12 อันดับเมืองแปลก แต่ก็มีอยู่จริงบนโลก ที่คุณได้เห็นแล้วอาจจะประหลาดใจ
บนโลกนี้ยังมีเรื่องแปลกอีกมากมายที่เราไม่รู้ เมืองแปลก ๆ ที่เราไม่รู้จักและไม่คิดว่ามีอยู่จริงก็มีอยู่เช่นกัน วันนี้จะพาไปทำความรู้จักกับ 12 เมืองแปลกแต่จริง ที่มีอยู่บนโลกของเรา ไปชมกันเลยค่ะ
อันดับที่ 12 เมืองที่ไม่มีคนตาย
เมืองนี้มีชื่อว่า Longyearbyen อยู่ในประเทศนอร์เวย์ เป็นเมืองอยู่เหนือสุดของโลก ที่นี่มีสุสานแต่มันไม่ได้ใช้งานกว่า 70 ปีแล้ว เนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่หนาวสุดขั้วทำให้สามารถรักษาสภาพศพของคุณไม่ให้เน่าเปื่อยได้ เมืองนี้จึงขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่ไม่มีคนตายค่ะ นอกจากนี้ชาวเมืองที่ใกล้ตายก็จะถูกส่งไปยังนอร์เวย์ทางเครื่องบิน
อันดับที่ 11 เมืองที่ตั้งอยู่คร่อมระหว่าง 2 ประเทศ
เมือง Büsingen am Hochrhein สุดแปลกนี้ตั้งอยู่ในดินแดนส่วนแยกของเยอรมนีที่อยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์อีกที ถึงแม้จะเป็นพื้นที่ของเยอรมนีแต่เงินตราที่ใช้ก็เป็นเงินฟรังก์สวิส แถมยังมีรหัสไปรษณีย์และเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ได้ทั้งสองประเทศทั้งเยอรมนีและสวิตเซอร์แลนด์ ความแปลกยังไม่หมดค่ะ ทีมกีฬา FC Büsingen จากเมืองนี้เป็นทีมสัญชาติเยอรมนีทีมเดียวที่ลงแข่งในการแข่งขันกีฬาชิงแชมป์ในสวิตเซอร์แลนด์
อันดับที่ 10 เมืองแห่งนรก
เมืองแห่งนรกนี้อยู่ในรัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มาของชื่อเมืองนี้ยังไม่มีที่มาแน่ชัดแต่คนในเมืองต่างก็ชื่นชอบชื่อนี้กันอย่างมาก
แลนด์มาร์คของที่นี่คือป้าย “Welcome to Hell” ที่ใครมาก็ต้องมาถ่ายรูป นอกจากนี้ที่ดินในเมืองยังมีราคาซื้อขายสูงถึงตารางนิ้วละ $6.66 (ประมาณ 200 บาท) อีกด้วย
อันดับที่ 9 เมืองออสเตรียในจีน
ประเทศจีนขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่สามารถก๊อปปี้ได้ทุกอย่างบนโลกใบนี้ แต่ใครจะเชื่อว่าจีนได้สร้างเมืองก๊อปปี้ขึ้นมาทั้งเมือง นั่นก็คือเมือง Hallstatt ของชาวออสเตรีย โดยเริ่มสร้างโบสถ์ก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็ตามด้วยถนนที่เหมือนของจริงมากๆ ด้วยความเหมือนจริงนี้ทำให้ที่นี่มีค่าก่อสร้างสูงกว่าเมืองจริงๆ ในออสเตรียซะอีก
อันดับที่ 8 เมืองฟรีที่สุดท้าย
เมือง Slab City เป็นเมืองที่อยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ทั้งเมืองเต็มไปด้วยผู้คนจรจัด คนเกษียณอายุและคนไม่มีที่ไปอาศัยอยู่ ที่นี่ไม่มีอะไรเลยแม้กระทั่งน้ำ ไฟฟ้าหรือที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง
ถึงแม้จะฟังดูไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ แต่คนที่อาศัยที่นี่บอกว่าเมืองของเขาสะดวกสบายมากถึงขั้นให้ชื่อว่าเป็น “เมืองฟรีที่สุดท้ายในอเมริกา”
อันดับที่ 7 เมืองถ้ำ
เมือง Matmata อยู่บริเวณตอนใต้ของประเทศตูนีเซีย เมืองถ้ำนี้เป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าเบอร์เบอร์ ซึ่งในช่วง ปี 1970 มีคนเริ่มสร้างบ้านบนดินแต่หลายๆ คนก็ยังอยากที่จะอยู่ในบ้านถ้ำของพวกเขามากกว่า
