ดินประจำอำเภอ (ลืมบอกไปค่ะ บ้านเราอยู่จังหวัดทางภาคเหนือ ) ก็ถาม ๆ ว่าอยากได้ที่บริเวณตรงไหน ซึ่งเค้าก็แนะนำนายหน้ามา ก็ปรากฏว่าเค้าแนะนำที่อยู่ใกล้บ้านเราแค่ 100 เมตรเอง เป็นที่ที่เรามองข้ามไป เพราะไม่เคยมีป้ายมาปักประกาศขายเลย
สภาพรกมากจนไม่น่าจะมีบ้านคนได้เลย เราถูกใจที่ตรงนี้พอสมควร ก็คุยกันกับสามี ที่ตรงนี้เดิมเป็นที่จัดสรรเก่า แต่ว่า โครงการร้างไปแล้ว
ในโครงการนี้มีที่อยู่หลายแปลงเลยมีเจ้าของอยู่หลายคน ซึ่งบางที่บางผื่นก็หาเจ้าของไม่เจอ เนื่องจากตอนนั้นบริษัทจัดสรรเป็นของคนกรุงเทพมาทำไว้ แล้วก็ขายให้กับพรรคพวกเดียวกัน ต่อมาก็ขายให้ไปอีกหลายต่อหลายมือ
หลังจากที่วางเงินมัดจำจะซื้อจะขายแล้ว ก็เข้าสู่กระบวนการยื่นกู้ เพื่อน ๆ ที่เคยผ่านขั้นตอนนี้ คิดว่าน่าจะจำความรู้สึกได้ว่ามันมีทั้งความตื่นเต้น กังวล ปะปนกันไป
สภาพที่ดินหลังเคลียร์พื้นที่ เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลง
เราเคยมาตั้งกระทู้ถามถึงต้นฉ่ำฉาต้นนี้ด้วย ว่าควรตัดออกหรือปลูกต่อดี ซึ่งมันก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย สรุปเราก็ตัดสินใจตัดออก
เนื่องจากที่ตรงนี้เป็นที่ท้าย ๆ หมู่บ้าน แล้วก็ถนนก็ต่ำกว่าในหมู่บ้าน เวลาฝนตกน้ำมักจะไหลมา แต่ไม่มีทางระบายออก เพราะรูระบายน้ำของที่ดินจัดสรรมันตัน แล้วคลองที่ระบายน้ำออกก็ตื้นเขิน
เรากับแฟนเลยตัดสินใจถมที่ ให้สูงขึ้นจากเดิม 80 เซนติเมตร ที่ดินของเรา 188 ตรว. เจ้าของบ่อดินมาประเมินหน้างาน พร้อมกับแจ้งค่าถมแบบเหมา ซึ่งแบบนี้เราสบายไม่ต้องมานั่งนับคันรถ
ซึ่งบางแห่งนิยมซื้อเป็นคัน ๆ แต่ต้องให้คนมานั่งนับรถดินเข้าออกทั้งวัน เราคิดว่าแบบนี้สบายใจทั้งสองฝ่ายมากกว่าค่ะ
ฤกษ์งามยามดี เราก็ลงเสาเอกค่ะ ทางบ้านเราเรียกว่า ปกบ้าน ก็ไม่มีอะไร เดี๋ยวนี้ทันสมัยติดต่อไปที่ มรรคทายกของวัด ซึ่งจะดูฤกษ์ตลอดจนเตรียมอุปกรณ์ให้ทุกอย่าง เราแค่เตรียมเงิน กับเสื้อของคนในบ้านแต่ละตัวพอ
การใช้ปูนรองพื้นก่อนวางเหล็ก ช่วยให้เหล็กไม่โดนพื้นโดยตรง อนาคตป้องกันการเกิดสนิมกับเหล็กที่คาน
