EP.1701 รีวิว THE CITY รามอินทรา 2 บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ราคาเริ่มต้นที่ 9 – 15 ล้านบาท

---

โครงการ THE CITY บนทำเลอื่นๆ… ที่น่าสนใจ

• THE CITY วัชรพล
• THE CITY พระราม 5-นครอินทร์
• THE CITY บางนา
• THE CITY รามอินทรา 3
• THE CITY ติวานนท์-งามวงศ์วาน
• THE CITY ปิ่นเกล้า-บรมฯ 2
• THE CITY รามอินทรา-วงแหวน
• THE CITY สุขุมวิท-อ่อนนุช
• THE CITY บรมราชชนนี-ทวีวัฒนา
• THE CITY พระราม 9-รามคำแหง
• THE CITY พระราม 2-พุทธบูชา
• THE CITY พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา
• THE CITY รามอินทรา 2
• THE CITY สาทร-กัลปพฤกษ์
• THE CITY สุขสวัสดิ 64
• THE CITY สะพานมหาเจษฎาบดินทร์
• THE CITY เอกมัย-ลาดพร้าว
• THE CITY ราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า
• THE CITY รัชดา-วงศ์สว่าง

---

---

ชื่อโครงการ	เดอะ ซิตี้ รามอินทรา 2 The City Ramintra 2
เจ้าของโครงการ	บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
ลักษณะโครงการ	บ้านเดี่ยว 2 ชั้น
พื้นที่โครงการ	32 ไร่
จำนวนบ้าน	116 ยูนิต
เนื้อที่บ้าน	เริ่มต้น 54.6 ตร.วา
พื้นที่ใช้สอย	186 – 380 ตร.ม.
จำนวนห้อง	4 – 5 ห้องนอน 3 – 6 ห้องน้ำ 2 ห้องพักผ่อน 1 ห้องแม่บ้านพร้อมห้องน้ำในตัว*
ที่จอดรถทั้งหมด	2 – 3 คัน
โซน	รามอินทรา – จตุโชติ
เส้นทางคมนาคม	ถนนรามอินทรา ถนนคู้บอน ทางพิเศษกาญจนาภิเษก ทางพิเศษฉลองรัช
ที่ตั้ง	ติดถนนเลียบวงแหวนกาญจนาภิเษก แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร 10220
กำหนดการ	เริ่มก่อสร้าง ส.ค. 61
ปีที่สร้างเสร็จ	คาดว่าจะแล้วเสร็จ ธ.ค. 63
ราคา	เริ่มต้น 9 – 15 ล้านบาท*
ค่าส่วนกลาง	รอข้อมูลจากทางโครงการ
สถานที่สำคัญใกล้เคียง	ห้างสรรพสินค้า The Promanade : 6.5 กม. Fashion Island : 6.8 กม. ตลาดออเงิน : 8.4 กม. Amorini : 8.7 กม. The Junction : 9.7 กม. Ease Park : 9.8 กม. ตลาดถนอมมิตร : 10.5 กม. Plearnary Mall : 10.5 กม. Venis Di Iris : 10.6 กม. Foodland : 10.8 กม. The Walk : 11.7 กม. Nawamin City Avenue : 13.6 กม. Central รามอินทรา : 14.2 กม. The Crystal : 15.1 กม. Chic Republic : 15.5 กม. Nawamin Festival Walk : 16.0 กม. CDC : 16.1 กม. Central Festival Eastville : 16.4 กม. สถานศึกษา รร.สาธิตพัฒนา : 6.4 กม. รร.นานาชาติกีรพัฒน์ : 9.7 กม. รร.บดินทร์เดชา 2 : 10.3 กม. รร.เลิศหล้า : 12.3 กม. โรงพยาบาล รพ.พญาไท นวมินทร์ : 7.5 กม. รพ.นพรัตน์ : 8.2 กม. รพ.สินแพทย์ : 8.6 กม. โรงพยาบาลนวมินทร์ 9 : 12.3 กม. อื่น ๆ Safari World : 5.0 กม. สนามกอล์ฟปัญญา : 6.6 กม. สวนสยาม : 9.5 กม.
สิ่งอำนวยความสะดวก	The Club ห้องรับรอง สระว่ายน้ำระบบเกลือ Sauna Fitness Room Kid’s Room Entertainment Room Co – Working Space Cinema สวนส่วนกลาง กล้องวงจรปิด CCTV ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.
จุดเด่นของโครงการ	บ้านหรูหลังใหญ่ 380 ตรม. 3 ที่จอดรถ บนที่สุดของทำเลศักยภาพ ติดถนนเลียบวงแหวนกาญจนาภิเษก เพียง 5 นาที ถึง ทางด่วนจตุโชติ และ รถไฟฟ้าสายสีชมพู เริ่ม 9-15 ล้าน*

---

---

โครงการใกล้เคียง

• The Connect รามอินทรา กม.8
• Golden Town รามอินทรา-คู้บอน
• ชวนชื่น ซิตี้ วัชรพล-รามอินทรา
• บ้านกลางเมือง รามอินทรา 83 สเตชั่น
• Sena Park Grand รามอินทรา
• Sena Park Ville รามอินทรา-วงแหวน
• ภัสสร วงแหวน-รามอินทรา
• มัณฑนา รามอินทรา-วงแหวน
• Baan Mai รามอินทรา-คู้บอน
• Golden Town รามอินทรา-วงแหวน
• Golden Neo รามอินทรา-วงแหวน
• บ้านกลางเมือง รามอินทรา
• Pleno รามอินทรา
• สัมมากร อเวนิว รามอินทรา-วงแหวน
• สัมมากร ออฟฟิศ พาร์ค รามอินทรา-วงแหวน
• พฤกษาวิลล์ 89 รามอินทรา-วงแหวน
• The Exclusive วงแหวน-รามอินทรา
• Grandio รามอินทรา-วงแหวน
• Golden Neo 2 รามอินทรา-วงแหวน
• Golden Town 2 รามอินทรา-วงแหวน
• Reseo Home วงแหวน-รามอินทรา
• The City รามอินทรา
• The Connect วงแหวน-รามอินทรา
• The Connect วงแหวน-รามอินทรา 2
• The City รามอินทรา 2

---

:::: ที่ตั้งโครงการ ::::

ถนนเลียบวงแหวนกาญจนาภิเษก แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร 10220

พิกัด : 13.880783, 100.685567

ทำเลที่ตั้ง โครงการ THE CITY รามอินทรา 2 ตั้งอยู่ติดถนนเลียบวงแหวนกาญนาภิเษก โซนนี้นับว่าเป็นย่านของที่อยู่อาศัยในแนวราบ มีทั้งบ้านจัดสรร และบ้านพักอาศัยดั้งเดิม โดยความอุดมสมบูรณ์จะอยู่ค่อนมาทางถนนรามอินทรามากกว่าถนนหทัยราษฎร์ มีทั้ง คอนโด Low Rise, ออฟฟิศ โดยจะมีอาคารพาณิชย์เรียงขนาบถนนใหญ่ พอเข้าซอยก็จะเป็นลักษณะของชุมชน จากภาพรวมของย่านนี้ เนื่องจากเป็นย่านของที่อยู่อาศัยและออฟฟิศขนาดย่อม ๆ จึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกตั้งแต่ ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, คอมมูนิตี้มอลล์, ซุปเปอร์มาร์เก็ต รวมถึงตลาดนัดตอนกลางคืนอีกด้วย

และจากที่สังเกตดูก็คือ ย่านนี้ยังมีการเจริญเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ มีโครงการเกิดขึ้นอีกมากมายในช่วง 3 – 4 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นโครงการในแนวดิ่งหรือในแนวราบระดับ Luxury เพราะการมาถึงของรถไฟฟ้าสายสีชมพู ที่จะทำให้การสัญจรไป – มาสะดวกมากขึ้น และเพื่อรองรับพนักงานออฟฟิศที่เข้ามาทำงานในย่านนี้ จึงทำให้โซนนี้เป็นที่น่าจับตามองอีกโซนนึงเลยค่ะ

การเดินทางด้วยรถยนต์ การเดินทางด้วยรถส่วนตัวถือว่าค่อนข้างสะดวกนะคะจะเข้าหรือออกตัวเมืองก็ไม่ยาก เพราะตัวโครงการตั้งอยู่ใกล้กับถนนคู้บอนและถนนรามอินทรา ซึ่งสามารถเชื่อมไปยังถนนใหญ่ได้อีกหลายเส้น

