ถนนวิทยุเป็นถนนเส้นสำคัญโซน CBD ชั้นในที่เต็มไปด้วยอาคารสำนักงาน ศูนย์รวมห้างสรรพสินค้าชั้นนำและโรงแรมที่พัก มีการคมนาคมขนส่งที่สมบูรณ์พร้อม ทั้งยังอยู่ใกล้รถไฟฟ้า BTS เพลินจิต, MRT ลุมพินี และยังอยู่ใกล้ทางด่วน ทำให้เดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวกสบายทั้งคนใช้รถไม่ใช้รถค่ะ
ทำให้บนถนนวิทยุมีออฟฟิศระดับไฮเอนด์ เป็นแหล่งที่ตั้งของบริษัทชั้นนำของโลกมากมายที่เช่าพื้นที่ตั้งอยู่ที่นี่ พร้อมสถานฑูตอีกถึงกว่า 19 แห่ง ซึ่งถือว่าเป็นทำเลที่มีสถานฑูตมากที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย บริเวณถนนวิทยุจึงกลายเป็นที่อยู่อาศัยระดับ Luxury ที่มีโครงการคอนโดมิเนียมระดับราคาสูงที่สุดในประเทศอยู่หลายโครงการทีเดียว
และ Sky Bar คือมีทั้งพื้นที่เพื่อใช้ในการคุยงาน และพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ พิเศษคือมีห้องเก็บของให้เช่าเพื่อเก็บของเพิ่มได้ด้วย พร้อมสัญญาณ Wifi ในพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ 24 ชั่วโมง เป็นต้น
มาพร้อมกับการออกแบบพื้นที่ภายนอกและภายในที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร มูลค่าโครงการรวม 7,900 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยที่ 155,000 บาท/ตร.ม. หรือราคาเริ่มต้นที่ 4.19 ล้านบาท ซึ่งนับว่ามีราคาเริ่มต้นต่ำที่สุดบนถนนวิทยุตอนนี้เลยทีเดียว
คอนโด LIFE ทำเลอื่นๆ ที่น่าสนใจ…
LIFE พระราม 4 – อโศก
LIFE ลาดพร้าว – แวลลีย์
LIFE สาทร เซียร์ร่า
LIFE อโศก ไฮป์
LIFE อโศก – พระราม 9
LIFE One Wireless
LIFE ลาดพร้าว
ชื่อโครงการ
Life ๑ Wireless (Life One Wireless)/ไลฟ์ วัน ไวเลส
เจ้าของโครงการ
AP THAILAND
เนื้อที่ทั้งหมด
จำนวนตึก
1 อาคาร
จำนวนชั้น
43 ชั้น
จำนวนห้อง
ยูนิตที่พักอาศัย 1,344 ยูนิต
ลักษณะห้องและขนาดห้อง
Studio ขนาด 24 – 28 sq.m. 1 Bedroom ขนาด 35 – 43 sq.m. 2 Bedrooms ขนาด 45 – 63 sq.m.
ที่จอดรถทั้งหมด
566 ไม่รวมซ้อนคัน คิดเป็น 42% ของจำนวนยูนิตโครงการ
จำนวนลิฟท์
ลิฟต์โดยสาร 7 ตัว ลิฟต์บริการ 1 ตัว
โซน
ถนนวิทยุ
ขนส่งสาธารณะ
รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว สถานีเพลินจิต
รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน สถานีลุมพินี
ทางด่วนเฉลิมมหานคร
ท่าเรือวิทยุ
รถโดยสารที่ผ่าน
n/a
ที่ตั้ง
ถนนวิทยุ แขวง ลุมพินี เขต ปทุมวัน กทม.
กำหนดการ
Presale 29 ก.ค.2560
ปีที่สร้างเสร็จ
ปลายปี 2562
ราคา
เริ่มต้น 4.19 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม
เริ่มต้น ประมาณ 155,000 บาท/ ตร.ม.
ค่าส่วนกลางและกองทุน
ค่าส่วนกลาง 50 บาท/ตร.ม.
เงินกองทุน 500 บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียววันโอนกรรมสิทธิ์)
สถานที่สำคัญใกล้เคียง
BDMS Wellness Center : 20 ม.
Central embassy : 450 ม.
Central Chidlom : 800 ม.
Gaysorn Plaza : 1.3 กม.
Siam Paragon : 2 กม.
Siam Square One : 2 กม.
Siam Center : 2.1 กม.
Siam Discovery : 2.4 กม.
Robinson อโศก : 2 กม.
Terminal 21 : 2.1 กม.
Park Venture : 550 ม.
Wave Place : 450 ม.
อาคารมหาทุน 600 ม.
All season place : 1 กม.
อาคารสินธร : 1.4 กม.
สถานฑูตอังกฤษ : 300 ม.
สถานฑูตสวิสเซอร์แลนด์ : 260 ม.
สถานฑูตเวียดนาม : 850 ม.
สถานฑูตอเมริกา : 1.3 กม.
สถานฑูตญี่ปุ่น : 2.1 กม.
ร.ร.มาแตร์เดอี : 1 กม.
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย : 3 กม.
รพ.ตำรวจ : 1.4 กม.
รพ.บำรุงราษฎร์ : 1.4 กม.
สวนลุมพินี : 1.6 กม.
สวนเบญจสิริ : 2.7 กม.
สิ่งอำนวยความสะดวก
Lobby
Co-Working Space
Library
One Wireless Botany
Parking
Cascade Garden
Social Club
Theatre Lounge
SUANA
High Garden Promenade
The Vista Deck
Fitness
Dazzling Pool
Sky Bar
จุดเด่นของโครงการ
Life One Wireless คอนโดใหม่ทำเลหรูติดถนนวิทยุ ใกล้ Central Embassy และ BTS เพลินจิต ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วน ใกล้โรงแรม,โรงเรียน, โรงพยาบาล, สถานฑูต และใกล้แหล่งอาคารสำนักงานใหญ่มากมาย มีความสะดวกสบายและอุดมสมบูรณ์สูง ในราคาเริ่มต้นที่ 4.19 ล้านบาท
คอนโด BTS เพลินจิต / คอนโดติดรถไฟฟ้า BTS เพลินจิต
คอนโดใกล้ BTS เพลินจิต
ที่ตั้งโครงการ
ถนนวิทยุ แขวง ลุมพินี เขต ปทุมวัน กทม.
พิกัด google map : 13.747864, 100.548372
โครงการ Life One Wireless ตั้งอยู่ติดถนนวิทยุ ซึ่งเป็นถนนเก่าแก่ใจกลางเมืองที่มีมูลค่าสูงและโดดเด่นที่สุดในกรุงเทพ ซึ่งตัวถนนวิทยุมีระยะทางเพียง 2.6 กิโลเมตรเท่านั้น เป็นถนนที่เชื่อมระหว่างถนนเพชรบุรี-สุขุมวิท-เพลินจิต-พระราม 4-สาทร โดยถนนวิทยุ เป็น CBD ชั้นใน ศูนย์กลางย่านธุรกิจ ที่รวบรวมสถานทูตและสถานกงสุลมากมาย แหล่งรวมศูนย์การค้าท่ีมีมูลค่ามหาศาล อาคารสำนักงานที่ราคาสูงที่สุดในประเทศ และการคมนาคมที่มีความสะดวกสบายสูงทั้งคนใช้รถส่วนตัว และใช้รถสาธารณะ
จึงทำให้ถนนวิทยุเป็นโซนที่อยู่อาศัยระดับ Luxury ที่สุดในประเทศ และที่ดินติดถนนวิทยุแบบนี้นับว่าหายากมาก คอนโดโซนนี้ปัจจุบันราคาเฉลี่ยต่อตรม.พุ่งไปที่ 250,000 – 600,000 บาทไปแล้ว และมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆแปรผันตามมูลค่าที่ดินที่แทบไม่เหลือให้สร้างโครงการใหม่ๆแล้วนั่นเอง
รายละเอียดของทำเลและศักยภาพของโครงการในด้านต่างๆจะมีอะไรบ้าง เดี๋ยวเราพาไล่ดูกันไปทีละเรื่องเลยค่ะ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ จุดเด่นอีกอย่างของโครงการ Life One Wireless คือการเดินทางที่สะดวกสบายสูง ที่ดินโครงการอยู่ติดท่าเรือวิทยุ เ ลย ซึ่งเป็นท่าเรือที่ตั้งอยู่บนคลองแสนแสบ มีบริการเรือด่วนโดยต้นสายเริ่มตั้งแต่สะพานผ่านฟ้า ไปสิ้นสุดที่วัดศรีบุญเรือง สามารถนั่งไปไหนมาไหนโดยเลี่ยงรถติดได้ดีค่ะ
โครงการอยู่ที่ห่างจาก BTS เพลินจิต ประมาณ 600 ม. ซึ่งจะอยู่ตรงปากซอยโครงการติดถนนเพลินจิตและสุขุมวิทพอดี มีทางเดินเท้าสะดวกตั้งแต่หน้าโครงการยาวมาจนถึงบันไดทางขึ้นสถานีเลย ทำเลแบบนี้ดีกว่าอยู่ติด BTS เลยด้วยซ้ำ เนื่องจากอยู่ในโซนที่สงบแต่เต็มไปด้วยธรรมชาติ แต่เดินในระยะสั้นๆเพียง 600 เมตร ถึงรถไฟฟ้าและใจกลางเมืองที่เต็มไปด้วยอาคารสำนักงาน ห้างใหญ่และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย
หน้าโครงการโบกเรียก Taxi ได้สะดวกมีวิ่งผ่านหลายคันเลยค่ะ วินมอเตอร์ไซค์ก็อยู่ห่างโครงการประมาณ 60 เมตร เดินมานิดเดียวก็นั่งไปรถไฟฟ้าได้ ราคา 10 บาทเท่านั้น รถเมล์ต้องออกมาเส้นสุขุมวิท หรือจะเส้นเพชรบุรีก็มีวิ่งผ่านหลายสายทั้งเข้าและออกเมืองวิ่งเกือบทั้งคืน จัดว่ามีตัวเลือกในกรเดินทางหลากหลายดี ไม่ต้องมีรถส่วนตัวก็อยู่โครงการนี้ได้สบายๆ
ทั้งยังสามารถเชื่อมต่อไป Airport Link มักกะสัน ได้จากท่าเรือวิทยุไปท่าเรืออโศก หรือจะนั่งแท็กซี่ไปก็ใกล้เพียง 1.7 ก.ม. หรือนั่งรถไปเพียง 4 นาทีเท่านั้น ทำให้บรรดา Expat สามารถเดินทางได้อย่างสะดวก ทั้งการทำงานและการท่องเที่ยวไปยังต่างจังหวัด รวมถึงคนที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆด้วยค่ะ นั่งไปสนามบินสุวรรณภูมิได้รวดเร็วจากแอร์พอร์ทลิงก์โดยไม่ต้องเจอรถติดบนถนนใหญ่
จากแผนที่ด้านบนจะเห็นว่า ทำเลโครงการ Life One Wireless รอบๆเต็มไปด้วยห้างใหญ่สุดหรู,โรงแรมห้าดาว, สถานฑูตและอาคารสำนักงานที่มีชื่อเสียงมากมาย นี่เราแค่ใส่ชื่อโรงแรมและอาคารสำนักงานบางส่วนมาเท่านั้นนะคะ เนื่องจากถนนวิทยุและเพลินจิตเป็นพื้นที่ CBD ชั้นในที่ราคาสูงที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และตัวทำเลบนถนนวิทยุเองด้วยซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมความเจริญและสิ่งอำนวยความสะดวกเองในตัวอยู่แล้วโดยข้อได้เปรียบของทำเลคือสามารถเดินทางไปยังแหล่ง CBD ต่างๆ อย่างสยาม ชิดลม สาทร สีลม พร้อมพงษ์ ทองหล่อ ได้ง่ายดายเนื่องจากอยู่ในใจกลางเมืองด้วยกันอยู่แล้ว จากรถไฟฟ้า BTS สถานี เพลินจิต นั่งไปเพียงสถานีสองสถานีก็ถึง สยาม หรืออโศก หรือสีลม สาทร แล้ว ทำเลนี้ยังมีพื้นที่อาคารสำนักงานทั้งขนาดกลาง และขนาดใหญ่ที่รวมกันมากกว่า 700,000 ตารางเมตรอีกด้วย
