ชั้น 7 : Wisdom Forest/ ชั้น 10,15,20 : Pocket Terrace/ ชั้น 24 : Half Olympic Size Swimming Pool, Warm Water Pool, Kid’s Pool, Co-creation Space, Fitness Room และ Yoga Room/ ชั้นดาดฟ้า : Music Box, Relax Garden, BBQ Sunken Terrace, Outdoor Pool Table, Outdoor Theatre, Kid’s Playground และ Stargazing Deck
นอกจากนี้ทางโครงการยังมีที่จอดรถถึง 47% เป็นแบบ Conventional Parking ทั้งหมด อีกทั้งยังมี EV Charger, Passenger Lift 3 ตัว, Service Lift 1 ตัว ใช้ระบบ Access Card Control, กล้องวงจรปิด และ รปภ. 24 ชม.โดยในส่วนที่เป็นพื้นที่ Outdoor จะสามารถนำสัตว์เลี้ยวเข้าไปได้ ราคาเริ่มต้นที่ 4.1 ล้านบาท (เฉลี่ย 130,000-177,000 บาท/ตร.ม.)
ชื่อโครงการ
มารุ ลาดพร้าว 15 MARU Ladprao 15
เจ้าของโครงการ
MJD Residences Co.ltd.
เนื้อที่ทั้งหมด
1-3-07 ไร่
จำนวนตึก
1 อาคาร
จำนวนชั้น
30 ชั้น
จำนวนห้อง
ห้องชุดพักอาศัย : 332 ยูนิต
ร้านค้า : 1 ยูนิต
ลักษณะห้องและขนาดห้อง
1 Bedroom : 30.00 – 35.00 ตร.ม.
2 Bedroom + 1 Bath : 50.00 – 53.50 ตร.ม.
2 Bedrooms + 2 Baths : 57.00 – 60.00 ตร.ม.
ที่จอดรถทั้งหมด
คิดเป็น 47% หรือ 158 คัน
จำนวนลิฟท์
ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว
ลิฟท์บริการ 1 ตัว
โซน
ลาดพร้าว-จตุจักร
ขนส่งสาธารณะ
รถไฟฟ้า MRT รัชดาภิเษก
ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์
รถโดยสารที่ผ่าน
รถเมล์สาย 8, 8ปอ, 44ร, 92, 96, 122ร, 145, 145ส, 502, 517 และ 545ร
ที่ตั้ง
ซอยลาดพร้าว 15 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.
กำหนดการ
Pre-Sale 23-24 ก.ย. นี้
เริ่มก่อสร้าง มี.ค. 2561
ปีที่สร้างเสร็จ
คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือน มิ.ย. 2564
ราคา
เริ่มต้น 4.1 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม
130,000-177,000 บาท/ตร.ม.
ค่าส่วนกลางและกองทุน
เงินกองทุน 650 บาท/ตร.ม. (จ่ายครั้งเดียว)
ค่าส่วนกลาง 65 บาท/ตร.ม./เดือน (จ่ายล่วงหน้า 12 เดือน)
สถานที่สำคัญใกล้เคียง
ห้างสรรพสินค้า
Big C ลาดพร้าว 2 : 350 ม.
ตลาดสะพาน 2 : 2.4 กม.
สวนลุมไนท์บาซ่าร์ : 2.5 กม.
บุญถาวร : 2.8 กม.
ตลาดโชคชัย 4 : 3.1 กม.
เซ็นทรัลลาดพร้าว : 3.2 กม.
Union Mall : 3.3 กม.
ศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ : 3.7 กม.
Tesco Lotus ลาดพร้าว : 3.9 กม.
ตลาดนัดสวนจตุจักร : 4.6 กม.
JJ Green : 4.6 กม.
Major Cineplex รัชโยธิน : 5.3 กม.
JJ Mall : 5.5 กม.
เซ็นทรัล เฟสติวัล อีสวิลล์ : 6.5 กม.
The Crystal : 6.8 กม.
CDC : 7.5 กม.
สถานศึกษา
ม.เซนต์จอห์น : 2.7 กม.
ม.ราชภัฏจันทรเกษม : 2.7 กม.
รร.หอวัง : 3.7 กม.
ม.เกษตรศาสตร์ : 10.2 กม.
ศูนย์การแพทย์
รพ.โกลเด้นเยียร์ : 2.6 กม.
รพ.สุทธิสาร : 4.2 กม.
รพ.เปาโลเมโมเรียล : 5.2 กม.
ศาสนสถานและอื่นๆ
วัดลาดพร้าว : 2.4 กม.
สวนจตุจักร : 4.6 กม.
สวนรถไฟ : 5.9 กม.
สนามกีฬากองทัพบก : 9.4 กม.
สถานที่ราชการและอาคารสำนักงาน
ไปรษณีย์ลาดพร้าว : 4.0 กม.
ไทยรัฐ : 4.1 กม.
สนง.ขนส่ง ลาดพร้าว : 4.2 กม.
สนง.ใหญ่การบินไทย : 5.1 กม.
สิ่งอำนวยความสะดวก
ชั้น 1 : Lobby, Co-living Space, Co-working Forest, Verdure Forest, Bicycle Parking Rack with Tire Inflator, Bark&Bike Wash และ Commercial Unit
ชั้น 2 : Hotspot Conference Room
ชั้น 7 : Wisdom Forest
ชั้น 10,15,20 : Pocket Terrace
ชั้น 24 : Half Olympic Size Swimming Pool, Warm Water Pool, Kid’s Pool, Co-creation Space, Fitness Room และ Yoga Room
ชั้น Rooftop : Music Box, Relax Garden, BBQ Sunken Terrace, Outdoor Pool Table, Outdoor Theatre, Kid’s Playground และ Stargazing Deck
จุดเด่นของโครงการ
Maru Ladprao 15 จาก MJD Residences Co.ltd. คอนโดใหม่ ใกล้ MRT ลาดพร้าว เริ่ม 3.8 ลบ.
คอนโดติดรถไฟฟ้า MRT ลาดพร้าว
คอนโดโดยรอบ MRT ลาดพร้าว (เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีลาดพร้าว)
คอนโดใกล้ MRT ลาดพร้าว และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีภาวนา
:::: ที่ตั้งโครงการ ::::
ซอยลาดพร้าว 15 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.
พิกัด : 13.807746, 100.571190
แผนที่จากทางโครงการ
ทำเลที่ตั้ง โครงการ MARU ลาดพร้าว 15 เป็น High rise Condominium ตั้งอยู่บนถนนลาดพร้าวตอนบน เป็นพื้นที่ของปั๊ม Susco เก่าระหว่างซอยลาดพร้าว 15 กับ ซอยลาดพร้าว 17 ซึ่งอยู่ห่างจาก MRT สถานีลาดพร้าวเพียง 80 เท่านั้นเองค่ะ หลายๆ คนคงจะรู้กันดีอยู่แล้วว่าถนนลาดพร้าวเป็นเส้นที่มีความเจริญและความอุดมสมบูรณ์สูงมาก ทั้ง 2 ฝั่งถนนจะมีทั้งออฟฟิศ, อาคารพาณิชย์, ธนาคาร, อพาร์ทเม้นท์, คอนโดมิเนียมทั้ง High rise และ Low rise และบ้านพักอาศัย เรื่องอาหารการกินนั้นก็ถือว่าอุดมสมบูรณ์มากๆ ตอนนี้ลาดพร้าวก็เรียกได้ว่าเป็นย่าน Vertical Living Area หรือ พื้นที่อยู่อาศัยในแนวตั้งอีกหนึ่งย่าน นั่นก็เพื่อการรองรับความเจริญของศูนย์กลางธุรกิจ (Central Business District) ย่านรัชดาภิเษก-พระราม 9-ห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งเป็น CBD ใหม่ของกรุงเทพมหานครนั่นเอง
การเดินทางด้วยรถยนต์ การเดินทางถือว่าสะดวกมาก หากมองในมุมมองของคนที่ทำงานอยู่ในช่วง รัชดาภิเษก-ลาดพร้าว-วิภาวดี เพราะโครงการอยู่ติดถนนลาดพร้าวเลย จากถนนลาดพร้าวจะสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนใหญ่ได้อีกหลายสาย ทั้ง พหลโยธิน ใช้วิ่งออกไปทางอนุสาวรีย์ต่อไปถึงอโศก หรือออกไปทางสะพานใหม่ได้, วิภาวดี-รังสิต วิ่งขนานกับเส้นพหลโยธิน แต่มีการจราจรที่คล่องตัวกว่าค่ะ ตัวโครงการอยู่ใกล้จุดขึ้นทางยกระดับอุตราภิมุข หรือ ดอนเมืองโทลล์เวย์ ซึ่งเชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานคร และทางพิเศษศรีรัช ไปได้ทั้งทางบางนาและชลบุรี, รัชดาภิเษก ตัดกับถนนลาดพร้าวตรงแยกลาดพร้าว-รัชดา ใช้วิ่งลงไปทางพระราม 9 ได้, ประดิษฐ์มนูธรรม มีจุดขึ้นทางด่วนรามอินทราอาจณรงค์ เป็นอีกตัวเลือกที่สามารถใช้ออกไปทางบางนาได้ หรือจะวิ่งขึ้นไปทางวัชรพลก็ได้ค่ะ