จากถนนประดิษฐ์มนูธรรมวิ่งลงทางตอนใต้จะตัดกับถนนเกษตร – นวมินทร์และถนนลาดพร้าว ซึ่งจะไปเชื่อมกับถนนพหลโยธิน วิ่งลงมาอีกจะมาตัดกับถนนพระราม 9 และสุดที่ถนนเพชรบุรี เข้าสู่ย่าน CBD (Central Business District) ได้สะดวก โดยมีตัวช่วยในการเดินทางคือทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ ซึ่งจะไปเชื่อมต่อกับทางพิเศษศรีรัชและทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทำให้การเดินทางเข้าเมืองสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

ส่วนถนนรามอินทราถ้าวิ่งไปฝั่งตะวันตกทางปากเกร็ด จะไปเชื่อมกับถนนแจ้งวัฒนะตัดกับถนนพหลโยธินและถนนวิภาวดี – รังสิตและผ่านหน้าศูนย์ราชการ ส่วนฝั่งตะวันออกจะยิงยาวไปถึงมีนบุรี นอกจากนี้ช่วงที่โครงการตั้งอยู่ยังอยู่ติดกับวงแหวนกาญจนาภิเษกซึ่งเป็นตัวช่วยในการเดินทางอีกเส้นหนึ่ง จะวิ่งขึ้นไปทางบางปะอินหรือใช้วิ่งลงไปทางบางนาก็สะดวก อีกทั้งยังเชื่อมต่อกับทางพิเศษกรุงเทพ – ชลบุรี สายใหม่ และทางพิเศษบูรพาวิถีอีกด้วย

ทางด่วน จากตัวโครงการสามารถวิ่งไปใช้วงแหวนกาญจนาฯ ได้สะดวกเลยค่ะ โดยทางขึ้นจะอยู่บนถนนรามอินทราก่อนถึง Fashion Island ทางนี้จะสามารถไปยังสนามบินสุวรรณภูมิและบางนาได้รวดเร็ว

นอกจากนี้ยังอยู่ไม่ไกลจากจุดขึ้นทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ทั้งขาเข้าและขาออกเมืองค่ะ จากถนนเลียบวงแหวนฯ ให้วิ่งออกไปที่ถนนรามอินทราและเลี้ยวเข้าถนนประดิษฐ์มนูธรรมขึ้นทางด่วนในระยะทางเพียง 9.5 กม. สามารถเข้าสู่ย่านธุรกิจได้สะดวกและรวดเร็ว

แต่สำหรับวันที่รถติดเราสามารถไปขึ้นทางด่วนตรงด่านจตุโชติแทน จากโครงการวิ่งไปเพียง 2.4 กม. เท่านั้น ระยะโดยรวมอาจจะไกลกว่าเล็กน้อยแต่ว่าไม่ต้องวิ่งฝ่ารถติดบนถนนรามอินทราค่ะ

:: สรุปแยก และ ถนนสำคัญรอบโครงการ ::

• ถนนพระยาสุเรนทร์ : 800 ม.
• ถนนคู้บอน : 3.2 กม.
• แยกรามอินทรา กม.8 : 5.8 กม.
• ถนนรามอินทรา : 5.8 กม.
• ถนนนวมินทร์ : 6.0 กม.
• ถนนประดิษฐ์มนูธรรม : 8.6 กม.
• แยกวัชรพล : 9.2 กม.
• ถนนเกษตร – นวมินทร์ : 9.4 กม.

การเดินทางด้วยรถสาธารณะ ในอนาคตก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงแคราย – มีนบุรีบนเส้นรามอินทรา สถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีคู้บอนซึ่งอยู่ห่างจากสถานีวัชรพลเพียง 2 สถานี เป็นสถานี Interchange ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีเทาช่วงวัชรพล – ทองหล่อเป็นโครงการในอนาคตที่วิ่งเลียบเส้นเลียบด่วนรามอินทรา

ความอุดมสมบูรณ์ บริเวณโดยรอบของตัวโครงการส่วนมากจะเป็นอาคารที่พักอาศัยในแนวราบ ทั้งโครงการบ้านจัดสรร, บ้านพักอาศัยดั้งเดิม และผืนที่ดินเปล่า ซึ่งตอบโจทย์สำหรับคนที่ชอบความเงียบสงบไม่หนาแน่นอึกทึกเท่ากับการอยู่อาศัยในตัวเมือง ความอุดมสมบูรณ์ในย่านนี้ก็นับว่ารองรับการอยู่อาศัยให้มีความสะดวกสบายพอสมควรเลย ไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, คอมมูนิตี้มอลล์, ซุปเปอร์มาร์เก็ต และตลาดนัด ในย่านนี้มีครอบคลุมทั้งหมด

จากโครงการจะอยู่ใกล้กับถนนคู้บอน ซึ่งมีอาคารพาณิชย์เปิดเป็นร้านค้า ร้านอาหาร มีร้านสะดวกซื้อทั้ง Lotus Express, Family Mart, 7 – 11 และ Big C Market คู้บอน พอเข้าถนนเลียบคลองสองก็จะมีตลาดนัดสี่แยกพระพรหมคลองสองด้วยค่ะ

(ที่มาภาพ : https://www.wongnai.com, http://www.toptenthailand.com)

มาดูความอุดมสมบูรณ์ในวงกว้างกันบ้าง เริ่มจากเส้นรามอินทราที่เด่น ๆ เลยอยู่ตรงช่วง กม.10 ก็คือห้าง Fashion Island และข้าง ๆ กัน The Promanade ซึ่งภายในก็จะมีทั้ง Shopping Center, ห้าง Big C, ร้านอาหาร, โรงเรียนติวเตอร์, คลีนิกเสริมความงาม และ อื่น ๆ อย่างครบวงจร และมี Central รามอินทรา ตรงช่วงรามอินทรา กม.2 เส้นเลียบด่วนรามอินทราก็จะมีทั้ง The Crystal, CDC, Central Festival Eastville, ร้านอาหารบรรยากาศดี รวมถึงตลาดนัดเลียบด่วนขนาดใหญ่

บนเส้นนวมินทร์ก็มีทั้ง Tesco Lotus, รพ.พญาไท นวมินทร์ และ Big C Market มาอีกด้านบนเส้นเกษตร – นวมินทร์ก็มีหลายอย่างที่น่าสนใจ มี Community Mall, ร้านอาหาร และร้านนั่งชิว มา Hangout กับเพื่อน ๆ ได้ในยามค่ำคืนค่ะ

(ที่มาภาพ : https://www.siamamazingpark.com)

นอกจากนี้ ในย่านนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมอย่าง Safari World, สวนสยาม, สนามกอล์ฟปัญญารามอินทรา, สนามกอล์ฟนวธานี และ สนามกอล์ฟ Legacy Golf Club นับว่าย่านนี้ตอบโจทย์ได้ครบทุกรสชาติของการอยู่อาศัยเลยทีเดียว

:: สรุปสถานที่สำคัญรอบโครงการ ::

ห้างสรรพสินค้า

• The Promanade : 6.5 กม.
• Fashion Island : 6.8 กม.
• ตลาดออเงิน : 8.4 กม.
• Amorini : 8.7 กม.
• The Junction : 9.7 กม.
• Ease Park : 9.8 กม.
• ตลาดถนอมมิตร : 10.5 กม.
• Plearnary Mall : 10.5 กม.
• Venis Di Iris : 10.6 กม.
• Foodland : 10.8 กม.
• The Walk : 11.7 กม.
• Nawamin City Avenue : 13.6 กม.
• Central รามอินทรา : 14.2 กม.
• The Crystal : 15.1 กม.
• Chic Republic : 15.5 กม.
• Nawamin Festival Walk : 16.0 กม.
• CDC : 16.1 กม.
• Central Festival Eastville : 16.4 กม.

สถานศึกษา

• รร.สาธิตพัฒนา : 6.4 กม.
• รร.นานาชาติกีรพัฒน์ : 9.7 กม.
• รร.บดินทร์เดชา 2 : 10.3 กม.
• รร.เลิศหล้า : 12.3 กม.

โรงพยาบาล

• รพ.พญาไท นวมินทร์ : 7.5 กม.
• รพ.นพรัตน์ : 8.2 กม.
• รพ.สินแพทย์ : 8.6 กม.
• โรงพยาบาลนวมินทร์ 9 : 12.3 กม.