มีอะไรเด่นๆบนถนนวิทยุใกล้โครงการบ้างมาดูกันเลยค่ะ
เริ่มจากฝั่งตรงข้ามโครงการ Life One Wireless กันก่อนเลย ตรงข้ามโครงการเป็นศูนย์สุขภาพครบวงจร ของ BDMS (เครือรพ.กรุงเทพ) หรือ BDMS Wellness Center ซึ่งปีที่แล้ว (2559) ตกเป็นข่าวฮือฮาของประเทศ ที่เครือ BDMS เข้าซื้อโรงแรมเก่าแก่อายุ 33 ปี สวิส โฮเต็ล ปาร์ค นายเลิศ ด้วยเม็ดเงินสูงถึง 10,800 ล้านบาท จากตระกูล “สมบัติศิริ” และเตรียมงบลงทุนอีกกว่า 2,000 ล้านบาท พัฒนาที่ดิน 15 ไร่ใจกลางกรุงแห่งนี้ ที่ดินโรงแรมปาร์ค นายเลิศ ฝั่งตรงข้ามโครงการนี้ ถูกขายไปในราคาตร.ว.ละ 1.8 ล้านบาท ซึ่งถือว่าอยู่ในเรตมูลค่าสูงที่สุดในประเทศต่อ ตร.ว. รวมกับสิ่งปลูกสร้าง ทั้งอาคารเพอเมอนาร์ด อาคารสต๊าฟ แคนทีน เนื้อที่มากกว่า 60,000 ตารางเมตร และอาคารโรงแรม เพื่อสร้างอาณาจักรศูนย์สุขภาพแบบครบวงจร BDMS Wellness Clinic โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปีนี้ค่ะ (2560)
เมื่อ ศูนย์สุขภาพครบวงจร สร้างเสร็จโครงการ Life One Wireless ก็จะมีมูลค่าสูงขึ้นไปอีกค่ะ เพราะนอกจากผู้ที่ต้องการลงทุนปล่อยเช่ากลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ Expat ของย่านนี้ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและเป็นกลุ่มเป้าหมายของคนที่ซื้อคอนโดในใจกลางเมืองเพื่อปล่อยเช่าทั่วไปแล้ว ยังมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นบุคลากรจากศูนย์สุขภาพครบวงจรไม่ว่าจะเป็นคุณหมอ พยาบาล และที่ปรึกษาด้านสุขภาพต่างๆ รวมทั้งกลุ่มผู้สูงอายุที่เกษียณอายุชาวต่างชาติ ที่ต้องการทำเลที่สะดวก ใกล้โรงพยาบาล ใกล้ห้าง โครงการ Life One Wireless ก็จะเป็นโครงการที่ตอบโจทย์ทำเลที่สุดสำหรับคนกลุ่มนี้เพราะอยู่ฝั่งตรงข้ามกันเลยนั่นเอง
เทียบให้ดูชัดๆว่าระหว่างรพ.ทั่วไป (Current Services) กับศูนย์สุขภาพครบวงจร (BDMS Wellness Center) นั้นต่างกันยังไง ..จะเห็นว่าศูนย์สุขภาพครบวงจรมีโปรแกรมการตรวจและเครื่องมือที่ครบถ้วนกว่านะคะ ที่น่าสนใจคือโปรแกรมการตรวจสุขภาพและดูแลรักษาแบบครบทุกด้าน ตั้งแต่โปรแกรมวางแผนรักษาสุขภาพอย่างยั่งยืนที่ช่วยให้ยืดอายุขัยได้ โดยมีทรีทเม้นท์คอร์สที่คำนวณและวิเคราะห์เฉพาะบุคคล ไม่ว่าจะเป็นด้านการกิน การออกกำลังกาย และการบำรุงรักษาร่างกายในด้านต่างๆที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน, โปรแกรมเกี่ยวกับสุขภาพสมองที่มีบุคลากรเป็นแพทย์ด้านประสาทวิทยาระดับโลกคอยให้บริการอยู่ และอีกอย่างที่เครือ BDMS มีชื่อเสียงมานานคือพนักงานบริการที่เป็นมืออาชีพและมีคุณภาพสูง
ถัดออกมา 450 เมตรจากโครงการ Life One Wireless คือห้าง Central Embassy ห้าง Flagship เรือธงของเครือ Central มาในอาคารรูปทรง Infinity จัดเป็น Landmark แห่งใหม่ที่สำคัญของย่านเพลินจิตและถนนวิทยุเลยค่ะ ภายในนอกจาก Shop หรูน่าตื่นตาจากทั่วโลกมารวมกันอยู่แล้ว ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆมากมาย ทั้งโรงหนัง, ร้านอาหาร, ร้านขนมเกร๋ๆ มารวมไว้เยอะ น่าทานทุกร้าน และออกแบบมาล้ำมาก ยาวไปถึงห้องน้ำหินอ่อนสีขาวสุดหรูภายในเลย ก็เป็นห้างที่บรรดาดารา นักแสดง และเซเลบชื่อดังในไทยส่วนใหญ่นิยมเดินกัน โดยขยายวงมาจากห้าง Central ชิดลม ที่ตั้งอยู่ติดกัน โดยมีทางเดินเชื่อมต่อกันได้นั่นเอง เนื่องจากเซ็นทรัลชิดลมเป็นห้างนึงในเครือเซ็นทรัลที่มียอดจับจ่ายสูงสุดมาช้านาน เพราะมีกลุ่มลูกค้าระดับบนอยู่มาก
นอกจากนี้ จากรถไฟฟ้า BTS เพลินจิต ใกล้โครงการ นั่งมาเพียง 1 สถานี หรือ 2 สถานี จะมีห้างใหญ่ใจกลางเมืองติดสถานีอยู่มากมาย นั่งมา 1 สถานีลงสถานีชิดลม มีทั้งห้างเกษร, Central World และมีสกายวอล์คเดินต่อมาสยามพารากอน, สยามดิสคัฟเวอรี่, สยามเซ็นเตอร์ และสยามสแควร์วัน ได้ ถ้าไม่อยากเดินนั่งรถไฟฟ้าจากเพลินจิตมา 2 สถานีก็ถึงสถานีสยามแล้วค่ะ และจาก BTS สถานีเพลินจิต นั่งไ 2 สถานีถึงห้าง Robinson อโศก, Terminal 21 ที่แยกอโศก
นอกจากถนนวิทยุจะเป็นถนนที่มีสถานฑูตและกงศุลมากที่สุดในประเทศไทยแล้ว ยังเป็นถนนเส้นที่เต็มไปด้วยอาคารสำนักงานที่มีชื่อเสียงมากมายค่ะ ไม่ว่าจะเป็น Park Venture, มหาทุน, All Seasons Place และ อาคารสินธร โดยในภาพด้านบนเป็น Park Venture หนึ่งในแลนด์มาร์กของถนนเพลินจิตและถนนวิทยุนี้(ปัจจุบันเป็นหนึ่งในอาคารสำนักงานที่มีราคาแพงที่สุดในประเทศไทยด้วยค่ะ) ด้วยดีไซน์อาคารที่โฉบเฉี่ยวเฟี้ยวฟ้าว ด้วยสถาปัตยกรรมที่ได้รับแรงบันดาลจาก การประนมมือไหว้ และดอกบัว สะท้อนถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยอันงดงาม อันแฝงด้วยความทันสมัย และมีระดับแล้ว
คุณสมบัติของปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์ “Park Ventures – The Ecoplex” ที่แตกต่างจากอาคารทั่วไป จนผ่านมาตรฐาน ลีด (Leadership in Energy and Environmental Design : LEED) ระดับสูงสุดมาได้ คือต้องมีพื้นที่สีเขียวถึง 25% ของพื้นที่ทั้งหมด สำหรับวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง ทางลีด ก็จะกำหนดมาว่า ต้องใช้วัสดุอะไร ซึ่งเราต้องมาจัดสมดุลในด้านงบประมาณ และความคุ้มค่าของพลังงานที่ลดได้ โดยใช้แนวคิดทุกวัสดุอุปกรณ์ที่เราเลือกใช้ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมระดับสูงสุดอีกด้วย เป็นอาคารที่น่าสนใจมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศทั้งในแง่ของรูปลักษณ์และฟังก์ชั่นอาคารเลยค่ะ
ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของทำเลและความมีระดับของถนนวิทยุ อันนี้รวมเรื่องความปลอดภัยด้วยนะ เพราะเป็นถนนที่มีสถานฑูตและกงศุลประเทศต่างๆเยอะที่สุดในประเทศไทย การควบคุมดูแลเรื่องความปลอดภัยจึงมากตามไปด้วย ทำให้โซนนี้มีคอนโดมิเนียมระดับ Luxury ผุดขึ้นมามากมาย ด้วยราคาเฉลี่ยตร.ม. ละ 250,000 – 300,000 บาทขึ้นไปกันหมดแล้ว ส่วนในภาพบนคือภาพจากโครงการ 98 WIRELESS ซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านพักเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันนี้เป็นคอนโดมิเนียมที่มีราคาสูงที่สุดในประเทศ ด้วยราคาขายเฉลี่ยปัจจุบันที่พุ่งไปที่ 725,000 บาทต่อตารางเมตร โดยมีตั้งแต่ขนาด 2 – 4 ห้องนอน เริ่มต้นที่ 70 ล้านบาท ไปจนถึงเพ้นท์เฮ้าส์ และซุปเปอร์เพ้นท์เฮ้าส์ หรือที่เรียกว่า “The One” ซึ่งตั้งอยู่ชั้นสูงสุดของโครงการ “ราคายูนิตละ 650 ล้านบาท” ซึ่งยอดจอง ตอนนี้ เกิน 50 % ไปแล้วค่ะ
อีกจุดเด่นของถนนวิทยุคือความร่มรื่นและเขียวชอุ่มของต้นไม้สองฝั่งข้างทาง และ สวนลุมพินี สวนสาธารณะใจกลางเมืองขนาด 360 ไร่ ติดถนนวิทยุ ซึ่งจากโครงการ Life One Wireless มาสวนลุมฯมีระยะทางประมาณ 1.6 กม. สามารถนั่งวินมอเตอร์ไซค์ 15 บาทหรือเดินออกกำลังกายมาถึงได้เลย เนื่องจากทางเท้าโซนถนนวิทยุกว้าง ปลูกต้นไม้ไว้ร่มรื่น และเดินไปมาได้ง่าย จากบริบทของเมืองแล้ว สวนลุมพินีก็เหมือนกับเซ็นทรัลพาร์คในนิวยอร์คค่ะ คือเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ที่เต็มไปด้วยต้นไม้อายุกว่าร้อยปีที่ร่มรื่น เป็นจุดเด่นสำคัญอีกจุดที่เพิ่มมูลค่าให้กับที่ดินโซนวิทยุให้มีราคาสูงขึ้นไปอีก
สถานที่สำคัญใกล้เคียงโครงการ
BDMS Wellness Center : 20 ม.
Central embassy : 450 ม.
Central Chidlom : 800 ม.
Gaysorn Plaza : 1.3 กม.
Siam Paragon : 2 กม.
Siam Square One : 2 กม.
Siam Center : 2.1 กม.
Siam Discovery : 2.4 กม.
Robinson อโศก : 2 กม.
Terminal 21 : 2.1 กม.
Park Venture : 550 ม.
อาคารมหาทุน : 600 ม.
Wave Place : 450 ม.
All season place : 1 กม.
อาคารสินธร : 1.4 กม.
สถานฑูตอังกฤษ : 300 ม.
สถานฑูตสวิสเซอร์แลนด์ : 260 ม.
สถานฑูตเวียดนาม : 850 ม.
สถานฑูตอเมริกา : 1.3 กม.
สถานฑูตญี่ปุ่น : 2.1 กม.
ร.ร.มาแตร์เดอี : 1 กม.
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย : 3 กม.
รพ.ตำรวจ : 1.4 กม.
รพ.บำรุงราษฎร์ : 1.4 กม.
สวนลุมพินี : 1.6 กม.
สวนเบญจสิริ : 2.7 กม.