นอกจากนี้บนเส้นลาดพร้าวก็ยังมีทางลัดไปออกถนนเกษตร-นวมินทร์ (ประเสริฐมนูกิจ) ได้จาก ซอยลาดพร้าว 41 และ ถนนโชคชัย 4 เข้าถนนลาดพร้าววังหิน และ ถนนนาคนิวาส เชื่อมต่อกับถนนสุคนธสวัสดิ์ ใช้ออกเกษตร-นวมินทร์ได้สะดวก จากเส้นเกษตร-นวมินทร์ยังมีซอยมัยลาภ ใช้เป็นทางลัดออกถนนรามอินทราได้อีกด้วย บนเส้นรัชดาภิเษกเองก็จะมีซอยโชคชัยร่วมมิตร ที่สามารถใช้เข้าถนนวิภาวดี-รังสิตได้ จากถนนวิภาวดี-รังสิตจะเชื่อมกับซอยพหลโยธิน 18 (ซอยวิภาวดี-รังสิต 3) ออกเส้นพหลโยธินตรงแยกกำแพงเพชรพอดี
แต่ข้อเสียของถนนลาดพร้าวก็คือ เป็นถนนที่ขึ้นชื่อเรื่องปริมาณรถที่มากตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังมีแยกไฟแดงและทางกลับรถอยู่อีกเป็นระยะๆ จึงจำเป็นที่จะต้องใช้ถนนซอยเล็กๆในการลัดเลาะไปออกถนนเส้นอื่นๆประกอบด้วย จะช่วยประหยัดเวลาได้เยอะมากค่ะ
ทางด่วน จากตัวโครงการจะอยู่ใกล้กับจุดขึ้นทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ ในระยะเพียง 4.9 กม.เท่านั้น ซึ่งถ้ารถไม่ติดมากใช้เวลาขับไปไม่เกิน 15 นาทีก็ถึงค่ะ โดยจากโครงการให้กลับรถไปถนนลาดพร้าวฝั่งมุ่งหน้าไปถนนพหลโยธิน จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายออกถนนพหลโยธินไปกลับรถอีกที เลี้ยวซ้ายเข้าถนนหอวัง จากนั้นพอวิ่งออกมาที่ทางคู่ขนานวิภาวดี-รังสิต ตรงนั้นจะมีทางแยกฝั่งซ้าย เป็นด่านเก็บเงินลาดพร้าวขาออกขึ้นทางยกระดับค่ะ
ความอุดมสมบูรณ์ สภาพแวดล้อมบนถนนลาดพร้าวและบริเวณใกล้เคียงมีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างสูงทีเดียวค่ะ เพราะเป็นย่านของแหล่งที่พักอาศัยในแนวดิ่ง ซึ่งคนส่วนมากอาจจะไม่ได้ปรุงอาหารทานกันเองในทุกๆมื้อ ก็ต้องออกมาพึ่งร้านอาหารข้างทางกันนี่แหละ สะดวกและรวดเร็วที่สุดแล้ว ดังนั้นตลอดถนนเส้นนี้ก็จะมีทั้งร้านอาหารทั้งร้านทั่วไปและพวก Chain Restaurant, ร้านสะดวกซื้อก็เห็นมีกระจายอยู่, ร้านขายของชำ, ร้านขายยา, ร้านอินเตอร์เน็ต, คลีนิกเสริมความงาม, คลีนิกทันตกรรม ถ้าเข้าไปตามตรอกซอกซอยก็มีร้านอาหารอยู่ค่อนข้างเยอะค่ะ อย่างเส้นลาดพร้าววังหิน,ถนนโชคชัย 4 และถนนนาคนิวาสนี่ก็อุดมสมบูรณ์มากๆ
ส่วนแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมในย่านนี้ก็คงหนีไม่พ้นเซ็นทรัลลาดพร้าวกับแฟชั่นมอลล์อย่าง Union Mall อยู่บริเวณทางออกรถไฟฟ้า MRT สถานีพหลโยธินพอดีค่ะ ถ้าจะดูเป็น Hypermarket เพื่อซื้อของเข้าบ้านก็จะมี Gourmet Market สาขา MRT ลาดพร้าว, Big C ลาดพร้าว 2 และ Tesco Lotus อยู่ตรงข้ามกับเซ็นทรัลลาดพร้าว ออกไปทางจตุจักรก็มีพวก JJ Mall, JJ Green และตลาดนัดจตุจักรให้เลือกเดินในวันสบายๆ ออกไปทางเส้นเลียบด่วนรามอินทราจะมีห้างสรรพสินค้าชั้นนำอย่าง เซ็นทรัล เฟสติวัล อีสวิลล์, The Crystal และ CDC เลยขึ้นไปบนเส้นเกษตรนวมินทร์จะเป็นแหล่ง Community Mall และตลาดนัดขนาดใหญ่ จากตัวโครงการสามารถไปได้สะดวกนะคะ
นอกจากนี้ยังตัวโครงการยังอยู่ไม่ไกลจาก โรงพยาบาล, สถานศึกษาทั้ง รร.หอวัง, ม.ราชภัฏจันทรเกษม และ ม.เกษตรศาสตร์ ใกล้ธนาคารซึ่งสะดวกต่อการทำธุรกรรมทางการเงิน โดยรวมแล้วคือมีสาธารณูปโภคคอยรองรับอย่างครบครันที่เอื้อต่อการอยู่อาศัยค่ะ
การเดินทางด้วยรถสาธารณะ สำหรับการเดินทางโดยรถสาธารณะนั้นถือว่าสะดวกสบายมากเช่นกัน บริเวณหน้าโครงการมีรถแท็กซี่ และวินมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านอยู่ตลอด ถ้าวันไหนไม่เร่งรีบมาก อยากประหยัดเงินก็สามารถขึ้นรถเมล์ได้ค่ะ ป้ายรถเมล์จะมีอยู่บริเวณหน้าโครงการเลย สายที่ผ่านก็มีสาย 8, 8ปอ, 44ร, 92, 96, 122ร, 145, 145ส, 502, 517 และ 545ร
ที่มากไปกว่านั้นก็คือ ตัวโครงการอยู่ใกล้กับ รถไฟฟ้า MRT ลาดพร้าว เพียง 80 เมตรเท่านั้น (ทางออกที่ 3) ซึ่งในอนาคต สถานีลาดพร้าว จะเป็น Interchange Station กับ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วง ลาดพร้าว-พัฒนาการ ที่ สถานีรัชดา ส่วน สถานีพหลโยธิน ที่อยู่ถัดไป 1 สถานีจะเป็น Interchange Station กับ รถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วง หมอชิต-คูคต ที่ สถานีห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งกำลังก่อสร้างกันอยู่ อีกทั้งยังเชื่อมต่อกับ รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม ช่วง บางซื่อ-รังสิต ที่ สถานีบางซื่อ นอกจากนี้ก็ยังมีโครงการในอนาคต นั่นก็คือ รถไฟฟ้าสายสีเทา ช่วง วัชรพล-ทองหล่อ บนเส้นเลียบทางด่วนรามอินทราอีก 1 สายค่ะ
จากหน้าโครงการเดินบนฟุตบาทถนนลาดพร้าวไปเพียงนาทีเดียวก็ถึง MRT สถานีลาดพร้าวแล้วค่ะ ฝั่งของโครงการจะเป็นทางออกที่ 3 เดินไปแค่ 80 เมตรเท่านั้น
สถานีพหลโยธินก็อยู่ไม่ไกล ทางออกที่ใกล้ที่สุดคือทางออก 1 เร็วๆ เลยก็นั่งวินไปค่ะ ทางออกจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ Union mall ถ้าเดินลงสถานีพหลโยธินเดินข้ามไปที่ทางออกที่ 3 จะไปโผล่ที่หน้าเซ็นทรัลลาดพร้าวเลย
หรือถ้าจะไป BTS สถานีหมอชิตเลยก็อยู่ไม่ไกลนะ ถ้านั่งรถไปจากหน้าโครงการให้กลับรถก่อน จากเส้นลาดพร้าวเลี้ยวซ้ายเข้าพหลโยธิน ตรงไปอีกหน่อยก็ถึงแล้ว ที่ใกล้ที่สุดคือทางออกที่ 4 ค่ะ
:::: การเดินทางสู่โครงการ ::::
วันนี้ทางทีมงาน Homenayoo มีภาพการเดินทางไปสู่ตัวโครงการ MARU ลาดพร้าว 15 โดยใช้รถยนต์ส่วนตัวมาฝากกันค่ะ โดยเราจะเริ่มการเดินทางจาก
ถนนประดิษฐ์มนูธรรม > ถนนลาดพร้าว > แยกรัชดา-ลาดพร้าว > ถนนลาดพร้าว > ซอยลาดพร้าว 15 > ซอยลาดพร้าว 15 แยก 1 > MARU ลาดพร้าว 15
เราจะเริ่มการเดินทางจากถนนประดิษฐ์มนูธรรม ใกล้แยกลาดพร้าว 86 ฝั่งขาออก ให้เราดูป้ายโชคชัย 4-รัชดาภิเษกเอาไว้แล้วชิดซ้าย
ข้างหน้าถ้าชิดขวาจะขึ้นสะพานข้ามแยกลาดพร้าว 86 ไปทางรามอินทราค่ะ แต่เราจะชิดซ้ายเอาไว้
จากนั้นให้เราเลี้ยวซ้ายเข้าถนนลาดพร้าว ถ้าออกทางขวาจะยูเทิร์นกลับไปอีกฝั่งนะ
เข้ามาที่ถนนลาดพร้าวจะเป็นถนนขนาด 6 เลนมีเกาะกลางแบ่งอย่างชัดเจน ทั้งฝั่งซ้ายและขวาของถนนจะเป็นที่ตั้งของอาคารพาณิชย์และคอนโดมิเนียมทั้ง Low rise และ High rise หลากหลายแบรนด์ ขับไปเรื่อยๆ เราจะวิ่งผ่านตลาดสะพาน 2 อยู่ฝั่งขวามือของเราค่ะ
วิ่งตรงไปเรื่อยๆ ผ่านแยกรัชดา-ลาดพร้าว
เลยแยกไปไม่ไกลเราจะเห็นทางออก MRT สถานี ลาดพร้าว
จากนั้นไม่ไกลจะเห็นสะพานลอยข้างหน้า ซึ่งจะมีทางกลับรถ ให้เราชิดขวาแล้วกลับรถเลยค่ะ บริเวณจุดกลับรถจะอยู่ตรงหน้าซอยลาดพร้าว 15 พอดี
พอเรากลับรถแล้วให้ชิดซ้ายทันที แล้วเราก็มาถึงตัวโครงการแล้วค่า
สรุปแยก และ ถนนสำคัญรอบโครงการ
ถนนรัชดาภิเษก : 500 ม.