อื่น ๆ

• Safari World : 5.0 กม.
• สนามกอล์ฟปัญญา : 6.6 กม.
• สวนสยาม : 9.5 กม.

---

:::: การเดินทางสู่โครงการ ::::

วันนี้ทางทีมงาน Homenayoo มีภาพการเดินทางไปสู่ตัวโครงการโดยใช้รถยนต์ส่วนตัวมาฝากกันค่ะ โดยเราจะเริ่มการเดินทางจาก

ถนนนวมินทร์ > ถนนรามอินทรา > แยกรามอินทรากม.8 > ถนนคู้บอน > ถนนเลียบวงแหวนกาญจนาภิเษก > THE CITY รามอินทรา 2

วันนี้เราจะเริ่มต้นการเดินทางจากบนถนนนวมินทร์มุ่งหน้าไปทางแยกรามอินทรา กม.8 กันค่ะ ทางฝั่งขวามือเราจะสังเกตเห็น Tesco Lotus สุขาภิบาล 1 และ รพ.พญาไท นวมินทร์

ให้เราวิ่งตรงไปเรื่อย ๆ สังเกตป้ายถนนรามอินทรา (ประดิษฐ์มนูธรรม) เอาไว้ค่ะ

จากนั้นให้เราชิดซ้ายตามป้ายหลักสี่เอาไว้

ชิดซ้ายและเลี้ยวซ้ายเข้าถนนรามอินทราค่ะ

พอเราเลี้ยวเข้าถนนรามอินทราแล้วให้เรารีบชิดขวาบริเวณก่อนถึงแยกรามอินทรา กม.8 จะมีทางแยกฝั่งขวามือเข้าเลนใต้สะพานข้ามแยก

และให้เราเลี้ยวขวาเข้าถนนคู้บอนตรงแยกรามอินทรา กม.8 ค่า ให้เราสังเกตดูสัญญาณไฟแดงเอาไว้นะ

เลี้ยวเข้าถนนคู้บอนมาแล้วให้เราวิ่งตรงไปเรื่อย ๆ จะสังเกตว่า 2 ข้างทางถนนคู้บอนจะค่อนข้างคึกคักพอสมควรด้วยอาคารพาณิชย์ ร้านค้า ร้านอาหาร และร้านสะดวกซื้อ

พอใกล้ถึงโครงการบนถนนคู้บอนจะเห็นวัดคู้บอนและ รร.วัดคู้บอน อยู่ทางฝั่งซ้ายมือ

ให้เราวิ่งชิดซ้ายไปตามถนนคู้บอนค่ะ

จากนั้นให้เราเลี้ยวขวาลอดใต้สะพานตามป้ายถนนหทัยราษฎร์

แล้วเลี้ยวซ้ายอีกทีเข้าถนนเลียบวงแหวนกาญจนาภิเษกตามป้ายเลียบคลองสองค่ะ

จากนั้นเราตรงต่อไปเรื่อย ๆ ตามถนนเลียบวงแหวนกาญจนาภิเษกค่ะ

ตรงไปสักพักประมาณ 3.6 กม. แล้วก่อนเลี้ยวขวาเข้าซอยจตุโชติจะเห็นทางเข้าโครงการอยู่ข้างหน้าเลย

ตัวโครงการ THE CITY รามอินทรา 2 จะอยู่ทางฝั่งซ้ายมือของเราแล้วค่ะ

---

:::: สภาพแวดล้อมรอบโครงการ ::::

สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยในแนวราบทั้งหมด และบางส่วนยังคงเป็นที่ดินว่างเปล่าจึงทำให้บริเวณนี้ค่อนข้างเงียบสงบและเป็นส่วนตัว

---

:::: ตัวโครงการ ::::

THE CITY รามอินทรา 2 เป็นโครงการบ้านเดี่ยวหรูสูง 2 ชั้น บนเนื้อที่โครงการ 32 ไร่ เอกสิทธิเป็นส่วนตัวด้วยจำนวนเพียง 116 ยูนิต บ้านมีเนื้อที่ดินเริ่มต้นที่ 54.6 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 186 – 380  ตร.ม. ฟังก์ชันขนาด 4 – 5 ห้องนอน 4 – 6 ห้องน้ำ 2 ห้องพักผ่อน ห้องแม่บ้านพร้อมห้องน้ำในตัว* และที่จอดรถ 2 – 3 คัน ออกแบบมาในสไตล์ Modern Luxury พร้อม Facilities อย่างครบครันที่ตอบโจทย์ Lifestyle ความเป็นคนเมือง ผสมผสานกับความเป็นสังคมส่วนตัว และยังเป็นสถานที่ที่คนในครอบครัวสามารถทำกิจกรรมในวันหยุดร่วมกันได้โดยไม่ต้องเดินทางไปข้างนอกไกล ไม่ว่าจะเป็น The Club เป็นคลับเฮ้าส์รูปแบบใหม่ มี ห้องรับรอง, สระว่ายน้ำระบบเกลือ, Sauna, Fitness Room, Kid’s Room, Entertainment Room, Co – Working Space, Cinema, สวนส่วนกลาง, พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.

ทางเข้า – ออกของโครงการจะต้องผ่าน Gate รักษาความปลอดภัย ประกอบด้วย ป้อมรปภ., ระบบ Auto Access Card และกล้อง CCTV จาก Gate จะเชื่อมสู่ถนนหลักกว้าง 12 เมตร ตัดเข้าไปภายในโครงการ และเชื่อมต่อด้วยถนนซอยกว้าง 9 เมตร ตัดผ่านหน้าบ้านทุกหลัง

นอกจากนี้ Facilities ของโครงการจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกก็คือ The Club ถูกจัดเอาไว้ด้านหน้าโครงการซึ่งเป็นจุดสำหรับรับแขกด้วย ทำให้คนภายนอกจะไม่ต้องเข้ามาภายในโครงการให้ลูกบ้านเสียความส่วนตัว ส่วนที่ 2 คือสวนสาธารณะ เป็นปอดของโครงการที่เชื่อมต่ออยู่กับ The Club ลูกบ้านทุกหลังสามารถเข้ามาใช้งานส่วนกลางได้ง่าย เดินหรือปั่นจักรยานไม่ไกล เพราะโครงการมีขนาดไม่ใหญ่ อีกทั้งโครงการมีจำนวนยูนิตน้อย ทำให้โครงการมีความเป็นส่วนตัวสูงและไม่แออัดด้วย

---

:::: แบบบ้านของโครงการ ::::

บ้านของโครงการเป็นบ้านเดี่ยวหรูสูง 2 ชั้น ออกแบบมาในสไตล์ Modern Luxury ดูทันสมัย และหรูหรา พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านมีขนาดใหญ่ถึง 186 – 380 ตร.ม. ฟังก์ชันขนาด 4 – 5 ห้องนอน 4 – 6 ห้องน้ำ 2 ห้องพักผ่อน ห้องแม่บ้านพร้อมห้องน้ำในตัว* และ ที่จอดรถ 2 – 3 คัน ออกแบบให้โปร่ง เรียบง่าย สามารถจัดสรรเนื้อที่ภายในบ้านได้ตามความต้องการของผู้อยู่อาศัย มีฝ้าเพดานสูงถึง 2.6 – 2.8  เมตรโปร่งอยู่สบาย พร้อมส่วน Double Space สูงถึง 6.4 เมตร โดยแบบบ้านมีด้วยกัน 5 แบบนั่นก็คือ

• CITY VIREO : พื้นที่ใช้สอย 186 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน, 3 ห้องน้ำ, 2 ห้องพักผ่อน และ ที่จอดรถ 2 คัน
• CITY MOONWAKE : พื้นที่ใช้สอย 225 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน, 4 ห้องน้ำ, 2 ห้องพักผ่อน และ ที่จอดรถ 2 คัน
• CITY INSCAPE : พื้นที่ใช้สอย 275 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน, 5 ห้องน้ำ, 2 ห้องพักผ่อน, ที่จอดรถ 3 คัน และ 1 ห้องแม่บ้านพร้อมห้องน้ำในตัว
• CITY BRIVET : พื้นที่ใช้สอย 330 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน, 5 ห้องน้ำ, 2 ห้องพักผ่อน, ที่จอดรถ 3 คัน และ 1 ห้องแม่บ้านพร้อมห้องน้ำในตัว
• CITY VESPERTINE : พื้นที่ใช้สอย 380 ตร.ม. ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน, 6 ห้องน้ำ, 2 ห้องพักผ่อน, ที่จอดรถ 3 คัน และ 1 ห้องแม่บ้านพร้อมห้องน้ำในตัว