ที่ตั้งโครงการ Life One Wireless ติดถนนวิทยุ ซึ่งเช่ือมระหว่างถนนเพชรบุรี-สุขุมวิท-เพลินจิต-พระราม 4-สาทร โดยที่ตั้งโครงการจะอยู่ส่วนตอนบนสุดของถนนวิทยุ ซึ่งเชื่อมกับถนนเพชรบุรีและถนนเพลินจิตนะคะ เนื่องจากถนนวิทยุตอนบนเป็นถนนแบบ One way บังคับวิ่งทางเดียวจากฝั่งสุขุมวิทมาถนนเพชรบุรีเท่านั้น ถ้ามาจากเส้นสุขุมวิท ตรงเพลินจิตก็วิ่งเข้าโครงการได้ปกติ แต่ถ้ามาจากเส้นเพชรบุรีต้องเลี้ยวเข้าซอยชิดลมเป็น One way เหมือนกันเพื่อเข้ามาจากฝั่งถนนเพลินจิตแล้ววิ่งเข้าโครงการค่ะ ถ้าออกจากโครงการมา จะมาถนนเพชรบุรี เลี้ยวซ้ายไปทางถนนชิดลม, ราชดำริ เลี้ยวขวาไปทางด่วนเฉลิมมหานคร และสี่แยกอโศก – เพชรบุรี
เป็นโครงการที่คนใช้รถไปไหนมาไหนได้สะดวกมากค่ะ โดยเฉพาะในเมืองเพราะอยู่ใจกลางเมืองอยู่แล้ว ไปไหนก็ใกล้ และมีระยะขับรถช่วงสั้นๆทั้งนั้น แต่ถนนบางเส้นจะเป็น One way อย่างที่เห็นลูกศรในแมพด้านบน ซึ่งต้องศึกษากันก่อน เพราะถ้าเข้าผิดเลนก็วนกันยาวหน่อย ส่วนเรื่องการจราจรจะหนาแน่นมากในช่วงเวลาเร่งด่วน ไปไหนมาไหนต้องเผื่อเวลากันดีๆค่ะ
การเดินทางออกนอกเมือง ใช้เส้นสุขุมวิทวิ่งยาวออกไปจนถึงพระโขนง อ่อนนุช บางนา สมุทรปราการ หรือจะใช้เส้นเพชรบุรีก็วิ่งออกไปโซนเดียวกัน แต่จะมีเพิ่มไปรามคำแหง พัฒนาการ เส้นพระรามที่ 1 วิ่งไปทางเขตพระนคร ไปปากคลองตลาด ข้ามสะพานพระปกเกล้าไปวงเวียนใหญ่ได้
หรือถ้าใช้เส้นเพชรบุรีวิ่งออกไปทางแยกราชเทวีจะไปเชื่อมสะพานพระรามแปด ปิ่นเกล้า ออกบรมราชชนนี พุทธมณฑล จากแยกประตูน้ำวิ่งไปราชปรารภไปเชื่อมออกวิภาวดีรังสิตได้เลย
สำหรับคนใช้รถ อีกจุดเด่นของโ ครงการ Life One Wireless คือการที่อยู่ห่างจากจุดขึ้นลงทางด่วนเฉลิมมหานครเพียง 250 m. ทำให้การเดินทางมาโครงการจากทางด่วนนั้นใช้เวลาโดยประมาณเพียง 2 นาทีเท่านั้น ใช้วิ่งไปโซนบางนา พระรามสี่ ดาวคะนองได้ง่าย
แยกและถนนใกล้เคียงโครงการ
แยกราชประสงค์ 1.3 กม.
สี่แยกอโศก-เพชรบุรี 1.8 กม.
สี่แยกอโศก 3.2 กม.
แยกศาลาแดง 3.3 กม.
แยกวิทยุ 2.4 กม.
ถนนเพชรบุรี 200 ม.
เพลินจิต 500 ม.
ชิดลม 650 ม.
สุขุมวิท 1.7 กม.
พระราม 4 2.4 กม.
สาทร 2.4 กม.
ราชดำริ 1.3 กม.
อโศกมนตรี 1.8 กม.
รัชดาภิเษก 3.2 กม.
การเดินทาง
วันนี้เรามีภาพการเดินทางโดยรถมาให้ชมกันค่ะ เส้นทางการเดินทางตามลูกศรแดง โดยเริ่มเดินทางจาก ถนนเพลินจิต → เลี้ยวซ้ายเข้าถนนวิทยุ → ตรงไปประมาณ 500 เมตร จะเจอโครงการ Life One Wireless อยู่ทางขวามือแล้วค่า
เริ่มเดินทางกันจากถนนเพลินจิต มุ่งหน้าไปทางถนนวิทยุ นะคะ ถนนเพลินจิตเป็นถนน 6 เลน มีเกาะตรงกลางซึ่งด้านบนจะมีรางรถไฟฟ้า BTS สีเขียว ซึ่งเป็นสาย CBD ชั้นในวิ่งผ่าน เราตรงผ่าน BTS ชิดลมไป
ติดกับ BTS ชิดลม ซ้ายมือคือห้าง Central ชิดลม ที่อยู่ห่างจากที่ตั้งโครงการประมาณ 800 เมตร ตัวห้างจะอยู่ตรงหัวมุมติดถนนชิดลม-เพลินจิต และมีทางเดินเชื่อมต่อกับ BTS ชิดลมอยู่
ตรงมาอีกหน่อย ถัดจาก Central ชิดลม ก็จะเป็น Central Embassy ห้างใหญ่สุดหรูที่อยู่ใกล้โครงการที่สุด โดยอยู่ห่างจากโครงการ Life One Wireless เพียง 450 เมตรเท่านั้น พอเราเจอ Central Embassy ก็ให้ชิดซ้ายเตรียมเลี้ยวเข้าถนนวิทยุได้เลย
Central Embassy ตั้งอยู่ที่หัวมุมระหว่างถนนวิทยุและถนนเพลินจิต โดยอยู่ตรงข้ามอาคารสำนักงาน Wave Place ซึ่งด้านในมีห้าง HomePro อยู่ โดยจาก BTS เพลินจิต จะมีทางเดินสกายวอล์คเชื่อมมา Central Embassy ได้ค่ะ เราเลี้ยวซ้ายเข้าถนนวิทยุ
พอเข้ามาถนนวิทยุแล้ว เราจะเห็นห้าง Central Embassy อยู่ทางฝั่งซ้ายมือ โดยอยู่ตรงข้ามอาคารสำนักงาน Wave Place ทางฝั่งขวามือ เราจะเห็นว่าจะมีทางเข้าห้าง Central Embassy อยู่ในฝั่งถนนวิทยุนี้ด้วย
ถัดจาก Central Embassy มา จะเจอ สถานฑูตอังกฤษ ฝั่งซ้ายมือ
ถนนวิทยุตอนบนเป็นถนน 3 เลนแบบ One Way มุ่งหน้าไปทางถนนเพชรบุรี สองข้างถนนมีทางเท้าปลูกต้นไม้ไว้ร่มรื่นและเป็นระเบียบเรียบร้อย
ตรงมาอีกหน่อยก่อนถึงสะพานข้ามคลองแสนแสบก็จะเจอที่ดินโครงการอยู่ทางขวามือแล้วค่ะ โดยที่ดินโครงการ Life One Wireless จะอยู่ตรงข้าม Wellness Center ที่เดิมเป็นโรงแรมปาร์ค นายเลิศ นั่นเอง
เราเลี้ยวขวาเข้าโครงการ Life One Wireless ได้เลย รอบๆโครงการจะเป็นอย่างไรไปดูกันค่ะ
:: รอบโครงการ ::
ที่ดินโครงการ Life One Wireless อยู่ติดถนนวิทยุ แบบ One Way ฝั่งมุ่งหน้าไปถนนเพชรบุรี และอยู่ติดสะพานข้ามคลองแสนแสบและท่าเรือวิทยุเลยค่ะ เป็นที่ดินรูปสี่เหลี่ยมผืนเต็ม ที่เก็บต้นไม้ต้นใหญ่ๆบนที่ดินไว้ครบ ทิศตะวันออกเป็นทางด่วนเฉลิมมหานคร, ทิศเหนือเป็นคลองแสนแสบ ถัดไปเป็นโรงแรมอะเดรียติคพาเลซ, ทิศใต้เป็นโรงแรม Moonite และอาคารแนวราบสูง 4 – 5 ชั้น ทำให้วิวมุมนี้เปิดค่ะ มองไปเห็น Central Embassy และวิวเมืองโซนเพลินจิตกับถนนวิทยุได้ ทางเข้าออกโครงการอยู่ทางทิศตะวันตก ฝั่งตรงเดิมเป็นโรงแรมปาร์คนายเลิศ ปัจจุบันเป็นโครงการศูนย์สุขภาพขนาดใหญ่ Wellness Center
ตัวอาคารวางตัวเป็นรูปคล้ายตัว S ซึ่งเป็นการออกแบบด้วยความตั้งใจวางอาคารเพื่อหลบมุมตึกสูงให้จากโครงการสามารถรับวิวเมืองมุมต่างๆได้อย่างเต็มที่ ซึ่งวิวแต่ละด้านจะเป็นแบบไหนไปชมกันเลยค่ะ
Embassy View หันไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เป็นมุมเปิดที่เห็นถนนวิทยุ ถนนเพลินจิต และ Central Embassy ค่ะ วิวทิศนี้สวยสุดและมีความเป็น Signature สุดนะสำหรับเรา คือเห็นสถานฑูตอังกฤษ เห็นกลุ่มห้างและอาคารสำนักงานสวยๆ ของถนนวิทยุ แถมได้ลมดีด้วยทิศนี้เชียร์ค่ะ
Skyscraper View หันไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เป็นมุมวิวเมืองฝั่งถนนเพชรบุรี ทิศนี้มองไปเห็นตึกใบหยก ซึ่งเคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในประเทศด้วย
Grand Park View หันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นมุมเปิดที่มองไปเห็นเมืองฝั่งเพชรบุรีเช่นกันค่ะ แต่ทิศนี้จะเห็นทางด่วนเฉลิมมหานครและทางด่วนศรีรัช และมีวัดพร้อมพื้นที่สีเขียว เป็นทิศที่ลมดี และมีวิวเมืองที่สวยทีเดียว และในอนาคตทิศนี้จะเป็นวิวของ Super Tower ทางฝั่ง NEW CBD โซนพระราม 9 ด้วยค่ะ
Metropolis View หันไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นมุมเปิดที่เห็นเมืองใหญ่ มองไปทางฝั่งถนนสุขุมวิท รอบๆโครงการบรรยากาศเป็นอย่างไร เรามี
พื้นที่โครงการ Life One Wireless ด้านหน้าอยู่ติดถนนวิทยุแบบนี้เลยค่ะ รอบๆเคลียร์พื้นที่ทำทางเท้า และล้อมรั้วที่ดินไว้เรียบร้อย ชอบที่หน้าทางเข้าออกโครงการมีต้นไม้ต้นใหญ่ที่ให้ร่มเงาและช่วยกันแดดให้คนที่เดินเข้าออกได้ดี ถนนหน้าโครงการเป็นถนนสองเลน รถสวนกันเข้าออกได้ และมีทางเท้ามาให้ 2 ฝั่ง
มองไปทางฝั่งตรงข้ามโครงการทางฝั่งทิศตะวันตก เป็นรั้วล้อมพื้นที่โครงการ Wellness Center ที่เดิมเคยเป็นโรงแรม ปาร์ค นายเลิศ
ติดที่ดินโครงการฝั่งขวามือหรือทางฝั่งทิศใต้ จะเป็นที่ดินของโรงแรม The Moonite สูง 4 ชั้น
มองไปทางฝั่งทิศใต้ ฝั่งโรงแรม The Moonite จะเห็นทางเท้าที่กว้างและสองฝั่งถนนที่ปลูกต้นไม้ไว้ร่มรื่น
จากฝั่งทิศใต้เดินไปแค่ประมาณ 60 เมตร จะมีวินมอเตอร์ไซค์อยู่หน้าซอยนายเลิศค่ะ อัตราค่าโดยสารนั่งไป BTS เพลินจิต 10 บาท
มองไปทางฝั่งทิศเหนือ ที่ดินโครงการอยู่ติดสะพานข้ามคลองแสนแสบและท่าเรือวิทยุแบบนี้เลย โดยถนนวิทยุหน้าโครงการเป็นถนน One Way หรือถนนวิ่งทางเดียว มุ่งหน้าไปถนนเพชรบุรี ชอบที่รอบโครงการมีต้นไม้ใหญ่อายุหลายสิบปีอยู่มาก ซึ่งอันนี้ทาง AP ได้ออกแบบโครงการตั้งแต่ทางเข้าจนถึงพื้นที่ภายในโครงการโดยเก็บต้นไม้ใหญ่เอาไว้ทั้งหมด เป็นความร่มรื่นจากต้นไม้ใหญ่ที่หาได้ยากในโครงการคอนโดทั่วไป
เข้าไปเดินสำรวจด้านในโครงการกันต่อค่ะ ทางเท้าฝั่งติดถนนและสะพานข้ามคลองแสนแสบนั้นมีทางจักรยานมาให้ด้านข้างด้วย และทำรั้วพุ่มไม้มาให้รอบๆเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความเขียวของต้นไม้ให้ความรู้สึกสบายตา
จะมีบันไดทางขึ้นไปส่วนทางเท้าด้านข้างถนนรถวิ่งของสะพานข้ามคลอง
ด้านข้างสะพานมีที่จอดจักรยานอยู่แบบนี้ สำหรับคนที่ปั่นจักรยานมาขึ้นเรือที่ท่าเรือวิทยุนั่นเอง
