โครงการมีการออกแบบหน้าตาอาคารมาอย่างโดดเด่นดูทันสมัย พร้อมพื้นที่ส่วนกลางและฟังก์ชันในยูนิตต่าง ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ชีวิตคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง รวมกับ AP Digital Community ซึ่งเพิ่มความสะดวกสบายด้วยการเชื่อมต่อฟังก์ชันการจัดการหลาย ๆ อย่างให้คนในโครงการสามารถจัดการผ่านมือถือได้อีกด้วย ทางโครงการตกแต่งห้องให้แบบ Fully Fitted ปัจจุบันโครงการสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้วค่ะ
Cityscape Infinity Lap Pool แบบ Excusive พร้อม ที่นั่ง Sky Cabana, Steam, Sauna, Free Wi – Fi ในพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ 24 ชั่วโมง Green Landscape กว่า 2 ไร่, Street Bas Court, Play House, EV Charger, ที่จอดรถ 723 คัน, ร้านค้า 1 ยูนิต และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.
คอนโด LIFE ทำเลอื่นๆ ที่น่าสนใจ…
LIFE ลาดพร้าว
LIFE ลาดพร้าว 18
LIFE อโศก
LIFE รัชดาภิเษก
LIFE สุขุมวิท 48
LIFE สุขุมวิท 62
LIFE สุขุมวิท 65
LIFE สุขุมวิท 67
LIFE ปิ่นเกล้า
LIFE ราชปรารภ
ชื่อโครงการ |
Life Ladprao (ไลฟ์ ลาดพร้าว) |
ค้นหาห้องเพื่อเช่า |
ดูประกาศเช่า คอนโด Life Ladprao (ไลฟ์ ลาดพร้าว) |
ค้นหาห้องเพื่อซื้อ |
ดูประกาศขาย คอนโด Life Ladprao (ไลฟ์ ลาดพร้าว) |
เจ้าของโครงการ |
AP THAILAND |
เนื้อที่ทั้งหมด |
|
จำนวนตึก |
2 อาคาร |
จำนวนชั้น |
- อาคาร A สูง 45 ชั้น 706 ยูนิต
- อาคาร B สูง 46 ชั้น 909 ยูนิต
|
จำนวนห้อง |
ยูนิตที่พักอาศัย 1,615 ยูนิต + ยูนิตร้านค้า 1 ยูนิต |
ลักษณะห้องและขนาดห้อง |
- Studio ขนาด 26.0 – 29.0 ตร.ม.
- 1 Bedroom ขนาด 35.0 ตร.ม.
- 2 Bedroom ขนาด 48.0 – 75.0 ตร.ม.
|
ที่จอดรถทั้งหมด |
ประมาณ 723 คัน หรือ 44.76% ของจำนวนยูนิตโครงการ |
จำนวนลิฟท์ |
- อาคาร A ลิฟต์โดยสาร 4 ตัว ลิฟต์บริการ 1 ตัว
- อาคาร B ลิฟต์โดยสาร 5 ตัว ลิฟต์บริการ 1 ตัว
|
โซน |
พหลโยธิน |
เส้นทางการคมนาคม |
- รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว สถานีห้าแยกลาดพร้าว
- รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน สถานีพหลโยธิน
- ทางยกระดับอุตราภิมุข
|
รถโดยสารที่ผ่าน |
รถเมล์สาย 24, 26, 28, 34, 38, 39, 59, 63, 107, 129, 136, 157, 188, 191, 503, 529 และ 545 |
ที่ตั้ง |
ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. |
กำหนดการ |
Presale วันที่ 20 – 21 พฤษภาคม 2016 ณ Sales Gallery Life ลาดพร้าว |
ปีที่สร้างเสร็จ |
ไตรมาสที่ 1 ปี 2563 |
ราคา |
รอข้อมูลจากทางโครงการ |
ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม |
เริ่มต้น ประมาณ 145,000 บาท/ ตร.ม. |
ค่าส่วนกลางและกองทุน |
- ค่าส่วนกลาง 50 บาท/ตร.ม./เดือน
- เงินกองทุน 500 บาท/ตร.ม.
|
สถานที่สำคัญใกล้เคียง |
ห้างสรรพสินค้า
- Tesco Lotus ลาดพร้าว : 70 ม.
- Central ลาดพร้าว : 250 ม.
- Union Mall : 500 ม.
- Major รัชโยธิน : 1.3 กม.
- Big C Extra ลาดพร้าว 2 : 1.5 กม.
- ตลาดบางเขน : 2.4 กม.
- ตลาดนัดจตุจักร : 2.4 กม.
- บอง มาร์เช่ : 4.5 กม.
- ตลาดโชคชัยสี่ : 4.9 กม.
- Tesco Lotus ประชาชื่น : 6 กม.
- ตลาดเตาปูน : 6 กม.
- ตลาดประชานิเวศน์ : 6.3 กม.
สถานศึกษา
- รร.หอวัง : 170 ม.
- รร.เซนต์จอห์น : 1.2 กม.
- ม.ราชภัฏจันทรเกษม : 2.7 กม.
- ม.เกษตรศาสตร์ : 4.1 กม.
- ม.ศรีปทุม : 4.9 กม.
ศูนย์การแพทย์
- รพ.เมโย : 2.6 กม.
- รพ.เปาโล เมมโมเรียล พหลโยธิน : 3.4 กม.
- รพ.วิภาวดี : 3.8 กม.
- รพ.เกษมราษฎร์ ประชาชื่น : 4.6 กม.
อื่นๆ
สถานที่ราชการและอาคารสำนักงาน
- SCB Park : 1.7 กม.
- สถานีตำรวจโชคชัยสี่ : 4.6 กม.
|
สิ่งอำนวยความสะดวก |
- Iconic Lobby
- The Share Space
- Intelligent Co – Thinking Space
- Mailbox
- Smart Locker
- The Urban Oasis
- Sky Social Club
- Theatre House
- Panoramic Health Club
- Multi – Purpose Room
- Cityscape Infinity Lap Pool แบบเอ็กซ์คลูซีฟ พร้อม ที่นั่ง Sky Cabana
- Steam
- Sauna
- Free Wi – Fi ในพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ 24 ชั่วโมง
- Green Landscape กว่า 2 ไร่
- Street Bas Court
- Play House
- EV Charger
- ที่จอดรถ 723 คัน
- ร้านค้า 1 ยูนิต
- ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.
|
จุดเด่นของโครงการ |
Life Ladprao คอนโดทำเลติดถนนพหลโยธิน ตรงข้าม Central ลาดพร้าว ติด Tesco Lotus ลาดพร้าว ติด BTS สถานีห้าแยกลาดพร้าว ใกล้จุดขึ้น – ลงทางด่วน ใกล้ห้าง ใกล้โรงเรียน และใกล้แหล่งอาคารสำนักงานใหญ่มากมาย มีความสะดวกสบายและอุดมสมบูรณ์สูง |
:::: ที่ตั้งโครงการ ::::
ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.
พิกัด : 13.817165, 100.563345
ทำเลที่ตั้ง โครงการ Life ลาดพร้าว ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่พหลโยธิน โดยจะอยู่ฝั่งตรงข้ามห้าง Central ลาดพร้าว กับ รร.หอวัง และอยู่ติดกับ รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว สถานีห้าแยกลาดพร้าว ส่วนต่อขยายช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต ซึ่งเป็นสถานี Interchange กับ รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีพหลโยธิน อีกด้วย เรียกว่าเป็นทำเลคอนโดแบบก้าวเดียวถึงรถไฟฟ้าเลยค่ะ
โซนนี้ถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์สูงมาก เพราะมีห้างใหญ่ ๆ อยู่ในระยะเดินไม่กี่ก้าวถึง ข้ามถนนไปก็คือ Central ลาดพร้าว หรือเดินไปข้าง ๆ โครงการก็มี Tesco Lotus ลาดพร้าว และ Union Mall ที่อยู่แทบจะติดกับโครงการเลย รวมทั้งยังมีอาคารสำนักงานใหญ่และองค์กรขนาดใหญ่อย่าง PTT และ SCB Park อยู่ใกล้ ๆ เป็นผลพวงที่ทำให้มีตลาดนัดขายอาหาร ขายเสื้อผ้า และร้านอาหารหลายร้าน เพื่อตอบรับกับปริมาณผู้บริโภคซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานออฟฟิศนั่นเอง
สรุปแล้วพูดได้ว่า ทำเลนี้เป็นทำเลที่อยู่ง่าย เพราะสามารถหาของกินได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ไปไหนมาไหนก็สะดวก จะลงทุนหรือปล่อยเช่าก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะมีฐานลูกค้าที่เป็นพนักงานออฟฟิศและนักเรียน – นักศึกษาที่ทำงานหรือเรียนอยู่ในโซนนี้อยู่แล้ว โดยมีเรื่องของความอุดมสมบูรณ์ ความที่ใกล้ห้างยอดนิยม ตัวเลือกและความสะดวกในการเดินทาง เป็นแม่เหล็กช่วยดึงผู้เช่าได้ดีเลยค่ะ
การเดินทางด้วยรถยนต์ เราทำไฮไลต์เส้นทางสำคัญรอบ ๆ โครงการ Life ลาดพร้าว มาให้ดูค่ะ จะเห็นถนนใหญ่สำคัญอย่าง พหลโยธิน, ลาดพร้าว, วิภาวดี – รังสิต และ รัชดาภิเษก ล้อมรอบโครงการอยู่ คนใช้รถสามารถเดินทางได้สะดวกมาก มีทางเข้า – ออกได้หลายทาง ทั้งทางหลักอย่างถนนพหลโยธิน โดยโครงการจะอยู่ฝั่งที่มุ่งหน้าไปทางห้าแยกลาดพร้าว โดยจะห่างจากห้าแยกลาดพร้าวเพียง 500 เมตรเท่านั้น พอถึงห้าแยกแล้วจะไป ถนนวิภาวดี – รังสิต, ลาดพร้าว, รัชดาภิเษก หรือไปขึ้นทางด่วนศรีรัชก็สะดวก และจากเส้นลาดพร้าวยังสามารถลัดเลาะเข้าซอยผ่าน Tesco Lotus ลาดพร้าว มาออกถนนพหลโยธินเพื่อลัดมาโครงการโดยไม่ต้องผ่านห้าแยกลาดพร้าวในวันที่การจราจรหนาแน่นได้อีกด้วย
เรามีภาพทางลัดจากถนนลาดพร้าวไปโครงการ Life ลาดพร้าว มาให้ชมกันค่ะ การศึกษาทางลัดเลาะต่าง ๆ เป็นเรื่องจำเป็นของโซนในเมืองแบบนี้ เพราะถ้าอาศัยแค่ถนนใหญ่อย่างเดียวจะทำให้หลีกเลี่ยงการจราจรที่หนาแน่นช่วงห้าแยกลาดพร้าวในช่วง Rush Hour ได้ยาก โดยเฉพาะช่วงเย็นปริมาณรถบนท้องถนนจะหนาแน่นเป็นพิเศษ เพราะคนก็ต่างมุ่งหน้ากลับบ้านกัน โดยเฉพาะทุกแยกไฟเขียวไฟแดงและทางกลับรถที่มีอยู่เป็นระยะ ๆ
ดังนั้นจึงขอแนะนำว่า ถ้ามาทางลาดพร้าว ให้กลับรถใต้สะพานข้ามห้าแยกลาดพร้าวมาเข้าลาดพร้าวซอย 1 วิ่งไปออก Tesco Lotus ลาดพร้าว จะเป็นถนนพหลโยธินฝั่งที่ตั้งโครงการ คืออยู่แทบจะติดกับโครงการเลย ระยะทางประมาณ 1 กม.เท่านั้น ตอนแรก ๆ อาจจะรู้สึกงง ๆ หน่อย แต่พอคุ้นทางเมื่อไหร่นี่ใช้ช่วยเลี่ยงรถติดได้ดีเลยค่ะ แถมระยะวนรถก็สั้นกว่ากันด้วย
ทางด่วน โครงการจะอยู่ห่างจากจุดขึ้น – ลงทางด่วนศรีรัช ในระยะประมาณ 4.9 กม. หรือระยะขับรถเพียง 7 นาทีเท่านั้น การมีทางด่วนอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้คนขับรถได้ความสะดวกสบายเพิ่มขึ้นเยอะค่ะ เพราะทำให้เดินทางสะดวกทั้งเข้าเมืองและออกเมือง มีตัวเลือกในการเดินทางเยอะไม่ว่าจะไปทางพระราม 4, สีลม, สาทร หรือออกเมืองไป เมืองทอง, ดอนเมือง, รังสิต ก็ใช้ทางด่วนศรีรัชไปได้สะดวก
:: สรุปแยก และ ถนนสำคัญรอบโครงการ ::
- ห้าแยกลาดพร้าว : 500 ม.