อีกทั้งยังติดตั้งสัญญาณป้องกันขโมยระบบ Magnetic และ Shock Sensor รวมถึงระบบ Home Automation มาให้ในตัวบ้านทุกหลัง เช่น ระบบสั่ง เปิด/ปิด เครื่องใช้ไฟฟ้า, ระบบสั่งงานแอร์คอนดิชัน, เครื่องทำความร้อน และอื่น ๆ ผ่าน Application บนมือถือ, ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวและสามารถเปิดไฟอัตโนมัติได้, ระบบประตูอัจฉริยะสามารถปลดล็อกผ่านรหัส, ลายนิ้วมือ และกุญแจ เป็นต้น

---

:::: บริเวณภายในโครงการ ::::

::: ทางเข้าโครงการ :::

เดี๋ยวเราไปชมภายในโครงการ, พื้นที่ส่วนกลาง รวมถึงบ้านตัวอย่างกันค่ะ โดยจากซอยจตุโชติได้ทำทางเข้าส่วนตัวของโครงการขนาดใหญ่

ซุ้มของโครงการถูกออกแบบมาในสไตล์ Modern Luxury ที่ดูทันสมัยและหรูหราด้วยผนังลายหินอ่อนสีขาวที่ตัดกับผนังสีเทาเข้ม

การผ่าน Security Gate นั้นจะต้องผ่าน ป้อมรปภ., รั้วไม้กระดก, รั้วเลื่อนอัตโนมัติ และกล้อง CCTV ทั้งช่องทางเข้า – ออก ด้วยระบบ RFID คือการใช้สัญญาณ Bluetooth แล้วเปิดให้อัตโนมัติเหมือน Easy Pass บนทางด่วน โดยไม่ต้องเปิดกระจกลงมาเพื่อแตะบัตร นับว่าสะดวกสำหรับลูกบ้านเลยค่ะ

สำหรับ Resident ที่ถือ Key Card หรือลงทะเบียนระบบ KATSAN กับ AP สามารถขับผ่านรั้วเข้าไปได้เลย ส่วน Visitor จะต้องแลกบัตรกับเจ้าหน้าที่ก่อน อีกทั้งยังออกแบบประตูทางเข้าคนเดินแยกต่างหากที่ด้านข้างของซุ้มให้คนสามารถเดินเข้า – ออกได้อย่างปลอดภัยแยกกับรถยนต์

ภาพมองย้อนกลับไปที่ซุ้มทางเข้าโครงการ เป็นส่วนเดียวกับอาคาร The Club เป็นคลับเฮ้าส์รูปแบบใหม่ ตั้งอยู่ที่ด้านหน้าโครงการ เป็นส่วนที่สามารถใช้รองรับแขกจากภายนอกโครงการ และยังเชื่อมต่อกับสวนสาธารณะด้วยค่ะ ในรายละเอียดเจาะลึกจะอยู่ในหัวข้อถัดไปนะ

::: บริเวณภายในโครงการ :::

จากซุ้มทางเข้าโครงการจะเชื่อมกับถนนหลักกว้าง 12 เมตรนำเข้าสู่ด้านในโครงการ 2 ข้างทางปลูกต้นไม้สร้างพื้นที่สีเขียวปรับอารมณ์

บรรยากาศภายในถนนหลักของโครงการ

บ้านทางฝั่งซ้ายมือหลังแรกเป็นส่วนของ Sales Gallery เชื่อมต่อกับบ้านตัวอย่างแบบ CITY BRIVET ขนาด 330 ตร.ม. ที่เราจะพาเข้าไปชมกันในวันนี้

ส่วนทางฝั่งขวามือคือแบบบ้าน CITY VESPERTINE ขนาด 380 ตร.ม. ซึ่งเป็นแบบบ้านขนาดใหญ่ที่สุดของโครงการ

ภาพบรรยากาศภายในโครงการในมุมกลับ

::: คลับเฮ้าส์ :::

คราวนี้เรามาดูรายละเอียดของ The Club ด้วยกันต่อเลยค่ะ

The Club ของที่นี่จะเป็น Clubhouse รูปแบบใหม่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน เหมาะสำหรับการทำกิจกรรมของทุกคนภายในครอบครัวโดยไม่ต้องเดินทางไปข้างนอกเลย เพราะถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์ Lifestyle ความเป็นคนเมืองที่ผสมผสานกับความเป็นสังคมส่วนตัว ภายในประกอบด้วย ห้องรับรอง, สระว่ายน้ำระบบเกลือ, Sauna, Fitness Room, Kid’s Room, Entertainment Room, Co – Working Space และ Cinema

โดยทางเข้าหลักของ The Club จะอยู่ด้านข้างกับฝั่งทางเข้าโครงการ ส่วนแรกจะเป็นห้องรับรองหรือ Lounge สามารถใช้ต้อนรับแขกจากภายนอกที่ไม่ได้สนิทมากเอาไว้พบปะพูดคุยกัน ไม่ต้องให้เข้าไปถึงตัวบ้านภายในโครงการ หรือจะใช้เป็นจุดนั่งพักคอยพักผ่อนก็ได้ค่ะ

ภายในจัดเป็นชุดโซฟาและโต๊ะสำหรับใช้คุยงานอย่างสวยงามเอาไว้รับรองแขกจากภายนอก

จากห้องรับรองจะมีทางเดินเชื่อมต่อขึ้นมายังสระว่ายน้ำและบันไดทางขึ้นชั้น 2 ค่ะ

สระว่ายน้ำของที่นี่เป็นสระระบบเกลือค่ะ สามารถใช้ว่ายน้ำเพื่อออกกำลังกายได้อย่างจริงจัง ภายในแบ่งพื้นที่สระเด็กเพื่อให้เด็ก ๆ สามารถเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัย

โดยทางโครงการออกแบบให้มีบันไดภายในสระเป็นทางเดินลงสระแบบนี้ค่ะ

และยังมีสระขนาดเล็กพร้อมที่นั่งในสระและจากุซซี่ให้สามารถนั่งนวดตัวได้

บริเวณข้างสระมีพื้นที่ Pool Deck ขนาดใหญ่ โดยในอนาคตทางโครงการจะจัดชุดเก้าอี้และ Day Bed เอาไว้ให้นั่งเล่นพักผ่อน

สุดโถงทางเดินจะมีห้องน้ำแยกชาย – หญิงที่ทางโครงการจัดเอาไว้ให้

ภาพบรรยากาศภายในห้องน้ำหญิง ทางฝั่งซ้ายมือของห้องคือห้องน้ำและห้องอาบน้ำ ตรงกลางคือห้องซาวน่า และทางฝั่งขวามือคืออ่างล้างมือค่ะ

บริเวณเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ ทางโครการจัดเอาไว้ให้ 2 อ่างพร้อมกระจกเงาบานใหญ่สำหรับแต่งตัว

ภาพบรรยากาศภายในห้องซาวน่าค่ะ

ภาพบรรยากาศภายในห้องน้ำและห้องอาบน้ำ

สำหรับห้องน้ำชายก็จะมี อ่างล้างมือ, ห้องซาวน่า, ห้องน้ำ และห้องอาบน้ำให้เช่นกัน ส่วนที่เพิ่มเติมเข้ามาก็คือโถสุขภัณฑ์ชายค่ะ

เราขึ้นไปดูที่บนชั้น 2 ด้วยกันต่อเลย พื้นที่ของ The Club ชั้น 2 จะประกอบด้วย Fitness Room, Kid’s Room, Entertainment Room, Co – Working Space และ Cinema

ขึ้นมาถึงชั้น 2 กันแล้ว ห้องทางฝั่งซ้ายมือของเราคือ Fitness Room ค่ะ

ภายใน Fitness Room มีพื้นที่ที่กว้างขวาง และโอ่โถงด้วยฝ้าที่สูงโปร่ง ปิดล้อมด้วยผนังกระจกขนาดใหญ่ถึง 2 ด้านทำให้ภายในห้องสามารถรับแสงธรรมชาติได้อย่างเพียงพอ ช่วยสร้างบรรยากาศที่เหมาะสำหรับการออกกำลังกาย โดยพื้นที่ภายห้องปูด้วยแผ่นยางที่ช่วยซับแรงกระแทกในการออกกำลังกายได้ดีค่ะ

