Ep.xxxx รีวิว คอนโด เดนิม จตุจักร Denim Jutujak
Written by : Nin Yanin
สวัสดีค่าคุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน วันนี้ทีมงาน Homenayoo กลับมาพร้อมกับคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่สุดคูลใจกลางเมือง เอาใจคนยุคใหม่สุด ๆ ด้วยการบาลานซ์ชีวิต Live-Work-Play ด้วยโครงการ DENIM จตุจักร จาก Grand Unity บนทำเลศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ และการใช้ชีวิตในกรุงเทพมหานคร ในซอยวิภาวดี-รังสิต 3 ที่รายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มากมาย ใกล้พื้นที่อุทยานสวนจตุจักร รวมไปถึง BTS หมอชิต, MRT จตุจักร และ รถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีกลางบางซื่อ 1.5 กม.
จุดเด่นของโครงการ เดนิม จตุจักร ก็คือ เป็นคอนโด High-Rise ที่ออกแบบอาคารมาในงานสถาปัตยกรรมสไตล์ Art Deco ที่สื่อถึงความเรียบ เท่ และความทันสมัย เปี่ยมไปด้วยพลัง ซึ่งกลมกลืนไปกับงานตกแต่งภายในแบบ Industrial Loft Style ได้อย่างลงตัว มีห้องพักอาศัยให้เลือกหลายแบบ ตั้งแต่ขนาด 22.50-50.50 ตร.ม. ตกแต่งให้แบบ Fully Furnished พร้อมให้คุณเก็บกระเป๋าเข้าอยู่ได้ง่าย ๆ
และที่สำคัญคือทางโครงการมีพื้นที่ส่วนกลางมาให้เยอะมาก ๆ รองรับได้หลากหลายกิจกรรมกระตุ้น Energy ในร่างกาย มาพร้อม Sky Bridge ทางเชื่อมต่อระหว่างอาคาร เชื่อมต่อพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดเข้าด้วยกัน ในราคาเริ่มต้นเพียง 2.35 ล้านบาท*
เราไปดูกันเลยค่ะว่าโครงการนี้จะมีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง
ชื่อโครงการ | เดนิม จตุจักร DENIM JATUJAK |
เจ้าของโครงการ | บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด / GRAND UNITY |
เนื้อที่ทั้งหมด | 9-0-1.6 ไร่ |
จำนวนตึก | 4 อาคาร |
จำนวนชั้น |
|
จำนวนห้อง |
|
ลักษณะห้องและขนาดห้อง |
|
ที่จอดรถทั้งหมด | 978 คัน (53% รวมจอดซ้อนคัน) |
จำนวนลิฟต์ |
|
โซน | จตุจักร |
เส้นทางคมนาคม |
|
ที่ตั้ง | ซอยวิภาวดี-รังสิต 3 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 |
กำหนดการ | เริ่มก่อสร้าง ไตรมาส 4/2562 |
ปีที่สร้างเสร็จ | แล้วเสร็จ ไตรมาส 2/2565 |
ราคา | เริ่มต้น 2.35 ล้านบาท* (มิ.ย. 2565) |
ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม | เริ่มต้น ประมาณ 105,000 บาท/ตร.ม. |
ค่าส่วนกลางและกองทุน |
|
สถานที่สำคัญใกล้เคียง | ห้างสรรพสินค้า
สถานศึกษา
ศูนย์การแพทย์
อื่น ๆ
สถานที่ราชการและอาคารสำนักงาน
**ระยะทางวัดจากการเดินทางสู่จุดหมาย โดยถนนที่ใกล้ที่สุด** |
สิ่งอำนวยความสะดวก |
ชั้น 1
ชั้น 7
ชั้น 8
ชั้น 10
|
Tel | 02-652-4000 |
Website | https://bit.ly/3xVCpYu |
:::: ที่ตั้งโครงการ ::::
ซอยวิภาวดี-รังสิต 3 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
พิกัด : 13.797350, 100.556988
โครงการ Denim จตุจักร ตั้งอยู่ภายในซอยวิภาวดี-รังสิต 3 ซึ่งเป็นทำเลในโซนจตุจักร พูดให้เห็นภาพง่ายขึ้นก็คือ เป็นซอยที่อยู่ระหว่างถนนวิภาวดี-รังสิต (400 เมตร) และถนนพหลโยธิน (750 เมตร) ตรงซอยพหลโยธิน 18 ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตลาดนัดสวนจตุจักรนั่นเองค่ะ เส้นทางหลักของทำเลนี้ก็คือถนนวิภาวดี-รังสิต และถนนพหลโยธินค่ะ เริ่มจาก ถนนวิภาวดี-รังสิตสามารถใช้เข้า-ออกเมือง และเชื่อมต่อไปยังถนนหลักได้อีกหลายเส้น เช่น พหลโยธิน, สุทธิสาร, รัชดาภิเษก, งามวงศ์วาน และเชื่อมต่อกับทางด่วนดอนเมืองโทลเวย์ ทำให้เดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวกมาก
ส่วนถนนพหลโยธินก็สามารถใช้ซอยพหลโยธิน 18/1 ทะลุจากซอยวิภาวดี-รังสิต 3 ออกไปได้ ซึ่งจะเป็นถนนพหลโยธินฝั่งมุ่งหน้าไปทางสะพานควาย ตรงไปอีก 4 กม. ก็ถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิแล้ว เป็นจุดที่เชื่อมต่อกับถนนพญาไท ไปถนนพระราม 1 และพระราม 4 ส่วนซอยวิภาวดี-รังสิต 3 เองก็ยังใช้ลัดเลาะออกไปได้อีกหลายเส้นทาง ทั้งซอยวิภาวดี-รังสิต 5 และซอยอินทามระ 15 เชื่อมไปออกถนนสุทธิสารได้อีกด้วย
ถ้าต้องการใช้ทางด่วนในการเข้าเมือง แนะนำให้ใช้จุดขึ้นทางพิเศษศรีรัช ตรงศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง บนถนนกำแพงเพชร 6 ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการออกไปเพียง 3.3 กม. ค่ะ
แต่การออกนอกเมือง จะมีจุดขึ้นทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์อยู่ใกล้มาก ๆ ออกจากซอยวิภาวดี-รังสิต 3 ตรงออกไปก็ขึ้นทางด่วนได้เลยค่ะ ระยะทางยังไม่ถึง 1 กม.