แยกลาดพร้าว-รัชดา : 500 ม.
ถนนพหลโยธิน : 2.4 กม.
แยกลาดพร้าว : 2.4 กม.
ถนนวิภาวดี-รังสิต : 2.7 ม.
แยกรัชโยธิน : 3.1 กม.
แยกกำแพงเพชร : 4.7 กม.
ถนนประดิษฐ์มนูธรรม : 4.7 กม.
สรุปสถานที่สำคัญรอบโครงการ
ห้างสรรพสินค้า
Big C ลาดพร้าว 2 : 350 ม.
ตลาดสะพาน 2 : 2.4 กม.
สวนลุมไนท์บาซ่าร์ : 2.5 กม.
บุญถาวร : 2.8 กม.
ตลาดโชคชัย 4 : 3.1 กม.
เซ็นทรัลลาดพร้าว : 3.2 กม.
Union Mall : 3.3 กม.
ศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ : 3.7 กม.
Tesco Lotus ลาดพร้าว : 3.9 กม.
ตลาดนัดสวนจตุจักร : 4.6 กม.
JJ Green : 4.6 กม.
Major Cineplex รัชโยธิน : 5.3 กม.
JJ Mall : 5.5 กม.
เซ็นทรัล เฟสติวัล อีสวิลล์ : 6.5 กม.
The Crystal : 6.8 กม.
CDC : 7.5 กม.
สถานศึกษา
ม.เซนต์จอห์น : 2.7 กม.
ม.ราชภัฏจันทรเกษม : 2.7 กม.
รร.หอวัง : 3.7 กม.
ม.เกษตรศาสตร์ : 10.2 กม.
ศูนย์การแพทย์
รพ.โกลเด้นเยียร์ : 2.6 กม.
รพ.สุทธิสาร : 4.2 กม.
รพ.เปาโลเมโมเรียล : 5.2 กม.
ศาสนสถานและอื่นๆ
วัดลาดพร้าว : 2.4 กม.
สวนจตุจักร : 4.6 กม.
สวนรถไฟ : 5.9 กม.
สนามกีฬากองทัพบก : 9.4 กม.
สถานที่ราชการและอาคารสำนักงาน
ไปรษณีย์ลาดพร้าว : 4.0 กม.
ไทยรัฐ : 4.1 กม.
สนง.ขนส่ง ลาดพร้าว : 4.2 กม.
สนง.ใหญ่การบินไทย : 5.1 กม.
:::: สภาพแวดล้อมรอบโครงการ ::::
บนถนนลาดพร้าวที่ดินที่ติดกับถนนจะเป็นออฟฟิศ, คอนโดมิเนียมทั้ง Low rise และ High rise, ธนาคาร และอาคารพาณิชย์ ชั้นล่างเปิดเป็นกิจการอย่างหลากหลายตั้งแต่ร้านอาหาร, ห้างทอง จนไปถึงคลีนิกเสริมความงามค่ะ ถัดเข้าไปภายในซอยจะเป็นบ้านพักอาศัยสูงตั้งแต่ 1-3 ชั้น มีทั้งอพาร์ทเม้นท์และคอนโดมิเนียมกระจายตัวกันอยู่ด้วย
ทิศเหนือ ติดกับ บ้านพิพัฒน์ อพาร์ทเม้นท์ สูง 8 ชั้น และบ้านพักอาศัยส่วนบุคคลสูง 1-2 ชั้น
ทิศใต้ ติดกับ ถนนลาดพร้าว
ทิศตะวันออก ติดกับ ตึกแถวสูง 3 ชั้น และโกดังเก็บของสูง 1 ชั้น
ทิศตะวันตก ติดกับ ตึกแถวสูง 3 ชั้น และ เอกบดินทร์ คอนโดมิเนียม สูง 7 ชั้น
แต่เดิมบริเวณที่ตั้งโครงการก็คือปั๊ม Susco เก่าค่ะ
ซึ่งตอนนี้ได้ถูกเนรมิตให้กลายเป็น Sales Gallery ของโครงการแล้ว
เดี๋ยวเราจะมาเดินสำรวจบริเวณโดยรอบโครงการกันค่ะ จะได้เห็นว่าแถวนี้อยู่ง่าย สะดวกสบายจริงๆ ที่ฝั่งตรงข้ามกับตัวโครงการก็คืออาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น
เริ่มจากทางฝั่งขวามือกันก่อน บริเวณหน้าโครงการจะติดกับสะพานลอยตรงหน้าอาคารพาณิชย์ค่ะ
ใต้อาคารพาณิชย์เปิดเป็นกิจการต่างๆ มีร้านอาหารเป็ดอ้วน (วันนี้ปิดให้บริการ เสียดายจัง)
มีคลีนิกเวชกรรม, คลีนิกเสริมความงาม และร้านขายเสื้อผ้าก็มี ใกล้ๆ นี้มีสารพัดร้านค้าเลยค่ะ
เดินเลยไปตรงปากซอยลาดพร้าว 15 จะมีทางข้ามม้าลาย ตรงหัวมุมมีร้าน The Fat Cow เป็นร้านเล็กๆ มีบรรยากาศภายในที่เป็นกันเองมาก สามารถนั่งชิลล์จิบ Craft beer ที่เจ้าของร้านได้คัดสรรมาแล้ว แกล้มกับเบอร์เกอร์เนื้อหรือจะเป็น Fish&Chip ก็มีคนแนะนำมาว่าเด็ด
เดินเลยไปหน่อยจะเจอร้านขายยานิอรเภสัช ที่เปิดขายอยู่ในย่านนี้มานานแล้ว
ข้างๆร้านขายยามี 7-Eleven เดินมาจากโครงการสะดวกมากๆ
เจอร้านอาหารอีกร้าน เป็นร้านอาหารอีสาน จุดขายของร้านคือเมนูจากเป็ดค่ะ
จากตัวโครงการเดินมาเพียง 400 เมตรก็มาถึง Big C Extra แล้วค่ะ บนเส้นลาดพร้าวรถค่อนข้างติด ถ้าเดินมาได้ก็เลือกเดินจะเร็วกว่า ส่วนขากลับค่อยเรียกแท็กซี่กลับก็ได้หากของเยอะ บนเส้นลาดพร้าวก็มีแท็กซี่ผ่านอยู่ตลอดเวลาเลย
ไม่ไกลกันจะเจอ The Zest เป็น คอนโด High rise ค่ะ อยู่ตรงหัวมุมซอยลาดพร้าว 7
ตรงปากซอยลาดพร้าว 5 จะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น Jirafu สุดชิคสไตล์ Sushi & Izakaya สำหรับคอซูชิและเบียร์ ในร้านจะมีเชฟปั้นซูชิกันให้ชมแบบสดๆ อีกทั้งยังมี Craft Beer นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นกว่า 30 ชนิด เดิมตรงนี้เคยเป็นปั๊ม Esso เก่านะ
ฝั่งตรงข้ามจะเห็นธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารกสิกรไทยตั้งอยู่คู่กันพอดี
และไปรษณีย์สามแยกลาดพร้าวค่ะ
เดินผ่านซอยลาดพร้าว 5 มาจะเห็นคอนโด IDEO ลาดพร้าว 5 เป็นคอนโด High rise สูง 24 ชั้น
ถัดไปเป็นสนง.ควบคุมความประพฤติกรุงเทพมหานคร 2
และอาคารสำนักงานกับอพาร์ทเม้นท์พร้อมพันธุ์
มีร้านคาเฟ่เล็กๆ น่ารักๆ อยู่ข้างปากซอยลาดพร้าว 1/1 ด้วยนะ
มาถึงช่วงอาคารพาณิชย์ ชั้นล่างเปิดเป็นร้านรวงต่างๆ ทั้งสปา, คลีนิกเวชกรรม, ร้านเสริมสวย, คลีนิกทันตกรรม รวมถึงธนาคารออมสิน
ฝั่งตรงข้ามจะเป็นที่ตั้งของธนาคาร TMB
เดินตรงไปจนใกล้ถึงซอยลาดพร้าว 1 จะมีสะพานลอยให้ข้ามฟากได้
ช่วงตีนสะพานก็มีร้านค้าอยู่อีกหลายร้าน ตรงนี้เป็นร้านขายรองเท้า, ร้านสะดวกซื้อ และร้านขายขนมไทยค่ะ
ตรงนี้ก็จะมีร้านขายดอกไม้ด้วยนะ
ถัดไปมีห้างทองและร้านขายโจ๊กมัลลิกา ขายกันมาร่วม 30 ปีเห็นจะได้ มีการปรับปรุงหน้าร้านให้ดูทันสมัยมากขึ้น ช่วงกลางวันจะมีขายก๋วยจั๊บเพิ่มด้วยนะ ต้องมาลองทานกันดู
เดินตรงไปจนถึงหน้าปากซอยลาดพร้าว 1 ตรงหัวมุมคือ Union mall แล้ว ข้างในซอยลาดพร้าว 1 จะเป็นชุมชนที่ค่อนข้างหนาแน่น เพราะมีตลาดและอพาร์ทเม้นท์อยู่เยอะ
บริเวณหน้าห้าง Union Mall คือ MRT สถานีพหลโยธิน ทางออกที่ 5 ค่ะ