ทางโครงการจัดเตรียมชุดออกกำลังกายเอาไว้ให้อย่างครบครัน ทั้งแบบ Cardio และ Weight Training เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง อย่างทางฝั่งนี้จะมี ลู่วิ่งไฟฟ้า, เครื่องเดินวงรี และ จักรยานไฟฟ้า ค่ะ

ถัดมามี Multi – Function Machine ขนาดใหญ่สำหรับ Weight Training ครบทุกส่วนไม่ว่าจะเป็น แขน, ไหล่, หลัง, อก และ ขา

อีกฝั่งของห้องจัดชุดดัมเบลแบบคละน้ำหนักพร้อมม้านั่งราบแบบปรับระดับได้ ที่ผนังติดกระจกเงาให้สามารถดู Form ในการออกกำลังกายได้ค่ะ

กลับออกมาที่โถงบันได ทางฝั่งขวามือจะเป็นห้อง Kid’s Room, Entertainment Room, Co – Working Space และ Cinema ที่ถูกออกแบบรวมกันไว้ให้อยู่ใน Space ขนาดใหญ่

ภายในห้องมีการตกแต่งอย่างสวยงามน่าใช้งานโดยโทนสีแบบสบาย ๆ ปูพื้นด้วยไม้ และตกแต่งเพดานด้วยลูกเล่นที่น่าสนใจที่ถอดแบบมาจากต้นไม้ลงมาเชื่อมกับผนัง

ส่วนแรกของห้องนี้ก็คือ Kid’s Room ค่ะ เป็นพื้นที่ที่เด็ก ๆ สามารถนั่งเล่น, อ่านหนังสือ และเข้าสังคมกับเด็กคนอื่น ๆ ได้

การตกแต่งพื้นที่ส่วนนี้ช่วยสร้างบรรยากาศของการเรียนรู้ ดูสนุกสนาน ริมผนังมีม้านั่ง 2 ระดับ มีหนังสือสำหรับอ่านเล่น และมีตุ๊กตาน่ารัก ๆ ให้เด็ก ๆ เล่นได้ สังเกตทางฝั่งขวามือจะมีห้องที่กั้นส่วนด้วยประตูทึบแสง นั่นก็คือ Cinema ค่ะ

ภายใน Cinema จัดเป็นชุดโซฟา L Shape ขนาดใหญ่ พร้อมจอทีวีขนาดใหญ่สำหรับนั่งดูหนังโดยเฉพาะ ได้บรรยากาศเป็น Private Cinema เลยค่ะ

ถัดจาก Kid’s Room ก็จะเป็นส่วนของ Co – working Space นั่นเอง

ทางโครงการได้จัดชุดโต๊ะเก้าอี้เอาไว้ให้หลายชุด ลูกบ้านสามารถนำหนังสือหรือนำงานขึ้นมานั่งทำได้ เปลี่ยนบรรยากาศไม่ต้องนั่งหมกอยู่แต่ในบ้าน และก็ไม่ต้องเดินทางออกไปข้างนอกเพื่อหาร้านกาแฟไกล ๆ ด้วย

ส่วนสุดท้ายของห้องก็คือ Entertainment Room ค่ะ ห้องนี้จะเป็นพื้นที่สำหรับความสนุกสนานและการเข้าสังคมโดยเฉพาะ ทางโครงการได้จัดโต๊ะพูลเอาไว้ให้ลูกบ้านได้มาจอยกัน

 

มีชุดโซฟาและอาร์มแชร์สำหรับนั่งพักผ่อน พบปะ พูดคุยกัน อีกทั้งยังมีจอทีวีเอาไว้ให้ลูกบ้านสามารถเชียร์บอลหรือดูรายการโปรดร่วมกันได้อย่างสนุกสนาน

::: สวนสาธารณะ :::

จากอาคาร The Club จะมีทางเดินเชื่อมออกมายังสวนสาธารณะขนาดใหญ่ด้วยค่ะ

เดินเข้ามาภายในสวนสาธารณะมีบรรยากาศร่มรื่นทีเดียว ทางโครงการลงต้นไม้หลากหลายพันธุ์ ทั้งต้นไม้ยืนต้นให้ร่มเงา ไม้พุ่มคลุมดิน และสนามหญ้าขนาดใหญ่ โดยมีทางเดินโดยรอบสวนสำหรับเดินเล่นพักผ่อน

เดินเข้าไปด้านในสวนทางฝั่งขวามือจะมี Pavilion ออกแบบมาคู่กับม้านั่งแบบขั้นบันไดให้สามารถนั่งเล่นได้

อีกทั้งยังมี Jogging Track ให้บรรดาลูกบ้านสายรักสุขภาพได้วิ่งออกกำลังกายกัน

รวมถึงพื้นที่สนามหญ้าขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับกิจกรรมสันทนาการของครอบครัวและเพื่อนบ้าน ยกตัวอย่างเช่น แบตมินตัน

---

:::: บ้านตัวอย่าง ::::

วันนี้เราจะพาท่านผู้อ่านของเราไปชมบ้านตัวอย่าง CITY BRIVET ขนาด 330 ตร.ม. กันค่ะ

บ้านตัวอย่างได้ทำการต่อเติมพื้นที่จอดรถและทางเข้าบ้านให้เชื่อมต่อกับ Sales Gallery เพื่อความสะดวกสบายของลูกค้าที่เข้าชมโครงการ จริง ๆ แล้วตรงหน้าต่างยาว 3 บานจะเป็นพื้นที่สำหรับจอดรถในร่มได้ 3 คัน และช่องกระจกตรงกลางจะเป็นเฉลียงทางเข้าบ้านค่ะ

ประตูทางเข้าบ้านใช้ประตูบานไม้สักพร้อมลูกฟักกระจกแบบบานเปิดคู่ขนาดใหญ่ และติดตั้งมือจับประตูอัจฉริยะหรือ Digital Door Lock ของ Life Smart ให้

ภายในบ้านส่วนแรกเป็นโถง Living Area ขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อไปยังฟังก์ชันต่าง ๆ ของบ้าน ทางฝั่งซ้ายมือคือห้องนั่งเล่นและห้องรับประทานอาหาร ตรงกลางคือส่วนเตรียมอาหารที่เชื่อมต่อกับห้องครัวและลานซักล้าง และทางฝั่งขวามือคือโถงทางเดินไปยังห้องนอนชั้นล่าง, โถงบันได และห้องน้ำชั้นล่างค่ะ

พื้นบ้านปูด้วยกระเบื้องแกรนิโตขนาด 60 x 60 ซม. ผนังเป็นผนังก่ออิฐมวลเบาติดวอลเปเปอร์สีมาตรฐานของทางโครงการ ฝ้าเพดานภายในบ้านสูง 2.6 เมตร ติดดวงโคมดาวน์ไลต์ให้ทั้งหลัง

เราเข้าไปดูทางฝั่งปีกซ้ายของบ้านกันก่อนค่ะ ส่วนนี้จะประกอบด้วย ห้องนั่งเล่น, ห้องรับประทานอาหาร และห้องรับแขกหรือห้องอเนกประสงค์

สำหรับพื้นที่ห้องนั่งเล่นและห้องรับประทานอาหารนั้นถูกจัดให้เป็นฟังก์ชันที่เชื่อมต่อกันแบบ Open Plan โดยบ้านตัวอย่างได้จัดเฟอร์นิเจอร์และ Finishing มาให้เห็นความลงตัวในแง่ของการใช้งานและความสวยงามเพื่อเป็นไอเดีย

บ้านตัวอย่างแบ่งพื้นที่ครึ่งหนึ่งของโถงได้เป็นห้องนั่งเล่นที่มีขนาดใหญ่ สามารถจัดวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกาแฟและอาร์มแชร์ได้สบาย หรือจะวางโซฟา L Shape แทนก็ทำได้

ผนังฝั่งชั้นวางทีวีทำ Built In สำหรับวางของตกแต่งและเก็บของเพิ่มเติม ปิดผิวด้วย Finishing ดูหรู และเลือกใช้ทีวีแบบแขวนผนังมาให้ดูเป็นไอเดีย ระยะดูทีวีตรงนี้สามารถใช้จอทีวีขนาด 55 – 60 นิ้วได้เลย เผื่อเวลานั่งตรงโต๊ะรับประทานอาหารก็สามารถดูทีวีด้วยได้

จากห้องนั่งเล่นสามารถเชื่อมต่อกับสวนข้างบ้านได้ โดยมีชุดประตูบานเลื่อน UPVC สีดำแบบบานเลื่อนคู่ ติดกระจกเขียวตัดแสง