โดยที่ดินโครงการจะอยู่ติดท่าเรือวิทยุเลยนะคะ โดยท่าเรือจะอยู่ใต้สะพานข้ามคลองแสนแสบ
ท่าเรือวิทยุ เป็นท่าเรือที่อยู่ระหว่างท่าเรือชิดลม และนานาเหนือ เป็นท่าเรือที่ตั้งอยู่บนคลองแสนแสบ มีบริการเรือด่วนโดยต้นสายเริ่มตั้งแต่สะพานผ่านฟ้า ไปสิ้นสุดที่วัดศรีบุญเรือง สามารถนั่งไปไหนมาไหนโดยเลี่ยงรถติดได้ดีค่ะ
มองกลับไปที่ถนนเลี้ยวเข้าโครงการ มีต้นไม้ใหญ่หลายต้นขึ้นมาร่มรื่น
::ตัวโครงการ::
คอนโด Life One Wireless เ ป็นคอนโดสร้างเสร็จพร้อมอยู่ 1 อาคาร สูง 43 ชั้น รูปทรงอาคารภายนอกเป็นสี่เหลี่ยมเรียบๆสไตล์โมเดิร์น แต่จะเห็นพื้นที่สีเขียว One Wireless Botany และต้นไม้ต้นใหญ่ที่เขียวชอุ่มร่มรื่นที่ด้านล่างหลายต้น จากในภาพจะเห็นวิวอาคารรอบด้าน วิวสถานฑูต และวิว Central Embassy ได้ชัดเจน
พื้นที่โครงการในชั้นต่างๆมีดังนี้
ชั้น 1 โถงต้อนรับ พื้นที่สีเขียว One Wireless Botany, พื้นที่ทำงานส่วนกลาง, ห้องน้ำส่วนกลาง, ห้องสำนักงานนิติ, ห้องสมุด, ห้องจดหมาย, ส่วน Service และที่จอดรถ
ชั้น 2 ห้องเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรอง, ห้อง MDB, ห้องแม่บ้าน
ชั้น 3 สำนักงานนิติบุคคล, ห้องประชุม, ห้องแม่บ้าน, ห้องน้ำส่วนกลาง และที่จอดรถ
ชั้น 4-9 ชั้นที่พักอาศัยและที่จอดรถ
ชั้น 10 ชั้นที่พักอาศัย และสวนลอยฟ้า Cascade Garden
ชั้น 11 – 41 ชั้นที่พักอาศัย
ชั้น 42 โถงต้อนรับ, พื้นที่ทำงานส่วนกลาง, สวนลอยฟ้า High Garden Promenade, จุดชมเมือง The Vista Desk, ห้องน้ำส่วนกลาง, ห้อง Sauna, ห้องให้เช่าบริการสำหรับเก็บของ, Social club, Theatre Lounge
ชั้น 43 ห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำ Dazzling Pool และสวนพักผ่อน
Master Plan โครงการหรือผังอาคารชั้น 1 ค่ะ ถนนด้านหน้าโครงการติดกับถนนวิทยุ เข้ามาด้านในโครงการจะเป็นถนนแบบสองเลนเลี้ยวซ้ายเข้ามาจะเจอ Drop Off และสวนชั้นล่างของโครงการ ซึ่งออกแบบมาอย่างสวยงามในคอนเซ็ป One Wireless Botany ถนนทางเข้าลานจอดรถด้านหลังอยู่ทางฝั่งขวามือ
จาก Drop off เข้ามาจะเป็นโถงต้อนรับหรือ Lobby, พื้นที่ทำงานส่วนกลาง, ห้องน้ำส่วนกลาง, ห้องสำนักงานนิติ, ห้องสมุด, ห้องจดหมาย, ส่วน Service ต่างๆ วันนี้เรามีภาพส่วนกลางและห้องตัวอย่างมาให้ชมกันค่ะ
ด้านหน้าทางเข้าโครงการ Life One Wireless จะเห็นว่ารอบโครงการรักษาต้นไม้ใหญ่เดิมในพื้นที่เอาไว้ สร้างบรรยากาศร่มรื่นไม่เหมือนใคร
ตกแต่งรั้วโครงการบางส่วนด้วยสัญลักษณ์ใบโพธิ์สีทองที่ดูหรูหรา ออกแบบเฉพาะมาสำหรับโครงการนี้โดยลดทอนลงมาจากใบของต้นโพธิ์ใหญ่ในโครงการนั่นเอง เวลาลมพัดใบโพธิ์สีทองก็จะขยับตามลมเป็นประกายวิบวับ
ด้านหน้าโครงการจะเป็นทางเข้าแบบคนเดินเท้าเข้าค่ะ จะเห็นการผนังสีขาวเรียบๆแต่ออกแบบให้มีวอลลุ่มไล่ระดับนำสายตาเข้าไปที่ประตู ตกแต่งประตูและผนังด้วยเหล็กดัดลายใบโพธิ์สีทอง ประตูทางเข้าโครงการเป็นแบบ Access Card
ทางเข้าหลักโครงการอยู่ด้านข้าง แบ่งทางรถเข้าฝั่งซ้าย ออกฝั่งขวา จะเห็นว่ามีทางเท้ามาให้ทั้งสองฝั่ง มีป้อมรปภ.มาให้ฝั่งซ้ายมือ คนนอกแลกบัตรกับพี่รปภ.ค่ะ
ส่วนคนในโครงการเข้ามาจะเจอรั้วไม้กระดก เข้าออกแบบ Easy Pass
ผ่านรั้วไม้กระดกเข้ามาจะเจอส่วน Drop off อันหรูหราของโครงการ Life One Wireless
จุด Drop Off สุดหรูหราของโครงการ Life One Wireless จะมีน้ำพุตรงกลางพร้อมการตกแต่งเพดานรูปใบโพธิ์ ไฟเพดาน พื้น และเสาที่มีดีเทลและรายละเอียดที่ประณีตและมีความหรูหราจัดเต็มมากกว่าโครงการ Life อื่นๆที่ผ่านมา
ตรงข้าม Drop off จะเป็นทางเดินเท้าจากประตูทางเข้าด้านหน้าโครงการสำหรับคนเดิน เข้ามาจะเป็นทางเดิน สวนหย่อม
ศาลพระภูมิและศาลตายายของโครงการก็อยู่ที่สวนด้านหน้าโครงการที่จุดนี้
ทางเดินเท้าด้านข้างส่วน Drop off ที่เชื่อมต่อไปที่สวนกว้างข้างโครงการ
ข้างส่วน Drop off อีกฝั่งจะมีทางลาดสำหรับรถเข็นและบันไดเพื่อขึ้นไปที่ล็อบบี้
ทางเดินข้าง Drop off จะมีบ่อบัว เป็นพื้นที่ในร่มแบบ Open Air เพดานสูง เปิดรับวิวสวนข้างโครงการ
การจัด Landscape สวนของโครงการค่ะ จะเห็นว่ามีการเล่นระดับพื้นที่เพื่อบังวิวคลองด้านนอก สร้างความเป็นส่วนตัวและบรรยากาศที่สงบเป็นธรรมชาติภายใน
สวนข้างโครงการจัดมาอย่างสวยงาม วิวจาก Lobby ซึ่งเป็นแบบเพดานสูงถึงสี่เมตรกว่าๆ และมองเห็นวิวสวนและ Landscape ได้อย่างเต็มที่
One Wireless Botany หรือสวนที่ชั้นล่างของโครงการ จะเห็นว่ามีทั้งต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ในที่ดินมานาน และที่นำมาปลูกเพิ่มนะคะ มีไม้พุ่มคลุมดิน และไม้ยืนต้นต่างๆวางมาอย่างร่มรื่น และบ่อน้ำพร้อมที่นั่งพักผ่อน หลังจากเดินชมสวน มีลำธารและสวนพร้อม Pavilion ให้มานั่งพักผ่อนหลังจากการเดินเล่นชมวิวภายในโครงการได้
ทางเดินขึ้น Pavillion ในสวนชั้นล่าง จะเห็นว่าจัดสวนมาแบบร่มรื่นมาก มีทั้งไม้ยืนต้นและไม้พุ่มคลุมดิน
Pavillion มีหลังคากันแดดกันฝน และติดไฟกลางคืนมาให้เรียบร้อย ด้านในวางชุดเก้าอี้หวายมาให้ต้อนรับแขกหรือนั่งพักผ่อนชมสวนได้ดี จะเห็นว่าในสวนจัดแสงกลางคืนมสวยงามนะคะ ไม่ได้มีเฉพาะแสงที่ทางเดิน แต่มีการออกแบบแสงส่องต้นไม้ตอนกลางคืนมาสวยงามด้วย
เข้ามาดูใน Lobby ติดกับ Drop off กันต่อค่ะ Lobby ส่วนแรกเป็นแบบ Open Air รับลมธรรมชาติ มี Sunken Seating หรือที่นั่งแบบหลุมเพื่อความเป็นส่วนตัว จะเห็นว่าการตกแต่งภายในเป็นสไตล์โคโลเนียล ที่มีความคลาสสิคเหนือการเวลา ตกแต่งด้วยพื้นและผนังหินอ่อนขาวลายเทา แซมด้วยสีดำและทอง
ผนังบางส่วนประดับตกแต่งด้วยสัญลักษณ์ใบโพธิ์สีทอง ที่ออกแบบโดยลดทอนลงมาจากใบของต้นโพธิ์ใหญ่ในโครงการนั่นเอง ใบโพธิ์สีทองแขวนกับผนัง เวลาลมพัดใบโพธิ์สีทองก็จะขยับตามลมเป็นประกายวิบวับ
ถัดเข้ามาจะเป็นโถงต้อนรับ
โถงต้อนของโครงการจะมีเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์สีทองและป้ายชื่อโครงการอยู่ที่ส่วนนี้ ใครแวะมาชมโครงการก็สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายให้พาชมห้องตัวอย่างได้จากจุดนี้
ถัดเข้ามาด้านในจะเป็น Lobby เพดานสูง วิวสวนด้านนอก พื้นที่ส่วนนี้จะติดแอร์ ภายในจัดโซนพื้นที่นั่งรับรองแขกมาให้หลายจุด
พื้นที่รับแขกจัดโซฟาชุดใหญ่แบบ 3 ที่นั่ง มาให้ 2 ตัว พร้อมอาร์มแชร์ 4 ตัวและโต๊ะกาแฟ โต๊ะข้าง ใช้รองรับแขกหรือเพื่อนๆที่มาเยี่ยมได้เยอะดีค่ะ
มีมุมโต๊ะกลม เก้าอี้ ที่ใช้นั่งคุยงาน เซ็นเอกสารได้แบบกำลังเหมาะ
โถงทางเดินชั้นล่างกว้างขวาง พื้นตกแต่งด้วยหินอ่อน เพดานสูง และตกแต่งมาหรูหราในสไตล์โคโลเนียล ซ้ายมือของภาพจะเป็น Sunken Seat ที่มีชั้นวางของตั้งอยู่เพิ่มความเป็นส่วนตัว
มี Sunken Seat ที่มีชั้นวางของตั้งอยู่ด้านหลังเพิ่มความเป็นส่วนตัว พร้อมที่นั่งรูปตัว U ตัวใหญ่ มีเบาะมีหมอนอิงมาให้เยอะ ข้อดีคือมีเต้าเสียบปลั๊กไฟมาให้ด้วย นั่งชาร์จมือถือหรือแท็บเล็ตนั่งชิวพร้อมชมวิวสวนไปด้วยได้สบายๆค่ะ มีมุมแบบนี้มาให้ถึง 2 มุม คนในโครงการน่าจะชอบมุมที่นั่งพักผ่อนแบบนี้กันค่ะ คือวิวดี มีความเป็นส่วนตัว
ภาพรวมทางเดินใน Lobby ค่ะ
ขวามือจะเป็น Mail Room หรือมุมตู้จดหมาย ตู้จดหมายถูกออกแบบเป็นสีทอง ผนังและเพดานสูงสีขาว มีไฟซ่อนตกแต่งที่พื้น และโคมไฟตกแต่ง
ผังอาคารชั้น 5-8 พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่จอดรถ แต่จะมีส่วนยูนิตที่พักอาศัยอยู่ด้วยนะคะ
ผังอาคารชั้น 10 จะมีส่วนที่พักอาศัยอยู่ด้วยนะคะ โดยจุดเด่นของชั้น 10 คือสวนลอยฟ้า Cascade Garden อยู่ เป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่ที่คนชั้น 10 ที่อาจได้วิวไม่สูงมาก แต่มีสวนให้เดินเล่นกันได้ใกล้ๆนั่นเอง
ที่ชั้น 10 จะมีประตูเปิดไป Cascade Garden
เปิดออกมาจะเจอสวนลอยฟ้า Cascade Garden ที่ชั้น 10 ..จะเห็นว่าที่สวนชั้น 10 จะมีบ่อน้ำมาให้ริมทางเดิน พร้อมนำ้พุและก้อนหินประดับสร้างบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติได้ดี
ซ้ายมือจะเห็นสวนหย่อมที่ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวและระยะห่างให้กับยูนิตที่พักอาศัย
ที่สวนชั้น 10 นี่จะมี pavillion พร้อมที่นั่งสำหรับนั่งพักผ่อนมาให้ด้วย