พอพูดถึงตลาดนัดสวนจตุจักร เราก็นึกภาพไปถึง BTS หมอชิต และ MRT จตุจักร ซึ่งเคยเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางด้วยระบบราง ใครมาจากฝั่งห้าแยกลาดพร้าวเป็นต้นไปแล้วจะเข้าเมือง ก็ต้องมาเริ่มต้นที่จุดนี้ ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้ทำเลนี้มีการเติบโตสูงมาก
โดยโครงการจะอยู่ไม่ไกลจาก BTS หมอชิต หรือ MRT จตุจักร, BTS สะพานควาย และ MRT กำแพงเพชร ประมาณ 1.2 กม. และอีกสถานีที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ MRT สถานีบางซื่อ หรือ สถานีกลางบางซื่อ นั่นเองค่ะ ก็อยู่ห่างจากโครงการ 1.5 กม. เราสามารถนั่งแท็กซี่หรือวินมอเตอร์ไซค์จากหน้าโครงการไปได้สะดวกมาก หรือจะใช้บริการ Shuttle Bus ของโครงการตามรอบก็ได้เช่นกัน และสำหรับคนที่ชอบนั่งรถเมล์ก็ไม่ต้องน้อยใจ เพราะเส้นวิภาวดี-รังสิตมีรถเมล์วิ่งผ่านหลายสายค่ะ ทั้ง 24, 92, 107, 129, 504, 555 บนเส้นพหลโยธินมีอีกนับไม่ถ้วน
ความอุดมสมบูรณ์ ถ้ามองภาพเล็กภายในซอยวิภาวดี-รังสิต 3 ก็มีร้านค้าและร้านอาหารอำนวยความสะดวกได้ในระยะเดิน รวมไปถึงที่ด้านหน้าโครงการเองก็ยังมีพื้นที่สำหรับ Shop ร้านค้าอีก 4 ยูนิตด้วย
มองภาพกว้างขึ้นในโซนจตุจักร-ลาดพร้าว จะเป็นโซนที่มีอาคารสำนักงานอยู่เยอะมาก เช่น อาคารเล้าเป้งง้วน 1, สนง.ใหญ่การบินไทย, Bangkok Airways ทำเลนี้จึงมีความคึกคักสูงมาก มีตลาดและห้างสรรพสินค้าเยอะ ทั้ง ตลาดนัดสวนจตุจักร ซึ่งเป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์และสตรีทแฟชั่น, JJ Mall, Central ลาดพร้าว, Lotus’s, Big C ลาดพร้าว 2, Big C สะพานควาย และอื่น ๆ อีกมากมาย ส่วนสถานศีกษาและโรงพยาบาลในละแวกนี้ก็มีทั้ง ม.เซนต์จอห์น, รร.หอวัง, ม.เกษตรศาสตร์, รพ.เปาโล สะพานควาย, รพ.วิมุต และ รพ.ประสานมิตร เป็นต้นค่ะ
ที่สำคัญเลยก็คือ ทำเลนี้ยังอยู่ใกล้กับอุทยานสวนจตุจักร เป็นการรวมพื้นที่สวนสาธารณะ 3 แห่ง ทั้งสวนวชิรเบญจทัศ, สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ และสวนจตุจักร เข้าด้วยกันเป็นพื้นที่รวมกว่า 727 ไร่ รวมไปถึงโครงการทำสะพานเชื่อมถึงสวนสมเด็จย่า 84 พรรษา (บริเวณข้าง ๆ Central ลาดพร้าว) เรียกว่าเรามีปอดขนาดใหญ่อยู่ไม่ไกลจากโครงการ ไปเดินเล่นพักผ่อนออกกำลังกายได้ง่ายมาก คือยกระดับคุณภาพชีวิตได้ดีทีเดียว
:::: การเดินทางสู่โครงการ ::::
เรามีภาพการเดินทางไปโครงการ Denim จตุจักร โดยใช้รถยนต์ส่วนตัวมาฝากกันค่ะ โดยเราจะเริ่มการเดินทางจาก
ถ.วิภาวดี-รังสิต > ซ.วิภาวดี-รังสิต 3 > Denim จตุจักร
เราเริ่มต้นการเดินทางจากถนนวิภาวดี-รังสิต ฝั่งมุ่งหน้าไปทางสุทธิสาร บริเวณ Central ลาดพร้าว
ในโซนนี้เป็นที่ตั้งของอาคารสำนักงานใหญ่ ๆ มากมายค่ะ ยกตัวอย่างเช่น สำนักงานใหญ่ของการบินไทย
จากนั้นให้เราออกทางคู่ขนานไปตามป้ายถนนสุทธิสาร
ข้างหน้าเรานี้เองจะมีสะพานยกระดับ ให้เราอยู่เลนกลางค่ะ
ใต้สะพานยกระดับจะมีทางกลับรถ ให้เรากลับรถที่จุดนี้เลย
พอกลับรถมาแล้วให้เราชิดซ้ายเพื่อเลี้ยวเข้าซอยวิภาวดี-รังสิต 3
จากถนนวิภาวดี-รังสิต ตรงเข้ามาภายในซอยวิภาวดี-รังสิต 3 ประมาณ 410 เมตร ก็จะถึงโครงการ Denim จตุจักร ค่ะ
ภายในซอยวิภาวดี-รังสิต 3 เป็นซอยที่มีความคึกคักอยู่พอสมควร เพราะเป็นซอยที่เชื่อมกับถนนวิภาวดี-รังสิต และถนนพหลโยธินได้ จึงมีที่อยู่อาศัย, ร้านค้า และร้านอาหารตามมา จากหน้าปากซอยไปถึงตัวโครงการเพียง 410 เมตรนี้ ก็มี 7-Eleven ถึง 2 สาขาแล้ว
ขับรถเข้าซอยราว ๆ นาทีเดียว เราก็จะเห็นโครงการ Denim จตุจักร อยู่ทางฝั่งขวามือแล้วค่ะ
ภาพบริเวณหน้าโครงการ Denim จตุจักร เป็นโครงการที่ออกแบบได้อย่างมีเอกลักษณ์และโดดเด่น สามารถหาเจอได้ไม่ยาก
:::: สภาพแวดล้อมรอบโครงการ ::::
ตามที่เล่าให้ฟังว่าซอยวิภาวดี-รังสิต 3 นั้นสามารถเชื่อมต่อถนนใหญ่ได้ 2 เส้น และเป็นทำเลที่อยู่ใกล้แหล่งงาน ถัดจากโครงการไปไม่กี่ร้อยเมตรก็คือกรมขนส่งทางบก เลยส่งผลให้ซอยนี้มีความคึกคักพอสมควร หาที่ดินพัฒนาได้ยากแล้วค่ะ
ตอนนี้เรามาอยู่กันที่ด้านหน้าทางเข้าโครงการกันแล้วนะคะ เดี๋ยวเราจะพาเดินดูบรรยากาศโดยรอบโครงการกัน จะได้เห็นว่ามีอะไรอยู่แถวนี้บ้าง อย่างฝั่งตรงข้ามกับโครงการจะเป็นหอพักอาศัยสูง 9 ชั้น
เราเดินไปทางฝั่งขวามือ มุ่งหน้าออกถนนวิภาวดี-รังสิต
พื้นที่ติดกับถนนส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาคารพาณิชย์ค่ะ เปิดเป็นร้านค้าและร้านอาหารมากมาย
มีร้านอาหารตามสั่ง ขายข้าวขาหมู ก๋วยเตี๋ยวเรือ ลูกชิ้นปิ้ง จะสั่งพวกกับข้าวมาทานก็ได้ค่ะ
ติดกันมีร้านซักรีดแบบ Self Service ตลอด 24 ชม., ร้านข้าวขาหมู-ข้าวมันไก่ และ 7-Eleven ถ้านับระยะจากโครงการ คือเดินมาประมาณ 110 เมตรเอง
เลยมาอีกก็มีร้านลาบนัวอุดร ใครชอบอาหารแซ่บ ๆ รสจัด ๆ ต้องมาโดน
ใครทำธุรกิจร้านค้าออนไลน์ ส่งของได้ง่าย ๆ ค่ะ Kerry Express อยู่ตรงนี้เอง สะดวกมาก
สังเกตตลอดทางที่เราเดินมา ที่ชอบเลยนะคะคือในซอยมีต้นไม้ใหญ่เป็นร่มเงาอยู่ตลอดทาง ทำให้บรรยากาศในซอยดูร่มรื่น จะเดินไปไหนมาไหนใกล้ ๆ ก็ไม่รู้สึกว่าร้อนมากแม้แดดจะแรง