สามีเราทำงานเป็นที่ปรึกษาให้กับโครงการจัดสรรเล็ก ๆ เลยได้มีโอกาสรู้จักผู้รับเหมาอยู่หลายเจ้า แต่เท่าที่ฟังหลักการเลือกผู้รับเหมา เค้าจะเลือกคนที่ทำราคากลาง ๆ ฝีมือพอใช้ แต่สำคัญที่สุดคือคุยง่าย ไม่จุกจิก เพราะงานบ้านมักจะมีงานแก้ไขเสมอ
ช่างใช้ที่ยึดท่อประปาที่เดินตรงพื้นชั้นล่าง ยึดไว้กับคาน ไม่ให้วางพื้น เพราะอนาคตหากดินที่เราถม ทรุดตัวไป ท่อก็ยังอยู่ในระดับเดิมอยู่ ไม่ได้ทรุดไปกับดิน
เริ่มชั้นสองแล้ว เนื่องจากตอนช่วงที่เราหาที่ดินปลูกบ้าน เราก็ไปตระเวนดูบ้านจัดสรรมาด้วย เราก็ไปถูกใจแบบบ้านของหมู่บ้านหนึ่ง เลยได้แบบบ้านของหมู่บ้านนั้นมาเป็นไอเดียในการสร้างบ้าน
สามีเลือกใช้อิฐมอญเพราะราคาไม่สูง คงทน ไม่มีปัญหากับน้ำ ช่วงนี้ก็จะถูกชาวบ้านที่อยู่แถวๆ นี้ถามกันบ่อย ว่าบันไดอยู่นอกตัวบ้านหรือเปล่า
ตอนที่เลือกหลังคา บ้านเดิมสามีออกแบบให้ใช้มุงกระเบื้องซีแพคธรรมดา แต่พอต้องเลือกจริง ๆ สามีกลับชอบกระเบื้องแผ่นเรียบ ก็ต้องมาปรับแบบโครงสร้างหลังคาใหม่ เพราะกระเบื้องแผ่นเรียบต้องใช้ความชันในระดับองศาที่ต่างกัน แล้วกระเบื้องแผ่นเรียบต้องใช้เวลารอจากโรงงานนับเดือน ทำให้งานหลังคาบ้านเราค่อนข้างช้า
เข้าหน้าฝนถึงงานฉาบแล้วแต่หลังคาก็ยังไม่มา สามีก็บอกว่าดีแล้วเพราะจะได้ฉาบเรียบไม่แตก เพราะอากาศร้อน
หลังคามาแล้วค่ะ บ้านเริ่มเป็นรูปร่าง เราว่างานโครงสร้างเนี่ยไว เรารู้สึกว่างานชอบมาชะลอตอนท้ายๆ งานสถาปัตย์มากกว่า
เริ่มทาสีรองพื้นแล้วค่ะ ความงามเริ่มมาเยือน เห็นบ้านที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างทีละนิด เราก็มีความสุข
ลงสีจริงภายนอก เพื่อน ๆ สามารถใช้โปรแกรมลงสีเองได้นะคะ ของ TOA เล่นจนกว่าเราจะชอบใจที่สุด
ตรงที่จอดรถเราจะทำเป็นชั้นเก็บรองเท้ากับชั้นเก็บของค่ะ แล้วก็ต่อเติมที่จอดรถออกไปให้จอดรถได้อีกคนหนึ่ง
หลังจากที่เราไปซื้อหน้าบานเคาน์เตอร์แล้ว เราก็ได้ขนาดมา ที่จะก่อปูนตามแบบ เดี๋ยวท้ายๆ จะมาต่อเรื่องเลือกซื้อหน้าบานตลอดจนเตา ฮู้ดดูดควันนะคะ