กลับมาที่บริเวณหน้าโครงการ เราจะเดินไปสำรวจเส้นทางฝั่งขวามือกันต่อ
ติดกับตัวโครงการคืออาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้นครึ่ง ตึกแรกที่ติดกับโครงการคือกิจการเกี่ยวกับยางยนต์
มีร้านอาหารหลากหลายร้านเปิดรอให้บริการอยู่ ตามทางเดินจะมีร้านอาหารแผงลอยขายตั้งแต่ช่วง 10 โมงจนถึงบ่าย 3
เดินมาจากตัวโครงการเพียง 80 เมตร เราก็มาถึง MRT สถานีลาดพร้าวค่ะ ฝั่งนี้คือทางออก 3 นะ
เราเดินเลยมาอีกนิดหน่อย ก็จะถึงอาคาร Park&Ride MRT ลาดพร้าว (ทางออก 4) แล้ว
เดินลงเข้ามาภายในสถานี ตอนนี้มี Gourmet Market มาเปิดให้บริการแล้วด้วยนะคะ
เดินชมทำเลกันเรียบร้อยแล้ว เราเดินเข้าไปดูภายใน Sales Gallery กันต่อค่ะ
ภายในสำนักงานขายค่ะ ส่วนต้อนรับด้านหน้าเปิดเพดานสูงให้ดูโปร่ง ออกแบบด้วยกระเบื้องลายหินธรรมชาติโทนสว่างและไม้สีอ่อน ภายในมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายคอยต้อนรับ, ให้ขอมูลเกี่ยวกับตัวโครงการ และพาไปดูห้องตัวอย่างค่ะ
พื้นที่นั่งพักคอยภายใน Sales Gallery
ส่วนบริเวณกลางโถงมีโมเดลจำลองของโครงการ เพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการก่อนสร้างเสร็จกัน
:::: ตัวโครงการ ::::
เป็น High rise Condominium สูง 30 ชั้น มี 1 อาคาร จำนวน 332 ยูนิต บนเนื้อที่ 1-3-07 ไร่ มีห้อง 3 แบบหลักๆ คือ 1 Bedroom, 2 Bedrooms 1 Bath และ 2 Bedrooms 2 Baths ขนาดเริ่มต้นที่ 30.00 ตร.ม. ภายใต้คอนเซ็ปต์ Less Social More Sense, Less Self More Sharing, Less Stress More Serene, Less Indoor More Exploring, Less Rush More Relax
เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวาย สามารถใช้ชีวิตอย่างสงบเงียบ อยู่กับตัวเองได้มากขึ้น ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น แต่ก็อยู่ใกล้กับแหล่งความเจริญ โครงการออกแบบมาเพื่อให้อยู่ร่วมกับสัตว์เลี้ยงได้ อาคารออกแบบมาให้ดูสงบนิ่ง ตกแต่งน้อยๆ สไตล์ Minimal ไม่หวือหวา และเน้นใช้สีเทาอ่อนเป็นหลัก
มาดูในส่วนของผังอาคารกันค่ะ ทางเข้า-ออกของตัวโครงการจะอยู่บนถนนลาดพร้าว จากทางเข้า-ออกจะมี Guard House เป็น Security ด่านที่ 1 ใช้ระบบ Easy Pass พอผ่านเข้าไปภายในโครงการแล้ว สามารถวนเข้าสู่ Drop-off หรือวนเข้าไปภายในโครงการเพื่อเข้าสู่อาคารจอดรถได้เลย จะเป็นที่จอดรถแบบ Conventional Parking ทั้งหมด และกลับออกสู่ถนนหลักโดยใช้เส้นทางเดิม ซึ่งการเดินรถภายในโครงการจะเป็นแบบ Two way สามารถสวนทางกันได้ บริเวณข้างๆ Guard House จะมีทางเดินเท้าแยกให้ ที่เน้นความร่มรื่นของต้นไม้ เดินตรงเชื่อมถึงหน้าอาคารเข้าสู่ส่วน Lobby เลยค่ะ
ชั้น G ทางเข้าอาคารจะอยู่ด้านหน้าเลยค่ะ เข้าสู่ Lobby ที่เชื่อมต่อกับ Co-living Space ซึ่งจะมีบันไดวน เชื่อมต่อขึ้นไปยัง Hotspot Conference Room ที่อยู่ชั้น 2 จาก Co-living Space จะเชื่อมต่อกับสวน Co-living Forest ซึ่งประกอบไปด้วย Outdoor Meeting Table และ Meeting Pavilion เป็นห้องประชุมแบบ Indoor ที่ได้บรรยากาศอันเงียบสงบเหมือนอยู่ในป่า และมีจุด Bark&Bike Wash ที่สามารถนำจักรยานมาล้าง หรือนำน้องหมาน้องแมวมาอาบน้ำก็ได้ค่ะ ส่วนสวนด้านหลังโครงการ หรือ Verdure Forest จะเป็นสวนสุขภาพสำหรับการยืดเส้น, เล่นโยคะ และออกกำลังกายกลางแจ้ง
นอกจากนี้ส่วน Lobby จะเชื่อมต่อกับ Commercial Unit, ห้องน้ำ, Mailbox และ โถงลิฟท์ ภายในมี Passenger Lift 3 ตัว และ Service Lift อีก 1 ตัว คิดเป็นจำนวนยูนิตพักอาศัยต่อลิฟท์อยู่ที่ 111 : 1 เกินค่ามาตรฐานไปเล็กน้อยแต่ยังเป็นตัวเลขที่รับได้ค่ะ
เนื่องจากเป็นโครงการที่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ เวลาลูกบ้านนำน้องๆ ออกมานอกห้องจะต้องทำการผูกสายจูงทุกครั้ง และต้องใช้ Service Lift ในการนำน้องๆ ขึ้น-ลงจากห้องพัก ส่วนกลางที่เป็น Indoor จะไม่อนุญาตให้นำน้องๆ เข้าไปนะคะ จะอนุญาตเฉพาะส่วน Outdoor เท่านั้น (ยกเว้นชั้น 24 ที่เป็นชั้นสระว่ายน้ำค่ะ)
ชั้นที่ 2 จากชั้น 1 ส่วน Co-living Space จะเชื่อมกับ Hotspot Conference Room ที่อยู่ชั้นนี้ สามารถขึ้นมาใช้นั่งประชุมงานแบบเป็นทางการหน่อยได้ ส่วนที่จอดรถของที่นี่จะมีทั้งบริเวณโดยรอบอาคาร และในอาคารตั้งแต่ชั้น 2-6 ทั้งหมด 158 คัน คิดเป็น 47% ไม่รวมจอดซ้อนคัน ถือว่าให้มาพอสมควรค่ะ เมื่อคิดว่าลูกบ้านจะใช้การเดินทางด้วยระบบขนส่งธารณะร่วมด้วย
ชั้นที่ 3-5 แปลนชั้นจอดรถ
ชั้นที่ 6 แปลนชั้นจอดรถ
ชั้นที่ 7 ตั้งแต่ชั้นที่ 7 ขึ้นไป จะเป็นส่วนของ Residential ทั้งหมดค่ะ ที่ชั้นนี้จะมีจำนวนห้องพักทั้งหมด 16 ยูนิตด้วยกัน วางผังอาคารโดยมีโถงลิฟท์อยู่ตรงกลาง และล้อมรอบด้วยห้องพักอาศัย โดยห้องอาศัยจะหันออกไปทุกทิศทุกฝั่ง มุมอาคารทั้ง 5 มุมจะเป็นห้องแบบ 2 Bedrooms 5 ห้อง เนื่องจากโดยรอบอาคารจะถูกล้อมด้วยอาคารที่สูงไม่เกิน 3-8 ชั้น จึงทำให้ห้องทุกยูนิตได้วิวที่เปิดโล่งไม่โดนบังวิวเลย
ที่ชั้น 7 นี้จะมี 4 ยูนิตพิเศษฝั่งทิศตะวันออกเฉียเหนือที่ได้พื้นที่ระเบียงเพิ่มขึ้นใหญ่กว่าชั้นด้านบน ซึ่งทางโครงการจะปูเป็นหญ้าเทียมที่สามารถออกไปใช้งานได้จริง ซึ่งพื้นที่ส่วนนี้จะไม่นับเป็นพื้นที่ขายนะคะ