Pavillion มีหลังคากันแดดกันฝน และติดไฟกลางคืนมาให้เรียบร้อย ด้านในวางชุดเก้าอี้หวายมาให้ต้อนรับแขกหรือนั่งพักผ่อนชมสวนได้ดี
มองไปที่สวนอีกฝั่ง
จะมีบันไดขึ้นไปส่วนที่นั่งแบบชิงช้าที่มีมาให้ 3 จุด
ที่นั่งแบบชิงช้าแต่ละจุดเป็นแบบ Sunken seat พร้อมเก้าอี้แบบ 2 ที่นั่งพร้อมเบาะ หมอนอิง แบบชิงช้ามาให้ ใช้นั่งพักผ่อนชมสวนได้ดี
ผังอาคารชั้น 14 – 32 เป็น Typical Floor Plan ของโครงการค่ะ คือผังจัดเป็นห้องพักอาศัยทั้งชั้น และจัดโถงลิฟต์ไว้ 2 จุด จุดละ 4 ตัว และ 3 ตัว เพื่อให้ทุกห้องสามารถเดินเข้าออกลิฟต์ได้โดยไม่ไกลจนเกินไปโถงทางเดินแบบ Double Corridor โดยผังอาคารจัดเป็นรูปตัว S ซึ่งเป็นการจัดผังเพื่อเลี่ยงการบล็อควิวของตึกรอบๆ ทำให้จากระเบียงในแต่ละด้านสามารถเทควิวสวยๆได้ อย่างที่อธิบายไว้ในส่วนวิวด้านบนค่ะ ส ามารถเลื่อนขึ้นไปดูภาพวิวในแต่ละด้านได้ในหัวข้อ รอบโครงการ นะคะ
ผังอาคารชั้น 36 ชั้นบนๆขึ้นมาจริงๆก็จัดผังแบบเดียวกันกับชั้นที่เป็น Typical Floor Plan อย่างชั้น 14 – 32 เลยค่ะ คือจะเป็นชั้นที่พักอาศัยเช่นเดียวกัน แต่จำนวนห้องจะลดลงไปเนื่องจากระยะถอยร่นอาคารตามกฎหมาย ทำให้ชั้นสูงๆมีความหนาแน่นยูนิตต่อชั้นที่น้อยลง บวกกับวิวเมืองที่เห็นได้สวยและไกลขึ้นนั่นเอง
ผังอาคารชั้น 42 เป็นชั้นส่วนกลางหลักๆของโครงการค่ะ ซึ่งถูกจัดไว้ชั้นบนสุดทั้ง 2 ชั้น คือชั้น 42 และ 43 ข้อดีคือทุกคนในโครงการสามารถขึ้นมาพักผ่อน ใช้งาน และชมวิวเมืองสวยๆจากชั้นสูงสุดของโครงการนี้กันได้นั่นเอง โดยชั้น 42 ขึ้นมาจะเจอโถงต้อนรับ, พื้นที่ทำงานส่วนกลาง, สวนลอยฟ้า High Garden Promenade, จุดชมเมือง The Vista Desk, ห้องน้ำส่วนกลาง, ห้อง Sauna, พิเศษคือมีห้อง Storage ให้เช่าบริการสำหรับเก็บของได้ด้วย
สระว่ายน้ำและสวนลอยฟ้าของโครงการค่ะ พื้นที่ส่วนกลางชั้นบนสุดทั้ง 2 ชั้นของโครงการที่ชั้น 42-43 จะเห็นว่าสระว่ายน้ำและสวนลอยฟ้าอยู่ในมุมที่มองเห็นวิวเมืองมุมที่เด่นที่สุดอย่าง Central Embassy ได้อย่างชัดเจน
เริ่มกันจากโถงลิฟต์ชั้น 42 ค่ะ
จากโถงลิฟต์ตรงมาจะเจอพื้นที่พักผ่อนและ Co-working space
เข้ามาภายใน Co-working Space จะเห็นว่าจัดพื้นที่คุยงานมาให้หลายจุด ที่เจ๋งคือมี Sound Dome ซึ่งทำให้สามารถคุยงานหรือพรีเซ้นท์ได้ง่ายขึ้นด้วย
มีมุมให้นั่งชมวิวเมืองสวยๆได้แบบนี้
มีโต๊ะพร้อมจอฝังไว้ใช้คุยงานหรือทำ Presentation ได้ดี ติดกันจะเป็นห้องประชุมมีฉากกั้นเป็นฉากกระจก กรอบบานสีทอง
ภายในมีโต๊ะประชุมพร้อมเก้าอี้มาให้ 10 ตัว
ถัดมาจะมีประตูบานเลื่อนเข้าไปส่วน Theatre Lounge
เข้ามาภายในจะมีชุดโซฟาหนังทรงโค้ง พร้อมทีวีแขวนผนังมาให้ ใช้นั่งพักผ่อนดูทีวีกันได้
โซฟาหนังทรงโค้งและโต๊ะกาแฟ และมีอาร์มแชร์คู่ด้านหลังให้ขึ้นมานั่งชมวิวกันได้
มีชุดโซฟาเข้ามุมพร้อมโต๊ะและอาร์มแชร์ให้ขึ้นมานั่งพักผ่อนแบบกลุ่มกันได้
มีเคาน์เตอร์แบบ Pantry พร้อมตู้เย็นมาให้แช่เครื่องดื่ม ผลไม้ หรือขนมได้
นอกจากนี้ยังมีเคาน์เตอร์บาร์พร้อมแก้วไวน์มาให้พร้อม ใครมีไวน์อยากมาเปิดดื่มพร้อมชมวิวไปด้วยก็มีเคาน์เตอร์เตรียมมาให้หลายจุดค่ะ พื้นที่ส่วนนี้วางโต๊ะกลมและเก้าอี้มาให้อีกจุด
ถัดมาจะมีชุดที่นั่งแบบโซฟายาวมาให้พร้อมอาร์มแชร์อีก 3 ตัว
ออกมาที่ลานด้านนอกของชั้น 42 ค่ะ เป็นลานให้ออกมานั่งรับลมชมวิวกันได้สบายๆ ที่ลานมีชุดโซฟาแบบ Outdoor มาให้หลายชุด ทั้งแบบ 2 ที่นั่ง
และแบบชุดใหญ่ เวลามีเพื่อนหรือครอบครัวมาเยี่ยม
มีโซฟายาวแบบนั่งได้ 6-7 คนสบายๆมาให้
และมีอาร์มแชร์พร้อมโต๊ะกาแฟมาให้หลายตัว
สวนลอยฟ้า High Garden Promenade ที่ชั้น 42 จะเห็นว่าเป็นจุดที่ขึ้นมาชมวิวเมืองได้รอบด้านมากๆ
จะเห็นว่ามีมุมให้นั่งพักผ่อนพร้อมเคาน์เตอร์บาร์มาให้หลายจุด
ถัดมาจะเป็นทางเดินไปส่วนห้องน้ำ, Sauna และห้องเก็บของ
ทางเข้าห้องน้ำค่ะ จะมีบันไดยกพื้นขึ้นไป และแยกฝั่งผู้ชายฝั่งซ้าย ผู้หญิงฝั่งขวา
เราไปดูฝั่งห้องน้ำหญิงกันต่อค่ะ
เข้ามาภายในห้องน้ำหญิง ฝั่งซ้ายมือจะเป็นอ่างล้างมือ ขวามือจะเป็นทางเดินไปห้องโถสุขภัณฑ์ ห้องอาบน้ำ และห้อง Sauna
อ่างล้างมือเป็นเคาน์เตอร์หินอ่อนยาว 3 อ่าง พร้อมกระจกเงา 3 บาน ตกแต่งมาหรูหราด้วยโทนสีขาว ดำ ทอง
ทางเดินไปห้องโถสุขภัณฑ์ ห้องอาบน้ำ และห้อง Sauna
ขวามือจะเป็นส่วนห้องล็อคเกอร์ พร้อมกุญแจมาให้เก็บของ เปลี่ยนชุดว่ายน้ำ ก่อนเดินขึ้นบันไดไปสระว่ายน้ำชั้นบนได้
ภายในห้องโถสุขภัณฑ์และห้องอาบน้ำค่ะ
ถัดจากส่วนล็อคเกอร์จะเป็นห้อง Sauna จะเห็นว่าภายในห้องค่อนข้างกว้างเลยค่ะ นั่งได้ 4-5 คนสบายๆ
ถัดมาจะเป็นส่วนห้องเก็บของหรือห้อง Storage ขนาด 9-16 ตร.ม. ให้เช่าไว้เก็บของเพิ่มด้วยนะคะ โดยทั้งโครงการมีห้องเก็บของให้เช่า 21 ห้อง
ถัดจากห้องเก็บของ ออกมาด้านนอกของชั้น 42 จะเป็นสวน ที่นั่งพักผ่อน และบันไดขึ้นไปจุดชมวิว สระว่ายน้ำและห้องฟิตเนสชั้น 43
ทำม้านั่งและมุมชมวิวมาให้เยอะมาก พิเศษคือมีขึงตาข่ายเชือกไว้ให้นอนเอนพิงและชมวิวเมืองได้แบบสบายๆใต้ต้นไม้อีกด้วย
วิวเมืองที่เห็นจากจุดชมวิวค่ะ เป็นวิวใจกลางเมืองจากถนนวิทยุที่เราจะเห็นห้างใหญ่สุดหรู อาคารสำนักงานที่มีชื่อเสียงของประเทศ และสถานฑูตที่มีเยอะที่สุดในประเทศแล้วค่ะ
ผังอาคารชั้น 43 หรือชั้นบนสุดของอาคาร มีห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำ Dazzling Pool และสวนพักผ่อน ที่ใช้ขึ้นมาชมวิวเมืองกันได้เต็มที่
โถงลิฟต์ชั้น 43 ค่ะ เป็นแบบ Open Air
ตรงมาจะเจอส่วนโถงเพดานสูงแบบ Open Air รับลมธรรมชาติ พื้นที่ส่วนนี้อยู่หน้าห้้องฟิตเนส
เข้าไปดูในห้องฟิตเนสกันต่อค่ะ
ภายในห้องฟิตเนสติดเครื่องปรับอากาศมาให้ ภายในผนังห้องติดกระจกมองออกไปเห็นวิวเมือง และวางเครื่องออกกำลังกายมาให้ประมาณ 20 เครื่อง
มีบาร์ดัมเบลมาให้ 1 ชุด
มีเครื่องวิ่งมาให้ 6 เครื่อง
มีเครื่องซิทอัพมาให้ 4 เครื่อง
มีเครื่องเพาะกายมาให้แทบครบทุกส่วนค่ะ ทั้ง คอ บ่า ไหล่
เครื่องเพาะกายขา แขน และหน้าอก
และมีลู่วิ่งไฟฟ้ามาให้ 6 เครื่อง
ออกมาจากห้องฟิตเนส จะเป็นทางเดินไปสระว่ายน้ำของโครงการ ขวามือเป็นบันไดทางลงไปชั้น 42 ค่ะ ใกล้กับบันไดลงไปก็จะเป็นห้องน้ำที่ใช้เปลี่ยนชุดที่เราพากันไปชมมาแล้วนั่นเอง
สระว่ายน้ำของโครงการเป็นสระกลางแจ้ง Dazzling Pool ที่มีน้ำพุ สระเด็ก และ Jacuzzi ให้ผ่อนคลาย พร้อมชมวิวเมืองจากชั้นสูงสุดของอาคารได้อย่างเต็มที่
สระว่ายน้ำชั้นบนสุดของโครงการ ความยาว 35 ตร.ม.ซึ่งนอกจากสามารถขึ้นมาชมวิวเมืองสวยๆกันได้แล้ว ตัวสระเองได้มีการตกแต่งไฟสำหรับตอนกลางคืน ให้ดูระยิบระยับล้อกับดาวบนท้องฟ้าด้วย จะเห็นว่าคอนเซ็ปในการออกแบบมีความใส่ใจในสุนทรียภาพและความโรแมนติกมาเป็นอย่างดี
ส่วนแรกจะเป็นสระเด็กอยู่ติดกับน้ำพุ และพื้นที่สีเขียว
มีที่นั่งริมสระมาให้ 3 ตัว
ภาพรวมสระว่ายน้ำอีกด้านค่ะ
ทางลงสระเป็นแบบขั้นบันได
จะเห็นว่ามีสระน้ำตื้นให้เดินลุยน้ำเล่นได้ และมีอ่างกลมแบบ Jacuzzi มาให้นั่งพักผ่อนกันได้ 3 จุด ให้ใช้นั่งพักผ่อนชมวิวเมืองกันได้แบบไม่ต้องเบียดกัน
จากสระว่ายน้ำจะมีทางเดินไปจุดล้างตัวข้างสระ
จุดล้างตัวข้างสระเป็นแบบ Rain Shower ทำมาให้ 1 จุด
เดินขึ้นมาชั้น 43 ที่เป็นชั้นสูงสุดที่มีสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และมีจุดชมวิวอยู่ที่ชั้นนี่ด้วย
ทางเดินไปจุดชมวิวที่ดีที่สุดของโครงการค่ะ พื้นเป็นแผ่นไม้สำเร็จ ราวกันตกเป็นกระจกเทมเปอร์แบบเปลือย ปลูกต้นไม้สองฝั่งมาร่มรื่น
ภาพทางเดินไปจุดชมวิวตอนกลางคืนค่ะ จะเห็นว่าจัดแสงไว้สวยงาม ไม่ใช่แค่ที่ทางเดิน แต่โครงการจัดแสงไว้ที่ต้นไม้ด้วย
จุดชมวิวที่ดีที่สุดของโครงการค่ะ เราไปเก็บภาพตอนกลางคืน โชว์ให้เห็นการจัดแสงที่สวยงามของโครงการ
จากจุดชมวิวมองกลับไปที่สระว่ายน้ำ จะเห็นว่าตัวอาคารจัดแสงตอนกลางคืนไว้อย่างสวยงาม
:: แบบห้อง ::
ยูนิตในโครงการมีขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ Studio ขนาด 24 – 28 sq.m., 1 Bedroom ขนาด 35 – 43 sq.m. และ 2 Bedrooms ขนาด 45 – 63 sq.m. ค่ะ ห้องในโครงการขายแบบ Fully Fitted คือมีชุดสุขภัณฑ์พร้อมชุดครัวติดตั้งมาให้พร้อมห้อง ก่อนพาไปชมห้องตัวอย่าง เรามีแบบห้องอื่นๆมาให้ดูกันก่อน