- ถนนลาดพร้าว : 500 ม.
- ถนนวิภาวดีรังสิต : 600 ม.
- แยกรัชโยธิน : 1.2 กม.
- ถนนรัชดาภิเษก : 1.2 กม.
- แยกรัชดา – ลาดพร้าว : 2.3 กม.
- แยกเกษตร : 2.8 กม.
- ถนนงามวงศ์วาน : 2.9 กม.
- ถนนเกษตร – นวมินทร์ : 2.9 กม.
- แยกวังหิน : 4.4 กม.
- ถนนลาดพร้าววังหิน : 4.4 กม.
- ถนนประชาชื่น : 4.7 กม.
- ถนนโชคชัยสี่ : 4.8 กม.
การเดินทางด้วยรถสาธารณะ ตัวโครงการอยู่ติดสถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีห้าแยกลาดพร้าว แบบก้าวเดียวถึง นั่งไปเพียงสถานีเดียวถึง BTS หมอชิต เป็นสถานี Interchange กับรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สวนจตุจักรด้วยค่ะ และจากที่ตั้งโครงการเองก็สามารถเดินไป สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT พหลโยธิน ได้ในระยะเพียง 500 เมตร นั่งไปสถานีเดียวถึง MRT ลาดพร้าว ที่เป็น Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองสถานีรัชดา – ลาดพร้าวในอนาคตอีกด้วย
แถมโซนนี้มีทั้ง รถเมล์, แท็กซี่ และวินมอเตอร์ไซค์ ผ่านหน้าโครงการตลอดแทบจะ 24 ชั่วโมงนะคะ จะไปไหนก็สะดวก ถ้ารถติดก็มีทางเลี่ยงค่อนข้างเยอะ และใช้ระยะทางไปไหนมาไหนค่อนข้างสั้น เพราะอยู่ใจกลางเมืองในแหล่งห้างสรรพสินค้าอยู่แล้วค่ะ
จะเห็นว่าจากหน้าโครงการพอเดินออกมาก็ถึงทางขึ้นตัวสถานีฝั่งบันไดเลื่อนเลยค่ะ ไม่ต้องเหนื่อยเดินขึ้นบันได
ความอุดมสมบูรณ์ รอบ ๆ โครงการ Life ลาดพร้าว ถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์สูงมาก สามารถหาของฝากท้องกันได้ง่ายตั้งแต่เช้าจรดค่ำเลยค่ะ ความดีงามก็คือ ทำเลนี้มีห้างใหญ่ ๆ ล้อมอยู่แบบเดินถึงได้สบาย ๆ โดยตัวโครงการแทบจะอยู่ติดกับ Tesco Lotus ลาดพร้าว แบบห่างเพียง 70 เมตรเท่านั้น เรียกว่าเดินแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว เวลาซื้อของเข้าบ้านทำกับข้าวคือสะดวกสุด แถมตัวโครงการก็อยู่ตรงข้ามกับ Central ลาดพร้าว ซึ่งเป็น Central สาขาใหญ่ มีร้านค้าและร้านอาหารในส่วนของ Plaza ให้เลือกชอปเลือกชิมเยอะจริง ๆ และยังอยู่ห่างจาก Union Mall เพียง 500 เมตร ถือเป็นแหล่งชอปปิงราคาย่อมเยาถูกใจมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ๆ อยู่ด้วย เดินชอปปิงข้ามห้างไปมาสนุกดี
ห่างจากโครงการไปประมาณ 1.3 กม. จะมี Major รัชโยธินอยู่ นอกจากฟังก์ชันหลักอย่างดูหนังและโยนโบว์ลิงแล้ว ใน Major รัชโยธิน ยังมีร้านอาหารอยู่เยอะมากค่ะ แถมด้านในยังมี Community Mall อยู่ด้วย ร้านอาหารเพียบ และยังมีตลาดนัดขนาดใหญ่ด้านข้างซึ่งขายเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายอีกเยอะแยะ ใครชอบแต่งตัวน่าจะปลื้มค่ะ เพราะของเยอะ เดินสนุก ราคาไม่แพงด้วย
นอกจากจะมีห้างขนาดใหญ่แล้วก็ยังมี สถานที่ท่องเที่ยว และร้านอาหารอีกมากมายที่สามารถเดินทางไปได้สะดวก ซึ่งจากห้าแยกลาดพร้าวนี่เราสามารถเดินไปสวนรถไฟได้เลยนะคะ ถ้าเป็นคนชอบเดินนะ ภายในร่มรื่น มีจักรยานให้เช่าปั่นเล่นได้ และมีหอสมุดพุทธทาสด้วย ใครอยากชวนที่บ้านมาเดินเล่นพักผ่อนปฎิบัติธรรม ที่นี่ก็เป็นอีกที่ที่สวยและสงบดีค่ะ
:: สรุปสถานที่สำคัญรอบโครงการ ::
ห้างสรรพสินค้า
- Tesco Lotus ลาดพร้าว : 70 ม.
- Central ลาดพร้าว : 250 ม.
- Union Mall : 500 ม.
- Major รัชโยธิน : 1.3 กม.
- Big C Extra ลาดพร้าว 2 : 1.5 กม.
- ตลาดบางเขน : 2.4 กม.
- ตลาดนัดจตุจักร : 2.4 กม.
- บอง มาร์เช่ : 4.5 กม.
- ตลาดโชคชัยสี่ : 4.9 กม.
- Tesco Lotus ประชาชื่น : 6 กม.
- ตลาดเตาปูน : 6 กม.
- ตลาดประชานิเวศน์ : 6.3 กม.
สถานศึกษา
- รร.หอวัง : 170 ม.
- รร.เซนต์จอห์น : 1.2 กม.
- ม.ราชภัฏจันทรเกษม : 2.7 กม.
- ม.เกษตรศาสตร์ : 4.1 กม.
- ม.ศรีปทุม : 4.9 กม.
ศูนย์การแพทย์
- รพ.เมโย : 2.6 กม.
- รพ.เปาโล เมมโมเรียล พหลโยธิน : 3.4 กม.
- รพ.วิภาวดี : 3.8 กม.
- รพ.เกษมราษฎร์ ประชาชื่น : 4.6 กม.
อื่นๆ
สถานที่ราชการและอาคารสำนักงาน
- SCB Park : 1.7 กม.
- สถานีตำรวจโชคชัยสี่ : 4.6 กม.
:::: การเดินทางสู่โครงการ ::::
วันนี้ทางทีมงาน Homenayoo มีภาพการเดินทางไปสู่ตัวโครงการโดยใช้รถยนต์ส่วนตัวมาฝากกันค่ะ โดยเราจะเริ่มการเดินทางจาก
ถนนรามอินทรา > เวียนหลักสี่ > ถนนพหลโยธิน > Life ลาดพร้าว
การเดินทางเราเริ่มต้นที่ถนนรามอินทรา ให้เราวิ่งมุ่งหน้าไปทางหลักสี่ เริ่มเบี่ยงเข้าฝั่งขวามือเพื่อขึ้นสะพานยกระดับตรงแยกลาดปลาเค้า โดยเราจะขับผ่าน Big C รามอินทราค่ะ
เราจะขับผ่านศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบกอยู่ทางฝั่งซ้ายมือ สังเกตเห็นว่าตอนนี้เส้นรามอินทราก็กำลังก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพูกันอยู่ ซึ่งจะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ
จากนั้นมุ่งหน้าไปทางลาดพร้าวตามป้ายเลยค่ะ ชิดซ้ายเอาไว้ไม่ต้องขึ้นสะพานข้ามวงเวียน
เราขับตามป้ายลาดพร้าวต่อไป เดี๋ยวเราจะเลี้ยวซ้ายข้างหน้าเพื่อเข้าถนนพหลโยธินค่ะ
ให้เราเลี้ยวซ้ายเข้าถนนพหลโยธินค่ะ จากตรงนี้เราจะเห็นรถไฟฟ้าสายสีเขียวสถานีวัดพระศรีมหาธาตุพอดี
พอเข้าถนนพหลโยธิน ผ่านกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 11 เราก็จะเห็นตัวสถานีกรมทหารราบที่ 11 พอดีค่ะ
จากนั้นเราก็จะขับผ่านสถานีบางบัว, สถานีกรมป่าไม้ และสถานี ม.เกษตรศาสตร์
พอขับผ่านสถานี ม.เกษตรศาสตร์ แล้วให้เราขับขึ้นสะพานข้ามแยกเกษตรไปค่ะ
ลงจากสะพานข้ามแยกมาสักครู่เราก็จะเจอสถานีเสนานิคมอยู่ข้างหน้า
พอขับผ่านสถานีเสนานิคมแล้วให้เราขับขึ้นสะพานข้ามแยกเสนานิคมไป
และพอขับผ่านสถานีรัชโยธินแล้วให้เราขับขึ้นสะพานข้ามแยกรัชโยธินอีกครั้ง ทางฝั่งขวามือเราจะขับผ่าน Major รัชโยธินค่ะ
ลงจากสะพานข้ามแยกมาสักครู่เราก็จะเจอสถานีพหลโยธิน 24 ให้เราขับผ่านไป
สักพักเราจะเห็น Tesco Lotus อยู่ทางฝั่งซ้ายมือ รวมถึง Central ลาดพร้าว อยู่ทางฝั่งขวามือ ให้เราชิดซ้ายเลยค่ะ
เลยจาก Tesco Lotus ลาดพร้าวไปประมาณ 70 เมตรเท่านั้น เราก็จะถึงตัวโครงการ Life ลาดพร้าว แล้วค่ะ จะเห็นว่าด้านหน้าโครงการอยู่ติดกับสถานีห้าแยกลาดพร้าวพอดีเลย
:::: สภาพแวดล้อมรอบโครงการ ::::
โครงการ Life ลาดพร้าว เป็นคอนโดมิเนียม High Rise 2 อาคาร โดยอาคาร A สูง 45 ชั้น และ อาคาร B สูง 46 ชั้น ยูนิตรวมทั้งโครงการ 1,615 ยูนิต ที่ดินโครงการมีลักษณะหลายเหลี่ยมหลายมุมอย่างที่เห็น เพราะจะมีส่วนบ้านสูง 3 ชั้น ที่เจ้าของที่รักบ้านและที่ดินผืนนี้และตัดสินใจไม่ขาย ทำให้ลักษณะที่ดินมีลักษณะเว้นเข้ามา ซึ่งอันนี้ สำหรับผู้ซื้อถือเป็นข้อดีค่ะ คือมีระยะห่างระหว่างอาคารทั้งสองอาคาร A และ B มากขึ้น และได้พื้นที่เปิดโล่งมากขึ้นอีกด้วย ทิศใต้จะเห็นว่าเป็นพื้นที่โล่งกว้างเลย เพราะเป็นระยะถอยร่นจากสายไฟฟ้าที่พาดผ่านที่ดินตามกฏหมาย ทำให้เป็นโครงการที่ลูกบ้านได้พื้นที่เปิดโล่งเยอะเลยค่ะ
ตอนนี้เรามาอยู่กันที่บริเวณหน้าทางเข้าโครงการกันแล้ว เดี๋ยวเราจะไปเดินสำรวจบริเวณโดยรอบโครงการกันก่อนค่ะ จะได้เห็นว่ามีอะไรอยู่ในระยะเดินแถวนี้บ้าง
เริ่มจากฝั่งตรงข้ามกับตัวโครงการก็คือ รร.หอวัง ค่ะ
หันไปทางฝั่งซ้ายมือมุ่งหน้าห้าแยกลาดพร้าว จะเห็นว่าที่ด้านหน้าโครงการจะอยู่ติดกับทางขึ้นตัวสถานีเลย สามารถใช้ข้ามไปอีกฝั่งเพื่อเข้า Central ลาดพร้าวเลยก็ได้นะ
ติดกับตัวโครงการจะเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น
เลยมาอีกหน่อยเป็นคลินิกเวชกรรมขนาดใหญ่ค่ะ
ติดกันนี้เองก็เป็นศูนย์ศัลยกรรมด้านความงามแบบครบวงจร
ซึ่งบริเวณด้านหน้าจุดนี้จะมีลิฟต์และทางลาดขึ้นตัวสถานีห้าแยกลาดพร้าวสำหรับผู้สูงอายุและผู้ที่ใช้รถเข็น
ไม่ไกลจากตัวโครงการก็จะเห็นโครงการเพื่อนบ้าน M ลาดพร้าว แต่ทิ้งระยะห่างออกมาพอสมควรแล้วจึงไม่บังวิวกันนะ
ถ้าเกิดมีเอกสารที่ต้องใช้รูปถ่ายแนบ ตรงนี้มีร้านถ่ายรูปด่วนค่ะ สามารถรอรับได้เลย
ถัดมายังมีคลินิกเวชกรรมอีก 1 สาขา เจ็บป่วยเป็นแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ต้องบึ่งไปถึงโรงพยาบาลก็ได้ ข้าง ๆ มี 7 – 11 อยู่ 1 สาขา เดินจากโครงการมานิดเดียวเองค่ะ
นอกจากร้านถ่ายรูปด่วนที่เราเดินผ่านมาเมื่อสักครู่ แถวนี้ยังมีอีกหลายร้านให้เลือกนะคะ จะพรินต์งานหรือถ่ายเอกสารก็ได้สะดวกเลย
อย่างที่บอกไปตอนต้นนะคะว่าแถวนี้มีร้านอาหารให้เลือกทานได้เยอะมาก อย่างร้านนี้ชื่อร้านแซ่บสวีท คือเน้นอาหารประเภทยำและส้มตำรสจัดจ้าน และเขาบอกว่าใช้น้ำมะนาวแท้แน่นอน
เลยมาอีกหน่อยคือร้านฝากท้อง ขายก๋วยเตี๋ยวเรืออโยธยาและอาหารอีสาน บอกเลยว่าอร่อยจริงค่ะ ราคาไม่แรง
ใกล้กับสะพานลอยจะเห็นธนาคารกรุงเทพสาขาลาดพร้าวค่ะ
ถ้าขึ้นสะพานลอยมาจะเป็นทางเชื่อมเข้าสู่ Union Mall