กระเบื้องห้องน้ำ เราเลือกลายที่แผ่นใหญ่แต่ราคาถูก เพราะส่วนใหญ่ ถ้ากระเบื้องยิ่งแผ่นใหญ่ ราคาจะยิ่งแพง เราก็เลยเลือกลายนี้ใช้กับห้องน้ำทุกห้อง เพราะยิ่งห้องน้ำมากห้องแล้วใช้มากแบบ ยิ่งทำให้งบบานค่ะ กระเบื้องนี่ชอบแบบไหนก็หยิบแบบบ้านไปที่ศูนย์ขายเลยค่ะ พนักงานก็จะออกแบบให้ว่าจะแปะลายไว้ตรงไหน พร้อมกับคำนวณจำนวนกระเบื้องให้ด้วยค่ะว่าใช้กี่กล่อง เราไปใช้บริการที่ SCG Home Solution
เริ่มปูกระเบื้องแกรนิตโต ชั้นหนึ่งแล้วค่ะ ที่เลือกโทนสีนี้ ไม่มีอะไรมากเลยค่ะ ผู้รับเหมาได้เครดิตที่ร้านนี้ให้เราไปเลือกสี เราก็เลือกสีที่ราคาต่อแผ่นถูกที่สุด อิอิ
เพิ่มลูกเล่นให้กับตัวบ้านด้วยการติดบัวหน้าต่างด้านนอกค่ะ
ภายในบ้านค่ะ ถ่ายจากโถงรับแขกขึ้นชั้นสอง เราชอบบ้านที่เพดานสูงอย่างที่บอกไปแล้ว มันรู้สึกโล่ง อากาศถ่ายเทดี ลืมบอกไปว่า บ้านหลังนี้ สี่ห้องนอน สี่ห้องน้ำค่ะ ส่วนพื้นที่ใช้สอยไม่ทราบจริง ๆ
บนบ้านชั้นสอง เราสองคนก็ศึกษามาพอสมควรว่าจะเอาพื้นอะไรดี ระหว่าง ลามิเนต ปาร์เก้ต์ กระเบื้องยาง สรุปสุดท้ายมาจบที่ ไม้ปาร์เก้ต์ เราเลือกไม้แดงค่ะ เพราะราคาไม่สูงเท่าไม้สัก เป็นไม้เนื้อแข็ง ลายไม้สวย แต่เนื้อออกแดงมากไปหน่อย ทำให้เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ในบ้านยาก ที่เชียงใหม่ มีร้านไม้ให้เลือกหลายร้าน เราเลือกร้านที่อยู่ไกลบ้านออกไป แต่บริการดี พนักงานเข้าใจเรื่องไม้ เนื้อไม้สวย ตอนที่ช่างไม้มาติดพื้น ก็ชมไม่หยุดว่าได้ไม้เนื้อสวยจริง ๆ ชื่อย่อร้านเป็นภาษาอังกฤษนะคะ
ช่างไม้เริ่มปูพื้นด้านบน โดยการปรับพื้นให้เป็นพื้นเรียบ ๆ แล้วทากาวจากนั้นก็ปูไม้ แล้วตรึงไว้ด้วยตะปู ปูทิ้งไว้อาทิตย์หนึ่งค่ะ ถึงจะเริ่มขัดแล้วลงสี
ตอนนี้ช่างต่าง ๆ ก็หยุดทำงานรอให้ช่างไม้เข้าอย่างเดียว เพราะสาเหตุเศษไม้ปลิวตอนขัดนี่ล่ะค่ะ คละคลุ้งไปด้วยเศษไม้
ปรับพื้นตรงที่จอดรถค่ะ เราจะทำพื้นทรายล้าง เลยต้องปรับระดับพื้นด้วย เพราะเป็นดินที่ถมขึ้นมา ระดับความชันต้องเหมาะกับการขับรถขึ้นมาด้วยค่ะ เราค่อนข้างให้ความสำคัญกับที่จอดรถมาก Concept คือ ต้องไม่เปียกฝน เดินเข้าบ้านตอนฝนตกได้
ประตูหน้าบ้าน เราขอสามีว่าช่วยออกแบบเป็นซุ้ม เราอยากปลูกไม้เลื้อย ดอกหอม ๆ ได้เลยค่ะ ตามคำขอ มารู้ตัวอีกทีตอนที่เทปูนปิดพื้นเต็ม ซุ้มมีหลังคาอีกต่างหาก เซ็ง!