Studio Type 24A ขนาด 24 sq.m
1 Bedroom Type 38A ขนาด 38 sq.m.
1 Bedroom Type 38B ขนาด 38 sq.m.
1 Bedroom Type 38C ขนาด 38 sq.m.
1 Bedroom Type 38D ขนาด 38 sq.m.
1 Bedroom Type 43A ขนาด 43 sq.m.
2 Bedrooms Type 45A ขนาด 45 sq.m.
2 Bedrooms Type 45B ขนาด 45 sq.m.
2 Bedrooms Type 63A ขนาด 63 sq.m.
2 Bedrooms Type 63B ขนาด 63 sq.m.
2 Bedrooms Type 63C ขนาด 63 sq.m.
ชอบที่มีจัดผังห้องขนาด 35 ตร.ม. มาให้ดูเป็นไอเดียตามไลฟ์สไตล์แต่ละแบบด้วย ก็เป็นการใช้ประโยชน์ของห้องอเนกประสงค์ที่ต่างกันไปในแต่ละไลฟ์สไตล์นั่นเอง ไม่ว่าจะใช้เป็น Walk in closet แขวนเสื้อผ้าเพิ่ม หรือใช้เป็นห้องทำงาน หรือห้องพักผ่อน ดูหนังเล่นเกมส์ เป็นต้น
ห้องตัวอย่าง
ห้องตัวอย่างของโครงการมีมาให้ชมกัน 2 ห้อง ซึ่งเป็นแบบที่ขายดีที่สุดทั้ง 2 แบบจาก AP คือห้องแบบ Studio 28 ตร.ม. และ 1 Bedroom 35 ตร.ม. ตัวห้องจะเป็นอย่างไร ไปชมกันเลยค่า
ห้องตัวอย่างห้องแรกที่จะพาไปชมกันเป็นห้องแบบ Studio ขนาด 28 ตร.ม. เปิดประตูเข้ามาจะเจอห้องครัวก่อน ห้องน้ำอยู่ตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัว ถัดไปจะเป็นส่วนของห้องนั่งเล่นและห้องนอน ระเบียงอยู่ด้านในสุด ตัวห้องขายแบบ Fully Fitted คือมีชุดครัวมาให้พร้อมชุดสุขภัณฑ์และเครื่องปรับอากาศ ตัวห้องจะเป็นอย่างไรไปชมกันเลยค่ะ
ประตูที่ได้จะเป็นบาน HDF ลายไม้สีอ่อน มีเซาะร่องที่บานประตู และมีตาแมวติดมาให้ส่องคนที่มาเคาะประตูได้
มี Digital Door lock มาให้ สามารถไขกุญแจหรือแตะการ์ดเข้าห้อง
เข้าห้องมาจะเจอส่วนครัวก่อนค่ะ โดยจะมีเคาน์เตอร์ครัวมาให้ฝั่งขวามือ ประตูห้องน้ำอยู่ทางซ้ายมือ ตรงไปเป็นส่วนห้องนอน
มองกลับไปที่ประตูทางเข้าห้องจะเห็นว่าส่วนครัวมีระยะใช้งานกำลังดี ใช้งานชุดครัวและเดินไปเดินมาพร้อมๆกันได้โดยไม่อึดอัด เพดานห้องสูง 2.6 เมตร ไฟติดเพดานเป็นไฟดาวน์ไลท์ ผนังเป็นผนังฉาบปูนเรียบทาสีขาว พื้นห้องเป็นไม้ลามิเนตสีอ่อนหนา 8 มม. เราพาไล่ดูกันไปทีละส่วนนะคะ
เริ่มจากส่วนครัวกันก่อนนะคะ หน้าบานเป็นเมลามีนลายไม้ ทำ Built in มาให้ทั้งบนและล่าง เราเปิดชุดครัวให้ดูช่องเก็บของภายในนะคะ ทำชั้นเก็บของมาให้เยอะดี หน้าบานทุกตัวติด Soft closed มาให้ เปิดปิดไม่มีเสียงดังปึ้งปั้ง มีเว้นช่องมาให้สำหรับตู้เย็น และเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าขนาด 7 กก.มาให้
Top ครัวหินสังเคราะห์สีขาว แข็งแรง ทนต่อน้ำ-ทนความร้อนได้ดี ผนังครัวมี Backsplash กระจกนิรภัยกันเปื้อนไว้ให้ เช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่าย
มีลิ้นชักพร้อมช่องแบ่งไว้เก็บช้อนส้อมมาให้เรียบร้อย
ส่วนเตามาเป็นเตาไฟฟ้าแบบ 2 หัวพร้อมเครื่องดูดควัน ด้านข้างเตาไฟฟ้ามีพื้นที่ว่างมาให้ เวลาประกอบอาหารสะดวกดีค่ะ เพราะมีที่พักหม้อพักกะทะ หรือวางวัตถุดิบด้านข้างมาให้แบบนี้ จะเห็นว่าที่ผนังมีเต้าเสียบปลั๊กไฟเตรียมมาให้เรียบร้อย
ฝังซิงค์ล้างจานสแตนเลสหลุมเดี่ยว ก๊อกน้ำล้างจานโครเมียมทรงสูง ปรับโยกซ้าย-ขวาได้ ช่วยให้ล้างจาน, ล้างผัก, ผลไม้ได้สะดวก เทียบกับฝ่ามือให้เห็นระยะใช้งานค่ะ
เราเข้าไปดูห้องน้ำกันต่อค่ะ ประตูห้องน้ำอยู่ตรงข้ามชุดครัว โดยธรณีประตูห้องน้ำยกสูงขึ้นมาจากพื้นห้องนั่งเล่นประมาณ 5 cm. เพื่อกันน้ำและความชื้น ข้อดีคือใช้งานไปนานๆก็ไม่บวมขึ้นมาซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ประตูห้องน้ำที่ใช้งานไปนานๆส่วนใหญ่เปิดปิดยาก
ความพิเศษคือห้องน้ำของโครงการนี้เป็นแบบสำเร็จรูปนะคะ คือในตอนก่อสร้างเป็นแบบยกห้องน้ำมาใส่เลย เป็นห้องน้ำสำเร็จรูปที่ดีไซน์มาเนี้ยบดีค่ะ พื้นปูกระเบื้องผิวด้านสีครีม สุขภัณฑ์สีขาว มี Low Wall ด้านหลังโถสุขภัณฑ์และอ่างล้างมือมาให้วางของเพิ่มด้วย
ผนังปูกระเบื้องจรดเพดาน และติดไฟดาวน์ไลท์กับพัดลมดูดอากาศมาให้เรียบร้อย
อ่างล้างมือพร้อมกระจกเงาและชั้นวางของใต้อ่างพร้อมตัวแขวนสแตนเลสสำหรับแขวนผ้าเช็ดมือของจริงได้ตามนี้
เทียบฝ่ามือกับขนาดอ่างให้ดูระยะใช้งานค่ะ
โถสุขภัณฑ์ของ Kohler มีท่อระบายน้ำแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งมาให้เรียบร้อย โดยส่วนแห้งจะอยู่ข้างโถสุขภัณฑ์ ติดที่แขวนทิชชู่มาให้พร้อมสายฉีดชำระสแตนเลสเข้าชุดกัน
ส่วนอาบน้ำมีฉากกั้นห้องมาให้เป็นกระจกเทมเปอร์ วางบนธรณีก่อสูงขึ้นมาประมาณ 3 ซม. เพื่อกั้นระหว่างพื้นส่วนเปียกส่วนแห้ง มือจับเป็นอลูมิเนียมรูปตัว U ใช้แขวนผ้าเช็ดตัวได้
ชุดฝักบัวเป็นเป็นแบบปรับระดับขนาดหยดน้ำได้ และเตรียมระบบสำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้
ผนังข้างฝักบัวมีมุมมาให้ใช้วางชั้นวางของได้อย่างในห้องตัวอย่าง ซึ่งถ้าทำชั้น built in ก็จะช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้เยอะเลยทีเดียว
ถัดจากส่วนครัวมาจะเป็นห้องนั่งเล่นและห้องนอนติดระเบียง ห้องตัวอย่างทำฉากกั้นห้องแบบ 2 ตอนมาให้ดูเป็นไอเดีย
ในห้องนอนวางเตียง 5 ฟุตมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์อย่างโต๊ะทำงาน โต๊ะข้าง ตู้เสื้อผ้า และโซฟา มาให้ดูระยะใช้งาน
ข้างเตียงทั้งสองฝั่งมีระยะใช้งานสบายๆค่ะ ปลายเตียงเหลือระยะประมาณ 50 – 60 cm. คือวางตู้เสื้อผ้าและชั้นวางทีวีแล้วพอเดินไปเดินมาได้สบายๆ
ข้างเตียงฝั่งซ้ายมือ มีระยะใช้งานกว้างพอวางโต๊ะทำงานพร้อมเก้าอี้ได้แบบกำลังเหมาะ บางคนอาจใช้เป็นโต๊ะเครื่องแป้งไปด้วยในตัว
ข้างเตียงฝั่งขวามือจะมีมุมยื่นออกไปในส่วนหน้าต่างในห้องนอนด้วย
ห้องตัวอย่างวางโซฟาสำหรับนั่งพักผ่อนชมวิว
หน้าต่างในห้องนอนเป็นหน้าต่างบานใหญ่เป็นชุดมีกระจกบานกระทุ้ง 1 บานไว้ให้เปิดระบายอากาศ และบานฟิกซ์อีกสองบานเพิ่มช่องแสงธรรมชาติเข้ามามากขึ้น ใครเสื้อผ้าเยอะ ตู้เสื้อผ้าไม่พอ แนะนำทำราวแขวนเสื้อผ้าเพิ่มที่มุมนี้ก็เหมาะค่ะ
มองไปทางฝั่งปลายเตียงมีชั้นวางทีวีและตู้เสื้อผ้า Built in มาให้ดูเป็นไอเดีย
ชั้นวางทีวีทำ Built in มาเป็นชั้นลอย มีลิ้นชักเก็บของ และใช้ทีวีแบบแขวนผนังเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้มากขึ้น ด้านบนติดเครื่องปรับอากาศมาให้เรียบร้อย
ตู้เสื้อผ้าทำ Built in หน้าบานกระจกเงามาให้ดูเป็นไอเดีย เปิดหน้าบานตู้ให้ดูระยะใช้งานจะเห็นว่ามีระยะถอยไม่ชนเตียงแบบนี้
ส่วนห้องนอนอยู่ติดประตูเลื่อนกระจกเปิดออกไประเบียงได้ ทำให้รับแสงธรรมชาติเข้ามาในตัวห้องได้ดี แถมวันไหนลมดีๆก็เปิดรับลมธรรมชาติเข้าสู่ห้องนั่งเล่นได้เต็มที่ ประตูบานเลื่อนเป็นอลูมิเนียมพ่นสีลูกฟักกระจกแบบ 2 ตอน
ธรณีประตูสูงขึ้นจากระเบียงประมาณ 5 cm. เพื่อกันน้ำและความชื้นจากระเบียง มือจับเซาะร่องมาตรฐาน
กระเบื้องเซรามิกสีเทาอ่อนขนาด 30 x 30 ซม. ส่วนราวกันตกระเบียงเป็นเหล็กเส้นสีเทา (ทาสีน้ำมัน + กันสนิม) ที่ระเบียงมีท่อระบายน้ำและก็อกน้ำติดตั้งมาให้เรียบร้อย
แอร์คอมเพรสเซอร์แขวนมาให้พร้อมมีกริลบังแอร์คอมเพรสเซอร์อยู่ด้านบน ทำให้สามารถใช้พื้นที่ระเบียงด้านใต้ได้อยู่ และติดไฟผนังมาให้เรียบร้อย
ห้องที่สองที่จะพาไปชมกันเป็นห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 35 ตร.ม. ซึ่งใช้วิธีคิดในการการออกแบบและแบ่งพื้นที่แบบใหม่ ด้วยการจัดพื้นที่ภายในที่เพิ่มความเป็นส่วนตัวขึ้นโดยเชื่อมต่อจากห้องนอน จะใช้เป็นตู้เสื้อผ้าแบบ WALK – IN CLOSET หรือใช้เป็นห้องทำงานส่วนตัวก็ได้ค่ะ ตัวห้องขายแบบ Fully Fitted คือมีชุดครัวพร้อมชุดสุขภัณฑ์และเครื่องปรับอากาศมาให้ ตัวห้องจะเป็นอย่างไรไปชมกันเลยค่ะ
เดินเข้าห้องมาจะเจอส่วนของห้องนั่งเล่นก่อน ฝั่งขวามือของห้องนั่งเล่นเป็นส่วนครัวและห้องนำ้ มองตรงไปเป็นส่วนห้องนอนมีฉากกั้นระหว่างห้องนอนกับห้องนั่งเล่นมาให้ พื้นห้องนอนกับห้องนั่งเล่นจะเป็นไม้ลามิเนตสีอ่อนหนา 8 mm., พื้นห้องครัวได้เป็นกระเบื้องกรานิตโต้ขนาด 60 x 60 cm.