นอกจากนี้ที่ชั้นนี้จะมี Wisdom Forest เป็นสวนพักผ่อนที่จัดโต๊ะ Game Table เอาไว้ให้
ชั้นที่ 8-9, 12-14, 17-19 และ 22-23 ชั้นนี้จะเป็น Typical Floor Plan ค่ะ มีจำนวนทั้งหมด 16 ยูนิต/ชั้น การวางผังเรียกว่าเหมือนชั้น 7 ทุกประการ แต่จะตัดส่วนพื้นที่ระเบียงทางห้องฝั่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือและสวนพักผ่อนออกไป
ชั้นที่ 10, 15 และ 20 มีการวางผังไม่ต่างจากชั้นที่แล้ว แต่จะเปลี่ยนพื้นที่ห้อง 1 Bedroom 1 ห้อง ให้กลายเป็น Pocket Terrace ทำฝ้าสูงแบบ Double Volume เพื่อให้โปร่งโล่ง โดยลูกบ้านทุกคนสามารถออกมาใช้นั่งพักผ่อนชมวิวเมืองได้ ชั้นนี้จึงเหลือห้องพัก 15 ยูนิตค่ะ
ชั้นที่ 11,16 และ 21 เป็นชั้นที่อยู่เหนือ Pocket Terrace ค่ะ การวางผังเหมือนเดิมทุกประการ แต่ตำแหน่งห้องที่ตรงกับ Pocket Terrace จะหายไป เป็นพื้นที่โล่งๆ นั่นเอง
ชั้นที่ 24 จะเป็น Main Facilities ของโครงการทั้งหมด ที่ชั้นนี้จะประกอบด้วย สระว่ายน้ำที่ใหญ่ถึง Half-Olympic Size หรือ 6 x 25 เมตร ลึก 1.2 เมตร โดยสระว่ายน้ำของที่นี่จะเป็นสระระบบเกลือ พื้นที่ข้างสระจะแบ่งเป็นพื้นที่สระเด็ก และสระน้ำอุ่น ตั้งอุณหภูมิอยู่ที่ 30 องศาตลอด ไม่ว่าจะเป็นตอนกลางคืนหรือวันที่มีอากาศหนาวก็สามารถลงเล่นน้ำได้ ข้างๆ สระก็จะมีจะมีส่วน Pool Daybed และ Pool Rest Area ให้นอนพักผ่อนในร่มได้
พื้นที่ข้างสระอีกส่วนก็จะมี Co-creation Space เป็นพื้นที่อเนกประสงค์สำหรับนั่งทำงานแบบ Indoor มีโต๊ะและอุปกรณ์เตรียมให้พร้อม ซึ่งจะเชื่อมต่อกับส่วน Pantry Deck และ Daybed Area ที่เป็นส่วน Outdoor ค่ะ
ถัดเข้ามาดู Facilities แบบ Indoor ส่วนอื่นๆ กันบ้าง จะมี Fitness Room ภายในมีอุปกรณ์ในการออกกำลังอย่างครบครัน, Yoga Room และ ห้อง Sauna ภายในห้องน้ำแยกชาย-หญิง บริเวณข้างห้อง Yoga Room ก็จะมีห้องซักรีดให้บริการอยู่ 1 จุดด้วยค่ะ
นอกจากนี้ บนชั้นนี้จะยังมีส่วนที่เป็นห้องพักเหลืออยู่อีก 4 ยูนิต ซึ่งจะต้องใช้ Key Card ในการเข้า-ออกจากส่วนโถงลิฟท์อีกที
ชั้นที่ 25-26 ชั้นนี้จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมดค่ะ มีทั้งหมด 9 ยูนิตด้วยกัน
ชั้นที่ 27-30 เป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมดเช่นกัน มีทั้งหมด 11 ยูนิต/ชั้น
ชั้น Rooftop เป็นสวนลอยฟ้า อีก 1 Facility ของโครงการ บนชั้นนี้จะแบ่งออกเป็นหลาย Zone ค่ะ มีทั้ง Music Box เป็นห้องสำหรับซ้อมดนตรี, Elevated Forest, BBQ Sunken Area สามารถมาจัดปาร์ตี้ทำ BBQ กันได้, Floating Daybed, Relax Forest มุมนั่งพักผ่อนเงียบๆ หรืออ่านหนังสือ, Outdoor Theatre, Outdoor Pool Table, Kid’s Playground และ Star Gazing Deck ส่วนนอนดูดาวที่อยู่บนจุดสูงสุดของโครงการค่ะ
เรามาดูโมเดลของตัวอาคารกันบ้างค่ะ จะได้เห็นภาพรวมว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไร นี่คือภาพมุมด้านหน้าอาคารฝั่งถนนลาดพร้าว โดยรอบโครงการจะล้อมด้วยอาคารสูงไม่เกิน 8 ชั้น ทำให้โดยรอบอาคารได้วิวแบบเปิดโล่ง
ภาพมุมด้านหลังโครงการ
เราทำกราฟฟิคแบ่งชั้นให้เห็น Zone ของอาคารตั้งแต่ชั้น G จนไปถึงชั้นดาดฟ้าค่ะ
เรามาซูมดูโมเดลกันเป็นจุดๆ ให้เห็นรายละเอียดส่วนต่างๆ กัน เริ่มจากทางเข้า-ออกของโครงการที่ติดกับถนนลาดพร้าว
เริ่มจากทางเข้า-ออกของโครงการติดถนนเอกมัยจะมี Guard House เป็นส่วน Security ช่วยกรองคนเข้า-ออก ถ้าลูกบ้านขับรถเข้ามาภายในโครงการจะสามารถเปิดรั้วไม้กระดกด้วยระบบ Easy Pass ได้เลยค่ะ ถ้าเดินเข้ามาจะมีทางเท้าแยกให้ โดยจะเดินผ่าน Entrance Walkway ตรงเข้าสู่ตัวอาคารได้เลย แต่ถ้าปั่นจักรยานเข้ามาก็จะมีจุดจอดรถจักรยานและเติมลมล้อให้ที่ด้านหน้าด้วยเช่นกัน
จากด้านหน้าโครงการเราจะเห็นส่วน Co-living Space เป็นพื้นที่แบบ Double Volume ภายในมีบันไดวนเชื่อมต่อกับ Conference Room บนชั้น 2 จาก Co-living Space จะสามารถเดินออกมาสู่ Co-working Forest ได้ ประกอบด้วยพื้นที่ Outdoor Meeting Table และ Meeting Pavilion
จากทางเข้า-ออกโครงการ สามารถขับรถเข้ามาส่งลูกบ้านได้ที่จุด Drop-off แล้ววนกลับออกไปทางเดิม หรือจะตรงเข้ามาที่ที่จอดรถ จะเป็นที่จอดรถแบบ Conventional Parking ทั้งหมด สามารถจอดได้ 158 คัน หรือ 47% แต่ยังไม่รวมการจอดแบบซ้อนคันนะ
บริเวณด้านหลังโครงการจะมีสวนสุขภาพ Verdure Forest ภายในมีทั้งลานเล่นโยคะ, ออกกำลังกายกลางแจ้ง และเครื่องยืดเส้น
ตั้งแต่ชั้น 7 ขึ้นไปจะเป็นส่วนของ Residential ทั้งหมด ที่ชั้น 7 จะมีสวน Wisdom Forest และที่ชั้น 10, 15 และ 20 จะมี Pocket Terrace ให้ชั้นละ 1 จุด
ส่วน Main Facilities ของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 24 และบนชั้น Rooftop ค่ะ
ที่ชั้น 24 จะเป็นชั้นสระว่ายน้ำ มีทั้งสระใหญ่, สระเด็ก และสระน้ำอุ่น รวมถึงพื้นที่ Co-creation Space, Fitness และ Yoga Room ค่ะ ชั้นนี้จะเป็นชั้นที่ไม่ให้นำสัตว์เลี้ยงขึ้นมานะ
ส่วนบนชั้น Rooftop จะเป็นสวนลอยฟ้า มีการจัดโซนและฟังก์ชั่นต่างๆ เยอะเลย
ภาพในมุมสูงของโมเดลโครงการ
คราวนี้เรามาดูทัศนียภาพจำลองของโครงการกันบ้าง เห็นบรรยากาศโดยรอบโครงการส่วนใหญ่จะเป็นอาคารแบบ Low rise ทำให้ตัวโครงการสามารถเปิดมุมมองได้อย่างกว้างขวางเลยค่ะ