และยังเป็นทางเชื่อมไปยัง MRT พหลโยธิน, The One Park และ Central ลาดพร้าว ค่ะ
กลับมาที่หน้าโครงการ หันไปทางฝั่งขวามือมุ่งหน้าไปทางแยกรัชโยธินกันบ้างค่ะ
ติดกับทางเข้าโครงการคือโชว์รูมของโตโยต้า
พอเดินเลยโชว์รูมโตโยต้าไปก็ถึง Tesco Lotus ลาดพร้าว แล้ว แค่ 70 เมตรเท่านั้นเอง
เดินเลยไปหน่อยจะมีอาคารพาณิชย์เปิดเป็นห้างทอง
เลยโครงการมานิดเดียวก็ถึงกองปราบปรามแล้วค่ะ
ที่ฝั่งตรงข้ามกองปราบปรามคือ Rasa Tower เป็นอาคารสำนักงาน
พื้นที่ติดกับกองปราบปรามเป็นแดนเนรมิตเก่า ปัจจุบันถูกใช้เป็นสนามโกคาร์ต
อาคารที่อยู่ติดกับเป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวเรือ ราคาสบายกระเป๋า มีอาหารทานเล่นให้เลือกหลายอย่าง ข้างในร้านก็จัดดูน่านั่งค่ะ
:::: ตัวโครงการ ::::
Life ลาดพร้าว เป็นคอนโดมิเนียม High Rise 2 อาคาร ตั้งอยู่บนพื้นที่ 7 – 0 – 71.4 ไร่ โดยอาคาร A สูง 45 ชั้น และอาคาร B สูง 46 ชั้น รวมทั้งหมด 1,615 ยูนิต + 1 ร้านค้า มีห้องให้เลือกทั้งหมด 3 แบบด้วยกัน ทั้ง Studio ขนาด 26.0 – 29.0 ตร.ม., 1 Bedroom ขนาด 35.0 ตร.ม. และ 2 Bedroom ขนาด 48.0 – 75.0 ตร.ม.
ข้อดีของโครงการนี้คือ มีการออกแบบฟังก์ชันภายในยูนิตที่พักอาศัย และพื้นที่ส่วนกลางของโครงการให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ มีส่วนที่เป็น Intelligent Co – Thinking Space ที่ให้ความสำคัญกับ Wi – Fi ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกพื้นที่ส่วนกลางในโครงการมีการเตรียมที่สำหรับชาร์ตมือถือและแท็บเล็ตมาให้ รวมถึงการนำแอปพลิเคชันมือถือมาใช้เพิ่มความสะดวกให้กับผู้อยู่อาศัย ตั้งแต่เรื่องการติดต่อเรื่องกับนิติ ไปจนถึงการเข้าออกห้อง ควบคุมระบบไฟฟ้าและเครื่องปรับอากาศในห้องจากมือถือได้
ทั้งยังมีฟังก์ชันที่ใช้ช่วยการทำงานของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รับทำงานฟรีแลนซ์หรือเปิดธุรกิจเล็ก ๆ ของตัวเอง ให้มีพื้นที่คุยงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีพื้นที่สีเขียวที่ออกแบบมาสวยงาม ใช้เป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนหย่อนใจ หรือคุยงานได้สบาย ๆ ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่อัปเดตและถูกปรับให้เข้ากับวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ได้ดีค่ะ ประมาณว่าซื้อคอนโดแล้วได้ที่คุยงานหรือทำงานไปในตัวด้วยเลย เข้ากับสังคมออนไลน์ในปัจจุบันที่คนทำธุรกิจออนไลน์กันมากขึ้นนั่นเอง
ตัวอาคารถูกออกแบบมาสไตล์โมเดิร์น พร้อมการแต่ง Facade เป็นลายฉลุคล้าย ๆ ลูกไม้ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก Luxury Shop หรือหน้าร้านค้าไฮเอนด์จากต่างประเทศ พื้นสีอาคารทั้งสองตึกเป็นสีเทาเข้ม รวมกับความสูงของอาคาร ที่ถือว่าสูงเด่นเป็นสง่า ทั้งตึก A (45 ชั้น) และ B(46 ชั้น) นั้นสูงกว่าคอนโดหรืออาคารรอบ ๆ แบบโดดเด่นมาเลย อาคารคู่ของ Life ลาดพร้าว จึงสามารถเป็นสัญลักษณ์แห่งใหม่ของย่านลาดพร้าว หรือเป็นแลนด์มาร์กที่ใคร ๆ ก็จดจำได้
ตัว Logo โครงการ Life ลาดพร้าว มีลายวงกลมที่มีลักษณะเหมือนวาดด้วยพู่กันจีนอยู่ด้านหลัง ซึ่งลายวงกลมหรือสัญลักษณ์ มารุ (Infinity) นี้เป็นสัญลักษณ์ของโครงการที่ AP ร่วมทุนกับ Mitsubishi Estate Group บริษัทพัฒนาอสังหาฯ รายใหญ่ในญี่ปุ่น ซึ่งการออกแบบและก่อสร้าง รวมถึงเทคนิค – เทคโนโลยีในโครงการก็จะได้รับการแชร์ความรู้ในเชิงลึกจากทีมดีไซเนอร์ญี่ปุ่น พร้อมดึงเสน่ห์ในการออกแบบเข้ามาผสมผสานเพื่อให้งานสถาปัตยกรรมและการตกแต่งภายในโครงการโดดเด่นยิ่งขึ้น
จาก Master Plan ของโครงการจะเห็นว่า ทางเข้าของโครงการอยู่ติดกับถนนพหลโยธิน ผ่านส่วน Security เข้ามาด้วยระบบ Access Card และระบบ Smart Home จาก Smart World Application บนมือถือที่มีการแชร์ Wi – Fi สำหรับอาคาร A จะใช้ทางเข้าฝั่งซ้ายมือ ตรงเข้าไปผ่านจุด Drop off แล้ววนออก หรือเลี้ยวขึ้นลานจอดรถ สำหรับอาคาร B จะใช้ทางเข้าฝั่งขวามือ โดยจะขับผ่านจุด Drop off แล้ววนไปเข้าอาคารจอดรถที่ด้านหลังอาคาร
โดยรอบโครงการมีการจัด Landscape และ Waterscape กินพื้นที่กว่า 2 ไร่ ช่วยสร้างความร่มรื่นหน้าอยู่ภายในโครงการ รวมถึงเป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจด้วย โดยจะมีทางเดินเชื่อมไปถึงส่วน Play House และ Street Bas Court สำหรับเล่นเกมและทำกิจกรรมระหว่างครอบครัวและเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ยังมีทางเดินภายในโครงการที่นำไปสู่ประตูทะลุออก Tesco Lotus ได้โดยไม่ต้องเดินอ้อมออกไปที่ด้านหน้าโครงการให้เสียเวลา ซึ่งประตูนี้จะใช้ระบบ Key Card Access เพื่อความปลอดภัยค่ะ
::: BUILDING A :::
มาดูรายละเอียดในแต่ละอาคารกันต่อเลยค่ะ เริ่มจากอาคาร A ก่อน ชั้น 1 จากจุด Drop off เข้าสู่ด้านในอาคารจะเป็นโถง Iconic Lobby ซึ่งจะเชื่อมต่อกับ The Share Space ขนาดใหญ่ ภายในมีห้องแยกเป็น Intelligent Co – Thinking Space หรือก็คือ Co – Working Space และจาก Iconic Lobby ก็จะเชื่อมต่อกับ Mail Room, ห้องน้ำส่วนกลาง และโถงลิฟต์ ที่ใช้ระบบ Key Card Access ภายในมีลิฟต์โดยสารให้ทั้งหมด 4 ตัวด้วยกัน เป็นลิฟต์ระบบล็อกชั้นทั้งหมดค่ะ
ชั้น 2 – 10 จะเป็นส่วนอาคารจอดรถทั้งหมดค่ะ ใช้ระบบ First Come First Serve ไม่มีการล็อกที่จอดรถเอาไว้ให้
ชั้น 11 ห้องพักอาศัยจะเริ่มต้นที่ชั้น 11 นี้ค่ะ โครงการวางผังห้องพักอาศัยแบบ Double Corridor เป็นรูปตัว T มีช่องแสงให้ภายในโถงทางเดิน 1 ฝั่งทางฝั่งทิศใต้ มีห้องพักอาศัยทั้งหมด 20 ห้อง/ชั้น ถ้าเป็นชั้นอื่น ๆ จะมี 21 ห้อง เพราะมีพื้นที่ห้องหนึ่งถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของ The Urban Oasis สำหรับออกมานั่งพักผ่อนรับลมได้
ชั้น 12 – 42 เป็น Typical Floor Plan ที่เหมือนกับชั้น 11 ทุกประการ แต่ส่วน The Urban Oasis จะหายไป และได้พื้นที่ห้องพักอาศัยมาเพิ่มอีก 1 ห้อง รวมเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมด 21 ห้อง/ชั้น
ชั้น 43 แปลนอาคารชั้นนี้มีส่วนต่างจาก Typical Floor Plan ตรงที่ ติ่งอาคารฝั่งทิศใต้จะมีการยุบห้องทั้ง 4 ห้องให้กลายเป็นห้อง Duplex (ชั้นล่าง) เพียง 1 ห้องเลยค่ะ
ชั้น 44 แปลนอาคารชั้นนี้มีส่วนต่างจาก Typical Floor Plan ตรงจุดเดิม แต่จะเป็นแปลนของห้อง Duplex ชั้นบนแทน
ชั้น 45 เป็น Main Facilities ของโครงการแบบจัดเต็มเลยค่ะ จะประกอบด้วย Sky Social Club, Panoramic Health Club, Cityscape Infinity Lap Pool, ที่นั่ง Sky Cabana, Steam และ Sauna
ชั้น Mezzanine จาก Sky Social Club ที่ชั้น 45 จะมีบันไดวนเชื่อมต่อขึ้นมาที่ Theatre House ค่ะ
::: BUILDING B :::
สำหรับอาคาร B เองก็มีลำดับการวางผังไม่ต่างจากอาคาร A เท่าไหร่ค่ะ ชั้น 1 จากจุด Drop off เข้าสู่ด้านในอาคารจะเป็นโถง Iconic Lobby ซึ่งจะเชื่อมต่อกับ The Share Space ขนาดใหญ่ ภายในมีห้องแยกเป็น Intelligent Co – Thinking Space หรือ Co – Working Space และจาก The Share Space ก็จะเชื่อมต่อกับ Mail Room, ห้องน้ำส่วนกลาง และโถงลิฟต์ ที่ใช้ระบบ Key Card Access ภายในมีลิฟต์โดยสารให้ทั้งหมด 5 ตัวด้วยกัน เป็นลิฟต์ระบบล็อกชั้นทั้งหมดค่ะ
ชั้น 2 – 10 จะเป็นส่วนอาคารจอดรถเหมือนกันค่ะ ใช้ระบบ First Come First Serve ไม่มีการล็อกที่จอดรถเอาไว้ให้
ชั้น 11 ห้องพักอาศัยจะเริ่มต้นที่ชั้น 11 นี้ค่ะ โครงการวางผังห้องพักอาศัยแบบ Double Corridor เป็นรูปตัว L มีช่องแสงให้ภายในโถงทางเดิน 1 ฝั่งทางฝั่งทิศตะวันตก มีห้องพักอาศัยทั้งหมด 25 ห้อง/ชั้น ถ้าเป็นชั้นอื่น ๆ จะมี 26 ห้อง เพราะมีพื้นที่ห้องหนึ่งถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของ The Urban Oasis สำหรับออกมานั่งพักผ่อนรับลมได้
ชั้น 12 – 45 เป็น Typical Floor Plan ที่เหมือนกับชั้น 11 ทุกประการ แต่ส่วน The Urban Oasis จะหายไป และได้พื้นที่ห้องพักอาศัยมาเพิ่มอีก 1 ห้อง รวมเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมด 26 ห้อง/ชั้น
ชั้น 46 เป็น Main Facilities ของโครงการแบบจัดเต็ม จะประกอบด้วย Sky Social Club, Panoramic Health Club, Multi – Purpose Room, Cityscape Infinity Lap Pool, ที่นั่ง Sky Cabana, The Urban Oasis, Steam และ Sauna
ชั้น Mezzanine จาก Sky Social Club ที่ชั้น 45 จะมีบันไดวนเชื่อมต่อขึ้นมาที่ Theatre House ค่ะ
:::: แบบห้องของโครงการ ::::
แบบห้องของ Life Ladprao จะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 แบบหลัก ๆ ดังนี้ค่ะ
- Studio ขนาด 26.0 – 29.0 ตร.ม.