จากหน้าโครงการเราเดินออกไปทางซอยพหลโยธิน 18/1 กันบ้างค่ะ
ฝั่งตรงข้ามกับโครงการมีร้านขายยา
ร้านอาหารตามสั่งก็มีอยู่หลายร้าน
ร้านส้มตำปูม้าทะเลเผาก็น่าลอง
เดินมา 150 เมตร ยังมี 7-Eleven อีก 1 สาขา ใครไม่ชอบข้ามถนน เดินมาสาขานี้ได้ อยู่ฝั่งเดียวกันกับโครงการค่ะ
ซอยที่ตัดข้างหน้าเรานี้เองคือซอยพหลโยธิน 18/1 ค่ะ เลี้ยวซ้ายไปออกถนนพหลโยธินและไปขึ้นรถไฟฟ้าได้ไม่ยากเลย
:::: ตัวโครงการ ::::
สำหรับโครงการ Denim จตุจักร นั้นตั้งอยู่บนที่ดินขนาดประมาณ 9 ไร่ เป็น High Rise Condominium จำนวน 4 อาคาร อาคาร A สูง 37 ชั้น, อาคาร B สูง 22 ชั้น, อาคาร C สูง 33 ชั้น และยังมีอาคารจอดรถแยกเป็นอาคาร D สูง 10 ชั้นรวมแล้วมีห้องพักอาศัยทั้งหมด 1,813 ยูนิตด้วยกัน
สิ่งที่ทำให้โครงการนี้มีความโดดเด่นก็คือ การออกแบบอาคารมาในสถาปัตยกรรมสไตล์ Art Deco โดยใช้เส้นสายที่เรียบง่าย ดูแข็งแรง ทรงพลัง รวมไปถึงงานตกแต่งภายในแบบ Industrial Loft Style ที่มากไปกว่านั้นก็คือสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการแบบจัดเต็ม เพื่อการใช้ชีวิตได้อย่างอิสระตามแนวคิดของโครงการ Plan to live unplanned
มาดูผังของโครงการกันค่ะ เริ่มต้นจากที่ชั้น 1 ทางเข้า-ออกของโครงการจะมี 2 ทาง โดยทางหลักจะอยู่ฝั่งซอยวิภาวดี-รังสิต 3 ส่วนทางรองจะอยู่ฝั่งซอยวิภาวดี-รังสิต 5 แยก 7 พอเข้ามาภายในโครงการทางฝั่งซ้ายมือจะเป็นพื้นที่ร้านค้าทั้งหมด 4 ยูนิต พื้นที่ร้านค้าจะอยู่ใต้อาคาร D ซึ่งเป็นอาคารจอดรถ และมีทางเดิน Walking Street ด้านหน้าเชื่อมต่อกับทางเดินเข้าไปภายในโครงการ และเชื่อมต่อไปยังสวนพักผ่อนของโครงการ
จากนั้นเราจะผ่านป้อม รปภ. เข้าไปยังจุด Drop Off ของอาคาร A, C และ B เพื่อเข้าสู่ Lobby และ Lift Lobby ของแต่ละอาคาร นอกจากนี้พื้นที่โดยรอบโครงการที่เหลือจะเป็นพื้นที่จอดรถกลางแจ้ง รวมกับที่จอดรถภายในอาคาร D แล้วโครงการนี้มีที่จอดรถทั้งหมด 978 คัน (หรือคิดเป็น 53% รวมจอดซ้อนคัน)
เริ่มจากทางเข้าโครงการ มีการดีไซน์รั้วด้านหน้าโดยใช้อิฐก่อเป็นรั้วทึบและรั้วโปร่งดูมีเอกลักษณ์ดี
เข้ามาภายในโครงการจะเห็นงานตกแต่งพื้นเป็น Stamped Concrete ตั้งใจให้ดูล้อไปกับรั้วอิฐด้านหน้า
ทางฝั่งซ้ายด้านหน้าโครงการเป็นส่วนที่เรียกว่า Walking Street เป็นทางเดินจากทางเข้าโครงการเชื่อมต่อมายังพื้นที่ร้านค้า, พื้นที่สวนพักผ่อน และเข้าไปถึงโซนอาคารพักอาศัย สำหรับพื้นที่ร้านค้าจะเป็นพื้นที่ใต้อาคาร D หรืออาคารจอดรถ มีอยู่ทั้งหมด 4 ยูนิตด้วยกัน ตอนนี้มีร้านกาแฟ Inthanin มาลงแล้ว 7-Eleven ก็กำลังจะตามมาค่ะ ส่วนอีก 2 ร้านที่เหลือต้องรอดูกันว่าจะมีอะไรมาเพิ่มบ้าง
การเข้า-ออกโครงการนั้นจะต้องผ่านระบบรักษาความปลอกภัยตลอด 24 ชม. ผ่านป้อม รปภ., รั้วไม้กระดก และกล้อง CCTV ลูกบ้านของโครงการสามารถเข้า-ออกโครงการได้ง่าย ๆ ด้วยระบบ Key Card Access แบบระยะไกล ส่วน Visitor ก็ต้องทำการแลกบัตรและตรวจสอบความปลอดภัยตามมาตรฐานค่ะ
ตั้งแต่เข้ามาภายในโครงการ เราจะเห็นการออกแบบอาคารที่ใช้เส้นสายที่ดูเรียบ ๆ แต่ได้ Effect ที่ไม่ธรรมดา การเจาะช่องแสง, การเล่น Facade, การใช้วัสดุและสีสัน รวมไปถึงระยะระหว่างอาคารที่ทำให้เกิด Shade และ Shadow ซ้อนทับระหว่างกัน ทำให้ดูน่าสนใจและดูมีพลัง
ในส่วนของอาคารพักอาศัยไล่จากด้านหน้าเข้าไปด้านในคือ อาคาร A (ฝั่งขวา) อาคาร C (ฝั่งซ้าย) และอาคาร B (ตรงกลาง) โดยจุดนี้จะเป็นจุด Drop Off ของอาคาร A ค่ะ
ทางฝั่งซ้ายคือจุด Drop Off ของอาคาร C
ตรงไปคือจุด Drop Off อาคาร B
มองจากอาคาร B ออกไปทางฝั่งซ้าย เราจะเห็นทางเข้า-ออกรองของโครงการทางฝั่งซอยวิภาวดี-รังสิต 5 แยก 7
ก่อนจะเข้าไปชม Interior กัน เราอยากจะขอพาชมพื้นที่สวนของโครงการกันสักหน่อยค่ะ โครงการนี้ได้จัดพื้นที่สวนพักผ่อนเอาไว้ให้ถึง 2 ไร่ เป็นต้นไม้ยืนต้นให้ร่มเงา ไม้พุ่มประดับ และสนามหญ้าคลุมดิน
ซึ่ง Highlight ของสวนนี้ก็คือ Jogging Track รอบสวนขนาดใหญ่ ร่มรื่น ใช้เดินหรือวิ่งออกกำลังได้สบาย บรรยากาศดีมาก เหมือนได้ย่อสวนสาธารณะมาไว้ในโครงการ
ภาพบรรยากาศรอบ ๆ สวน
มองขึ้นไปก็ได้ความรู้สึกที่ร่มรื่น รอไปนาน ๆ ต้นไม้ก็จะฟูเป็นร่มใหญ่กว่านี้อีกค่ะ
นอกจากนี้พื้นที่ใต้อาคารระหว่างสวนยังมีสนามเด็กเล่นจัดเอาไว้ให้ รอบ ๆ มีม้านั่งสำหรับนั่งพักผ่อนชมวิวสวนได้
เราเข้าไปดูพื้นที่ภายในอาคารกันต่อค่ะ เริ่มจาก Lobby อาคาร A
นอกจากงาน Exterior ของที่นี่จะดีแล้ว งาน Interior ก็โดดเด่นไม่แพ้กันค่ะ เป็นอีกจุดขายของที่นี่เลย ถ้าใครเป็นแฟนสไตล์งาน Industrial Loft น่าจะชอบที่นี่ Mood & Tone ดี มีความดิบและเท่ของวัสดุ แต่ก็ยังได้ความรู้สึกของความสบายและผ่อนคลายในเวลาเดียวกันใน Space แบบ Double Volume
และไม่ใช่แค่ Space ฝ้าเพดานสูงเสียเปล่า ยังมีบันไดเก๋ ๆ ใช้เดินขึ้นไปบนโซนห้องพักอาศัยที่อยู่ชั้น 2 ได้ด้วย
เดินขึ้นมาก็จะเจอประตูกระจกแบบนี้ค่ะ แต่อยู่ ๆ จะเปิดเข้าไปเดินเล่นเฉย ๆ ไม่ได้ ต้องใช้ Key Card ของคนที่อยู่บนชั้น 2 เท่านั้นนะ
กลับลงมาที่ Lobby ตรงเข้าไปด้านในเราจะเห็นประตูทางเข้าโถงลิฟต์ค่ะ พวกประตูที่เป็น Main Entrance ส่วนใหญ่จะใช้เป็นบานเลื่อนอัตโนมัติเพื่อลดการสัมผัสลง