ทัศนียภาพจำลองภายในโครงการส่วน Drop-off ออกแบบให้มีฝ้าสูงแบบ Double Volume ทำให้ดูเปิดโล่ง ดึงดูดเข้าสู่ภายในอาคาร ตกแต่งผนังอาคารด้วยโทนสีไม้อ่อนเป็นหลัก ทางซ้ายมือเราจะเห็นจุดจอดรถจักรยาน และ Co-working Forest ค่ะ
ทัศนียภาพจำลองจากภายนอกของบริเวณ Co-living Space ออกแบบพื้นที่ให้มีฝ้าสูงต่อเนื่องเข้ามาจากส่วน Drop-off ใช้ผนังกระจกเปิดโล่งเชื่อมต่อกับสวนภายนอก มองเข้าไปด้านในจะเห็นบันไดวนขึ้นไปยัง Conference Room ที่อยู่ชั้น 2 ด้วยค่ะ
ทัศนียภาพจำลองจากภายใน Lobby ที่เชื่อมต่อมาจากส่วน Drop-off จัดโต๊ะและเก้าอี้นั่งหรับนั่งพักคอยเอาไว้ให้ จากส่วน Lobby จะเชื่อมต่อกับ Co-working Space ที่ฝ้าสูง Double Volume ให้อารมณ์แบบ Shock Space หน่อยๆ
ทัศนียภาพจำลองบริเวณ Pocket Terrace ที่ชั้น 10, 15 และ 20 จะอยู่ในตำแหน่งเดียวกันเลยค่ะ เป็นมุมเล็กๆ ที่สามารถออกมาสูดอากาศและนั่งพักชมทิวทัศน์ของเมืองได้ โดยออกแบบให้เป็นพื้นที่แบบ Double Volume เพื่อให้ความรู้สึกที่ปลอดโปร่ง มองออกไปจะได้วิวทางห้าแยกลาดพร้าว
ทัศนียภาพจำลองบริเวณสระว่ายน้ำที่ชั้น 24 เป็นสระขนาดใหญ่ไซส์ Half-Olympic หรือ 6 x 25 เมตร ลึก 1.2 เมตร ฝั่งซ้ายมือจะแบ่งเป็น Warm Pool ปรับอุณหภูมิน้ำอยู่ที่ 30 อาศาเซลเซียสตลอดทั้งวันค่ะ ในวันที่อากาศเย็นหน่อยก็สามารถลงแช่น้ำได้อย่างสบายๆ
ทัศนียภาพจำลองภายใน Co-creation Space อยู่บริเวณข้างสระว่ายน้ำ เป็นพื้นที่แบบ Indoor ที่ล้อมด้วยประตูบานเฟี้ยมกระจก สามารถเปิดเชื่อมต่อกับ Pantry Deck และ Daybed Area ได้ ภายในจัดเตรียมพวกโต๊ะ-เก้าอี้ และเคาน์เตอร์ครัว สามารถมาปรุงอาหารกันในนี้ได้เลย
ทัศนียภาพจำลองบริเวณ Pantry Deck และ Daybed Area ที่เชื่อมต่อมาจาก Co-creation Space เป็นพื้นที่กลางแจ้งที่ได้ร่มเงาของต้นไม้
ทัศนียภาพจำลองบริเวณสระว่ายน้ำในร่ม ข้างๆ สระจะมีสระเด็กแยกให้ และจัด Daybed และพื้นที่นั่งพักคอยให้อีกส่วน ฝั่งด้านในอาคารเป็น Fitness Room ที่ล้อมรอบด้วยผนังกระจก สามารถชมวิวเมืองได้เช่นกัน
ทัศนียภาพจำลองในมุมสูงของชั้น Rooftop เป็นสวนลอยฟ้าที่แบ่งเป็นโซนการใช้งานต่างๆ หลายมุม ไปดูภาพประกอบกันเลยค่ะ
ทัศนียภาพจำลองภายใน Music Box ซึ่งจะเป็นห้องซ้อมดนตรีที่สามารถเก็บเสียงได้ แถมยังได้วิวเมืองอีกด้วย
ทัศนียภาพจำลองบริเวณ Outdoor Theatre เป็นมุมสำหรับนั่งดูหนังแบบ Semi-outdoor โดยทางโครงการจะมีหน้าจอและโปรเจ็กเตอร์เตรียมเอาไว้ให้แล้ว
ทัศนียภาพจำลองบริเวณ BBQ Sunken Terrace ข้างๆ จะมี Floating Daybed ให้นอนเล่นได้ พื้นที่ด้านหลังจะเป็น Elevated Forest ค่ะ
ทัศนียภาพจำลองชั้นดาดฟ้า บริเวณมุมสนามเด็กเล่นและศาลานั่งเล่นพักผ่อน
และทัศนียภาพในส่วนสูงสุดของโครงการ เป็นพื้นที่สำหรับนอนดูดาวและนั่งชมวิวเมืองได้ดีที่สุด
:::: แบบห้องของโครงการ ::::
ห้องของโครงการจะมีอยู่ทั้งหมด 3 แบบหลักๆ ด้วยกันดังนี้
1 Bedroom : 30.00 – 35.00 ตร.ม.
2 Bedroom + 1 Bath : 50.00 – 53.50 ตร.ม.
2 Bedrooms + 2 Baths : 57.00 – 60.00 ตร.ม.
โดยโครงการขายห้องแบบ Fully Fitted พร้อมเคาน์เตอร์ครัว, ชุด Built-in และ เครื่องปรับอากาศ ระบบ Inverter แบบ Wall Type เราไปดูผังห้องด้วยกันเลยค่ะ
1 Bedroom : 30.00 ตร.ม.
1 Bedroom : 35.00 ตร.ม.
2 Bedrooms 1 Bath : 53.50 ตร.ม.
2 Bedrooms 2 Bath : 60.00 ตร.ม.
:::: ห้องตัวอย่าง ::::
วันนี้ทางทีมงาน Homenayoo จะพาไปชมห้องตัวอย่างแบบ 1 Bedroom ขนาด 30.0 ตร.ม. และ 2 Bedrooms 2 Bath ขนาด 60.00 ตร.ม. กันค่ะ ห้องขายแบบ Fully Fitted พร้อมเคาน์เตอร์ครัว, Built-in และ เครื่องปรับอากาศ ระบบ Inverter แบบ Wall Type มาดูรายละเอียดแบบเจาะลึกของห้องกันเลยค่ะ
::: แบบ 1 Bedroom ขนาด 30.0 ตร.ม. :::
ห้อง 1 Bedroom ขนาด 30.0 ตร.ม. เป็นห้อง 1 Bed ขนาดเล็กที่สุดของโครงการ พื้นที่ของห้องนี้สามารถรองรับผู้อยู่อาศัยได้ 1-2 คน ภายในห้องจะแบ่งพื้นที่ออกเป็น 5 ส่วนด้วยกัน เป็นส่วนห้องครัว, Living Area, ห้องนอน, ระเบียง และห้องน้ำ โดยครัวที่ได้จะเป็นครัวปิดนะคะ กั้นส่วนออกจาก Living Area ช่วยกันกลิ่นจากการปรุงอาหารได้ดีกว่า ตรงประตูบานเลื่อนกั้นส่วนของห้องครัวจะมีลูกเล่นแบ่งใช้ระหว่างห้องครัวกับห้องน้ำด้วย ภายใน Living Area จะสามารถจัดวางชุดโซฟานั่งเล่น พร้อมกับโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่งได้ ซึ่งส่วนนี้จะกั้นส่วนจากห้องนอนด้วยประตูบานเลื่อนกระจกอีกทีทำให้ห้องเป็นสัดส่วนมากขึ้นค่ะ ภายในห้องนอนสามารถวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุต และตู้เสื้อผ้าได้พอดี และบริเวณมุมหน้าต่างข้างๆ เตียงสามารถวาง Day Bed หรือโต๊ะทำงานได้อีก 1 ตัว
ในห้องนี้เราจะได้ พื้นลามิเนตหนา 8 มม., ชุดครัวพร้อมอ่างล้างจาน และ Hob&Hood จาก Franke, ห้องน้ำพร้อมสุขภัณฑ์จาก Kohler และ Hafele, ตู้เก็บของ Built-in บริเวณหน้าห้อง พร้อมแอร์ระบบ Inverter อีก 2 ตัว ในส่วน Living Area และห้องนอน ไปชมห้องด้วยกันเลย
มาถึงหน้าห้องตัวอย่างกันแล้ว จริงๆ จะได้ประตูบานทึบนะคะ มือจับประตูเป็นก้านโยกสแตนเลสพร้อม Digital Door Lock
ที่พื้นห้องปูด้วยลามิเนตหนา 8 มม.