- 1 Bedroom ขนาด 35.0 ตร.ม.
- 2 Bedroom ขนาด 48.0 – 75.0 ตร.ม.
ห้องภายในโครงการตกแต่งให้แบบ Fully Fitted ได้ ชุดครัว, ห้องน้ำสำเร็จรูป และ เครื่องปรับอากาศ เราไปดูผังห้องด้วยกันเลยค่ะ
ห้อง Studio Type A1 ขนาด 28.0 ตร.ม.
ห้อง 1 Bedroom Type B1 ขนาด 35.0 ตร.ม.
ห้อง 1 Bedroom Type B3 ขนาด 35.0 ตร.ม.
ห้อง 2 Bedroom Type E2 ขนาด 54.5 ตร.ม.
ห้อง 2 Bedroom Type E4 ขนาด 66.0 ตร.ม.
ห้อง 2 Bedroom Type E3 ขนาด 75.0 ตร.ม.
:::: บริเวณภายในโครงการ ::::
::: Entrance :::
เราจะพาท่านผู้อ่านไปชมบรรยากาศจริงภายในโครงการกันบ้างค่ะ
ทางเข้าโครงการแบ่งออกเป็น 2 ช่องสำหรับการเข้า – ออก กั้นด้วยรั้วไม้กระดก พร้อมกล้อง CCTV และป้อมยามรักษาความปลอดภัย การเข้าโครงการจะใช้ระบบ Access Card และระบบ Smart Home จาก Smart World Application บนมือถือที่มีการแชร์ Wi – Fi ทำให้ลูกบ้านสามารถเปิดรั้วไม้กระดกเข้าไปด้านในโครงการเองได้เลยค่ะ
ตรงเข้าไปภายในถนนโครงการสังเกตว่ามีการจัด Landscape เป็นแนวต้นไม้ใหญ่อย่างร่มรื่นสวยงามตลอดทาง ช่วยปรับความรู้สึกเหมือนเรากำลังได้กลับมาพักผ่อน ถ้าตรงไปข้างหน้าจะเป็นทางนำไปสู่จุด Drop off อาคาร A และหากเลี้ยวออกทางฝั่งขวาจะเป็นถนนที่นำไปสู่จุด Drop off อาคาร B ค่ะ
เลี้ยวซ้ายข้างหน้านี้เองก็จะเข้าสู่จุด Drop off อาคาร A และเข้าสู่ตัวอาคาร
ถ้าจะไปอาคาร B ให้เราออกขวาและตรงไปจนถึงด้านหลังโครงการ ทั้ง 2 ฝั่งของถนนจะมีที่จอดรถสำหรับ Visitor ให้จอดได้หลายคันเลย
มองไปทางฝั่งซ้ายมือจะมีจุด EV Charger ทั้งหมด 4 จุดด้วยกัน เพื่อรองรับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต
::: Landscape :::
สำหรับลูกบ้านที่ใช้ระบบขนส่งสาธารณะนั้น สามารถใช้ทางเท้าที่อยู่ทางฝั่งขวามือของป้อมยามในการเดินเข้า – ออกได้อย่างปลอดภัย
และจากทางเท้านี้จะมีการเชื่อมต่อกันเป็นทางยาวตัดผ่านสวนสวย สามารถใช้เดินไปจนถึงอาคาร B ที่อยู่ด้านหลังโครงการได้อย่างปลอดภัย
สวนภายในโครงการมีการออกแบบอย่างสวยงามจริง ๆ อันนี้ขอชมเลยค่ะว่าดูน่าใช้งาน มีการสอดแทรก Waterscape เข้ามาช่วยลดอุณหภูมิให้เย็นลง และเสียงจากน้ำก็ช่วยทำให้ผ่อนคลายได้ดี
ในสวนมีการจัดวางม้านั่งพักผ่อนเอาไว้ในจุดที่มีร่มไม้ห่าง ๆ กัน และใช้ต้นไม้นี่แหละเป็น Buffer ระหว่างม้านั่งเพื่อให้ได้ความเป็นส่วนตัว
บริเวณใต้อาคาร A ติดกับส่วน The Share Space จะมีโซน Vertical Garden และม้านั่งจัดเอาไว้ให้ในร่มด้วยค่ะ สังเกตที่ตรงม้านั่งทุกจุดจะมีปลั๊กไฟและ USB Port รองรับสำหรับชาร์ตมือถือ แท็บเล็ต หรือโน้ตบุ๊กได้ ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนของโครงการก็สามารถนั่งทำงานได้ไม่มีสะดุด
ภาพรวมภายในสวนอีก 1 มุมค่ะ จริง ๆ แล้วพื้นที่สวนยังมีส่วนที่น่าสนใจมากกว่านี้ด้วยนะคะ แต่น่าเสียดายที่ในวันนี้ยังสร้างไม่เสร็จ
::: Lobby, Mailbox, WC, Living Area & Intelligent Co – Thinking Space :::
เรามาอยู่กันที่จุด Drop off อาคาร A กันแล้วจะเข้าสู่โถง Lobby อาคารกันค่ะ
ภายใน Iconic Lobby อาคาร A มีการตกแต่งแบบ Modern ที่ดูหรูหราสวยงามด้วยพื้นและเคาน์เตอร์ลายหินอ่อน ผนังใช้วัสดุดำเงา และบางส่วนตกแต่งด้วยอะลูมิเนียมฉลุลายเดียวกันกับส่วนที่ใช้ตกแต่ง Facade อาคาร เป็นจุดสำหรับพักคอยบุคคลภายนอกที่เข้ามาติดต่อคนภายใน
ทางฝั่งขวามือของ Iconic Lobby จะเป็นโถงลิฟต์, ห้องจดหมาย และห้องน้ำส่วนกลาง และถ้าตรงไปด้านหลังจะเชื่อมสู่ The Share Space ค่ะ
เดินเข้ามาจะเห็นทางเข้าสู่ส่วน The Share Space ที่ต้องใช้ Key Card ในการเปิดประตู ส่วนประตูทางฝั่งขวามือคือห้องจดหมายและห้องน้ำค่ะ
ภายในห้องจดหมายมีการตกแต่งที่ล้อมาจากส่วน Iconic Lobby ดูคลุมโทนเป็นสีโทนดำ – เทา
ความพิเศษคือในห้องจดหมายนี้จะมี Smart Locker เป็นช่องรับ – ส่งของแบบอัตโนมัติ 24 ชั่วโมง สามารถฝากของ พร้อมระบุเลขห้อง และเบอร์โทรศัพท์ของผู้อยู่อาศัย หลังจากนั้นระบบก็ส่งข้อความไปยังสมาร์ตโฟนของผู้รับพร้อมรหัสผ่าน เพื่อใช้นำมาสแกนรับพัสดุด้วยตัวเอง
ภายในห้องน้ำหญิงและห้องน้ำชาย ที่มีการตกแต่งล้อมาจากห้องจดหมายเช่นกัน ตกแต่งพื้นและผนังด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนอย่างสวยงามน่าใช้งาน
จาก Lobby เราเข้ามาภายในส่วน The Share Space ที่มีขนาดใหญ่มาก ๆ ฝ้าเพดานสูงโปร่งพร้อมผนังกระจกทำให้ห้องดูสว่างและโปร่งโล่ง และมีการจัดมุมสำหรับนั่งพักผ่อนให้อยู่หลายมุมเลยค่ะ
ชุดอาร์มแชร์น่ารัก ๆ แบบมาเป็นคู่ก็มี สังเกตด้านหลังจะเป็นห้องนิติบุคคลนะคะ
สำหรับมุมริมหน้าต่างมองออกไปคือสวนสวยที่เราออกไปเดินดูกันมาเมื่อสักครู่ค่ะ ทางโครงการจัดชุดโซฟาขนาดใหญ่ให้ดูนั่งสบายทีเดียว
มองออกไปก็คือบริเวณมุมนั่งเล่นในร่มส่วน Vertical Garden นั่นเอง
อีกฝั่งหนึ่งของห้องก็มีการจัดมุมพักผ่อนขนาดใหญ่ให้อีก 1 มุมค่ะ
ตรงเข้าไปด้านหลังสุดของส่วน The Share Space จะมีมุมสำหรับให้นั่งทำงานได้ด้วยนะคะ เก้าอี้บางตัวถูกออกแบบมาเหมือนเป็นผนังล้อมรอบให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น พร้อมโต๊ะสำหรับวางคอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ต
จาก The Share Space เชื่อมต่อกับ Intelligent Co – Thinking Space โดยลูกบ้านจะต้องใช้ Key Card ในการเปิดประตูเข้าไปค่ะ
พื้นที่ภายในห้องใช้การตกแต่งเหมือนบริเวณ Iconic Lobby ทำให้ดูเป็นทางการมากกว่าบริเวณ The Share Space ที่ต้องการความผ่อนคลาย
ในห้องมีการจัดโต๊ะประชุมขนาดใหญ่พร้อมปลั๊กไฟและ USB Port สำหรับแท็บเล็บและโน้ตบุ้กให้อยู่ตรงกลาง ด้านหลังห้องก็มีอาร์มแชร์สำหรับนั่งพักผ่อนนิด ๆ ได้ ผนังด้านข้างมีหน้าจอทีวีจัดเอาไว้ให้เพื่อประโยชน์ในการคุยงาน
โต๊ะประชุมขนาด 8 ที่นั่งแบบสบาย ๆ
::: Lift Hall :::
จาก Iconic Lobby จะเชื่อมสู่โถงลิฟต์เพื่อขึ้นสู่ชั้นพักอาศัย โดยลูกบ้านจะต้องใช้ Key Card ในการเปิดประตูเพื่อความปลอดภัยค่ะ
ภายในโถงลิฟต์ของอาคาร A จะมีลิฟต์โดยสารให้ทั้งหมด 4 ตัว ส่วนอาคาร B มีให้ 5 ตัว ทั้งหมดนี้เป็นลิฟต์ล็อกชั้น ไปได้เฉพาะชั้นพักอาศัยของตัวเองและชั้น Facilities เพื่อความเป็นส่วนตัวค่ะ
ลิฟต์ที่ทางโครงการเลือกใช้เป็นลิฟต์ของ Mitsubishi รองรับได้ 1050 กก. หรือประมาณ 14 คน/เที่ยว
เวลาจะกดชั้นพักอาศัยของเราต้องใช้ Key Card สแกนก่อนถึงจะสามารถกดได้นะ
นอกจากนี้ภายในลิฟต์ยังมีปุ่มกดสำหรับผู้ที่ใช้รถเข็นด้วยค่ะ