ไม้บันไดค่ะ ซื้อจากร้านไม้เดิม เราสามารถไปเลือกไม้เองได้เลยนะคะ ว่าชอบลายไม้แบบไหน อันไหนมีตาดำๆ เราก็ไม่เอา
ชั้นวางรองเท้าค่ะ ก็สามีบอกเอาเหล็กแบบนี้แหละทนดี อืมเอาก็เอา ก็ซื้อเหล็กตะแกรงมาจากร้านขายวัสดุทั่วไปแล้วก็ให้ช่างของผู้รับเหมาทำให้ค่ะ
สุขภัณฑ์ คิดดแทบจะท้าย ๆ แล้วล่ะค่ะ ซึ่งตอนแรกเราก็สงสัยว่าทำไม ถึงยังไม่ติดสักทีถามสามีก็พูดแค่ว่า เค้าติดตอนงานเสร็จนู่น จะถามต่อก็จะหาว่าเซ้าซี้ วันหนึ่งได้โอกาสก็เลยเอ่ยปากคุยกับผู้รับเหมา ลุงก็บอกว่า ถ้าติดก่อน ช่างทุกช่างที่เข้างาน คงใช้กันเละเลย เค้าไม่สนใจหรอกว่าน้ำมีไม่มี สามีได้ทีเลยเล่าให้ฟังว่า เคยต้องเปลี่ยนชักโครกใหม่ให้บ้านลูกค้ารายหนึ่งที่เข้ามาเช็คบ้านแล้วเห็นเศษปูนหนึ่งหยด ข้างในชักโครก
งานเลือกโคมไฟ หลอดไป ก็เป็นงานที่หนักหนาพอใช้ได้เลยค่ะ เดินอยู่หลายอาทิตย์ ดูหลายแห่ง เช็คราคาทั้งโฮมโปร บุญถาวร Lamptitude ร้านค้าทั่วไป แต่ก็มีให้เลือกไม่มากนัก ราคาก็ค่อนข้างสูง เราเลยเลือกดวงโคม ที่ราคาไม่สูงมาก เข้ากับตัวบ้าน ทำเน้น ทำความสะอาดง่าย
ติดบัวกันเปื้อนที่พื้น เราก็เลือกไม้ปลอมแล้วก็ค่อยมาทาสีเอา ไม้บันไดก็ทาสีแล้วค่ะ แต่ก็เต็มไปด้วยฝุ่นแล้ว
ช่างไฟ กำลังติดไฟหน้ารั้วค่ะ อันนี้ซื้อเพราะดีไซน์จริง ๆ ติดแค่สองจุดพอ มันแพง รั้วบ้านสามีใช้เหล็กแบนเพราะกลัวถ้าใช้ไม้เทียมจะไม่ค่อยทน มันหักบ่อยไม่อยากซ่อม ใช้เหล็กก็ทำให้รั้วหนักมาก ต้องใช้รีโมทประตูเอา แต่ทุกวันนี้ยังต้องใช้แรงคนค่ะ งบหมด!!!
การเลือกสุขภัณฑ์ เทคนิคคือ เดินค่ะ ส่วนตัวเราจะไปเดินที่บุญถาวรเพราะมีหลายยี่ห้อ หลายรุ่นที่ตั้งโชว์ไว้ เราก็ดูยี่ห้อที่เหมาะกับเงินในกระเป๋า จริง ๆ คือต้องหาที่เหมาะกับตัวเราคะดีทีสุด
สิ่งแรกที่เราเลือกคือชักโครกค่ะ แฟนเราเป็นคนรูปร่างใหญ่ เพราะฉะนั้นชักโครกต้องนั่งสบาย อันนี้เราเชื่อพนักงานขายว่านั่งสบาย ราคาไม่สูง ไม่มีกลิ่นขึ้นมาเมื่อใช้ไปนาน ๆ ที่นี้ถ้าซื้อชักโครกแล้ว ก็ต้องเลือกอ่างล่างหน้าให้เป็นยี่ห้อเดียวกัน เพราะแต่ละยี่ห้อ สีขาวเหมือนกัน แต่จะคนละเฉด
ส่วนตัวชอบดีไซน์ของยี่ห้อ nahm เก๋ แต่ไม่รู้ว่าจะคงทนหรือเปล่าค่ะ ห้องน้ำทั้งสี่ห้องเราใช้ชักโครกกับอ่างล้างหน้าของ nahm แต่ฝักบัว ก๊อก ใช้ของ COTTO ค่ะ
วิธีการเลือกก็เดินไปดูแล้วก็ให้เค้าเสนอราคามา จากนั้นก็นำใบเสนอราคาไปเช็คราคาหลาย ๆ แห่ง เลือกที่ที่ถูกที่สุดค่ะ
