
รีไฟแนนซ์…วิธีลดดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
เวลาพูดถึงเรื่องกู้เงินซื้อบ้านหรือสร้างบ้าน อีก 2 คำที่เรามักจะนึกถึงตามมาก็คือ “ดอกเบี้ย” และ “ระยะเวลาในการผ่อน” ที่ส่วนใหญ่แล้วมักจะเกิน 10 ปีขึ้นไป ทำไมในหลายกรณีพอคำนวณยอดเงินที่ต้องจ่ายทั้งหมด คิดไปคิดมาแล้ว ยอดรวมของดอกเบี้ยสูงกว่าเงินต้นเสียอีก
ในช่วง 3 ปีแรกที่เริ่มผ่อน อาจจะยังไม่รู้สึกถึงเรื่องนี้กันเท่าไร เพราะส่วนใหญ่แล้ว อัตราดอกเบี้ยของ 3 ปีแรกจะค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยปีอื่นๆ ที่เหลือในระยะสัญญา
แต่เมื่อพ้น 3 ปีไปนี่สิ อัตราดอกเบี้ยที่กู้อยู่ดีดตัวขึ้นจากเดิมเกือบ 2 เท่าถ้าใครกำลังอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ หรือแม้แต่เตรียมตัวที่จะซื้อบ้าน เราอยากแนะนำให้ทำความรู้จักกับคำว่า ‘รีไฟแนนซ์’ เพราะประโยชน์ของมันแบบที่สรุปได้ง่ายๆ ก็คือ ช่วยลดดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านได้
รีไฟแนนซ์คืออะไร
ถ้าอธิบายแบบที่เข้าใจง่ายที่สุด รีไฟแนนซ์ก็คือ การโอนยอดหนี้และหลักประกันจากอีกธนาคาร เพื่อนำไปใช้ชำระหนี้ที่เรามีอยู่กับธนาคารเดิม โดยสิ่งที่เราจะได้รับก็คืออัตราดอกเบี้ยใหม่ที่ลดลงกว่าอัตราดอกเบี้ยที่จ่ายอยู่ปัจจุบัน ผลที่เกิดจากขั้นตอนนี้ก็คือ ทำให้เราผ่อนชำระต่อเดือนน้อยลง หรือไม่ก็ผ่อนเงินต่อเดือนเท่าเดิม แต่ผ่อนหมดเร็วขึ้นนั่นเอง
แต่จะลดดอกเบี้ยได้มากน้อยแค่ไหนนั้น ตรงนี้ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละธนาคารที่เราติดต่อด้วย ซึ่งเวลาหาข้อมูลเรื่องพวกนี้ก็จะใกล้ๆ เคียงกับตอนที่หาข้อมูลเรื่องสินเชื่อบ้าน เพราะต้องนำข้อมูลมาเทียบกัน เพื่อเลือกรีไฟแนนซ์กับธนาคารที่เรามอง
อย่างไรก็ตาม การเทียบตัวเลขอัตราดอกเบี้ยไม่ควรดูแค่ช่วงปีแรก เพราะธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยต่ำในปีแรก อาจคิดดอกเบี้ยสูงขึ้นมากในปีต่อมาได้ เพราะฉะนั้นเวลาเทียบตัวเลขควรมองในระยะยาว อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 5 ปี เนื่องจากโปรโมชั่นของบางแห่งจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่นานถึง 5 ปี ไม่ใช่แค่ช่วง 1-3 ปีเท่านั้น
เมื่อไรถึงจะถึงเวลารีไฟแนนซ์
ตามปกติแล้ว ธนาคารจะกำหนดเงื่อนไขในการปล่อยสินเชื่อบ้านว่า ต้องให้ครบ 3 ปีก่อนถึงจะสามารถรีไฟแนนซ์ได้ แต่เราไม่จำเป็นต้องรอให้ครบ 3 ปีก่อน ถึงจะเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะถ้าเรารู้อยู่แล้วว่าการรีไฟแนนซ์มีประโยชน์อย่างไร ก็สามารถหาข้อมูลไว้ล่วงหน้าและขอคำปรึกษาจากธนาคารได้เลย การเตรียมตัวไว้ก่อน รวมถึงการเตรียมเอกสารให้พร้อม จะช่วยให้เราสามารถยื่นเรื่องได้ทันทีที่ครบ 3 ปี