::: 46th FL. Facilities :::
สำหรับ Facilities ของอาคาร A จะอยู่ที่ชั้น 45 ส่วนอาคาร B จะอยู่ที่ชั้น 46 ซึ่งในวันนี้เราเข้ามาดูภายในอาคาร B กันค่ะ พอออกจากโถงลิฟต์มาแล้วจะมีโถงทางเดินแยกฝั่งซ้ายและขวาที่ด้านหน้า
ทางฝั่งขวามือจะทำไปสู่ห้องน้ำ, Sky Social Club และ Theatre House
ส่วนทางฝั่งซ้ายมือจะออกไปทาง Panoramic Health Club และ Cityscape Infinity Lap Pool ค่ะ
เราไปดูทางฝั่งขวามือกันก่อนค่ะ บริเวณโถงทางเดินก่อนถึงห้องน้ำจะมีตู้ล็อกเกอร์ให้สำหรับคนที่มาใช้งาน Panoramic Health Club และ Cityscape Infinity Lap Pool
เดินเข้าไปด้านในโถงฝั่งขวามือมีห้องน้ำแยกฝั่งชาย – หญิงให้เรียบร้อย
ภายในห้องน้ำตกแต่งด้วยโทนสีอบอุ่นล้อมาจากส่วนโถงทางเดินค่ะ ภายในจะมี อ่างล้างมือ, ห้องน้ำ, ห้องอาบน้ำ และห้อง Steam ให้
อ่างล้างมือแบบตั้งพื้นดีไซน์เก๋ ผนังด้านหลังติดกระจกมาให้เต็มผนังสามารถส่องเช็กความเรียบร้อยก่อนออกจากห้องน้ำได้ และช่วยทำให้พื้นที่ภายในห้องน้ำดูกว้างขวางมากขึ้นด้วยค่ะ
ภายในห้องอาบน้ำมีทั้ง Rain Shower และ Hand Shower
ภายในห้องน้ำก็ให้โถสุขภัณฑ์แบบอัตโนมัติเลย
ภายในห้อง Steam ค่ะ จะมีแผงควบคุมและปรับอุณหภูมิอยู่ที่ด้านหน้าห้อง
ห้องน้ำชายก็ไม่ต่างจากห้องน้ำหญิงนะคะ จะมีโถสุขภัณฑ์ชายเพิ่ม แต่จากห้อง Steam จะได้เป็นห้อง Sauna แทน ตอบโจทย์การใช้งานของคนแต่ละเพศ
คราวนี้เราเข้ามาในส่วนของ Sky Social Club และ Theatre House กันต่อค่ะ
ภายใน Sky Social Club ถูกออกแบบมาให้มีฝ้าเพดานที่สูงโปร่งแบบ Double Volume สร้างความหรูหราด้วยโคมไฟที่มี Gimmick และเปิดโล่งด้วยผนังกระจกสูงถึงฝ้าเพดาน พื้นที่ภายในถูกแบ่งออกเป็น 3 มุมด้วยกัน ช่วยสร้างความเป็นส่วนตัวในการใช้งานมากขึ้น
ถ้าเรามากันหลายคนหน่อยที่นั่งวงกลมตรงนี้เหมาะเลยค่ะ ดูนั่งได้สบาย ๆ น่าใช้งานทีเดียว
เดินเข้าไปอีกโซนนึงถูกจัดที่นั่งสำหรับกลุ่มเล็ก 2 – 4 คน ด้วยชุดอาร์มแชร์และโซฟาที่ดูนั่งสบาย
มุมนั่งพักผ่อนสบาย ๆ ได้วิวเมือง
จุดเด่นของห้องนี้คงจะเป็นมุมนั่งชมวิวเมืองนี้เลยค่ะ เป็นมุมที่มีกระจกล้อมรอบทั้ง 3 ด้านเหมือนลอยอยู่กลางอากาศเลย
เข้ามาภายใน Sky Social Club อีกโซนหนึ่ง ถูกจัดให้มีบรรยากาศแบบดูแบบสบาย ๆ ในโทนที่ดูสว่างมากขึ้น มีมุมสำหรับนั่งเล่นและมีมุมโต๊ะบาร์สำหรับนั่งพักผ่อนชมวิวเมือง
สังเกตภายในห้องฝั่งซ้ายจะมีโถงบันไดวนสำหรับขึ้นไปยังชั้น Theatre House ค่ะ
ภาพบันไดวนขึ้นไปยังส่วน Theatre House ถูกออกแบบมาเหมือนชิ้นงานประติมากรรมชิ้นหนึ่ง โดยใช้ตัวบันไดวนเป็นสีดำตัดกับผนังห้องสีขาวเป็น Background
ในส่วนของ Theatre House เปรียบเสมือนเป็น Private Home Theatre ที่ลูกบ้านสามารถจองการใช้งานกับทางฝ่ายนิติบุคคลได้
ห้องนี้ถือว่าได้วิวในจุดที่สูงที่สุดของของโครงการแล้วค่ะ (เฉพาะส่วน Indoor Area นะ) สังเกตว่าโซฟาที่ทางโครงการเลือกใช้ในห้องนี้จะเป็นแบบที่สามารถเอนตัวนอนได้เยอะเพื่อให้เข้ากับกิจกรรมของห้อง
เบื่อดูภาพยนตร์อยากจะมานั่งคุยกัน 2 คนในเก้าอี้ไข่ก็ได้เหมือนกันค่ะ ฮ่าๆ
เรากลับมาที่บริเวณโถงทางเดินหน้าโถงลิฟต์ชั้น 46 กันใหม่ คราวนี้เราจะเข้าไปดูภายใน Panoramic Health Club หรือห้องออกกำลังกายกันบ้าง
ส่วนตัวแล้วมีความประทับใจในห้องออกกำลังกายทีเดียว เพราะห้องมีขนาดใหญ่จริง ๆ อุปกรณ์ออกกำลังกายก็ให้มาแบบจัดเต็มพอ ๆ กับยิมบางยิมเลยนะ เดี๋ยวเราจะเดินไปดูโซนทางฝั่งซ้ายมือนี้กันก่อนเลยค่ะ
มีลู่วิ่งให้ 3 เครื่องหันหน้าออกไปชมวิวเมือง
มีจักรยานไฟฟ้าแบบนั่งปั่น 4 เครื่อง
มีเครื่องเดินวงรีและจักรยานไฟฟ้าอีกแบบอีกอย่างละ 2 เครื่อง
มี Rack ที่สามารถใช้เล่นได้ทั้งกล้ามเนื้อส่วน หลัง, ไหล่, แขน, อก, ขา โดยสามารถปรับระดับและน้ำหนักได้ และยังสามารถใช้ Pull Up ได้อีกด้วยสำหรับคนที่กล้ามเนื้อหลังแข็งแรงมาก ๆ
และยังมีเครื่องออกกำลังกล้ามเนื้ออีกหลายชิ้น ครบทั้ง หลัง, ไหล่, อก และ ขา
เจ้าเครื่องนี้เองก็สามารถปรับใช้ได้หลายส่วนเลย ชอบมาก
พื้นที่กลางห้องจัดวางม้านั่งสำหรับให้นั่งพักผ่อนหรือรอเครื่องออกกำลังกายได้
มาดูพื้นที่อีกฝั่งของห้องกันบ้างค่ะ
มีลู่วิ่งจัดเอาไว้ให้อีกถึง 4 เครื่องเลยทีเดียว
อีกฝั่งหนึ่งจัดชุดดัมเบลแบบคละน้ำหนักเอาไว้ พร้อมม้านั่งราบที่สามารถปรับความลาดเอียงได้ โดยฝั่งด้านในสุดติดกระจกเงาเอาไว้ให้สำหรับเช็กท่าทางในการยกน้ำหนักได้ค่ะ
นอกจากนี้ภายในห้องออกกำลังกายยังมี Multi – Purpose Room เอาไว้ให้ใช้ได้อย่างอเนกประสงค์ด้วยค่ะ
ภายในห้องนี้เราสามารถใช้เล่นโยคะ จัดคลาสเต้นแอโรบิก หรืออื่น ๆ ได้ตามใจชอบเลย โดยจะมีผนังฝั่งหนึ่งเป็นกระจกเงาพร้อมจอทีวี
เราไปดูในส่วนของ Cityscape Infinity Lap Pool กันต่อเลยค่ะ เราจะสังเกตเห็นประติมากรรมเป็นกล่องสีขาวถูกใช้เป็นส่วนตกแต่งในพื้นที่นี้ ซึ่งถูกออกแบบโดย Tectonix โดยประติมากรรมชื่อ “The tree” หรือ ต้นไม้ ที่ให้ประสบการณ์ในการมองเห็นที่น่าสนใจ และดูต่างกันไปในแต่ละมุมมอง
เดินเข้ามาในส่วนของ Cityscape Infinity Lap Pool ถูกออกแบบด้วยโทนสีขาวตัดกับสระน้ำสีน้ำเงินและท้องฟ้าสีฟ้า ดูลงตัวดีมาก
ทางฝั่งซ้ายมือนี้เองคือ Sky Cabana ค่ะ เป็นพื้นที่นั่งเล่นชมวิวริมสระน้ำ ดู Exclusive สุด ๆ เหมือนได้ไปพักผ่อนข้างทะเลในโรงแรมดัง ๆ ใช้เป็นมุมถ่ายรูปคือเริ่ดที่สุด
สระว่ายน้ำของที่นี่มีความยาวถึง 30 เมตรเลยนะคะ เป็นสระแบบ Infinity Edge Pool ดูเชื่อมต่อกับวิวเมือง ภายในมีการแบ่งสระเด็กและสระผู้ใหญ่ให้เพื่อความปลอดภัย
ข้างสระมีม้านั่งริมสระแบบสวย ๆ เป็นอีกมุมที่น่าจะถ่ายรูปได้ขึ้นเหมือนกัน
จากบริเวณสระว่ายน้ำจะมีทางเดินเชื่อมต่อไปยังพื้นที่สวนและที่นั่งพักผ่อนค่ะ
สำหรับคนที่อยากหามุมนั่งในร่มชมวิวแบบปลีกวิเวกหน่อย จะมีมุมศาลานี้ที่ตอบโจทย์เลย
อยากจะยกโน้ตบุ๊กขึ้นมานั่งทำงานตรงนี้ก็ตอบโจทย์นะคะ เพราะที่นี่เขาเตรียมปลั๊กไฟและ USB Port มาให้เหมือนกัน
จากบริเวณศาลาเดินไปอีกหน่อยจะมีจุดชมวิวและมุมสำหรับนั่งพักผ่อนอีก 1 มุม
มุมนี้เป็นอีกมุมที่ดูเท่มาก มองออกไปเห็นวิวเมืองแบบสุดลูกหูลูกตา แน่นอนว่าตอบโจทย์สาย Selfie และสาย Plandid แน่นอนค่ะ
ยังมีอีกมุมให้สำหรับสาย Plandid นอนพักแบบสวย ๆ นอกจากจะถ่ายรูปสวยแล้ว ใช้นอนชมดาวคือได้วิวดีมากเหมือนกัน…เมื่อ PM 2.5 หายไปแล้วนะ ฮ่าๆ
อีกมุมหนึ่งที่แอบชอบก็คือมุม Shower สำหรับล้างตัวก่อนลงสระว่ายน้ำค่ะ เหมือนกำลังอาบน้ำท่ามกลางธรรมชาติ แต่พอมองออกไปด้านข้างก็คือวิวเมือง!