ซึ่งการเข้า-ออกโถงลิฟต์ เราจะต้องใช้ Key Card ควบคู่ไปกับการใช้ระบบ Face Scan เพื่อวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนผ่านเข้าไปค่ะ
ผ่านเข้ามาภายในโถงลิฟต์แล้วทางฝั่งขวามือก็คือ Mail Room ค่ะ ในทุกอาคารก็จะถูกออกแบบในลักษณะนี้
ภาพบรรยากาศภายใน Mail Room
ภายใน Mail Room ของทุกอาคารจะมี Smart Locker ติดตั้งเอาไว้ให้เป็นมาตรฐาน ทำให้ลูกบ้านสามารถรับพัสดุได้ตลอด 24 ชม. โดยเฉพาะกรณีที่ต้องออกไปทำงาน หรือออกไป Hang Out กับเพื่อน ๆ แล้วกลับบ้านดึก ก็สามารถให้นิติบุคคลนำพัสดุมาฝากไว้ที่ Smart Locker นี้ได้ เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งเครื่องอำนวยความสะดวกให้ลูกบ้านสามารถใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้ได้ดีทีเดียวค่ะ
ฝั่งซ้ายของโถงมีลิฟต์โดยสารติดตั้งมาให้ 4 ตัว
มาต่อกันที่ Lobby อาคาร C ค่ะ มีการออกแบบไม่ต่างไปจาก Lobby อาคาร A เลย
มีบันไดเดินขึ้นไปโซนห้องพักอาศัยที่ชั้น 2 ได้เช่นกัน
ภาพบรรยากาศภายใน Mail Room
ภาพบรรยากาศภายในโถงลิฟต์
ส่วน Lobby อาคาร B นั้นจะมีความพิเศษกว่า Lobby ของอาคารอื่น ๆ
ตั้งแต่พื้นที่ด้านหน้าทางเข้าอาคาร มีการออกแบบพื้นที่ Semi-Outdoor เป็นพื้นที่นั่งพักผ่อน ให้ความรู้สึกที่เย็นด้วยการออกแบบสระน้ำพุรอบ ๆ
พอเข้ามาภายในอาคาร พื้นที่ส่วนแรกถูกออกแบบมาในลักษณะของ Foyer แล้วเชื่อมต่อไปยัง Lobby และโถงลิฟต์
ภาพบรรยากาศภายใน Lobby จะมีขนาดที่ใหญ่พิเศษ ได้ฟีลไปนั่งในคาเฟ่เก๋ ๆ ใช้เป็น Co-Working Space ก็ยังได้
ด้านข้าง Lobby ก็มีห้องน้ำจัดเอาไว้ให้ทั้งห้องน้ำชาย-หญิง
ภาพบรรยากาศภายในห้องน้ำ ตกแต่งคุมธีมมาดีเข้ากับพื้นที่ส่วนอื่น ๆ ดูโปร่งและน่าใช้งานด้วย
และห้องน้ำ Unisex รองรับผู้สูงอายุที่ใช้รถเข็นได้
เข้าสู่โถงลิฟต์กันค่ะ
ภาพบรรยากาศภายใน Mail Room
ภาพบรรยากาศภายในโถงลิฟต์ อาคารนี้จะมีลิฟต์โดยสารให้ 3 ตัว
สำหรับลิฟต์ที่ใช้ภายในโครงการจะเป็นของแบรนด์ Mitsubishi Electric รองรับผู้โดยสารได้ 1000 kg หรือ 15 คน/เที่ยว เดี๋ยวเราจะกระโดดขึ้นไปดูที่ชั้น 7-8 ซึ่งเป็น Main Facilities ของโครงการกันต่อค่ะ
ชั้น 7-8 ของแต่ละอาคารจะเป็นส่วนของ Main Facilities ค่ะ นอกจากที่ชั้น 1 แล้ว ส่วนกลางที่เหลือก็จะอยู่ที่ชั้นนี้ทั้งหมด (ส่วนอาคาร D จะเป็นชั้นที่ 10 บนอาคารจอดรถค่ะ) โดยออกแบบให้มี Sky Bridge เชื่อมต่อถึงกันทุกอาคาร ทำให้ลูกบ้านสามารถเดินไปใช้พื้นที่ส่วนกลางที่อยู่คนละอาคารได้สะดวก
ขึ้นมาที่ชั้น 7 ของอาคาร B ส่วนแรกจะเป็นพื้นที่โถงใหญ่ที่เชื่อมต่อฟังก์ชันหลาย ๆ ส่วนเข้าด้วยกัน แต่โซนห้องพักอาศัยจะถูกกั้นส่วนออกไปด้วยประตู Key Card เพื่อความเป็นส่วนตัว
ในส่วนโถงนี้ก็ใช้เป็น Co-Working Space นั่งทำงานได้เลยนะคะ เพราะมีพวกปลั๊กไฟและ USB Port ติดเอาไว้ให้ตามจำนวนของที่นั่งเลยค่ะ
เดินลงบันไดไปไม่กี่สเต็ปจะมีส่วนที่เรียกว่า Retreat Area พร้อมเก้าอี้นวด เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความผ่อนคลายในวันที่อ่อนล้า
ตรงเข้าไปด้านในคือห้อง Theater Room ค่ะ จองดูหนังแบบเป็นส่วนตัวกับเพื่อน ๆ และครอบครัวได้
อีกฝั่งของโถงจะเชื่อมต่อกับโถงทางเดินไปยัง Play Area และอีกพื้นที่โถงที่เชื่อมต่อไปยัง Lobby Lounge และ Relax Pool
สำหรับ Play Area นั้นก็คือ Game Room นั่นเองค่ะ คือภายในห้องนี้จะมีพวกชุดอุปกรณ์สำหรับกิจกรรมกลุ่ม ให้เพื่อน ๆ และครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกัน
พอเปิดเข้ามาภายในห้อง สิ่งแรกที่เราจะเจอก็คือโต๊ะพูลค่ะ รอบ ๆ ห้องมีชุดโซฟาและเก้าอี้บาร์ให้นั่งพักผ่อนพูดคุยกันได้
ส่วนใหญ่แล้วโครงการอื่น ๆ มักจะจัด Bike Simulator เอาไว้ในหมวดของ Gym แต่ที่นี่มองเห็นในแง่ของความสนุกสนานระหว่างเพื่อนฝูง เลยจัดฟังก์ชันนี้เอาไว้ใน Game Room ค่ะ
นอกจากนี้ก็ยังมีพวกโต๊ะปิงปอง, โต๊ะฟุตบอล และโต๊ะแอร์ฮอกกี้ ให้เลือกเล่นกันได้ตามชอบ
นอกจากนี้ด้านในห้อง Play Room ยังมี Rhythm Studio ที่ออกแบบให้เป็นห้องเก็บเสียงพร้อมเครื่องดนตรีและเครื่องเสียงตามที่เห็นนี้เลยค่ะ ใครมีวงดนตรีอยากหาที่ซ้อม ที่คอนโดนี้มีจัดเอาไว้ให้แล้ว
จากโถงทางเดินจะเชื่อมต่อออกมาที่ห้องโถงอีกห้องก่อนออกไปยังโซน Outdoor ในโถงนี้จะมีห้องน้ำและห้องอาบน้ำแยกชาย-หญิงและ Unisex จัดเอาไว้ให้
นอกจากนี้ก็จะมี Lobby Lounge ซึ่งจัดแยกโซนออกมาจาก Play Room เพื่อให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า การเข้า-ออก Lobby Lounge นี้จะต้องใช้ Key Card นะคะ
เหตุผลที่ต้องใช้ Key Card อีกชั้นนั่นก็เป็นเพราะว่า ห้องนี้เราสามารถใช้ลิฟต์จากโถงลิฟต์ขนของขึ้นมาได้นั่นเอง ถ้าใครที่อยากขึ้นมานั่งพักผ่อนบนห้องนี้แบบไม่ต้องเดินผ่านฟังก์ชันอื่น ๆ คือใช้ลิฟต์ขนของตรงขึ้นมาถึงเลยสะดวกดีค่ะ
คราวนี้เราเดินออกมาที่พื้นที่โซน Outdoor กันต่อค่ะ ส่วนนี้เป็นโซนสระว่ายน้ำหรือ Relax Pool