มองกลับไปที่ทางเข้าห้อง เพดานห้องสูง 2.6 m. ฝ้าเพดานยิปซั่มฉาบเรียบทาสีขาว ติดไฟดาวน์ไลท์ค่ะ จากในภาพจะเห็นระยะดูทีวีจากโซฟาประมาณ 1.8 m. พอวางโต๊ะกาแฟได้
ห้องตัวอย่างกรุผนังตกแต่งหลังโซฟามาให้ดูเป็นไอเดีย ผนังของจริงที่ได้จะเป็นผนังฉาบปูนเรียบทาสีขาวทั้งหมด
ห้องตัวอย่างวางโซฟาแบบ 2 ที่นั่งมาให้เห็นระยะใช้งาน
ด้านข้างโซฟามีพื้นที่ว่างพอวางโต๊ะทำงานพร้อมเก้าอี้ได้อีกชุดแบบนี้
ชั้นวางทีวีวางได้ขนาดกว้างประมาณ 1.2 m. ค่ะ ตามความกว้างผนัง
ทางเดินไปห้องครัวกับห้องน้ำ ครัวได้เป็นครัวแบบเปิดไม่มีฉากกั้นห้องครัวให้นะคะ ถ้าใครทำอาหารบ่อยกลัวกลิ่นเข้ามาห้องนั่งเล่นจะติดฉากกั้นเพิ่มก็ได้ค่ะ
พื้นส่วนครัวเป็นพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60×60 cm. เพื่อให้เช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่าย ต่างจากพื้นห้องนั่งเล่นที่เป็นไม้ลามิเนตหนา 8 mm.
ส่วนครัวห้องตัวอย่างวางโต๊ะอาหารแบบเคาน์เตอร์พร้อมเก้าอี้สำหรับ 2 ที่นั่งมาให้ดูเป็นไอเดีย
ชุดครัวด้านบนมีชั้นลอยพร้อมหน้าบานมาให้ เปิดปิดมี Soft closed ไม่มีเสียงดัง ชุดครัวของจริงได้ตามที่เห็นนะคะ เราเปิดให้ดูว่าช่องเก็บของเป็นยังไง เจาะช่องให้วางเครื่องซักผ้าอยู่ฝั่งขวา วางได้เฉพาะแบบฝาหน้าขนาด 7 kg แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ได้แถมให้นะคะ ส่วนที่วางเตาไมโครเวฟอยู่ใต้เตาไฟฟ้า ใช้งานลำบากกว่าวางบนเคาเตอร์นะคะ
โดยชุดครัวด้านล่างเป็นเคาน์เตอร์รูปตัว L ส่วน Top เป็นหินสังเคราะห์สีขาว เตาไฟฟ้าเป็นแบบ 2 หัว มีเครื่องดูดควันด้านบนติดมาให้เรียบร้อย
อ่างล้างจานฝังมาให้แบบหลุมเดียว เทียบฝ่ามือให้เห็นระยะใช้งาน จะเห็นว่าข้างอ่างล้างจานมีพื้นที่พอให้วางที่พักจาน หรือพื้นที่ที่ใช้เตรียมอาหารได้แบบกำลังดี
ลิ้นชักใต้เตามีช่องแบ่งไว้ให้วางช้อนส้อมเป็นสัดส่วน
มาดูห้องน้ำกันต่อค่ะ ธรณีประตูห้องน้ำสูงขึ้นมาจากพื้นครัวและพื้นห้องน้ำประมาณ 5 cm. ผิวเป็นหินสังเคราะห์ค่ะ อันนี้ดีนะคะ โดนน้ำยังไงก็ไม่บวมเหมือนธรณีประตูที่เป็นลามิเนต ซึ่งพอบวมขึ้นมาก็เป็นสาเหตุให้ประตูเปิดปิดยาก
ห้องน้ำมีระยะใช้งานสบายๆไม่อึดอัด ความพิเศษคือห้องน้ำของโครงการนี้เป็นแบบสำเร็จรูปนะคะ คือในตอนก่อสร้างเป็นแบบยกห้องน้ำมาใส่เลย เป็นห้องน้ำสำเร็จรูปที่ดีไซน์มาเนี้ยบดีค่ะ พื้นปูกระเบื้องผิวด้านสีครีม สุขภัณฑ์สีขาว ผนังติดกระเบื้องจรดเพดาน เพดานห้องน้ำติดไฟดาวน์ไลท์ มีพัดลมดูดอากาศมาให้
มี Low Wall ด้านหลังโถสุขภัณฑ์และอ่างล้างมือมาให้วางของเพิ่มด้วย ตัวอ่างล้างมือพร้อมกระจกเงาและเจาะช่องเป็นชั้นวางของใต้อ่าง
จะเห็นว่าให้อ่างมาใหญ่เหมือนกันรอบอ่างวางของไม่ได้ แต่หลังอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์ทำ Low Wall มาให้วางของเพิ่มได้ โถสุขภัณฑ์ของ Kohler พร้อมติดตั้งที่แขวนทิชชู่มาให้ สายฉีดชำระเป็นสแตนเลส
ส่วนอาบน้ำมีฉากกั้นห้องมาให้เป็นกระจกเทมเปอร์ วางบนธรณีก่อสูงขึ้นมาประมาณ 3 ซม. เพื่อกั้นระหว่างพื้นส่วนเปียกส่วนแห้ง มือจับเป็นอลูมิเนียมรูปตัว U ใช้แขวนผ้าเช็ดตัวได้
ในห้องอาบน้ำติดตั้งชุดฝักบัวแบบปรับระดับสูงต่ำได้ และฝักบัวเป็นเป็นแบบปรับระดับขนาดหยดน้ำได้ เทียบฝ่ามือให้เห็นขนาดฝักบัว จะเห็นว่ามีขนาดกำลังเหมาะมือดี
ผนังข้างฝักบัวมีมุมมาให้ใช้วางชั้นวางของได้อย่างในห้องตัวอย่าง ซึ่งถ้าทำชั้น built in ก็จะช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้เยอะเลยทีเดียว ในห้องน้ำจะมีแยกท่อระบายน้ำส่วนเปียกส่วนแห้งมาให้ โดยส่วนแห้งจะอยู่ข้างโถสุขภัณฑ์
ส่วนห้องอาบน้ำมีระยะใช้งานกำลังสบายๆ แยกท่อระบายน้ำส่วนเปียกส่วนแห้งมาให้เรียบร้อย ท่อระบายน้ำส่วนเปียกจะอยู่ในห้องอาบน้ำ ส่วนแห้งจะอยู่ข้างโถสุขภัณฑ์
เข้าไปดูส่วนห้องนอนกันต่อค่ะ ส่วนห้องนอนจะมีฉากกั้นห้องมาให้ เป็นลูกฟักกระจกใสแบบบานเลื่อน 2 บาน กรอบบานอลูมิเนียมสีดำ มือจับเป็นแบบเซาะร่องมาตรฐาน
ในห้องนอนวางเตียงขนาด 5 ฟุตให้ดูระยะใช้งาน ระยะปลายเตียงพอมีระยะเดินไปมาได้ประมาณ 40 cm. เหมาะติดทีวีแขวนผนังค่ะ
มีพื้นที่ข้างเตียงเหลือฝั่งละประมาณ 45 cm.พอๆกันทั้งสองฝั่ง สามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้ทั้งคู่
หน้าต่างห้องนอนเป็นกระจกบานใหญ่ ด้านบนเปิดออกได้แบบบานกระทุ้ง กระจกด้านข้างและกระจกด้านล่างเป็นแบบบานฟิกซ์ช่วยเพิ่มช่องแสงธรรมชาติให้ภายในห้องนอนมากขึ้น
ปลายเตียงมีประตูบานเลื่อนเปิดเข้าไปห้องอเนกประสงค์หรือ Walk in closet อยู่ ประตูเป็นแบบขวางรางบน ทำให้ที่พื้นไม่มีรางประตู เดินสบายไม่มีสะดุดค่ะ
ห้องตัวอย่างจัดมาเป็น Walk in closet พร้อมโต๊ะเครื่องแป้งมาให้ดูระยะใช้งาน
จากห้องอเนกประสงค์จะมีประตูบานเลื่อนเปิดออกไประเบียงได้ ธรณีประตูสูงขึ้นจากระเบียงประมาณ 5 cm. เพื่อกันน้ำและความชื้นจากระเบียง
ส่วนราวกันตกระเบียงเป็นเหล็กเส้นสีดำ (ทาสีน้ำมัน + กันสนิม)
พื้นระเบียงลดระดับลงไปประมาณ 5 cm. ปูกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 cm. มาให้
ที่ระเบียงจะเป็นจุดวางแอร์คอมเพรสเซอร์ ที่แขวนมาทั้ง 2 เครื่อง ทำให้พอใช้งานพื้นใต้แอร์คอมเพรสเซอร์ได้ และราวกันตกส่วนนี้จะสูงจรดเพดานเพื่อเป็นกริลบังแอร์คอมเพรสเซอร์นั่นเอง
ราคา
ราคาเริ่มที่ 4.19 ล้านบาท หรือประมาณ 155,000 บาท/sq.m.