รีไฟแนนซ์ไม่ฟรีแต่มีประโยชน์
ในการรีไฟแนนซ์ทุกกรณี จะต้องมีค่าใช้จ่ายเหล่านี้ ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการขอสินเชื่อ ค่าประเมินราคาหลักประกัน ค่าประกันอัคคีภัยที่ต้องจ่ายให้ธนาคารใหม่ ค่าธรรมเนียมการจดจำนอง และค่าอากรที่ต้องจ่ายให้กับกรมที่ดิน และหากการรีไฟแนนซ์ของคุณเป็นการไถ่ถอนก่อนกำหนด 3 ปี ก็จะต้องมีค่าปรับที่ต้องจ่ายให้กับธนาคารเดิมเพิ่มขึ้นมา
ซึ่งถ้าการรีไฟแนนซ์ของคุณนั้นเป็นการไถ่ถอนก่อนกำหนด ก็ให้ลองบวกลบคูณหารดอกเบี้ยปัจจุบันกับเงินต้น แล้วเทียบกับดอกเบี้ยใหม่ที่จะได้จากการรีไฟแนนซ์ดูก่อนว่าเป็นอย่างไร มากน้อยแค่ไหน แล้วถึงค่อยพิจารณาความเหมาะสมว่าคุ้มค่าหรือเปล่า
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะตัดสินใจใดๆ เราแนะนำให้คำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมดก่อน แล้วเทียบกับยอดดอกเบี้ยที่จะลดลงหากรีไฟแนนซ์ได้ โดยในขั้นตอนนี้จะต้องใช้เวลาในการหาข้อมูลกับธนาคารและคำนวณดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้นในช่วงที่อยู่ในระยะ 3-5 ปีของสัญญาส่วนเรื่องโปรโมชั่นต่างๆ ของแต่ละธนาคารก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องใส่ใจและให้เวลากับมันด้วยเช่นกัน
เพราะโปรโมชั่นของแต่ละแห่งแตกต่างกัน บางแห่งอาจจะดูเหมือนดอกเบี้ยสูงกว่าเล็กน้อย แต่ยกเว้นค่าจดจำนองให้ ซึ่งปกติแล้วจะต้องเสียเงินตรงส่วนนี้ คิดเป็น 2% ของราคาประเมิน การหาข้อมูลเหล่านี้ก็เพื่อให้มั่นใจว่า ธนาคารที่เราจะขอรีไฟแนนซ์นั้นเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับเรา
เรื่องรีไฟแนนซ์บ้านไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด และเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ทำได้ ทั้งยังมีตัวเลือกให้เลือกตัดสินใจหลายธนาคาร เอาเป็นว่าลองใช้เวลาในการทำความเข้าใจและหาข้อมูลสักหน่อย เพื่อแลกกับอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงไปได้ แค่นี้ก็น่าสนใจแล้ว
สรุปขั้นตอนการรีไฟแนนซ์และเอกสารที่ต้องใช้
หลังจากเข้าใจกันแล้วรีไฟแนนซ์คืออะไรและมีประโยชน์อย่างไร เราขอสรุปขั้นตอนมาให้แบบชัดเจนจะได้เป็นไกด์ไลน์ในการเตรียมตัวสำหรับคนที่สนใจ
– สรุปยอดหนี้สินเชื่อบ้านกับธนาคารเดิมก่อน แล้วค่อยนำรายการยอดหนี้นั้นไปยื่นรอรีไฟแนนซ์
– นัดหมายให้เจ้าหน้าที่ธนาคารมาประเมินบ้าน
– ถ้าสินเชื่อของเราได้รับการอนุมัติ ถึงค่อยนำเอกสารไปไถ่ถอนบ้านจากสินเชื่อเดิม
– ทำสัญญากับสินเชื่อใหม่
-ทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์ ณ สำนักงานที่ดินเขตที่บ้านของเราตั้งอยู่ พร้อมเจ้าหน้าที่จากธนาคารทั้งสองแห่ง
-มอบโฉนดที่ดินให้กับธนาคารที่เป็นเจ้าของสินเชื่อใหม่
ส่วนในเรื่องของเอกสาร อาจจะมีแตกต่างกันบ้างเล็กน้อยในแต่ละธนาคาร แต่เอกสารที่ต้องเตรียมไว้ยืนพื้นเลยก็ได้แก่ สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน, บัญชีธนาคารย้อนหลัง, สลิปเงินเดือน, สำเนาใบเสร็จรับเงินการผ่อนชำระค่าบ้าน ย้อนหลังเป็นเวลา 6 เดือน, สัญญาซื้อขาย, โฉนด และภาพถ่ายแสดงกรรมสิทธิ์
หลักประกันเรื่องรีไฟแนนซ์บ้านไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด และเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ทำได้ ทั้งยังมีตัวเลือกให้เลือกตัดสินใจหลายธนาคาร เอาเป็นว่าลองใช้เวลาในการทำความเข้าใจและหาข้อมูลสักหน่อย เพื่อแลกกับอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงไปได้ แค่นี้ก็น่าสนใจแล้ว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : พฤกษา เรียลเอสเตท
EP.2533 รีวิว ไอเจ้นท์ พรีเมียม ทาวน์โฮม พระราม 2 EIGEN Premium Townhome Rama 2 ทาวน์โฮม 3 ชั้นพร้อมชั้นลอย ตรงข้าม Central พระราม 2 ใกล้ทางด่วน เริ่ม 4.39 ล้านบาท* Written by : THAnATH สวัสดีผู้อ่านชาว Homenayoo ทุกคน
EP.2532 รีวิว ไลโอ เทพารักษ์-บางนา / Lio Thepharak-Bangna ทาวน์โฮมใหม่สไตล์ฝรั่งเศส ทำเลใจกลางเทพารักษ์ ใกล้ Mega บางนา, นิคมฯบางพลี และทางด่วน เริ่ม 2 ล้าน* Written by : Pure Thitapa สวัสดีค่า เพื่อน ๆ Homenayoo ทุกคน ใครที่กำลังมองหาทาวน์โฮมในทำเลศักยภาพ ที่สะดวกสบายในการเดินทาง ใกล้ชิดธรรมชาติ
EP.2531 รีวิว แลนซีโอ คริป เทพารักษ์-บางปลา / Lanceo Crib Thepharak-Bangpra บ้านสไตล์ French Colonial รองรับ EV Changer ทุกหลัง ใกล้ Mega บางนา, นิคมฯบางพลี และทางด่วน เริ่ม 3.76-6 ล้าน* Written by : Pure Thitapa วันนี้ทีมงาน
EP.2530 รีวิว ชัยพฤกษ์ พระราม 2 CHAIYAPRUEK Rama 2 บ้านเดี่ยวหรูดีไซน์ใหม่ พร้อม Private Courtyard ทุกหลัง ทำเลต้นพระราม 2 ใกล้ทางด่วนเชื่อมต่อพระราม 3-สาทรง่าย ในสังคมส่วนตัวเพียง 59 หลัง เริ่ม 13-18 ล้านบาท* Written by : Nan Kanyaratthp สวัสดีเพื่อน ๆ
EP.2529 รีวิว ไลโอ สุขสวัสดิ์-ประชาอุทิศ 90 Lio Suksawat-Prachauthit 90 ทาวน์โฮมใหม่สไตล์ฝรั่งเศส ฟังก์ชันบ้านเดี่ยว 4 ห้องนอน ทำเลดีเชื่อมต่อสาทร-พระราม 3 ใกล้ทางด่วน และรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ เริ่ม 2.09 ล้านบาท* Written by : Nan Kanyaratthp สวัสดีเพื่อน ๆ Homenayoo ทุกคนค่ะ วันนี้เราจะพาไปชมโครงการใหม่ ‘Lio
แสดงความคิดเห็น