::: Resident Corridor :::
สำหรับชั้นพักอาศัย บริเวณโถงลิฟต์และโถงทางเดินจะถูกออกแบบแบบเรียบ ๆ ไม่หวือหวาฟู่ฟ่าเพื่อปรับอารมณ์ให้เข้าสู่โหมดของการพักผ่อนจริง ๆ นั่นเอง
โถงทางเดินของที่นี่ดูสว่างและโปร่งโล่งทีเดียว เพราะทางโครงการเลือกใช้สีพื้นและสีผนังโทนสว่าง และติดไฟทางเดินให้ค่อนข้างถี่ โดยโถงทางเดินนี้จะกว้างประมาณ 1.3 เมตรค่ะ
เดินไปจนสุดโถงก็จะมีช่องแสงให้ สังเกตตามจุดต่าง ๆ ของโถงทางเดินก็จะมีกล้อง CCTV ช่วยตรวจความปลอดภัยให้อีกชั้นเพื่อความอุ่นใจ
:::: ห้องตัวอย่าง ::::
ห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปชมกันในวันนี้เป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 35.0 ตร.ม. และ 2 Bedroom ขนาด 75.0 ตร.ม. ไปชมรายละเอียดของห้องกันเลยค่ะ
::: 1 Bedroom ขนาด 35.0 ตร.ม. :::
ขนาดของห้องนี้สามารถรองรับผู้อยู่อาศัยได้ 1 – 2 คน มีพื้นที่ห้องค่อนข้างใหญ่สำหรับห้องแบบ 1 Bedroom เลยค่ะ ส่วนตัวแล้วชอบการแบ่งโซนภายในห้องอย่างเป็นสัดส่วนได้ดี ระหว่าง Living Area, ห้องนอน และห้องครัว พอเข้ามาในห้องจะเจอ Living Area ก่อน, ถัดเข้าไปคือห้องนอนเชื่อมต่อกับ Walk In Closet (ซึ่งเป็นจุดขายของห้อง Type นี้) และระเบียง ส่วนฝั่งซ้ายมือของห้องคือโซนห้องครัวและห้องน้ำซึ่งจะได้เป็นครัวแบบปิด โดยทั้งหมดนี้จะกั้นส่วนออกจากกันด้วยประตูบานเลื่อนกระจก ข้อดีก็คือช่วยให้พื้นที่ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นค่ะ
ทางโครงการตกแต่งห้องให้แบบ Fully Fitted ในห้องนี้เราจะได้ พื้นลามิเนตหนา 8 มม., ห้องครัวปูพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้, ชุดเคาน์เตอร์ครัว, ห้องน้ำพร้อมสุขภัณฑ์ และ เครื่องปรับอากาศ 2 เครื่อง
ประตูห้องจะเป็นประตูบานสำเร็จรูปปิดผิวด้วยลามิเนตลายไม้ มีเจาะช่องตาแมวให้เอาไว้ส่องคนที่มาเคาะประตูได้
มือจับประตูเป็นแบบก้านโยกสแตนเลส และมีช่องเสียบกุญแจหน้าตาธรรมดา แต่ความพิเศษคือ จะเห็นว่าด้านใน (ภาพขวา) มีตัวรับสัญญาณมือถืออยู่ คือสามารถใช้มือถือที่ลงแอปพลิเคชัน Smart World เปิดล็อกห้องได้ ควบคุมการเปิด – ปิดไฟและเครื่องปรับอากาศได้ ด้วยฟังก์ชัน Entry / Unit Smart Lock / Air Condition Control ช่วยเสริมความปลอดภัยและสะดวกสบายดี
เข้าไปภายในห้องจะเจอส่วน Living Area ก่อนและด้านในที่กั้นประตูบานเลื่อนกระจกเอาไว้คือห้องนอน โซนทางฝั่งขวาของห้องคือห้องครัวและห้องน้ำ พื้นห้องปูด้วยลามิเนตหนา 8 มม. เพื่อให้ผิวสัมผัสเหมาะแก่การอยู่อาศัย ผนังภายในห้องฉาบเรียบทาสีค่ะ
ฝ้าเพดานในห้องสูง 2.5 เมตร เป็นฝ้าฉาบเรียบติดดวงโคมดาวน์ไลต์หลอด LED ส่วนเครื่องปรับอากาศจะมีให้ 2 เครื่อง ติดเอาไว้ภายใน Living Area 1 ตัวและภายในห้องนอนอีก 1 ตัว ใช้ของ Daikin
เราเข้ามาดูรายละเอียดและวิธีการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยภายในห้องกันต่อเลยค่ะ
ใน Living Room เราสามารถจัดวางชุดโซฟาขนาดใหญ่พร้อมโต๊ะรับประทานอาหารได้สบาย ๆ ในห้องตัวอย่างตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สี Bright Earth Tone และตกแต่งผนังด้วยกระจกเงา ช่วยทำให้ห้องดูกว้างและสว่างมากขึ้น
ในห้องวางโซฟาขนาดใหญ่ มีความยาวเท่ากับพื้นที่ภายใน Living Room
และใช้ส่วนหนึ่งของโซฟาเป็นเก้าอี้นั่งสำหรับโต๊ะอาหารด้วยในตัว ทำให้ภาพรวมของห้องดูสบายเป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนจริง ๆ
ส่วนฝั่งตรงข้ามกับโซฟาสามารถวางชั้นวางทีวีได้ จะมีพื้นที่ผนังระหว่างประตูห้องจนถึงประตูห้องครัวค่ะ
เราเข้าไปดูภายในห้องครัวกันต่อ กั้นส่วนจาก Living Room ด้วยประตูบานเลื่อนกรอบอะลูมิเนียมติดกระจกใส
พื้นที่ภายในห้องครัวค่อนข้างกว้างขวางทีเดียวค่ะ ทางโครงการให้เคาน์เตอร์ครัว Built – In แบบ L Shape มาแบบนี้เลย ส่วนพื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 ซม.
ตัวเคาน์เตอร์ใช้ Top หินสังเคราะห์สีขาว หน้าบานปิดผิวด้วยลามิเนตสีครีม เราเปิดชุดครัวให้ดูช่องเก็บของภายในนะคะ ทำชั้นเก็บของมาให้เยอะดี บานเปิดทุกบานติด Soft Close มาให้ เปิด – ปิดไม่มีเสียงดังปึงปัง มีเว้นช่องมาให้สำหรับตู้เย็น และเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าขนาด 7 กก. มาให้
ทางโครงการติดตั้งทั้งเตาปรุงอาหาร, เครื่องดูดควัน และอ่างล้างจาน บน Top เคาน์เตอร์มาให้แล้ว โดยที่ผนังด้านหลังกรุกระเบื้องแกรนิตโต้ให้ ข้อดีก็คือทำให้สามารถเช็ดล้างพวกคราบอาหารและคราบน้ำมันออกได้ง่าย
เตาที่ติดตั้งมาให้เป็นเตาเซรามิกของ Franke ขนาด 2 หัว
เครื่องดูดควันติดเอาไว้ที่ตู้ลอย Built In
อ่างล้างจานเป็นอ่างขนาด 1 หลุมของ Franke เช่นกันค่ะ
ส่วนตู้ลอย Built In หน้าบานปิดผิวด้วยลามิเนตสีครีมเช่นกัน บานเปิดทุกบานติด Soft Closed มาให้ ทำชั้นเก็บของมาให้เยอะพอสมควร
ส่วนห้องน้ำจะเข้าจากทางห้องครัวนะคะ ใช้ประตูบานเปิดสำเร็จรูปติดมือจับแบบก้านโยกมาตรฐาน
สังเกตระหว่างพื้นภายนอกและพื้นห้องน้ำจะมีธรณีกั้นเอาไว้เพื่อกันน้ำไหลย้อน ความพิเศษคือห้องน้ำของโครงการนี้เป็นห้องน้ำแบบสำเร็จรูปที่สร้างไว้เสร็จแล้วล่วงหน้า พอตอนก่อสร้างอาคารก็ยกห้องน้ำมาใส่เลย ทำให้ได้มาตรฐานในการก่อสร้างมากกว่า
ภายในห้องน้ำจะจัดโซนส่วนแห้งไล่เข้าไปยังส่วนเปียก พื้นในห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ผิวด้านกันลื่น และผนังห้องน้ำกรุด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้และกระเบื้องตกแต่งดูสวยเรียบ ๆ
อ่างล้างมือใช้ของ Bathroom Design แบบเคาน์เตอร์สำเร็จรูป มีช่องให้วางของได้ด้านข้างและติดราวแขวนผ้าเช็ดมือ
อ่างเป็นอ่างทรงสี่เหลี่ยมขอบมนขนาดใหญ่ ติดตั้งก๊อกน้ำล้างมือแบบก้านโยกมาตรฐานมาให้ ด้านหลังก่อ Lower Wall ให้สามารถวางพวกขวดสบู่และของใช้อื่น ๆ เพิ่มเติมได้
โถสุขภัณฑ์ใช้ของ Kohler แบบแยกชิ้น ระบบ Dual Flush ช่วยประหยัดน้ำได้ดี ติดตั้งมาพร้อมกับสายฉีดชำระและที่แขวนกระดาษชำระ
ด้านในสุดเป็นโซนอาบน้ำ ทางโครงการก่อธรณีและติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำกระจก Tempered แบบบานเปิดเข้า พร้อมมือจับของบานเปิดก็สามารถใช้แขวนผ้าเช็ดตัวได้ ข้าง ๆ ติดราวแขวนผ้าเช็ดตัวมาให้ อยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานได้สะดวกค่ะ
ภายในโซนอาบน้ำมีพื้นที่กำลังดี
ภายในติดตั้งชุด Hand Shower พร้อมราวปรับระดับและจานวางสบู่มาให้
ส่วนที่ฝ้าเพดานภายในเป็นฝ้าฉาบเรียบกันชื้นติดดวงโคมดาวน์ไลต์ให้พร้อมพัดลมดูดอากาศ
เราเข้าไปดูภายในห้องนอนกันต่อซึ่งจะกั้นส่วนออกไปด้วยประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอน ใช้กรอบอะลูมิเนียมติดกระจกใสเหมือนกัน ข้อดีก็คือทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้น
เข้ามาภายในห้องนอนมีพื้นที่กำลังพอดี ๆ ขนาดใหญ่กำลังอยู่สบาย สามารถวางเตียงนอนขนาด 6 ฟุตได้สบาย ๆ ค่ะ
พอวางเตียงนอนแล้วก็ยังสามารถวางโต๊ะข้างได้ทั้ง 2 ฝั่ง เหลือพื้นที่รอบเตียงให้สามารถเดินผ่านได้
ส่วนพื้นที่ปลายเตียงนอนก็ยังเหลือพอเป็นทางเดินให้พอเดินผ่านได้ ตรงนี้ถ้าใครที่ชอบดูทีวีตอนก่อนนอนก็สามารถติดทีวีแบบแขวนผนังเพิ่มเติมเอาได้ค่ะ
เราจะเห็นว่าภายในห้องนอนจะสว่างมาก ๆ เพราะได้ช่องแสงขนาดใหญ่มา เป็นหน้าต่างบานฟิกซ์และมีหน้าต่างบานกระทุ้งสามารถเปิดระบายอากาศได้
มองไปที่ฝั่งปลายเตียงจะมีประตูบานเลื่อนกระจกเชื่อมกับ Walk In Closet
ห้องตัวอย่างทำ Walk In Closet มาให้ดูเป็นไอเดีย โดยทำตู้ Built In แบบไม่มีบานปิดพร้อมโต๊ะเครื่องแป้งมาแบบกำลังพอดีพื้นที่ห้อง ยังเหลือพื้นที่ให้ยืนแต่งตัวได้สบาย
และจาก Walk In Closet จะมีประตูบานเลื่อนกระจกเชื่อมต่อกับระเบียงห้องค่ะ ทำให้ให้นี้ได้รับแสงธรรมชาติอย่างเต็มที่ เอื้ออำนวยผู้หญิงอย่างเราให้แต่งตัวแต่งหน้าง่าย
พื้นระเบียงจะลดระดับลงจากพื้นห้องเล็กน้อยปูด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 ซม. ติดตั้งระแนงเหล็กให้เป็นราวกันตก สามารถใช้ประโยชน์ได้ในการวางเครื่องซักผ้า, ตากผ้า