เข้ามาภายในห้องเราจะเจอส่วนของห้องครัวก่อนค่ะ ผนังภายในห้องจะติดวอลเปเปอร์สีขาวตามมาตรฐานโครงการให้ทั้งหมด
บริเวณโถงทางเข้าจะเป็นช่วงที่ฝ้าสูง 2.5 เมตร เป็นฝ้าฉาบเรียบ ติดดวงโคมดาวน์ไลท์ให้
ที่ฝั่งซ้ายมือของโถงจะมีตู้ Built-in สำหรับเก็บของและเก็บรองเท้าให้แบบนี้ เป็นบานเปิดแบบ Soft closed ปิดผิวด้วยลามิเนต ด้านนอกเป็นลายไม้ ส่วนด้านในเป็นสีเทามาตรฐาน
บานเปิดตัดขอบ 45 องศาแบบนี้ค่ะ ทำให้สามารถจับเปิดได้ง่ายไม่ต้องง้อมือจับ
หันมาที่ฝั่งตรงข้าม ทางโครงการจะให้เคาน์เตอร์ตามแบบในห้องตัวอย่างเลย
ท็อปเคาน์เตอร์ใช้หินสังเคราะห์สีขาว ด้านหลังเคาน์เตอร์กรุแผ่น Splash Board ให้เรียบร้อย สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย
บนเคาน์เตอร์วางอ่างล้างจานขนาดกระทัดรัดมาให้ ติดตั้งมาพร้อมกับก๊อกน้ำ ใช้สะดวกนะ หัวสามารถหมุนซ้าย-ขวาได้
Hob ที่ได้เป็นเตาเซรามิค ขนาด 2 หัว
พร้อมติดตั้ง Hood ดูดควันมาให้ในตำแหน่งเดียวกัน ทั้งหมดใช้ของ Franke ค่ะ
ใต้เคาน์เตอร์ได้ชั้นเก็บของมาแบบนี้ ทั้งลิ้นชักใส่ช้อน-ส้อม, ตู้เก็บของใต้อ่างล้างจาน และช่องสำหรับวางเตาอบหรือเตาไมโครเวฟ หน้าบานปิดผิวด้วยลามิเนตลายไม้
ในส่วนของชั้นลอยก็มีตู้เก็บของให้อีก 3 ช่อง หน้าบานจะเป็นกระจกฝ้า ส่วนด้านในตู้ปิดผิวลามิเนตลายไม้เหมือนเดิมค่ะ
ขอบบานเก็บดีเทลด้วย Stainless Steel สีเงินแบบนี้
พื้นที่ข้างเคาน์เตอร์จะเหลือเอาไว้ประมาณ 60-70 ซม. สำหรับวางตู้เย็นขนาดมาตรฐานได้
จากห้องครัวจะมีประตูบานเลื่อนผิวลามิเนตลายไม้ สามารถใช้ปิดกั้นส่วนจาก Living Area ได้เวลาปรุงอาหาร
มือจับบานประตูค่ะ
ภายใน Living Area จะสามารถจัดเป็นชุดโซฟารับแขก และโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่งได้อย่างลงตัว ส่วนนี้จะเป็นส่วนที่ฝ้าสูงถึง 2.7 เมตรเลยนะ
สามารถวางโต๊ะทรงยาวหน้าแคบหน่อย วางชิดผนังแบบนี้ก็จะพอดีกับพื้นที่ค่ะ
ตรงนี้ทางโครงการจัดโซฟาเอาไว้อยู่กลางห้องให้ดูเป็นไอเดีย ก็จะเหลือพื้นที่ด้านหลังโซฟาเป็นทางเดินผ่านและระยะนั่งได้พอดีๆ
ขยับไปดูส่วนนั่งเล่น-รับแขกกันต่อ
ถ้าจัดวางชุดโซฟาเอาไว้กลางห้องแล้วเหลือทางเดินรอบๆ แบบนี้ จะวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้พอดีค่ะ
ระยะดูทีวีตรงนี้เรากะให้พอดีกับระยะนั่งของโต๊ะรับประทานอาหารและระยะการดูทีวีที่ไม่ใกล้จนเกินไปค่ะ ระยะที่โครงการจัดเอาไว้อยู่ที่ 1.8 เมตร ซึ่งดูทีวีจอขนาด 42 นิ้วก็พอแล้ว
ไอเดียการทำชั้นวางทีวี Built-in ค่ะ ทำทั้งบนและล่างให้เก็บของได้ทั้งหมด
ภาพมองย้อนกลับ จะเห็นประตูบานเลื่อนที่ใช้ร่วมกันระหว่างห้องครัวและห้องน้ำ
และเราก็เข้าไปดูภายในห้องน้ำกันต่อเลยค่ะ
พื้นห้องน้ำจะลดระดับลงจากพื้นห้องเล็กน้อย ปูด้วยกระเบื้องผิวด้านขนาด 60 x 60 ซม.
ส่วนผนังกรุด้วยกระเบื้องผิวมันเงาขนาดเท่ากัน ภายในมีการแบ่งส่วนเปียกส่วนแห้งให้เรียบร้อย สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำจะใช้ของ Kohler และ Hafele ทั้งหมดค่ะ
เริ่มจากอ่างล้างมือเป็นอ่างฝังบนเคาน์เตอร์สำเร็จรูป พร้อมบานกระจกเงา
ใต้เคาน์เตอร์สามารถเก็บของได้ค่ะ ตัวบานปิดผิวด้วยลามิเนต
ส่วนอ่างล้างมือมีขนาดกำลังดี ขอบอ่างสามารถวางพวกขวดสบู่ล้างมือหรือของใช้อื่นๆ ได้เล็กน้อย
ติดตั้งมาพร้อมกับก๊อกน้ำทรงสี่เหลี่ยม ขนาดใช้งานสะดวก
บริเวณขอบกระจกเงาสามารถวางของใช้เพิ่มเติมได้อีกด้วย
ฝั่งตรงข้ามวางโถสุขภัณฑ์ ติดตั้งมาพร้อมกับ Accessories ประกอบการใช้งานให้พร้อม
ระยะการติดตั้งก็กำลังดีค่ะ ไม่แคบจนเกินไป
สายฉีดชำระก็ติดมาให้แล้วข้างๆ
พร้อมที่ใส่แกนกระดาษชำระค่ะ
ส่วนกลางห้องจะเป็นโซนอาบน้ำ ติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัยแบบเปลือยขอบให้ เป็นบานผลักเข้า
พร้อมติดมือจับประตูสแตนเลสขนาดใหญ่ สามารถใช้แขวนผ้าเช็ดตัวได้ด้วย
ส่วนที่พื้นก็ทำธรณีประตูขึ้นมาให้เพื่อกันน้ำไหลย้อนค่ะ พื้นที่อาบน้ำขนาดกระทัดรัดดีกว้างประมาณ 1.0 x 0.88 เมตร ฝั่งซ้ายมือที่ผนังจะเห็น Door Stopper สำหรับกันประตูกระแทกผนัง
ภายในติดตั้งฝักบัวสายอ่อนมาให้ พร้อมเจาะผนังทำเป็นชั้นวางสบู่
ขนาดหัวฝักบัวใหญ่กำลังดีเลยนะคะ ขนาดด้านก็จับได้ถนัดมือ
ส่วนฝ้าเพดานเป็นฝ้าฉาบเรียบกันความชื้น พร้อมติดตั้งดวงโคมดาวน์ไลท์และพัดลมดูดอากาศมาให้เรียบร้อย
เราจะเข้าไปดูภายในห้องนอนกันต่อ ซึ่งถูกกั้นส่วนจาก Living Area ด้วยประตูบานเลื่อน 3 ตอน เป็นประตูกระจกนิรภัย หรือ Anneal Laminated Glass กรอบอลูมิเนียมสีดำ ข้อดีก็คือเวลาแตกแล้วจะไม่ร่วงหล่นทำให้ปลอดภัยมากกว่า อีกทั้งยังสามารถช่วยเก็บเสียงได้ดีกว่า บานประตูจะไม่มีตัวล็อคและไม่มีรางบนพื้นให้เดินสะดุดด้วยค่ะ นอกจากจะช่วยกั้นห้องอย่างเป็นสัดส่วนแล้ว สำหรับห้องที่มีขนาดไม่ใหญ่มากจะทำให้ห้องดูโปร่งมากกว่าการกั้นด้วยผนังทึบ และแสงธรรมชาติก็จะสามารถส่องผ่านทางห้องนอนเข้ามาถึง Living Area ได้มากกว่าด้วย
พื้นที่ภายในห้องนอน ทางโครงการได้จัดวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตเอาไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง พร้อม Day Bed ทางฝั่งขวามือ
ซึ่งขนาดเตียง 5 ฟุตจะกำลังเหมาะสมกับพื้นที่ห้องค่ะ