ค่าส่วนกลาง : 50 บาท/ตร.ม./เดือน (เก็บล่วงหน้า 1 ปี)
ค่ากองทุน : 500 บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว ณ วันโอน)
สอบถามราคาเพิ่มเติมกรุณาติดต่อสำนักงานขายเพื่อข้อมูลที่อัพเดตที่สุดค่ะ*
สรุป
ทำเลที่ตั้งโครงการ – Life One Wireless จาก AP เป็นคอนโดสร้างเสร็จพร้อมอยู่ที่ มี ทำเลติดถนนวิทยุซึ่งเป็นถนนเก่าแก่ใจกลางเมืองที่มีมูลค่าสูงและโดดเด่นที่สุดในกรุงเทพ มี Central Embassy ศูนย์การค้าลงทุนสูงที่สุดในเครือเซ็นทรัล ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการเพียง 450 เมตร เท่านั้น และมีทางเดินเชื่อมต่อกับ Central ชิดลม ที่อยู่ติดกันได้ด้วย โดยโครงการ Life One Wireless จะอยู่ฝั่งตรงข้ามที่ดินของโรงแรมปาร์คนายเลิศ ที่ BDMS (เครือรพ.กรุงเทพ) ได้ทุ่มเงินกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซื้อไปทำศูนย์สุขภาพครบวงจร Wellness Center ที่ตอนนี้เริ่มก่อสร้างไปเรียบร้อยแล้ว
ที่ดินโครงการเป็นทำเลใจกลางเมืองที่จัดได้ว่าเป็นที่ดินผืนหายาก การคมนาคมที่สะดวกและหลากหลายและมีความอุดมสมบูรณ์ ไปไหนมาไหนก็สะดวกมากๆ เพราะอยู่ใจกลางเมืองอยู่แล้ว ใกล้ห้าง ใกล้เพลินจิต ใกล้ทางด่วน ใกล้สวนสวนสาธารณะอย่างสวนลุมพินี ใกล้โรงพยาบาล สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆอยู่ในระยะที่พอเดินไปได้แทบทั้งหมด หรือนั่งรถไฟฟ้าก็ไม่กี่สถานีเท่านั้น
ความอุดมสมบูรณ์ – นอกจากจะมีร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมงภายในโครงการเอง และตรงข้ามมี Wellness Center แล้ว รอบๆเต็มไปด้วยห้างใหญ่สุดหรู,โรงแรมห้าดาว, สถานฑูตและอาคารสำนักงานที่มีชื่อเสียงมากมาย เนื่องจากถนนวิทยุและเพลินจิตเป็นพื้นที่ CBD ชั้นในที่ราคาสูงที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และตัวทำเลบนถนนวิทยุเองด้วยซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมความเจริญและสิ่งอำนวยความสะดวกเองในตัวอยู่แล้วโดยข้อได้เปรียบของทำเลคือสามารถเดินทางไปยังแหล่ง CBD ต่างๆ อย่างสยาม ชิดลม สาทร สีลม พร้อมพงษ์ ทองหล่อ ได้ง่ายดายเนื่องจากอยู่ในใจกลางเมืองด้วยกันอยู่แล้ว จากรถไฟฟ้า BTS สถานี เพลินจิต นั่งไปเพียงสถานีสองสถานีก็ถึง สยาม หรืออโศก หรือสีลม สาทร แล้ว ทำเลนี้ยังมีพื้นที่อาคารสำนักงานทั้งขนาดกลาง และขนาดใหญ่ที่รวมกันมากกว่า 700,000 ตารางเมตรอีกด้วย
การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว – คนใช้รถไปไหนมาไหนได้สะดวกมากค่ะ โดยเฉพาะในเมืองเพราะอยู่ใจกลางเมืองอยู่แล้ว ไปไหนก็ใกล้ และมีระยะขับรถช่วงสั้นๆทั้งนั้น โดย ถนนวิทยุจะ เช่ือมระหว่างถนนเพชรบุรี-สุขุมวิท-เพลินจิต-พระราม 4-สาทร โดยที่ตั้งโครงการจะอยู่ส่วนตอนบนสุดของถนนวิทยุ ซึ่งเชื่อมกับถนนเพชรบุรีและถนนเพลินจิต
เนื่องจากถนนวิทยุตอนบนเป็นถนนแบบ One way บังคับวิ่งทางเดียวจากฝั่งสุขุมวิทมาถนนเพชรบุรีเท่านั้น ถ้ามาจากเส้นสุขุมวิท ตรงเพลินจิตก็วิ่งเข้าโครงการได้ปกติ แต่ถ้ามาจากเส้นเพชรบุรีต้องเลี้ยวเข้าซอยชิดลมเป็น One way เหมือนกันเพื่อเข้ามาจากฝั่งถนนเพลินจิตแล้ววิ่งเข้าโครงการค่ะ ถ้าออกจากโครงการมา จะมาถนนเพชรบุรี เลี้ยวซ้ายไปทางถนนชิดลม, ราชดำริ เลี้ยวขวาไปทางด่วนเฉลิมมหานคร และสี่แยกอโศก – เพชรบุรี
อีกจุดเด่นของโครงการคือการที่อยู่ห่างจากจุดขึ้นลงทางด่วนเฉลิมมหานครเพียง 250 m. ทำให้การเดินทางมาโครงการจากทางด่วนนั้นใช้เวลาโดยประมาณเพียง 2 นาทีเท่านั้น ใช้วิ่งไปโซนบางนา พระรามสี่ ดาวคะนองได้ง่าย
การเดินทางด้วยรถสาธารณะ – จุดเด่นอีกอย่างของโครงการ คือการเดินทางที่สะดวกสบายสูงสำหรับคนไม่ใช้รถ ที่ดินโครงการอยู่ติดท่าเรือวิทยุ เ ลย ซึ่งเป็นท่าเรือที่ตั้งอยู่บนคลองแสนแสบ มีบริการเรือด่วนโดยต้นสายเริ่มตั้งแต่สะพานผ่านฟ้า ไปสิ้นสุดที่วัดศรีบุญเรือง สามารถนั่งไปไหนมาไหนโดยเลี่ยงรถติดได้ดีค่ะ
โครงการอยู่ที่ห่างจาก BTS เพลินจิต ประมาณ 600 ม. ซึ่งจะอยู่ตรงปากซอยโครงการติดถนนเพลินจิตและสุขุมวิทพอดี มีทางเดินเท้าสะดวกตั้งแต่หน้าโครงการยาวมาจนถึงบันไดทางขึ้นสถานีเลย ทำเลแบบนี้ดีกว่าอยู่ติด BTS เลยด้วยซ้ำ เนื่องจากอยู่ในโซนที่สงบแต่เต็มไปด้วยธรรมชาติ แต่เดินในระยะสั้นๆเพียง 600 เมตร ถึงรถไฟฟ้าและใจกลางเมืองที่เต็มไปด้วยอาคารสำนักงาน ห้างใหญ่และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย
หน้าโครงการโบกเรียก Taxi ได้สะดวกมีวิ่งผ่านหลายคันเลยค่ะ วินมอเตอร์ไซค์ก็อยู่ห่างโครงการประมาณ 60 เมตร เดินมานิดเดียวก็นั่งไปรถไฟฟ้าได้ ราคา 10 บาทเท่านั้น รถเมล์ต้องออกมาเส้นสุขุมวิท หรือจะเส้นเพชรบุรีก็มีวิ่งผ่านหลายสายทั้งเข้าและออกเมืองวิ่งเกือบทั้งคืน จัดว่ามีตัวเลือกในกรเดินทางหลากหลายดี ไม่ต้องมีรถส่วนตัวก็อยู่โครงการนี้ได้สบายๆ
ทั้งยังสามารถเชื่อมต่อไป Airport Link มักกะสัน ได้จากท่าเรือวิทยุไปท่าเรืออโศก หรือจะนั่งแท็กซี่ไปก็ใกล้เพียง 1.7 ก.ม. หรือนั่งรถไปเพียง 4 นาทีเท่านั้น ทำให้บรรดา Expat สามารถเดินทางได้อย่างสะดวก ทั้งการทำงานและการท่องเที่ยวไปยังต่างจังหวัด รวมถึงคนที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆด้วยค่ะ นั่งไปสนามบินสุวรรณภูมิได้รวดเร็วจากแอร์พอร์ทลิงก์โดยไม่ต้องเจอรถติดบนถนนใหญ่
การออกแบบโครงการและวัสดุ – ตัวห้องขายแบบ Fully Fitted คือมีชุดครัวมาให้ ห้องน้ำของโครงการนี้เป็นแบบสำเร็จรูป มีฉากกั้นห้องน้ำและ Rain Shower มาให้ และฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร พื้นเป็นลามิเนต 8 มม.กับแกรนิตโต้ 60 x 60 cm. มาตรฐานราคาระดับนี้
แต่จุดขายของโครงการนี้จริงๆคือที่ดินมากกว่า ไม่ใช่เรื่องวัสดุค่ะ วัสดุที่ให้มาจึงออกมาแนวมาตรฐาน แต่เน้นการจัดฟังก์ชันการใช้งานที่ใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ขึ้น โดยมียูนิตแบบใหม่ขนาด 35 ตารางเมตร ซึ่งเป็นวิธีคิดในการการแบ่งพื้นที่แบบใหม่ ส่วนที่เพิ่มขึ้นมาคือห้องอเนกประสงค์ ส่วนห้องนั่งเล่นมีพื้นที่พอสำหรับวางโต๊ะทำงานได้ แต่ส่วนครัวถูกลดความสำคัญไปหน่อยทำให้พื้นที่ครัวค่อนข้างจำกัด แบบห้องนี้เหมาะสำหรับคนที่มีของเยอะ ห้องอเนกประสงค์จะตอบโจทย์มาก หรือใครที่มีเสื้อผ้าเยอะจนล้นตู้ส่วนนี้ก็มีประโยชน์มากค่ะ สามารถจัดเต็มได้เลย
สิ่งอำนวยความสะดวก – นอกจากที่จอดรถชั้น 1 – 9 และสวนด้านหน้า Lobby โครงการและสวนชั้น 10 แล้ว พื้นที่ส่วนกลางหลักๆจะอยู่ในชั้นบนสุดคือชั้น 42-43 ที่เป็นชั้น Facility หลัก มีสระว่ายน้ำ, สวนลอยฟ้า High Garden Promenade, จุดชมเมือง The Vista Desk, ห้องน้ำส่วนกลาง, ห้อง Sauna, ห้องให้เช่าบริการสำหรับเก็บของ, ห้องฟิตเนสชมวิวเมือง ซึ่งเป็น ข้อดีของโครงการนี้นะคะ เห็นวิวไกลขึ้นและวิวพรีเมียมมาก ทั้ง Central Embassy และวิวเมืองโซน CBD พร้อมทั้งความใส่ใจรายละเอียดในการออกแบบและสร้างเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร และการจัดแสงที่สวยงามเป็นจุดเพิ่มมูลค่าให้โครงการได้ดี
คะแนน
ทำเลที่ตั้งโครงการ
9.5
ส่วนต้นของถนนวิทยุ ใกล้ถนนเพลินจิตและเพชรบุรี ใกล้รถไฟฟ้า BTS เพลินจิต และจุดขึ้นลงทางด่วน จัดว่าราคาดีมากถ้าเทียบกับทำเลระดับนี้
ฯการเดินทาง ใช้รถ
8.0
เดินทางสะดวกใกล้ทางด่วน ไปไหนมาไหนง่าย แต่ต้องระวังรถติด
การเดินทาง ไม่ใช้รถ
9.5
สะดวกมาก มีท่าเรือ, ป้ายรถเมล์, วินมอเตอร์ไซค์, ตุ๊กๆ, รถไฟฟ้า BTS, ทั้งหมดอยู่ใกล้ในระยะเดินถึงสบายๆ
ห้องและวัสดุ
7.5
แปลนห้องแบ่งได้เป็นสัดส่วนลงตัว ปรับใช้ได้หลากหลาย วัสดุที่ได้มาตรฐานราคาระดับนี้
สิ่งอำนวยความสะดวก
9.0
มีให้ครบครันและออกแบบได้น่าใช้งาน รวมถึงมีความใส่ใจในสิ่งแวดล้อมเดิมในพื้นที่ เช่นการเก็บรักษาต้นไม้ใหญ่ และการดีไซน์สัญลักษณ์และการตกแต่งภายในของโครงการที่มีคอนเซ็ปที่ละเอียดอ่อน แตกต่างและเข้ากับบริบทของอาคารรอบๆเป็นอย่างดี
ความคุ้มค่ากับราคา
8.0
เริ่มต้นที่ประมาณ 155,000บาท/ ตร.ม. ได้คอนโดสร้างเสร็จพร้อมอยู่ทำเลใกล้รถไฟฟ้าเพลินจิต ติดถนนวิทยุ ใกล้ห้าง Central Embassy ใกล้สวนสาธารณะ ใกล้โรงพยาบาล และสถานฑูต ส่วนที่มีมูลค่าสูงของโครงการคือทำเลที่ดินที่เป็นผืนหายากที่มีความสะดวกสบายสูง
คะแนนรวมเฉลี่ย
9.0
ดีมาก
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
Tel : 1623 / 0-2261-2518
Website : http://www.apthai.com/
หากเพื่อนๆเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน ขอบคุณค่ะ
และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ
แสดงความคิดเห็น