 

ภาพบรรยากาศบริเวณสวนข้างบ้าน ขนาดของพื้นที่สวนนั้นจะแล้วแต่ขนาดของบ้านแต่ละแปลงค่ะ สังเกตว่าพอเปิดประตูออกมาแล้วจะมีพื้นเฉลียงขนาดใหญ่ยกระดับจากพื้นดินขึ้นมา 15 ซม. ปูด้วยกระเบื้องเซรามิก สามารถตั้ง Day Bed หรือชุดโต๊ะน้ำชาสำหรับนั่งพักผ่อนชมสวนได้ โดยเฉลียงนี้จะยาวเชื่อมกับหน้าห้องพักผ่อนครอบครัวด้วยค่ะ

เราเข้าไปดูภายในห้องรับแขกกันต่อเลยค่ะ ห้องรับแขกหรือห้องอเนกประสงค์เป็นห้องที่อยู่ด้านหน้าสุดของบ้าน ล้อมรอบด้วยกระจกทั้ง 3 ด้าน โดยจะมี 2 ฝั่งที่เป็นประตูบานเลื่อนเปิดคู่ เปิดออกฝั่งสวนหน้าบ้าน และเปิดออกฝั่งเฉลียงทางเข้าบ้าน หากใครที่ชอบความเป็นส่วนตัวไม่ชอบให้คนภายนอกเข้ามาในส่วน Living Area ของบ้าน ก็สามารถใช้ห้องนี้เป็นพื้นที่รับรองแขกโดยเฉพาะได้

นอกจากจะใช้เป็นพื้นที่สำหรับรับรองแขกได้แล้ว ก็ยังสามารถใช้เป็นห้องอเนกประสงค์ โดยสามารถรองรับกิจกรรมได้หลายรูปแบบตามไลฟ์สไตล์ของเจ้าของบ้าน จะใช้เป็นห้องนั่งพักผ่อนเงียบ ๆ จิบไวน์ชมสวน ห้องสำหรับนั่งทำงานอ่านหนังสือ หรือสำหรับสาย Active สามารถจัดเป็น Home Gym ได้เลย

เราย้อนกลับออกมาที่ห้องรับประทานอาหารกันค่ะ พื้นที่อีกครึ่งหนึ่งของโถงใหญ่สามารถจัดวางชุดโต๊ะรับประทานอาหาร 8 ที่นั่งได้ลงตัว

ดังที่กล่าวไปข้างต้นแล้วค่ะว่า จากโต๊ะรับประทานอาหารก็สามารถนั่งดูทีวีได้เหมือนกัน เป็นข้อได้เปรียบของการออกแบบแปลนแบบเปิดกว้าง ที่นอกจากจะทำให้บ้านดูกว้างขวางแล้ว ยังทำให้กิจกรรมของครอบครัวเชื่อมต่อถึงกันอีกด้วย สังเกตทางฝั่งซ้ายมือก็คือส่วนเตรียมอาหารที่อยู่เชื่อมกับห้องรับประทานอาหารเช่นกันค่ะ

คราวนี้เราจะไปดูทางฝั่งปีกขวาของบ้านกันบ้าง

จากส่วนรับประทานอาหารจะถูกกั้นส่วนจากห้องครัวไทยด้วยประตูบานเลื่อน UPVC สีดำติดกระจก เพื่อกันกลิ่นจากการปรุงอาหารในครัวไม่ให้ฟุ้งกระจายออกมา พื้นที่ภายในครัวไทยขนาดใหญ่กำลังดีสำหรับ 3 คนยืนช่วยกันปรุงอาหาร โดยเราจะได้เคาน์เตอร์ครัวก่อรูปตัว L มาด้วยพร้อมติดตั้ง หน้าบานปิด, อ่างล้างจาน และ Hood ดูดควัน แบบนี้ ส่วนพื้นห้องครัวปูด้วยกระเบื้องแกรนิโตค่ะ

ใต้เคาน์เตอร์ครัวติดหน้าบานเปิดให้สามารถเก็บของได้ ตัวบานใช้ผิว High Gloss ส่วนที่หน้าบานใต้อ่างล้างมือจะติดรูระบายความชื้นเอาไว้ให้ด้วย ตัวเคาน์เตอร์และ Backsplash ปิดผิวด้วยกระเบื้องเซรามิกลายหินอ่อน ส่วน Top เคาน์เตอร์ใช้หินแกรนิตสีดำ สำหรับตำแหน่งเคาน์เตอร์ที่ใช้วางเตาปรุงอาหารทำลดระดับลงมา 10 ซม. เพื่อให้ได้ระยะการใช้งานที่สะดวกสบาย

จากครัวไทยจะมีประตูเชื่อมกับลานซักล้างหลังบ้าน ประตูใช้บาน UPVC มือจับลูกบิดสแตนเลส เหนือประตูติดพัดลมช่วยระบายกลิ่นและอากาศภายในห้องครัวมาให้ด้วย

พื้นส่วนลานซักล้างจะลดระดับลงจากพื้นห้องครัวอีกประมาณ 10 ซม. ปูด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 ซม. ซึ่งประตูฝั่งซ้ายที่อยู่ติดกัน 2 บานก็คือประตูห้องแม่บ้านและห้องน้ำแม่บ้านค่ะ

กลับเข้ามาภายในบ้าน เราเดินเข้ามาด้านในโถงทางเดินเพื่อไปดูห้องนอนชั้นล่างกันต่อ ส่วนประตูทางฝั่งขวามือก็คือห้องเก็บของใต้บันไดค่ะ ภายในจะเป็นจุดที่ใช้ซ่อนตู้ไฟของบ้านด้วย

ห้องนอนชั้นล่างเป็นห้องที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเดินขึ้น – ลงบันไดได้สะดวกแล้ว นอกจากนี้ยังสามารถใช้ห้องนี้เป็นห้องอเนกประสงค์ได้อีกด้วยนะ สามารถจัดให้เป็นห้องทำงานส่วนตัว, ห้องดูหุ้น, ห้องเลี้ยงเด็ก, โฮมเธียร์เตอร์, ห้องชิมไวน์ และอื่น ๆ ได้อีกมากมายตามไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยค่ะ โดยที่พื้นจะปูด้วยลามิเนตหนา 8 มม. เพื่อให้ได้สัมผัสที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนมากกว่า

บ้านตัวอย่างจัดวางเตียงขนาด 5 ฟุตมาให้เราดูพื้นที่ใช้สอยภายในห้อง ซึ่งจริง ๆ แล้วเราสามารถวางเตียงนอนขนาด 6 ฟุตได้อย่างสบายเลย ทางฝั่งซ้ายมือของเตียงนอนสามารถจัดเป็นมุมทำงานโดยวางโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ได้ 1 ตัว และทางฝั่งขวามือสามารถวางโต๊ะข้างได้อีก 1 ตัวค่ะ

พื้นที่อีกฝั่งของห้องเป็นตำแหน่งที่ทางโครงการออกแบบให้ผนังเซ็ตเข้าไปให้วางตู้เสื้อผ้าได้พอดี พอเดินออกมาจากห้องน้ำก็ยืนแต่งตัวได้เลย

ภายในจัดเรียงสุขภัณฑ์จากส่วนแห้งเข้าไปหาส่วนเปียก พื้นใช้กระเบื้องเซรามิกขนาด 60 x 60 ซม. ส่วนผนังใช้กระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 60 ซม. จะเห็นว่าห้องน้ำห้องนี้สว่างและไม่มืดทึบเลยค่ะ เพราะมีช่องแสงเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งกระจกฝ้า รวมถึงที่ฝ้าเพดานก็ติดดวงโคมดาวน์ไลต์มาให้ 2 ดวง เป็นฝ้าฉาบเรียบกันความชื้น

ส่วนสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำจะใช้ของ American Standard ทั้งหมด ใช้อ่างล้างมือวางบนเคาน์เตอร์สำเร็จรูปขนาดใหญ่, โถสุขภัณฑ์แบบแยกชิ้น มีขนาดใหญ่นั่งสบาย และชุดฝักบัวอาบน้ำสายอ่อนพร้อมราวปรับระดับและจานวางสบู่

ด้านในสุดคือโซนอาบน้ำค่ะ พื้นทำลดระดับลงให้ประมาณ 1 นิ้วเพื่อกันน้ำไหลย้อน มีขนาดพื้นที่อาบน้ำที่ใหญ่กำลังดีไม่อึดอัด ส่วนนี้ขอแนะนำให้ติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัยเพิ่มเติมเอานะคะ จะทำให้ห้องน้ำเป็นสัดเป็นส่วนมากขึ้น