ตามชื่อเลยคือเป็นสระสำหรับการพักผ่อนสบาย ๆ ใช้ว่ายน้ำออกกำลังกายเบา ๆ สังเกตโดยรอบสระจะถูกล้อมไปด้วยตึกสูง เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนของวัน ก็จะมีเงาของตึกมาเป็นร่มให้กับสระว่ายน้ำค่ะ โดยสระนี้เป็นสระระบบเกลือขนาด 19 x 10 เมตร
ข้างสระมี Sun Bed จัดเอาไว้ให้นอนพักผ่อนรับลมได้สบาย ๆ
และมีสระเด็กจัดแยกส่วนกันเพื่อความปลอดภัย
ความน่าสนใจของโครงการนี้อย่างนึงก็คือ การออกแบบ Sky Bridge เชื่อมต่ออาคารทั้ง 4 อาคาร เพื่อให้ลูกบ้านของแต่ละอาคารสามารถไปใช้ Facilities ในแต่ละส่วนได้อย่างสะดวกสบาย การออกแบบแบบนี้ก็ช่วยสร้างความรู้สึกสนุกสนานได้เหมือนกัน โดยจากอาคาร B จะเชื่อมต่อไปยังอาคาร C ค่ะ
ในส่วนแรกของอาคาร C จะเป็นพื้นที่โถง Co-Living Area ขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อไปยังฟังก์ชันต่าง ๆ ทั้งในส่วนของ Co-Kitchen Space, Co-Dining Area และ E-Library รวมไปถึง Sky Bridge เพื่อไปยังอาคาร A และอาคาร D
และนี่ก็คือ Co-Dining Area ค่ะ เป็นพื้นที่ที่เราสามารถนำอาหารมานั่งทานกันได้ สั่งพวก Food Delivery มานั่งทานกับเพื่อน ๆ และครอบครัวได้สบาย
โดยพื้นที่ด้านในอีกห้องก็คือ Co-Kitchen Space สามารถใช้ทำอาหารแบบจริง ๆ จัง ๆ ได้เลยนะคะ มีการตกแต่งที่ดู Luxury มากขึ้นเพื่อให้บรรยากาศเหมาะสำหรับอาหาร
เพราะทางโครงการออกแบบพื้นที่เคาน์เตอร์ขนาดใหญ่มาให้
มีพวกเตาอบ, เตาปรุงอาหาร และอ่างล้างจาน พร้อมอุปกรณ์เครื่องครัวต่าง ๆ ให้ใช้งานได้ ใครที่ชอบทำอาหาร ต้องการใช้ Space เยอะ ๆ ก็มาที่ห้องนี้ได้เลย
จาก Co-Living Area จะมีบันไดลงมาที่ E-Library การตกแต่งห้องนี้จะดูสงบมากขึ้นเพื่อให้บรรยากาศเหมาะสำหรับการอ่านหนังสือ มีโซนที่เป็นโต๊ะขนาดใหญ่สำหรับนั่งอ่านหนังสือแบบจริงจังหน่อย
มีโซนที่เป็นโซฟาให้นั่งแล้วรู้สึก Relax มากขึ้น
และพื้นที่อีกส่วนสำหรับการอ่านหนังสือเป็นกลุ่ม จัดแยกออกมาเผื่อให้สามารถใช้เสียงคุยปรึกษากันได้บ้าง
เรามาที่อาคาร A กันต่อค่ะ จะเป็นส่วนของ Co-Working Room (Brain Space) และ Meeting Room ค่ะ
การจัดบรรยากาศของห้องนี้จะดูเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงค่ะ ดูสว่าง ให้ความรู้สึกที่เหมาะสำหรับการทำงานมากขึ้น
อีกฝั่งมีโต๊ะประชุมสำหรับการ Brain Storm คุยงานกันจริง ๆ จัง ๆ ได้ (ส่วน Meeting Room ทางโครงการยังเหลือตกแต่งเพิ่มอีกนิดหน่อย วันนี้ทีมงานเลยยังไม่ได้เก็บภาพมาฝากกันค่ะ)
เรามาต่อกันที่อาคาร D ซึ่งเป็นอาคารจอดรถกันนะคะ บนชั้นที่ 10 ของอาคารนี้ก็จะเป็น Main Facilities เช่นกัน เป็นส่วนของ Up & Above Gym และ Active Pool
สำหรับ Up & Above Gym จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ชั้น
ที่ชั้น 1 เป็นโซน Free Weight มีพวกดัมเบลแบบคละน้ำหนัก, ม้านั่งราบปรับเบาะได้, Cable Machine และ Smith Machine จัดเอาไว้ให้ ใครเป็นสายยิมนี่ เห็นแบบนี้แล้วรู้สึกอุ่นใจดีค่ะ
และที่ชั้น 1 นี้ก็จะมีห้อง Yoga & Yoga Fly จัดแยกเอาไว้ให้อีกส่วน
คราวนี้เราขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเป็นส่วนของ Cardio Machine และ Weight Training Machine
Cardio Machine มีเยอะแบบจุใจ
และ Weight Training Machine สำหรับออกกำลังกายกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ
จาก Gym จะมีประตูเปิดเชื่อมออกไปที่ห้องน้ำและห้องอาบน้ำได้ จัดแยกชาย-หญิงให้เหมือนเดิม
ด้านหน้าห้องมีตู้ Locker สำหรับเก็บของเวลามาใช้งาน Gym และสระว่ายน้ำ
นอกจากห้องน้ำและห้องอาบน้ำแล้วก็ยังมี Steam และ Sauna ให้ด้วยค่ะ
เราออกมาดู Active Pool กันต่อค่ะ นี่ก็เป็นอีก Highlight ของโครงการนะคะ
ที่ชื่อว่า Active Pool เพราะว่าสระนี้มีขนาดใหญ่เกือบเท่า Olympic แล้วนะคะ เป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือที่ยาวเกือบ 50 เมตร และกว้างอีก 9 เมตร ใครชอบว่ายน้ำออกกำลังกายแบบจัดหนักจัดเต็ม เชิญที่สระนี้เลยค่ะ รับรองว่าได้เหนื่อยกันแน่นอน
พื้นที่ข้างสระก็มี Pool Bed จัดเรียงเอาไว้ให้ คือสระไม่ได้ใหญ่อย่างเดียว วิวก็ดีด้วยนะ เพราะรอบสระก็จัดสวนให้ความรู้สึกที่สดชื่น แถมยังมีมุม BBQ จัดเอาไว้ให้อีกด้วย
นอกจากนี้บริเวณข้างสระยังมี Shower สำหรับล้างตัวเตรียมมาให้อีก 1 จุดค่ะ
อาคาร A ชั้น 10-20 จริง ๆ แล้วพื้นที่ห้องพักอาศัยจะเริ่มต้นตั้งแต่ชั้น 2 ไปจนถึงชั้น 37 เลยค่ะ พอยิ่งขึ้นชั้นสูง ๆ ก็จะมีจำนวนห้องต่อชั้นลดลง อย่างที่ชั้น 37 ก็จะเหลือเพียง 8 ห้อง/ชั้นแล้ว ส่วนชั้น 10-20 จะเป็น Typical Floor Plan มีห้องพักอาศัยสูงสุดที่ 24 ห้อง/ชั้น
อาคาร C ชั้น 10-29 ห้องพักอาศัยของอาคาร C จะเริ่มต้นที่ชั้น 2 ไปจนถึงชั้น 33 โดยมี Typical Floor Plan อยู่ที่ชั้น 10-29 มีจำนวนห้องพักอาศัยสูงสุดอยู่ที่ 24 ห้อง/ชั้น เช่นกัน
อาคาร B ชั้น 9-16 ห้องพักอาศัยของอาคาร B จะเริ่มต้นที่ชั้น 2 ไปจนถึงชั้น 22 โดยมี Typical Floor Plan อยู่ที่ชั้น 9-16 มีจำนวนห้องพักอาศัยสูงสุดอยู่ที่ 27 ห้อง/ชั้น
:::: แบบห้องของโครงการ ::::
ห้องพักอาศัยภายในโครงการสามารถแบ่งออกเป็น 6 แบบได้ ดังนี้ค่ะ
Studio : 22.50-23.00 ตร.ม.