สามีใช้อ่างล้างหน้ากับฝักบัวแบบ ก๊อกผสม คือ สามารถใช้น้ำอุ่น สลับกับน้ำเย็นได้ โดยแค่สลับด้านคันโยก เลยต้องติดเครื่องทำน้ำร้อนไว้ข้างล่างเคาน์เตอร์ห้องน้ำแบบนี้ค่ะ จังหวัดที่เราอยู่อากาศหนาวในฤดูหนาว ห้องน้ำทุกห้องมีเครื่องทำน้ำร้อนค่ะ
ชั้นวางรองเท้าหน้าตาดีพอใช้ รอบานประตูมาติด พื้นทรายล้างก็เรียบร้อย ตอนนี้ภาพอาจจะข้ามไปบ้างนะคะ เพราะยุ่งมากจริง ๆ ช่วงนี้งานใกล้เสร็จแล้ว
โรงเก็บของสามีค่ะ เราเทพื้นปูนหลังบ้านให้เต็มพื้นที่แล้วก็ยกพื้นสูงขึ้นจากเดิมนิดหน่อยเพื่อทำโรงเก็บของค่ะ จริง ๆ ความตั้งใจของสามี คือโรงช่างค่ะ เค้าตั้งใจจะทำเป็นโรงช่างไม้ไว้เล่นกับลูกชายตอนนี้ลูกยังไม่โต เป็นโรงเก็บของ ของมนุษย์แม่ไปก่อนนะ
อย่างที่แจ้งไปในตอนต้น เราไปเลือกเคาน์เตอร์ครัวอยู่หลายเจ้าอยู่ สุดท้ายก็มาจบที่บุญถาวร เพราะ Smart Kitchen มีหน้าบานที่ออกแบบรองรับกับชั้นวางต่าง ๆ อย่างเหมาะเจาะ
เราเคยไปดูที่โฮมโปร เคยให้เค้าเสนอหน้าบ้าน King แต่ข้างในเราต้องติดชั้นวางของ HAFELE แต่มันจะไม่พอดีต้องเสริมไม้อัดด้านข้าง ราคาที่บุญถาวรราคาจะสูงหน่อยแต่เหมาะกับคนขี้เกียจหาแบบเรา
เราเลือกฮู้ด เตา แล้วก็อ่างล้างจานของ HAFELE เพราะฮู้ดตั้งเวลาปิดได้ แล้วด้านข้างของเตามีขอบ ๆ อลูมิเนียม เพื่อความสวยงาม
ตรงนี้คือถ่ายจากห้องโถงมานะคะ ข้างหน้านี้ตั้งใจจะวางโต๊ะกินข้าวค่ะ หน้าต่างกระจกเชื่อมกับห้องครัว มีบานประตูกระจกกั้นค่ะ ผนังทาสีเทาให้มีลูกเล่น โคมไฟจาก Lamptitude ค่ะ
โคมไฟโถงบันได Lamptitude เหมือนกันค่ะ ซื้อช่วงลดราคา เราทำหน้าต่างบันไดเป็นช่องเล็ก ๆ เพราะไม่อยากติดม่านค่ะ
ทางเดินชั้นสอง ตรงนี้ถกเถียงกับแฟนนาน แฟนอยากได้ราวกันตกเป็นกระจก แต่เราไม่อยากทำความสะอาด งานนี้เราชนะค่ะ ถึงแม้ดูไม่โมเดิร์นแต่เหมาะกับเรา
หน้าห้องน้ำชั้นสอง มองออกมาจะเจอโถงหน้าบ้านกับประตูห้องนอนใหญ่ค่ะ
ห้องนอนใหญ่ค่ะ
ในห้องนอนใหญ่ เราอยากได้ตู้เสื้อผ้าแบบ Walk In ตั้งใจจะทำบานเลื่อนตรงใต้แอร์ แต่งบหมด ไว้ค่อยทำทีหลัง ตอนนี้เลยเป็นแบบนี้ไปก่อน
เราเลือกใช้ built in ของ SB เพราะสามารถเลือกแบบหน้าบาน ตลอดจนข้างในตู้ว่าชอบแบบไหน ราคาค่อนข้างสูงแต่ก็คุณภาพก็สมราคาค่ะ ข้างในเป็นสีเทา สวย หรู เราเลือกหน้าบานที่ราคาถูกที่สุด มีหลายแบบค่ะ