และแขวน Compressor ได้ โดยห้อง Type นี้จะแขวนเอาไว้ให้ข้างบน ไม่มาเบียดพื้นที่ใช้สอยส่วนระเบียง
ส่วนสวิตช์และปลั๊กไฟภายในห้องทั้งหมดจะเป็นของ Legrand และเราก็จะได้ตัว Smart Switch มาด้วยค่ะ
::: 2 Bedroom ขนาด 75.0 ตร.ม. :::
ห้องนี้สามารถรองรับผู้อยู่อาศัยได้ 3 – 4 คน ถือเป็นห้องขนาด 2 ห้องนอนที่มีขนาดใหญ่ จุดเด่นของห้องอยู่ที่ การออกแบบให้เหมือนมี Master Bedroom ถึง 2 ห้อง เพราะพื้นที่ห้องนอนทั้ง 2 ห้องสามารถวางเตียงนอนขนาด 6 ฟุตได้ ซึ่ง Master Bedroom จะมีห้องน้ำแยกให้ในตัว ส่วนห้องนอนรองจะใช้ห้องน้ำห้องเดียวกับส่วน Living Area แต่ก็สามารถ Access จากภายในห้องนอนได้เลย ห้องนี้มีการแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนมากขึ้นโดยแยกส่วนครัวเป็นครัวปิด ส่วน Living Area มีขนาดใหญ่สามารถแบ่งพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหารได้ดีขึ้น และส่วนของห้องนอนก็จะถูกแยกออกไปโดยใช้โถงทางเดินเป็นตัวเชื่อมค่ะ
ทางโครงการตกแต่งห้องให้แบบ Fully Fitted ในห้องนี้เราจะได้ พื้นลามิเนตหนา 8 มม., ห้องครัวปูพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้, ชุดเคาน์เตอร์ครัว, ห้องน้ำพร้อมสุขภัณฑ์ และ เครื่องปรับอากาศ 3 เครื่อง
ประตูห้องจะเป็นประตูบานสำเร็จรูปปิดผิวด้วยลามิเนตลายไม้ มีเจาะช่องตาแมวให้เอาไว้ส่องคนที่มาเคาะประตูได้ พร้อมติดตั้งมือจับประตูแบบก้านโยกสแตนเลส ที่มีตัวรับสัญญาณมือถืออยู่ สามารถใช้มือถือที่ลงแอปพลิเคชัน Smart World เปิดล็อกห้องได้ ควบคุมการเปิด – ปิดไฟและเครื่องปรับอากาศได้ ด้วยฟังก์ชัน Entry / Unit Smart Lock / Air Condition Control ช่วยเสริมความปลอดภัยและสะดวกสบาย
เข้าไปภายในห้องจะเจอโถงทางเดินเชื่อมต่อกับส่วน Living Area ส่วนทางฝั่งซ้ายมือนี้คือห้องครัวค่ะ พื้นห้องปูด้วยลามิเนตหนา 8 มม. เพื่อให้ผิวสัมผัสเหมาะแก่การอยู่อาศัย ผนังภายในห้องฉาบเรียบทาสีค่ะ
ฝ้าเพดานในห้องสูง 2.5 เมตร เป็นฝ้าฉาบเรียบติดดวงโคมดาวน์ไลต์หลอด LED ส่วนเครื่องปรับอากาศจะมีให้ 2 เครื่อง ติดเอาไว้ภายใน Living Area 1 ตัวและภายในห้องนอนอีก 1 ตัว ใช้ของ Daikin
เวลาที่ครัวตั้งอยู่ใกล้ประตูทางเข้าห้องนี่ก็ถือว่าช่วยอำนวยสะดวกในระดับนึงในแง่ของการซื้อของเข้าบ้าน ก็สามารถนำอาหารพวกของสดตรงเข้าครัวได้เลย ไม่ต้องไปปนในส่วน Living Area ก่อน โดยครัวที่ได้ในห้องนี้ก็เป็นครัวปิดเช่นเดียวกัน
พื้นที่ภายในห้องครัวกว้างขวาง สามารถยืนช่วยกันปรุงอาหารได้ประมาณ 2 คนค่ะ และยังมีพื้นที่ให้คนที่ 3 เดินอ้อมด้านหลังไปหยิบของในตู้เย็นได้ ส่วนพื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 ซม.
หน้าบานเปิดทั้งตัวเคาน์เตอร์และชั้นลอย Built In ปิดผิวด้วยลามิเนตสีครีม บานเปิดทุกบานติด Soft Close มาให้ เปิด – ปิดไม่มีเสียงดัง มีเว้นช่องมาให้สำหรับตู้เย็น และเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าขนาด 7 กก. มาให้
ตัวเคาน์เตอร์ใช้ Top หินสังเคราะห์สีขาว ทางโครงการติดตั้งทั้งเตาปรุงอาหารขนาด 2 หัว, เครื่องดูดควัน และอ่างล้างจานแบบ 1 หลุม ของ Franke มาให้แล้ว
และด้านข้างเคาน์เตอร์ก็เว้นพื้นที่สำหรับตู้เย็นขนาด 1 ประตูให้
จากโถงทางเข้าห้องจะเชื่อมต่อกับ Living Area ขนาดใหญ่ ประกอบด้วยส่วนรับประทานอาหารและส่วนนั่งเล่นพักผ่อน โดยวางส่วนรับประทานอาหารให้อยู่ติดกับห้องครัวเพื่อความต่อเนื่องในการใช้งานพื้นที่
ห้องตัวอย่างวางโต๊ะอาหารขนาด 4 ที่นั่งมาให้ดูพื้นที่ใช้สอยค่ะ มีการตกแต่งห้องด้วยสี Earth Tone ที่เน้นโทนสว่างรวมถึงตกแต่งผนังบางส่วนของห้องด้วยกระจก ทำให้ห้องดูสว่างและกว้างขวางมากขึ้น
ซึ่งขนาดโต๊ะ 4 ที่นั่งจะกำลังพอดีกับพื้นที่ห้องเลยค่ะ ยังเหลือพื้นที่เป็นระยะนั่งได้แบบสบาย ๆ
สำหรับส่วนนั่งเล่นจะอยู่ติดกับระเบียงห้อง เป็นพื้นนั่งเล่นขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับสมาชิกครอบครัวได้ถึง 4 – 5 คนเลย
ห้องตัวอย่างวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่ง, อาร์มแชร์ และโต๊ะกาแฟขนาดใหญ่ เราสามารถวางอาร์มแชร์เพิ่มได้อีก 1 ตัว หรือจะวางโซฟาเบดขนาดใหญ่แทนก็มีพื้นที่พอ
ผนังฝั่งตรงข้ามสามารถวางชั้นวางทีวีแบบลอยตัว หรือจะทำเป็นชั้น Built In เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจ ระยะดูทีวีของห้องนี้ค่อนข้างกว้างทีเดียวค่ะ ถ้าใช้จอขนาด 60 นิ้วน่าจะกำลังพอดี
จากส่วนนั่งเล่นจะอยู่ติดกับระเบียงห้อง โดยใช้ประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่เป็นช่องแสงและทางเชื่อมต่อ
พื้นที่ระเบียงของห้องนี้มีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อยค่ะ ใช้งานในการตากผ้าซักล้างได้สะดวกขึ้น
ส่วนพื้นที่ด้านข้างจะเป็นจุดที่ใช้วาง Compressor เรียงกัน 3 ตัวเป็นแนวตั้งแบบนี้ โดยจะหันทิศทางให้เป่าออกนอกอาคาร
กลับเข้ามาภายในห้อง เราจะไปดูในส่วนของห้องนอนและห้องน้ำกันต่อค่ะ
เริ่มจากห้องทางฝั่งซ้ายมือของโถงคือห้องน้ำและห้องนอนรอง
ห้องน้ำที่ใช้เป็นห้องน้ำสำเร็จรูปเหมือนกันทั้งโครงการค่ะ มีการแบบใช้ ผังห้อง, วัสดุ และสุขภัณฑ์เหมือนกันหมด
อ่างล้างมือเป็นอ่างสำเร็จรูป มีช่องวางของด้านข้างและมีราวแขวนผ้าเช็ดมือ ด้านหลังก่อ Lower Wall สามารถวางของใช้เพิ่มเติมได้
ถัดมาเป็นโถสุขภัณฑ์แบบแยกชิ้นพร้อมอุปกรณ์ประกอบการใช้งาน
ด้านในสุดเป็นโซนอาบน้ำ มีการก่อธรณีและติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำกระจก Tempered แบบบานเปิดเข้า พร้อมมือจับของบานเปิดก็สามารถใช้แขวนผ้าเช็ดตัวได้
ภายในติดตั้งชุด Hand Shower พร้อมราวปรับระดับและจานวางสบู่มาให้เหมือนเดิม
มองย้อนกลับไปจะเห็นว่าห้องน้ำนี้เป็นแบบ Double Access สามารถเข้าจากฝั่งห้องนอนรองได้อีกทางนึงด้วยนะ
เข้ามาดูภายในห้องนอนรองกันต่อค่ะ ภายในห้องนี้มีขนาดพื้นที่กว้างขวางมากจริง ๆ ไม่เหมือนเป็นห้องนอนรองเลย จุดเดียวคือต้องแชร์ห้องน้ำกับ Living Room เท่านั้นเอง แต่อย่างที่บอกว่าสามารถ Access จากภายในห้องได้เลย
ระหว่างประตูทางเข้าห้องและ Walk In Closet จะเห็นประตูที่เชื่อมต่อกับห้องน้ำห้องเมื่อสักครู่ค่ะ
พื้นที่ตรงนี้ห้องตัวอย่างทำตู้เสื้อผ้า Built In มาให้ดูเป็นไอเดีย ซึ่งเป็นจุดที่อยู่บริเวณข้าง ๆ ห้องน้ำพอดี เป็นการแบ่งโซนห้องที่ดีที่ทำให้การใช้งานค่อนข้างต่อเนื่อง
ถัดเข้ามาด้านในห้องจะเป็นส่วนของพื้นที่พักผ่อนค่ะ ข้อดีของห้องนี้ก็คือจะได้หน้าต่างมาถึง 2 ฝั่งเลย เนื่องจากว่าเป็นห้องมุมอาคารพอดี
พื้นที่ภายในห้องมีขนาดใหญ่มาก สามารถวางเตียงนอนขนาด 6 ฟุตได้สบาย ๆ
และยังเหลือพื้นที่โดยรอบเตียงนอนให้สามารถเดินผ่านได้ หัวเตียงทั้ง 2 ฝั่งก็ยังสามารถวางโต๊ะข้างเพิ่มได้ สำหรับคนที่ชอบดูทีวีตอนนอนแนะนำให้ติดตั้งทีวีแบบแขวนผนังนะ
นอกจากนี้พื้นที่ภายในห้องยังเหลือพอสำหรับจัดเป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้งหรือมุมโต๊ะทำงานได้อย่างลงตัว สามารถวางโต๊ะขนาดใหญ่ได้เลยนะ
เรามาดู Master Bedroom กันต่อ เป็นห้องสุดท้ายแล้วค่ะ
สำหรับ Master Bedroom จะมีขนาดเล็กกว่าห้องนอนรองเล็กน้อยแต่ว่าห้องนี้จะได้ห้องน้ำส่วนตัวมาด้วยค่ะ
แน่นอนว่าพื้นที่ภายในห้องนั้นสามารถรองรับเตียงนอนขนาด 6 ฟุตได้ ทั้ง 2 ฝั่งของหัวเตียงก็วางโต๊ะข้างได้ จะเดินผ่านรอบ ๆ เตียงก็ทำได้สบาย ๆ
พื้นที่บริเวณปลายเตียงนอนเหลือค่อนข้างเยอะเลยนะคะ ขนาดทำโต๊ะทำงานเพิ่มแล้วก็ยังสามารถวางสตูลเพิ่มได้อีก 1 ตัว
ภาพบรรยากาศภายในห้องนอนจากฝั่งริมหน้าต่าง
พื้นที่ข้างห้องน้ำสามารถวางตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้ค่ะ แล้วก็ยังเหลือพื้นที่ให้สามารถยืนแต่งตัวได้สบาย ๆ
ห้องน้ำใช้เป็นห้องน้ำสำเร็จรูป มีดีไซน์และขนาดเท่าเดิมเลยค่ะ
:::: ราคา (มีนาคม 2563) ::::
- ราคาเริ่มต้น 135,000 บาท/ตร.ม.