1 Bedroom : 27.00 ตร.ม.
1 Bedroom Corner : 27.40 ตร.ม.
1 Bedroom Plus : 32.50 ตร.ม.
1 Bedroom Plus Corner : 34.30 ตร.ม.
2 Bedroom : 50.50 ตร.ม.
:::: ห้องตัวอย่าง ::::
วันนี้เราจะพาไปชมห้องตัวอย่างทั้งหมด 2 ห้องด้วยกันค่ะ เป็นห้อง Studio ขนาด 22.50 ตร.ม. และห้อง 1 Bedroom ขนาด 27 ตร.ม. ไปชมกันเลยค่า
::: Studio ขนาด 22.50 ตร.ม. :::
ห้อง Studio ขนาด 22.50 ตร.ม. จะเป็นห้องขนาดเริ่มต้นของโครงการ ภายในห้องมีการแบ่งสัดส่วนได้เป็นอย่างดี โดยจะแยกส่วนครัวออกไปเป็นครัวปิดอยู่ตรงทางเข้าห้อง มีห้องน้ำอยู่ด้านข้าง จากนั้นถึงจะเข้าสู่โซน Living Area เพื่อให้พื้นที่ที่ได้ใช้ในการอยู่อาศัยมากที่สุด ได้รับช่องแสงมากที่สุด Living Area จะเป็นการรวมพื้นที่ของห้องนั่งเล่นและห้องนอนเอาไว้ด้วยกัน และมีพื้นที่ระเบียงกั้นส่วนออกไป
โครงการนี้ขายห้องแบบ Fully Furnished ได้เฟอร์นิเจอร์พื้นฐานครบครัน โดยแต่ละห้องก็จะได้เฟอร์นิเจอร์แตกต่างกันไปตามขนาด อย่างห้องนี้เราจะได้ ชุดเคาน์เตอร์ครัว, ฐานเตียงตอนขนาด 5 ฟุต, โต๊ะข้าง, ตู้เสื้อผ้า, โต๊ะทำงาน, ชั้นวางทีวี, อาร์มแชร์ พร้อมเก้าอี้วางขา, สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ และ Digital Door Lock ค่ะ
เริ่มจากประตูทางเข้าห้อง เป็นประตูสำเร็จรูปบานทึบสีขาว มีตาแมวติดเอาไว้ตรงกลางบาน
ที่บานติดมือจับประตูแบบ Digital Door Lock ของ Icon ใช้ได้ทั้ง Password, Key Card และ ลูกกุญแจ
เข้ามาภายในห้องส่วนแรกเราจะเจอห้องครัวก่อนค่ะ ทางฝั่งซ้ายของห้องคือห้องน้ำ และตรงเข้าไปคือ Living Area
สำหรับพื้นห้องครัวจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิก ปูด้วยแพทเทิร์นที่ล้อมาจากการตกแต่งภายในโครงการ ทำให้ดูมีลูกเล่นและดูแพงมากขึ้น ผนังห้องเป็นผนังฉาบเรียบทาสี ส่วนฝ้าเพดานเป็นฝ้าฉาบเรียบติดดวงโคมดาวน์ไลต์ LED มีความสูงฝ้าอยู่ที่ 2.5 เมตรค่ะ
และนี่ก็คือชุดเคาน์เตอร์ครัวที่เราได้มากับห้องนะคะ บานเปิดทุกบานจะเป็นแบบ Soft Close ที่ปิดผิวด้วยลามิเนตลายไม้ มีช่องสำหรบเก็บของให้พอสมควร รวมไปถึงช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าและช่องวางเตาไมโครเวฟ
ส่วน Top เคาน์เตอร์ปิดผิวด้วยเมลามีน กันน้ำกันรอยขีดข่วนได้ดี ผนังด้านหลังก็มีการกรุกระเบื้องมาให้เป็น Backsplash แล้ว
สำหรับอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ติดตั้งมาให้จะเป็นของแบรนด์ Teka ค่ะ มีอ่างล้างมือขนาด 1 หลุม
เตาปรุงอาหารเซรามิกขนาด 2 หัว
และเครื่องดูดควัน
ห้องน้ำที่โครงการใช้จะเป็นห้องน้ำสำเร็จรูป มีข้อดีอยู่ตรงที่สามารถควบคุมคุณภาพได้ง่ายกว่า พวกปัญหาการรั่วซึมต่าง ๆ ก็จะน้อยกว่าห้องน้ำแบบปกติค่ะ
ภายในมีการตกแต่งด้วยกระเบื้องโทนสีเทาดูสะอาดตา และใช้สุขภัณฑ์ของ Hafele ทั้งหมด มีกระจกเงาบานใหญ่ติดตั้งมาเต็มผนัง และมี Lower Wall สำหรับวางของใช้กระจุกกระจิกก่อมาให้ ส่วนระบบการระบายอากาศจะมีพัดลมดูดอากาศติดมาให้บนฝ้า 1 ตัวค่ะ
อ่างล้างมือเป็นอ่างฝังบนเคาน์เตอร์สำเร็จรูป มีช่องเก็บของให้ใต้เคาน์เตอร์
ถัดมาเป็นโถสุขภัณฑ์แบบแยกชิ้นระบบ Dual Flush พร้อมอุปกรณ์ประกอบการใช้งาน
ด้านในห้องมีธรณีกั้นขึ้นมาเป็นโซน Shower พร้อมฉากกั้นอาบน้ำบานเลื่อน 3 ตอน
ผนังด้านในมีชุด Hand Shower พร้อมราวปรับระดับและจานวางสบู่ติดตั้งมาพร้อมใช้งาน รวมไปถึงเดินระบบสำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นเอาไว้ให้เรียบร้อย
ห้องครัวมีการกั้นส่วนจาก Living Area ด้วยประตูบานเลื่อนกระจกกรอบอะลูมิเนียมแบบ 3 ตอน ทำให้สามารถเลื่อนเปิดได้กว้างมากขึ้น
ภาพบรรยากาศภายใน Living Area ที่เป็นทั้งห้องนอนและห้องนั่งเล่นในตัว พื้นที่ส่วนนี้จะปูด้วยลามิเนตลายไม้หนา 8 มม. เพื่อให้สัมผัสเหมาะสำหรับการอยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น
ในห้องนี้เราจะได้ฐานเตียงนอนขนาด 5 ฟุต พร้อมโต๊ะข้าง 1 ตัว หน้าตาเฟอร์นิเจอร์ที่ได้ตามแบบมาตรฐานโครงการ
พื้นที่ด้านข้างที่วาง Bean Bag จริง ๆ เราจะได้มาเป็นอาร์มแชร์พร้อมเก้าอี้วางเท้า เป็นมุมนั่งพักผ่อนได้สบาย ๆ
และที่ด้านข้างเตียงนอนอีกฝั่ง เราก็จะได้ตู้เสื้อผ้า Built-in มาอีก 1 ตู้ค่ะ หน้าบานเป็นบานเลื่อนปิดผิวด้วยลามิเนตตามแบบห้องตัวอย่างเลย ภายในมีราวแขวนเสื้อผ้าและลิ้นชักจัดให้เป็นสัดส่วน กำลังพอเหมาะสำหรับเสื้อผ้าของคน 1 คน
ในส่วนของฝั่งปลายเตียง เราจะได้ชั้นวางทีวีและโต๊ะทำงาน ใช้นั่งทำงาน, ใช้เป็นโต๊ะเครื่องแป้ง และใช้เป็นโต๊ะนั่งรับประทานอาหารได้ในตัว เราจะทำ Built-in พวกตู้ลอยสำหรับเก็บของเพิ่มเติมก็ยังได้