มาถึงขั้นตอนท้าย คือ ติดผ้าม่าน เราให้ร้านผ้าม่านมาดูอยู่หลายเจ้า แต่ราคาแต่เจ้าคือ แทบจะเท่ากันเลย ต่างกันหลักร้อย ดังนั้นสิ่งที่เราตัดสินใจก็คือไอเดียของร้านผ้าม่าน ว่าจะใช้วัสดุ ลายผ้า ยังไงให้บ้านเราดูดี
ร้านวิชัยผ้าม่านสาขา 2 เราหาได้โดยบังเอิญจากใน Face Book เจ้าของร้านน่ารัก บริการดี
ทางขึ้นบันได เจ้าของร้านแนะนำว่าอย่าใช้เป็นผ้าเลย เพราะมันจะเกะกะทางเดิน เค้าแนะนำใช้มู่ลี่ไม้
ห้องนอนใหญ่ค่ะ
ตอนนี้เราย้ายเข้าบ้านได้มา 1 เดือนแล้วละคะ รู้สึกมีความสุขปนกับความวุ่นวาย เรากับสามีทำงานทั้งคู่ ลูกก็ต้องเลี้ยงเอง บ้านเลยยังไม่เรียบร้อยเท่าไร
ตู้เก็บรองเท้าได้หน้าบานมาติดแล้ว ก็กลายเป็นที่เก็บของจากบ้านเก่า รอการคัดแยกและจัดเรียง
มองดูรูปนี้แล้ว ช่างแตกต่างจากก่อนที่จะมาสร้างบ้านตรงนี้อย่างสิ้นเชิง
บ้านหลังนี้ จากน้ำพักน้ำแรงสามีและเรา
นึกว่าอีกหลายปี ที่จะต้องผ่อน แต่เพื่อคนที่เรารัก เราก็ต้องฮึดสู้
“บ้านนี้เพื่อเธอ”
สรุปให้เป็นตัวเลขกลม ๆ เท่าที่จำได้นะคะ (จขกท.เก็บบิลไว้ในกล่องค่ะ แต่ยังไม่ได้รวบรวมสรุป เอาคร่าวๆ )
- งานบ้านที่จ่ายให้กับผู้รับเหมา – 1,750,000 บาท
- เฉพาะดวงโคมทั้งหมด 90,000 บาท
- ไม้พื้นชั้น 2 รวมไม้บันได – 75,000 บาท
- สุขภัณฑ์ห้องน้ำ 4 ห้อง – 125,000 บาท
- ค่าดินถม 90,000 บาท
- พื้นทรายล้าง 35,000 บาท
- จขกท.กู้แบงค์ได้ 1,840,000 บาทค่ะ ซึ่งมันเป็นราคากลางที่ประเมิน เราก็ตัดรายการที่เราอยากซื้อเองออก แล้วเอามาซื้อเองเพิ่มเงิน ก็จะได้ของที่เราอยากได้ค่ะ
- เราค่อนข้างจะควบคุมงบประมาณได้ แต่ทั้งนี้เราต้องมีเงินสำรองไว้ด้วยนะคะ ในกรณีที่เราต้องการเสปคของที่สูงกว่าราคาประเมิน
- จขกท. เสียเงินค่าเลี้ยงคนงานตั้งแต่เริ่มลงมือก่อสร้างจนเสร็จ ไม่ถึง 200 บาทค่ะ ซึ่งทางเหนือบางบ้าน มักจะปลูกบ้านบนที่ดินเดิม ก็มักจะมีน้ำใจแบ่งปัน ทำอาหารเลี้ยง น้ำดื่ม ฯลฯแต่เราทำงานประจำนานๆ วันหยุดถึงจะซื้อ M100 มาให้คนงานค่ะ ซึ่งตรงนี้ทำให้งบไม่บานปลาย ในความคิดเรา*แต่ข้อเสียของการไม่มีคนเฝ้าหน้างานก็มีนะคะ เช่น ขยะค่ะ มีทุกวัน ขวดน้ำ ก้นบุหรี่ ช่างหลังคามามุงหลังคา ทิ้งกระดาษโฟมที่รองหลังคาเกลื่อน ผู้รับเหมาก็จะมาเก็บให้ทีเดียวตอนเสร็จงาน แต่มันก็ไม่สบายตาเวลาที่เราเห็น
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : คุณ HoneyMoonBlosso สมาชิก Pantip.com
แสดงความคิดเห็น