แฟนคลับหนังเรื่อง Star Wars คงคุ้นตากับที่นี่ดีเพราะบ้านของ Luke Skywalker ก็เป็นบ้านถ้ำเช่นกัน
อันดับที่ 6 เมืองที่ใช้หลังคาร่วมกัน
เมืองนี้คือเมือง Whittier ในอลาสก้า เมืองทั้งเมืองนี้ประกอบด้วย อดีตอาคารที่พักของทหารอยู่ทั้งหมด 14 หลัง และยังมีร้านค้า สถานีตำรวจ โรงพยาบาล รวมทั้งโบสถ์อีกด้วย การใช้หลังคาเชื่อมเดียวกันนี้เป็นการรักษาความร้อนของเมืองเพื่อป้องกันจากสภาพอากาศหนาวและลมแรงภายนอก ประชากรที่นี่มีเพียง 220 คน
อันดับที่ 5 เมืองสีฟ้า
เมือง Chefchaouen ในประเทศโมรอคโคนี้มีสีฟ้าทั้งเมือง ไม่เว้นแม้แต่ผนัง ประตูหรือบันไดที่ทาด้วยสีฟ้าหลากหลายเฉด มีทฤษฎีหนึ่งได้กล่าวว่าคนที่ทาสีเมืองนี้คือชาวยิว เพราะพวกเขามีความเชื่อว่าสีฟ้านั้นเป็นสีศักดิ์สิทธิ์ แม้จะไม่มีชาวยิวอาศัยที่นี่ในปัจจุบันแต่สีฟ้าของเมืองก็ยังคงความสวยงามอยู่
อันดับที่ 4 เมืองเอเลี่ยน
ในปี 1947 ได้มี UFO มาตกใกล้ๆ บริเวณเมือง Roswell เรื่องนี้ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าจริงหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามเมืองนี้ก็ได้กลายเป็นที่รู้จักของชาวโลกในนามของเมืองเอเลี่ยนไปแล้ว แถมยังมีเทศกาลธีมเอเลี่ยนและร้านอาหารอย่าง McDonald’s ก็ตกแต่งให้เป็นแนวเอเลี่ยนอีกด้วย
อันดับที่ 3 เมืองในทะเล
Neft Daşları หรือ Oil Rocks เป็นเมืองอุตสาหกรรมที่อยู่ในประเทศอาเซอร์ไบจาน เมืองนี้ตั้งอยู่บนแท่นเหล็กในทะเลเปิดเหนือแหล่งที่พบน้ำมัน เมืองนี้เป็นเมืองที่ไม่มีคนตั้งรกรากอยู่ มีเพียงคนประมาณ 2,000 คนที่แวะเวียนมาทำงานและพักที่นี่เป็นเวลาสองสามเดือนเท่านั้น
อันดับที่ 2 เมืองในหิน
ปกติเราจะได้ยินแต่คำว่าไข่ในหิน วันนี้เรามาพบกับเมืองในหินกันค่ะ เมืองนี้ชื่อว่า Setenil de las Bodegas เป็นเมืองที่สร้างอยู่ในหินบะซอลต์ขนาดมหึมาในประเทศสเปน เดินๆ ไปตามถนนเราก็รู้สึกว่าหินพวกนี้จะถล่มลงมาเลยล่ะค่ะ แต่จริงๆ แล้วหินขนาดใหญ่นี้มีมากว่าศตวรรษแล้ว ดังนั้นก็หายห่วงเรื่องความปลอดภัยกันได้เลย
อันดับที่ 1 เมืองที่มีคนตายมากกว่าคนอยู่
เมือง Colma ในรัฐแคลิฟอร์เนียแห่งนี้ มีสัดส่วนของคนที่อยู่ต่อคนที่ตายไปแล้ว 1:1000 มีสุสานมากถึง 17 แห่ง เนื่องมาจากว่าในสมัยก่อนมีการย้ายสุสานจากซานฟรานซิสโกทั้งหมดมาไว้ที่นี่ จึงทำให้จำนวนคนตายมีมากกว่าคนที่มีชีวิตอยู่
ก่อนหน้านี้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่จะมีเพียงสัปเหร่อ คนขายดอกไม้และคนสร้างสุสานเท่านั้น แต่ช่วงปี 1980 ผู้คนก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามาตั้งรกรากที่นี่ แลละคำขวัญของเมืองนี้คือ “เป็นเรื่องดีๆ ที่มีชีวิตในเมือง Colma “
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : scholarship / brightside.me
สนใจลงโฆษณากับทาง Homenayoo ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่
คุณวันเฉลิม 086-1290293
ทางเราเป็นเว็บไซต์ให้ข้อมูล ไม่ใช่เจ้าของโครงการนะครับ
แสดงความคิดเห็น