ถ้าสังเกตแสงที่ได้จากธรรมชาตินี่ถือว่าสว่างพอสมควรเลยนะคะ ช่วงกลางวันไม่ต้องเปิดไฟยังได้เลย
ทางฝั่งขวานี้เป็นประตูบานเลื่อนเชื่อมกับระเบียงห้อง เป็นพื้นที่สำหรับการซักล้าง ตากผ้า และพักผ่อนรับลม ที่ชอบก็คือ ทางโครงการมีการออกแบบ Facade มาเป็นระแนงเพื่อช่วยบังสายตาและบังแสง ทำให้แสงไม่จ้าจนเกินไป และได้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้น
ภาพบรรยากาศภายในห้องอีก 1 มุม
::: 1 Bedroom ขนาด 27 ตร.ม. :::
สำหรับห้อง 1 Bedroom ขนาด 27 ตร.ม. จะมีการแบ่งพื้นที่ห้องได้อย่างเป็นสัดส่วนมากขึ้น เริ่มจากส่วนแรกของห้องจะเป็นห้องนั่งเล่น ห้องครัวมีการแยกส่วนออกไปแต่ไม่ได้กั้นเป็นครัวปิดให้ ห้องน้ำจะอยู่ด้านข้างห้องครัว ส่วนห้องนอนจะกั้นส่วนจากห้องนั่งเล่นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก ทำให้ห้องนั่งเล่นยังสามารถรับแสงธรรมชาติได้ดีอยู่ค่ะ
เข้ามาในห้องส่วนแรกจะเป็นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ พวกวัสดุมาตรฐานที่ได้มากับห้องก็จะไม่ต่างไปจากห้อง Studio เลยค่ะ เพียงแต่ว่าชุดเฟอร์นิเจอร์ที่แถมมากับห้องจะแตกต่างกันออกไปบ้าง
ห้องตัวอย่างจัดพื้นที่ด้านหน้าห้องเป็นมุมอ่านหนังสือเล็ก ๆ พร้อมตู้เก็บของและเก็บรองเท้า เป็นไอเดียที่น่ารักดี
ตรงเข้ามาด้านในเป็นพื้นที่นั่งเล่น
อย่างห้องนี้ไม่ได้จัดโต๊ะอาหารมา เป็นเพราะไลฟ์สไตล์ของคนที่อยู่ในห้องนี้ อาจจะนั่งทานอาหารที่โซฟาโดยใช้โต๊ะอเนกประสงค์ที่ย้ายไปมาแบบนี้แทนได้ ช่วยให้ประหยัดพื้นที่ห้อง สามารถวางโซฟาขนาดใหญ่ขึ้นได้ และมีพื้นที่สำหรับความชอบส่วนตัวมากขึ้น
ฝั่งตรงข้ามมีพื้นที่ให้เราทำพวกชั้นวางทีวี Built-in ขนาดใหญ่ได้เลย เสริมเข้าไปจากที่โครงการให้มา
ตรงเข้าไปด้านในห้องฝั่งซ้ายจะเป็นพื้นที่ครัวและห้องน้ำค่ะ ใครที่ชอบครัวปิดจริง ๆ จะทำบานเลื่อนเพิ่มตรงหน้าห้องครัวก็ได้นะ แต่อาจจะทำให้ห้องดูแน่นขึ้นอีกนิดนึง
เคาน์เตอร์ครัวที่ได้เป็นรูป L Shape มี Hob-Hood-Sink ของ Teka ติดตั้งมาให้
ห้องน้ำสำเร็จรูป มีการจัดวางแปลนและการตกแต่งเหมือนกันกับห้อง Studio ทุกประการ
จะเห็นว่าห้องนอนถูกกั้นส่วนออกไปด้วยประตูบานเลื่อนกระจก ข้อดีก็คือห้องดูเป็นสัดเป็นส่วนมากขึ้น และห้องนั่งเล่นก็ยังได้รับแสงธรรมชาติเยอะเหมือนกัน
สำหรับพื้นที่ห้องนอนก็มีขนาดกำลังดีค่ะ วางเตียงนอนและโต๊ะข้างลงไปแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าอึดอัดอะไร
มุมริมหน้าต่างยังเหลือพื้นที่ ทำเป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อนหรือมุมนั่งทำงานเพิ่มได้ตามสะดวก
ส่วนตู้เสื้อผ้าจะอยู่ตรงมุมระเบียงค่ะ ติดกระจกเงาเข้าไปที่ผนังเพิ่มจะกำลังพอดีเลย ใช้เช็กความเรียบร้อยก่อนออกจากห้อง และทำให้ห้องดูกว้างขึ้นอีกด้วย
:::: ราคา (มิ.ย. 2565) ::::
ลงทะเบียนรับสิทธิ์พิเศษ คลิก https://bit.ly/3xVCpYu
***ข้อมูลราคา และโปรโมชันอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดติดต่อสำนักงานขายเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
:::: สรุป ::::
ทำเลที่ตั้งโครงการ เป็น 1 ในจุดแข็งของโครงการ Denim จตุจักร เพราะเป็นทำเลที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยความที่เป็นทั้งทำเลของอาคารสำนักงาน, แหล่งที่อยู่อาศัย, ห้างสรรพสินค้า และพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ เช่น Central ลาดพร้าว, Union Mall, ตลาดนัดสวนจตุจักร, อุทยานสวนจตุจักร รวมไปถึงเป็นทำเลที่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าหลักซึ่งเป็น Interchange Station ประมาณ 1.2-1.5 กม. เท่านั้น ทั้ง BTS หมอชิต, MRT จตุจักร และ สถานีกลางบางซื่อ เรียกว่าเป็นจุดเริ่นต้นที่ดีของการเดินทางด้วยระบบราง
โดยจากซอยวิภาวดี-รังสิต 3 จะตั้งอยู่ระหว่างถนนใหญ่เส้นหลัก ๆ 2 เส้น คือเส้นวิภาวดี-รังสิต และเส้นพหลโยธิน มีจุดขึ้นทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ และทางด่วนศรีรัชอยู่ใกล้ ๆ การใช้ชีวิตในทำเลนี้จึงง่ายมาก ทั้งในแง่ของการเดินทางและไลฟ์สไตล์ส่วนตัวค่ะ
การออกแบบโครงการ โครงการเป็น High Rise Condominium ที่มีอาคารพักอาศัยทั้งหมด 3 อาคาร และอาคารจอดรถอีก 1 อาคาร สิ่งที่ทำให้โครงการนี้โดดเด่นก็คือ สไตล์ที่ใช้ในการออกแบบโครงการทั้งภายในและภายนอก ทำให้บรรยากาศของโครงการน่าอยู่ รวมไปถึงพื้นที่ส่วนกลางที่ให้มาแบบจัดเต็ม รองรับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของคนที่เข้ามาอยู่ในโครงการนี้ได้ ซึ่งนับว่าเป็น Highlight ของโครงการนี้เลยค่ะ