- เงินจอง 50,000 บาท
- เงินทำสัญญา 50,000 บาท
- เงินกองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง ตร.ม. ละ 50 บาท/เดือน (ชำระล่วงหน้า 1 ปี)
???? ลาดพร้าว | เริ่มเพียง 135,000 บ./ตร.ม.*
✍️ ลงทะเบียน Add LINE เพื่อรับข้อเสนอพิเศษ คลิก ➤ https://bit.ly/3dN0apg
ลดเพื่อชาติ หมดแล้วหมดเลย 3 ยูนิตพิเศษ
✓ ฟรีดาวน์*
✓ ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน*
LIFE LADPRAO คอนโดพร้อมอยู่ใหม่ล่าสุดจาก AP Iconic Landmark บนที่สุดทำเลแห่งอนาคตของกรุงเทพ ที่ต้องคว้าให้ทัน ติด BTS ห้าแยกลาดพร้าวและเซ็นทรัล ลาดพร้าว
***ข้อมูลราคา และโปรโมชั่นอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดติดต่อสำนักงานขายเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
:::: สรุป ::::
ทำเลที่ตั้งโครงการ โครงการ Life ลาดพร้าว จัดเป็นอีกโครงการที่ทำมาเพื่อขายลูกค้ากลุ่มคนในพื้นที่ที่โตมาในย่านลาดพร้าว แล้วออกมามีครอบครัวของตัวเอง หรือคนที่ชอบอยู่ย่านลาดพร้าว และกลุ่มคนที่มองหาทำเลใจกลางเมืองโซนลาดพร้าว, พหลโยธิน เป็นทำเลที่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยเองและปล่อยเช่านักศึกษาหรือกลุ่มพนักงานจากตึก SCB, PTT, Izusu, SCG และบรรดาอาคารสำนักงานรอบ ๆ ที่มีอยู่เยอะมาก
เนื่องจากทำเลมีความสะดวกสบายและอุดมสมบูรณ์สูง มีตัวเลือกในการเดินทางเยอะ มีห้างสรรพสินค้าและร้านอาหารเปิดทั้งกลางวันกลางคืนในระยะที่เดินถึงได้ อย่าง Tesco Lotus ก็อยู่ใกล้เพียง 70 เมตร แถมยังมีทางเดินเชื่อมจากภายในโครงการด้วย Central ลาดพร้าวก็อยู่แค่ฝั่งตรงข้าม เดินไปอีก 500 เมตรก็มี Union Mall ใกล้รถไฟฟ้า BTS ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน ใกล้ห้าง สามารถไปทำงาน ไปเรียน ได้อย่างสะดวกสบาย จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดใจกลางเมืองโซนนี้อยู่ และมีกำลังผ่อนประมาณเดือนละ 35,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว สำหรับคนขับรถ โครงการอยู่ติดกับถนนใหญ่สำคัญอย่างพหลโยธิน เชื่อมต่อเส้น ลาดพร้าว, วิภาวดี – รังสิต และ รัชดาภิเษก คนใช้รถสามารถเดินทางได้สะดวกมาก มีทางเข้าออกได้หลายทาง โดยโครงการจะอยู่ฝั่งมุ่งหน้ามาห้าแยกลาดพร้าว ห่างจากห้าแยกลาดพร้าวเพียง 500 เมต พอถึงห้าแยกลาดพร้าวแล้วจะไปถนนวิภาวดี – รังสิต, ลาดพร้าว, รัชดาภิเษก หรือไปขึ้นทางด่วนศรีรัชก็สะดวก, และจากลาดพร้าวยังสามารถตัดผ่าน Tesco Lotus มาออกถนนพหลโยธินลัดมาโครงการโดยสามารถเลี่ยงห้าแยกลาดพร้าวในวันที่การจราจรหนาแน่นได้อีกด้วย
การเดินทางโดยรถสาธารณะ ตัวโครงการอยู่ติดสถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีห้าแยกลาดพร้าว แบบก้าวเดียวถึงเลยค่ะ และจากที่ตั้งโครงการเองก็สามารถเดินไป สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT พหลโยธิน ได้ในระยะเพียง 500 เมตร นั่งไปสถานีเดียวถึง MRT ลาดพร้าว ที่เป็น Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองสถานีรัชดา – ลาดพร้าวในอนาคตอีกด้วย แถมโซนนี้มีทั้ง รถเมล์, แท็กซี่ และวินมอเตอร์ไซค์ ผ่านหน้าโครงการตลอดแทบจะ 24 ชั่วโมงนะคะ จะไปไหนก็สะดวก หรือเรียกใช้ Grab Taxi และ Line Taxi ก็ช่วยให้ประหยัดเวลาได้ดีมาก
การออกแบบโครงการ และวัสดุ ข้อดีของโครงการนี้คือ มีการออกแบบและพัฒนาฟังก์ชันภายในยูนิตที่พักอาศัยและพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ มาให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่มากขึ้น ทั้ง ๆ ที่โครงการเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2017 แต่นวัตกรรมในโครงการก็ยังนำเทรนในปัจจุบันอยู่ค่ะ มีส่วนที่เป็น Intelligent Co – Thinking Space ที่ให้ความสำคัญกับ Wi – Fi ตลอด 24 ชั่วโมง ในทุกพื้นที่ส่วนกลางในโครงการมีการเตรียมที่สำหรับชาร์ตมือถือและแท็บเล็ตมาให้ รวมถึงการนำแอปพลิเคชันมือถือมาใช้เพิ่มความสะดวกให้กับผู้อยู่อาศัย ตั้งแต่เรื่องการติดต่อเรื่องกับนิติ ไปจนถึงการเข้า – ออกห้อง ควบคุมระบบไฟฟ้าและเครื่องปรับอากาศในห้องจากมือถือได้
ทั้งยังมีฟังก์ชันที่ใช้ช่วยการทำงานของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รับทำงานฟรีแลนซ์หรือเปิดธุรกิจเล็ก ๆ ของตัวเอง ให้มีพื้นที่คุยงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และพื้นที่สีเขียวที่ออกแบบมาอย่างสวยงามรอบโครงการ ใช้เป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนหย่อนใจ หรือคุยงานได้สบาย ๆ ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่อัปเดตและถูกปรับให้เข้ากับวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ได้ดี ประมาณว่าซื้อคอนโดแล้วได้ที่คุยงานหรือทำงานไปในตัวด้วยเลย เข้ากับสังคมออนไลน์ในปัจจุบันที่คนทำธุรกิจออนไลน์กันมากขึ้น
แบบห้องมีมาให้เลือกหลายแบบตั้งแต่ห้องแบบ Studio, 1 Bedroom และ 2 Bedroom ซึ่งปรับแบบมาให้ลงตัว พื้นที่ใช้สอยค่อนข้างกว้างขวาง ตกแต่งมาให้แบบ Fully Fitted พร้อมชุดครัว Built In จาก Franke และห้องน้ำสำเร็จรูป วัสดุภายในห้องได้เป็น พื้นเป็นไม้ลามิเนต 8 มม. ผนังฉาบเรียบทาสี ฝ้าเพดานห้องสูง 2.5 เมตรติดดวงโคมดาวน์ไลต์ ประตูทางเข้าออกห้องใช้มือถือที่ลงแอปพลิเคชัน Smart World สแกนผ่านเข้าห้องแทนกุญแจได้ รวมถึงสามารถควบคุมระบบไฟฟ้าและเครื่องปรับอากาศภายในห้องได้
สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบรักษาความปลอดภัย มีมาให้แบบจัดเต็มค่ะ ลูกบ้านทั้ง 2 อาคารสามารถเดินไปใช้ Facilities ของอีกอาคารได้ แต่ภายใน 1 อาคารก็มีให้ครบทุกอย่างแล้ว ทั้ง Iconic Lobby, The Share Space, Intelligent Co – Thinking Space, Mailbox, Smart Locker, The Urban Oasis, Sky Social Club, Theatre House, Panoramic Health Club, Multi – Purpose Room, Cityscape Infinity Lap Pool แบบเอ็กซ์คลูซีฟ พร้อม ที่นั่ง Sky Cabana, Steam, Sauna, Free Wi – Fi ในพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ 24 ชั่วโมง, Green Landscape กว่า 2 ไร่, Street Bas Court, Play House, EV Charger, ที่จอดรถ 723 คัน, ร้านค้า 1 ยูนิต และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.
:::: สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ::::
CALL CENTER : 1623
WEBSITE : https://www.apthai.com/th/
หากเพื่อน ๆ เห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน ขอบคุณค่ะ
และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ
ปล่อยเช่า ไลฟ์ ลาดพร้าว ชั้น 18 อาคาร A 26 ตรม. วิวเมืองสวย
บิวท์อินทั้งห้อง+เฟอร์นิเจอร์ครบ
ประกัน 2 เดือน ล่วงหน้า 1 เดือน
เดือนละ 18,000 บาท (สัญญา 1 ปีค่ะ)
For Rent Life Ladprao 18th Floor / Tower A / 26 Sqm. / Town View
Build in+Fully Furnished
2 months deposit+1 month advance
18,000 per month (Minimal lease term = 1year)
Tel : 064-7622111 (ปุ๊ก/Puk)
Line : @scenespace
Life ลาดพร้าว (ตรงข้ามเซ็นทรัล)
✅ทำเลดีห้องมุมสวย ( ขายเท่าทุน!!) ลดได้ๆ
✅ทำเลขนาดนี้แถมได้ห้องราคาดีไม่เกินสี่ล้าน!!
✅ a11a216 studio.( 28.50 ตรม.)ตึก A ชั้น 11 วิวสวนลอยฟ้าส่วนตัว.(ห้องติดผนังห้องอื่นแค่ฝั่งเดียว)
✅ขายดาวน์ต่อ จ่ายไปแล้ว.
จอง 40,000
สัญญาอีก 40,000
ซื้อใบจองจากเจ้าแรก 150,000 (คุยกันก่อนได้)
ผ่อน 5 งวดแรกแล้ว งวดละ 21850. รวมเป็น 109,250บาท
ผ่อน 3 งวดหลังแล้ว. งวดละ. 14588- รวมเป็น. 43764 บาท
รวม 383,014. บาท (ขายเท่าทุนไม่บวกกำไรเพิ่ม)
ติดต่อ
โทร 0909919289 ( อาร์ต )
Line : classy_official
#ไลฟ์ลาดพร้าว #lifeladprao