 

ออกมาจากโถงทางเดินมาดูห้องน้ำชั้นล่างที่อยู่ข้างบันไดกันต่อค่ะ ห้องน้ำนี้เป็นห้องน้ำ Powder Room สำหรับรองรับแขกและการใช้งานระหว่างวัน โดยออกแบบให้แยกส่วนออกมาจากห้องนอนชั้นล่างอย่างชัดเจนเพื่อความเป็นส่วนตัว

ภายในห้องน้ำตกแต่งด้วยกระเบื้องเซรามิกและสุขภัณฑ์ใช้ของแบรนด์ American Standard ค่ะ

เราขึ้นไปดูที่ชั้น 2 ด้วยกันเลย สำหรับโครงสร้างบันไดจะเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กแข็งแรง ลูกนอนปิดผิวด้วยไม้ยางพารา ส่วนลูกตั้งฉาบเรียบทาสี ราวบันไดเป็นราวเหล็กใช้ดีเทลแบบเรียบ ๆ ดู Modern มือจับก็ใช้ไม้ยางพาราเช่นกัน

ภาพมองขึ้นไปยังโถงบันไดชั้น 2 ส่วนนี้สามารถติด Chandelier ได้ ทำให้บ้านดูหรูมากขึ้น

ภาพมองย้อนกลับลงไปที่ชานพักบันได สังเกตเห็นว่าทางโครงการออกแบบให้ขั้นบันไดเป็นแบบเต็มขั้นทุกขั้น ไม่มีขั้นสามเหลี่ยมมาเลย ทำให้สามารถเดินขึ้น – ลงบันไดได้อย่างปลอดภัย

ส่วนแรกบนชั้น 2 เป็นโถงบันไดขนาดใหญ่ซึ่งเป็นจุดเชื่อมไปยังห้องนอนทั้ง 3 ห้อง, ห้องอเนกประสงค์ และห้องพักผ่อนชั้นบนค่ะ โดยพื้นชั้น 2 ทั้งหมดปูด้วยลามิเนต ผนังฉาบเรียบติดวอลล์เปเปอร์ และฝ้าเพดานฉาบเรียบติดดวงโคมดาวน์ไลท์ทั้งหมด สูง 2.6 เมตร ฝั่งขวามือของโถงไล่จากซ้ายไปขวาจะเป็น ห้องนอนใหญ่, ห้องอเนกประสงค์ และห้องนอน 2

ฝั่งซ้ายมือของโถงไล่จากซ้ายไปขวาจะเป็น ห้องนอน 3, ระเบียงหน้าบ้าน และห้องพักผ่อนครอบครัว

สำหรับห้องพักผ่อนครอบครัวนี้เป็นส่วนพักผ่อนที่เน้นความ Private ของคนภายในบ้านหรือคนสนิทมาก ๆ เท่านั้นที่จะขึ้นมาได้ มีขนาดเหมาะสำหรับคนประมาณ 3 คนนั่งเล่นดูทีวีด้วยกัน จะวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่ง, โซฟาเบด หรือโซฟา L Shape ได้ตามใจชอบเลยค่ะ

ติดกับห้องพักผ่อนครอบครัวก็คือระเบียงหน้าบ้านขนาดใหญ่ สามารถตั้ง Day Bed หรือชุดโต๊ะน้ำชาเพื่อนั่งพักผ่อนรับลมหน้าบ้านได้สบาย ๆ เพราะมีหลังคาคลุมกันแดดฝนให้ พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิก พร้อมติดราวกันตกโครงเหล็กสีดำและกระจกให้ตามภาพ

เราเข้าไปดูภายในห้องนอนใหญ่ หรือ Master Bedroom กันค่ะ ตามชื่อของความเป็น Master Bedroom คือห้องมีพื้นที่ขนาดใหญ่มากจึงสามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างอิสระ ไม่ค่อยมีจำกัด บ้านตัวอย่างแบ่งห้องออกเป็น 2 โซน คือโซนพักผ่อนและโซนแต่งตัว

ภายในโซนพักผ่อนนี้มีขนาดใหญ่จนสามารถวางเตียงขนาด Oversize ได้เลยนะ และยังเหลือพื้นที่สามารถจัดเป็นมุมนั่งเล่นหรือมุมทำงานเพิ่มอีกมุมได้

โดยทางฝั่งซ้ายจะมีมุมหน้าต่างเล็ก ๆ ยื่นออกไป วางอาร์มแชร์หรือม้านั่งตัวเล็ก ๆ คือได้มุมนั่งพักผ่อนอ่านหนังสือชั้นดี

พอวางชั้นวางทีวีและสตูลปลายเตียงนอนแล้ว ก็ยังสามารถเดินผ่านไปยังระเบียงห้องได้สะดวกเลย ฝั่งหน้าบ้านเราได้ช่องแสงมาเต็มผนังแบบนี้เลยค่ะ โดยประตูที่เปิดออกสู่ระเบียงจะเป็นประตูบานเลื่อนคู่ขนาดใหญ่

พื้นที่ระเบียงมีขนาดใหญ่ไม่เท่ากับระเบียงหน้าบ้านข้างห้องพักผ่อนครอบครัว แต่ก็เป็นระเบียงส่วนตัวที่ออกมายืนรับลมชมวิวได้

ภาพจากระเบียงมองย้อนกลับเข้าไปด้านในห้อง เห็นส่วนแต่งตัวที่บ้านตัวอย่างกั้นส่วนด้วยประตูบานเลื่อนกระจก

ภายในส่วนแต่งตัวเราสามารถทำเป็น Walk In Closet ที่เชื่อมต่อกับห้องน้ำในตัวได้แบบนี้เลยค่ะ

ตู้เสื้อผ้า Built In และโต๊ะเครื่องแป้งที่บ้านตัวอย่างตกแต่งมาให้ดูเป็นไอเดีย

แน่นอนว่าห้องนอนของห้องนอนใหญ่จะต้องพิเศษกว่าห้องอื่น ๆ ด้วยขนาดพื้นที่ที่ใหญ่ โปร่งโล่งกว่า ใช้งานได้สะดวกมากกว่า และมีการอัปเกรดสุขภัณฑ์เป็นรุ่นที่พรีเมียมมากขึ้น อย่างอ่างล้างมือก็ได้เป็นอ่างล้างมือแบบ His & Her ฝังครึ่งเคาน์เตอร์

ทางฝั่งซ้ายมือของห้องเป็นส่วนของโถสุขภัณฑ์อัปเกรดเป็นรุ่นชิ้นเดียวระบบ Dual Flush ดีไซน์สวยกว่า โซนอาบน้ำติดตั้งกระจก Tempered Glass พร้อมชุด Hand Shower และราวปรับระดับที่มีขนาดใหญ่ขึ้น

ความพิเศษอีกอย่างก็คือห้องนี้จะได้อ่างอาบน้ำมาด้วยค่ะ เป็นอ่างแบบฝังอยู่ข้างหน้าต่างบานเปิด มีพื้นที่รอบอ่างสามารถวางเทียนหอมหรือ Bathroom Diffuser เพื่อความผ่อนคลายได้

คราวนี้เราเข้าไปดูในห้องอเนกประสงค์และห้องนอน 2 กันต่อ

บ้านไหนที่เป็นสาย Fashionista คงจะชอบห้องนี้เลยค่ะ เพราะสามารถทำให้กลายเป็น Walk In Closet เพิ่มได้อีก 1 ห้อง นอกจากนี้ยังสามารถปรับใช้เป็นห้องพระ, ห้องสมุดส่วนตัว หรือห้องเก็บของก็ได้อีกเช่นกัน

สำหรับห้องนอน 2 ก็มีขนาดใหญ่ไม่แพ้ห้องนอนใหญ่ของโครงการอื่น ๆ เลยค่ะ เพราะภายในห้องสามารถแบ่งโซนพักผ่อนและโซนแต่งตัวได้ พอวางเตียงนอนขนาด 6 ฟุตแล้วก็ยังเหลือพื้นที่วางโต๊ะข้าง, ชั้นวางทีวี และจัดมุมนั่งเล่นได้อีก 1 มุม

เข้าไปที่มุมด้านในของห้องเป็นส่วนแต่งตัวที่เชื่อมต่อกับห้องน้ำ เราจะกั้นเป็น Walk In Closet เลยก็ได้