โดยจะมีฟังก์ชันที่รองรับกิจกรรมได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การเล่นเกมเข้าสังคม, การซ้อมดนตรี, การดูหนัง, การพักผ่อน, การทำงาน-อ่านหนังสือ, การทำอาหาร, การออกกำลังกาย ทั้งแบบ Indoor และ Outdoor หรือแม้แต่สระว่ายน้ำเองก็ยังแยกออกเป็น 2 สระตามการใช้งานที่แตกต่างกัน รวมไปถึงระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ถือว่าดีมากเลยค่ะ
การออกแบบห้องชุด ห้องภายในโครงการมีขนาดและรูปแบบให้เลือกค่อนข้างเยอะ ใครมีงบประมาณเท่าไหร่ ชอบ Lay Out ห้องแบบไหนก็สามารถเลือกได้ มีทั้งครัวเปิด ครัวปิด ครัวติดระเบียง ครัวอยู่ฝั่งด้านใน ห้องนอนกั้นส่วนด้วยผนังกระจก-ผนังทึบ ห้องหน้ากว้าง ห้องหน้าแคบ ส่วนวัสดุและเฟอร์นิเจอร์ที่ให้มาก็มีความสวยงามและให้มาครบเลยนะคะ อย่างห้อง Studio นี่ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์เพิ่มแล้ว
:::: สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ::::
TEL : 02-652-4000
WEBSITE : https://bit.ly/3xVCpYu
หากเพื่อน ๆ เห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน ขอบคุณค่ะ
และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ
EP.2503 รีวิว ศุภาลัย พรีโม่ อนุสาวรีย์ฯ ภูเก็ต / Supalai Primo Thep Kasatri & Sri Sunthon Heroines Monument Phuket ทาวน์โฮมและบ้านแฝดดีไซน์ใหม่ วัสดุประหยัดพลังงาน บนทำเลศักยภาพ ถนนเทพกระษัตรี ใกล้ Robinson ถลาง เพียง 1.2 กม.* เริ่ม 3.39 ล้านบาท*
EP.2502 รีวิว บ้านลลิล รังสิต-คลอง 2 Baan Lalin Rangsit-Klong 2 บ้านหรู 5 ห้องนอน ดีไซน์ฝรั่งเศส ใกล้ Future Park ทางด่วน และรถไฟฟ้า 2 สาย เริ่ม 3.89-7 ล้านบาท* Written by : Nan Kanyaratthp สวัสดีเพื่อน ๆ
EP.2501 รีวิว ไซมิส บลอสซั่ม พหลฯ-วิภาวดี / Siamese Blossom Phahol-Vibhavadi บ้านแฝดและทาวน์โฮมอิสระ สไตล์ Modern Tropical ทำเลดี ติดถนนพหลโยธิน ใกล้รถไฟฟ้าสายสีแดง และ Future Park รังสิต เริ่ม 2.99 ล้าน* Written by : Pure Thitapa สวัสดีค่ะ เพื่อน
EP.2500 รีวิว ศุภาลัย ไพร์ด วงแหวน-พระราม 2 / Supalai Pride Wongwaen-Rama 2 บ้านเดี่ยว, บ้านแฝด และทาวน์โฮมซีรีส์ใหม่สไตล์ Tropical Modern ทำเลดี ใกล้ถนนพระราม 2 และทางด่วนใหม่ เริ่ม 2.29-6 ล้านบาท* Written by : Pure Thitapa สวัสดีค่า คุณผู้อ่านทุกคน
EP.2499 รีวิว นารา โบทานิค ราชพฤกษ์-345 Nara Botanic Ratchaphruek-345 บ้านเดี่ยวหรู สไตล์ Modern Luxury ใจกลางธรรมชาติ วิวทะเลสาบ ติดถนนใหญ่ราชพฤกษ์ ราคาเริ่ม 6.9 ล้านบาท* Written by : Nin Yanin สวัสดีค่า วันนี้ทีมงาน Homenayoo พามาชมโครงการ Nara Botanic ราชพฤกษ์-345 จาก Narai Property ที่ตั้งโครงการอยู่บนทำเลศักยภาพ ติดถนนราชพฤกษ์
EP.2498 รีวิว เศรษฐสิริ งามวงศ์วาน Setthasiri Ngamwongwan บ้านเดี่ยวหรู สไตล์ Georgian ใกล้ทางด่วน เพียง 2 นาที* และ The Mall งามวงศ์วาน เริ่มต้น 18-40 ล้านบาท* Written by : Nin Yanin สวัสดีค่ะ วันนี้ทีมงาน Homenayoo พาคุณผู้อ่านมาชมโครงการ เศรษฐสิริ งามวงศ์วาน บ้านเดี่ยวหรู
EP.2497 รีวิว ศุภาลัย แกรนด์ เอสเซ้นส์ อรุณอมรินทร์ Supalai Grand Essence Arun-Amarin บ้านหรูกลางเมือง 3.5 ชั้น พร้อม Double Space เอกสิทธิ์เพียง 36 ครอบครัว ใกล้ ICONSIAM ทางด่วน และรถไฟฟ้า 3 สาย เริ่ม 22.9-40 ล้านบาท* Written by
EP.2496 รีวิว เดอะ แกรนด์ ปิ่นเกล้า-วงแหวนกาญจนา The Grand Pinklao-Wongwaen Kanchana บ้านเดี่ยวหรูสไตล์ Modern European พร้อม Pool Villa สระว่ายน้ำส่วนตัวทุกหลัง เพียง 39 ครอบครัวเท่านั้น ทำเลดีติดถนนใหญ่ ใกล้ทางด่วน และรถไฟฟ้า MRT ราคาเริ่มต้น 30-70 ล้าน* Written by : Nan
EP.2495 รีวิว บารานี บลิซ รังสิต-วงแหวน / Baranee Bliss Rangsit-Wongwaen บ้านเดี่ยวสไตล์ Modern British Luxury ทำเลศักยภาพ ติด ถ.รังสิต-นครนายก ใกล้วงแหวนกาญจนาภิเษก เอกสิทธิ์เพียง 87 ครอบครัว เริ่ม 8-17 ล้านบาท* Written by : Pure Thitapa สวัสดีคุณผู้อ่านทุกคนค่ะ วันนี้
EP.2494 รีวิว ศุภาลัย พาร์ควิลล์ กาญจนาภิเษก-ซ.กันตนา Supalai Park Ville Kanchanapisek-Soi Kantana บ้านเดี่ยว 2 ชั้น สไตล์ Tropical ใกล้ Central Westgate เริ่ม 5.69 ล้านบาท* Written by : Nin Yanin สวัสดีค่า วันนี้ทีมงาน Homenayoo พาคุณผู้อ่านมาชมโครงการ Supalai Park
แสดงความคิดเห็น