ห้องน้ำในตัวตกแต่งแบบเรียบ ๆ มีระยะการใช้งานรวมถึงขนาดของสุขภัณฑ์ที่ใช้งานได้สะดวกค่ะ

มาดูห้องนอน 3 กันต่อเป็นห้องสุดท้ายค่ะ ภายในห้องมีขนาดใกล้เคียงกับห้องนอน 2 เลย เรียกว่าใหญ่พอ ๆ กับห้องนอนใหญ่ของโครงการอื่นเลยก็ได้ เพราะสามารถแบ่งโซนการใช้งานได้เป็นอย่างดี

ภายในห้องสามารถวางเตียงนอนขนาด 6 ฟุตได้นะคะ แต่บ้านตัวอย่างวางเตียงขนาด 5 ฟุตพร้อมโต๊ะข้างและโต๊ะทำงานมาให้ดูเป็นไอเดีย

พื้นที่ฝั่งปลายเตียงนอนก็มีระยะเหลือเยอะ จะวางชั้นวางทีวีหรือชั้นวางของก็ได้ค่ะ

ทางฝั่งซ้ายมือของห้องคือส่วนแต่งตัว ทางโครงการตกแต่งตู้ Built In มาเป็นทรงจั่วดูน่ารักทีเดียว เราสามารถทำตู้ Built In หรือวางตู้เสื้อผ้าได้ทั้ง 2 ฝั่งเลยค่ะ โดยส่วนนี้จะเชื่อมกับห้องน้ำในตัว

ลักษณะของห้องน้ำในตัวจะเป็นรูปแบบเดียวกันกับห้องเมื่อสักครู่เลย

ทางฝั่งขวามือเป็นส่วนของอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์แบบนี้ค่ะ

---

:::: ราคา (เมษายน 2563) ::::

• ราคาเริ่มต้น : 9 – 15  ล้านบาท*

• เงินจอง n/a บาท
• เงินทำสัญญา n/a บาท
• ค่าส่วนกลาง ตร.วาละ  n/a บาท/เดือน (ชำระล่วงหน้า x ปี)

ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ คลิก : https://bit.ly/2TFfQlq

***ข้อมูลราคา และโปรโมชั่นอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดติดต่อสำนักงานขายเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

---

:::: สรุป ::::

ทำเลที่ตั้งโครงการ โครงการตั้งอยู่ติดถนนเลียบวงแหวนกาญนาภิเษก เชื่อมต่อรามอินทราช่วง กม.8 – 10 เป็นย่านของที่อยู่อาศัยในแนวราบ มีทั้งบ้านจัดสรร, บ้านพักอาศัยดั้งเดิม, คอนโด Low Rise, ออฟฟิศ โดยจะมีอาคารพาณิชย์เรียงขนาบถนนใหญ่ มีความอุดมสมบูรณ์อยู่พอสมควร เนื่องจากเป็นย่านของที่อยู่อาศัยและออฟฟิศขนาดย่อม ๆ มีตั้งแต่ ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, คอมมูนิตี้มอลล์, ซุปเปอร์มาร์เก็ต รวมถึงตลาดนัดตอนกลางคืนอีกด้วย ปัจจัยที่จะช่วยผลักดันให้ทำเลนี้พัฒนาขึ้นไปอีกก็คือรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่ตอนนี้กำลังก่อสร้างอยู่ ไม่ว่าจะซื้อโครงการเอาไว้อยู่เองหรือซื้อไว้ลงทุนดูก็น่าสนใจค่ะ

การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว เดินทางได้สะดวกเพราะอยู่ติดถนนเลียบวงแหวนกาญจนาภิเษก ซึ่งอยู่ใกล้ถนนคู้บอนกับถนนรามอินทราซึ่งสามารถเชื่อมไปยังถนนใหญ่ได้อีกหลายเส้น อยู่ติดกับวงแหวนกาญจนาภิเษกซึ่งเป็นตัวช่วยในการเดินทางอีกเส้นหนึ่ง จะวิ่งขึ้นไปทางบางปะอินหรือใช้วิ่งลงไปทางบางนาก็สะดวก อีกทั้งยังเชื่อมต่อกับทางพิเศษกรุงเทพ – ชลบุรี สายใหม่ และ ทางพิเศษบูรพาวิถีอีกด้วย และมีอีก 1 เส้นทางในการเดินทางคือทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ ซึ่งจะไปเชื่อมต่อกับทางพิเศษศรีรัชและทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทำให้การเดินทางเข้าเมืองสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ส่วนถนนรามอินทราถ้าวิ่งไปฝั่งตะวันตกทางปากเกร็ด จะไปเชื่อมกับถนนแจ้งวัฒนะตัดกับถนนพหลโยธินและถนนวิภาวดี – รังสิตและผ่านหน้าศูนย์ราชการ ส่วนฝั่งตะวันออกจะยิงยาวไปถึงมีนบุรีค่ะ

การเดินทางโดยรถสาธารณะ โครงการเหมาะสำหรับผู้ที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก แต่เราสามารถใช้บริการวินมอเตอร์ไซค์และรถแท็กซี่ได้เพราะวิ่งผ่านอยู่ตลอดทั้งวัน แนะนำให้ใช้ Application Grab Taxi และ Line Taxi เพื่อความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

และในอนาคตก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงแคราย – มีนบุรีบนเส้นรามอินทรา สถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีคู้บอนซึ่งอยู่ห่างจากสถานีวัชรพลเพียง 2 สถานี เป็นสถานี Interchange ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีเทาช่วงวัชรพล – ทองหล่อเป็นโครงการในอนาคตที่วิ่งเลียบเส้นเลียบด่วนรามอินทราค่ะ

การออกแบบโครงการ และวัสดุ THE CITY รามอินทรา 2 เป็นโครงการบ้านเดี่ยวหรูสูง 2 ชั้น บนเนื้อที่โครงการ 32 ไร่ เอกสิทธิเป็นส่วนตัวด้วยจำนวนเพียง 116 ยูนิต บ้านมีเนื้อที่ดินเริ่มต้นที่ 54.6 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 186 – 380 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 – 5 ห้องนอน 3 – 6 ห้องน้ำ 2 ห้องพักผ่อน 1 ห้องแม่บ้านพร้อมห้องน้ำในตัว* และที่จอดรถ 2 – 3 คัน ออกแบบมาในสไตล์ Modern Luxury ฟังก์ชันของบ้านมีขนาดใหญ่จึงสามารถจัดเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างลงตัวในทุก ๆ ห้องไม่อึดอัด

ฝ้าเพดานสูงโปร่งถึง 2.6 – 2.8 เมตร และที่ชอบมาก ๆ เลยก็คือตรง Double Space ที่ห้องนั่งเล่นหน้าบ้าน ที่ช่วยทำให้บ้านดูหรูหรา โอ่อ่า และเชื่อมต่อพื้นที่บ้านระหว่างชั้นล่างกับชั้นบน วัสดุที่ได้ก็อัปเกรดขึ้นมา เช่น ประตูทางเข้าบ้านบานไม้สัก, ระบบ Home Automation อีกทั้งระบบรักษาความปลอดภัยภายในบ้านทั้ง Magnetic และ Shock Sensor ที่ช่วยทำให้บ้านเป็นที่อยู่ที่ปลอดภัย, สะดวกสบายทันสมัย และสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น สามารถรองรับสมาชิกทุกคนของครอบครัวขนาดใหญ่ได้จริง

สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบรักษาความปลอดภัย ตอบโจทย์ Lifestyle ความเป็นคนเมือง ผสมผสานกับความเป็นสังคมส่วนตัว และยังเป็นสถานที่ที่คนในครอบครัวสามารถทำกิจกรรมในวันหยุดร่วมกันได้โดยไม่ต้องเดินทางไปข้างนอกไกล ไม่ว่าจะเป็น  The Club เป็นคลับเฮ้าส์รูปแบบใหม่ ประกอบด้วย ห้องรับรอง, สระว่ายน้ำระบบเกลือ, Sauna, Fitness Room, Kid’s Room, Entertainment Room, Co – Working Space, Cinema, สวนส่วนกลาง และพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่, ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. เรียกว่าครบครันมาก ๆ

---

:::: สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ::::

CALL CENTER : 1623

WEBSITE : https://www.apthai.com/th

หากเพื่อน ๆ เห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน ขอบคุณค่ะ

และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