ผนังฝั่งปลายเตียงเราสามารถวางตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่และโต๊ะเครื่องแป้งได้แบบนี้เลย
พื้นที่ปลายเตียงเหลือเยอะพอสมควร สามารถเดินผ่านได้สะดวก
ผนังด้านในสุดของห้องจะเป็นช่องแสงทั้งหมดค่ะ ใช้ Anneal Laminated Glass สีเทาตัดแสง และกรอบอลูมิเนียมสีดำเหมือนเดิม
ที่มุมฝั่งซ้ายจะเป็นกระจกบานกระทุ้งและบาน Fixed เข้ามุมแบบนี้ ยังเหลือพื้นที่ที่เราสามารถวาง Daybed ตามแบบห้องตัวอย่าง หรือจะวางเป็นโต๊ะทำงานก็ได้ค่ะ
ส่วนฝั่งขวาจะมีประตูบานเลื่อน 2 ตอน สามารถเปิดออกสู่ระเบียงห้องได้
มือจับบานประตูแบบเซาะร่องมาตรฐาน
พื้นที่ระเบียงจะลดระดับลงไปจากพื้นห้องเล็กน้อย ปูด้วยกระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม.สีเทา ส่วนราวกันตกเป็นระแนงเหล็กทาด้วยสีน้ำมัน
พื้นที่ระเบียงกว้างประมาณ 80 ซม.ค่ะ เพียงพอสำหรับการตากผ้า, วางเครื่องซักผ้าได้ 1 ตัวพอดี และเป็นจุดที่ใช้แขวน Condensing Unit โดยจะมีระแนงเหล็กเป็นตัวบังเอาไว้เพื่อให้ดูเรียบร้อย
ภาพสุดท้าย มองย้อนกลับเข้ามาภายในห้อง
::: แบบ 2 Bedrooms 2 Bath ขนาด 60.00 ตร.ม. :::
คราวนี้เราลองมาดูห้องขนาดใหญ่ที่สุดของโครงการกันบ้าง เป็นห้อง 2 Bedrooms 2 Bath ขนาด 60.00 ตร.ม. พื้นที่ห้องสามารถรองรับผู้อยู่อาศัยได้ 3 คน โดยจะแบ่งพื้นที่ห้องออกเป็น 7 ส่วนด้วยกัน เข้ามาในห้องจะเจอส่วน Living Area ที่รวมทั้งห้องนั่งเล่น, ห้องรับประทานอาหาร และห้องครัวเอาไว้ด้วยกัน บริเวณประตูทางเข้าฝั่งซ้ายมือจะมีตู้เก็บของ Built-in ขนาดใหญ่ให้ จาก Living Area จะเชื่อมสู่ระเบียงห้อง และโถงทางเดินที่นำไปสู่ห้องน้ำ และห้องนอนอีก 2 ห้องค่ะ โดยในห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำให้ในตัวเลย ถ้าเทียบสัดส่วนของห้องแล้วจะเห็นว่าทางโครงการให้ความสำคัญกับห้องนอนมากเป็นพิเศษ รวมๆ แล้วตกประมาณ 50% ของพื้นที่ห้องทั้งหมดเลย
ในห้องนี้เราจะได้ พื้นลามิเนตหนา 8 มม., ชุดครัวพร้อมอ่างล้างจาน และ Hob&Hood จาก Franke, ห้องน้ำพร้อมสุขภัณฑ์จาก Kohler กับ Hafele และ Built-in ใต้บันได พร้อมแอร์ระบบ Inverter อีก 3 ตัว ในส่วนของ Living Area และห้องนอน 2 ห้อง ไปชมห้องตัวอย่างด้วยกันเลยค่ะ
เริ่มจากประตูทางเข้าห้องเป็นบานทึบ พร้อมมือจับประตูเป็นก้านโยกสแตนเลสพร้อม Digital Door Lock
เข้ามาภายในห้องเราจะเจอส่วนของ Living Area เลยค่ะ จะรวมส่วนของห้องนั่งเล่น, ห้องรับประทานอาหาร และห้องครัวเอาไว้รวมกัน ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งและกว้างขวางผนังภายในห้องจะติดวอลเปเปอร์สีขาวตามมาตรฐานโครงการให้ทั้งหมด ส่วนพื้นห้องปูด้วยลามิเนตหนา 8 มม.เหมือนเดิม
ที่ฝั่งซ้ายมือของประตูทางเข้าห้องจะมีตู้ Built-in ขนาดใหญ่สำหรับเก็บของและวางรองเท้าค่ะ เป็นบานเปิดแบบ Soft closed ปิดผิวด้วยลามิเนต ด้านนอกเป็นลายไม้ ส่วนด้านในเป็นสีเทามาตรฐาน
ดีเทลสำหรับการจับบานเปิด ตัวบานติดแผ่นเหล็กพ่นสีดำแบบนี้
เรามาดูส่วนครัวและส่วนรับประทานอาหารกันต่อ ซึ่งเราจะได้เซ็ทเคาน์เตอร์ครัวและโต๊ะรับประทานอาหารแบบนี้มาทั้งเซ็ทเลย
เคาน์เตอร์ครัวได้เป็นรูปตัว L ได้ชั้นเก็บของและชั้นลอยมาแบบนี้เลยค่ะ
ท็อปเคาน์เตอร์ใช้หินสังเคราะห์สีขาว ด้านหลังเคาน์เตอร์กรุแผ่น Splash Board ให้เรียบร้อย
อ่างล้างจานที่ได้มีขนาดใหญ่ขึ้น
Hob เตาเซรามิคก็ได้ขนาดใหญ่ขึ้นค่ะ เป็น 4 หัว
พร้อม Hood ดูดควันที่ใหญ่ขึ้นตาม ทั้งหมดใช้ของ Franke เหมือนเดิม
ที่ห้องนี้เราจะได้โต๊ะรับประทานอาหาร Built-in แบบพับเก็บได้มาด้วยนะ ขนาดสามารถจัดได้ 4 ที่นั่งเลย
ดูระยะการนั่งแล้วก็กำลังดีค่ะ แต่จะไม่สามารถยืนปรุงอาหารไปพร้อมๆ กันได้เวลามีคนนั่งอยู่นะ
เข้าไปด้านใน มาดูในส่วนของห้องนั่งเล่นกันต่อ มีขนาดที่ค่อนข้างกว้างขวางทีเดียวค่ะ ระยะดูทีวีอยู่ที่ 2.5 เมตร ดูทีวีขนาด 50 นิ้วก็ยังไหว
ดูจากระยะแล้วสามารถวางโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่งได้ หรือจะวางเป็นโซฟาตัว L ก็ยังพออยู่นะ
ส่วนฝั่งชั้นวางทีวียังเหลือพื้นที่ในแนวตั้งอีกเยอะเลยนะ เราสามารถทำ Built-in ชั้นเก็บของ เพื่อช่วยจัดเก็บของให้ห้องเป็นระเบียบเรียบร้อยมากยิ่งขึ้น
จากห้องนั่งเล่นจะมีประตูบานเลื่อนเปิดออกสู่ระเบียงห้องได้
จริงๆ แล้วพื้นที่ระเบียงห้องนี้จะค่อนข้างกว้างทีเดียวค่ะ ขนาด 0.8 x 3.0 เมตรเลย พื้นปูด้วยกระเบื้องเหมือนเดิม
ซึ่งพื้นที่ระเบียงจะสามารถวางเครื่องซักผ้า, ตากผ้า และแขวน Condensing Unit 3 ตัวได้สบายๆ
ไฟภายนอกก็เป็นดวงโคมดาวน์ไลท์แบบนี้ค่ะ
ภาพจากระเบียงมองย้อนกลับเข้ามาภายในห้อง
ระหว่างพื้นที่ห้องนั่งเล่นและห้องครัวจะมีโถงทางเดินเชื่อมไปสู่ห้องน้ำและห้องนอนทั้ง 2 ห้องค่ะ
บริเวณโถงทางเดินก็จะมีตู้เก็บของให้อีก 1 จุด ซึ่งออกแบบมาให้ใช้วางเครื่องซักผ้าและเก็บพวกอุปกรณ์ในการซักรีด
ที่พื้นปูกระเบื้องให้แทนค่ะ ตรงนี้จะสามารถวางได้เฉพาะเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าเท่านั้นนะ
เดินเข้าไปภายในโถง ที่ฝั่งขวามือจะเป็นห้องน้ำค่ะ ใช้รวมระหว่างห้องนอนเล็กและแขก
พื้นห้องน้ำจะลดระดับลงจากพื้นห้องเล็กน้อย
ภายในห้องน้ำใช้วัสดุและสุขภัณฑ์เหมือนห้องที่แล้วทุกประการค่ะ พื้นปูด้วยกระเบื้องผิวด้านขนาด 60 x 60 ซม., ผนังกรุด้วยกระเบื้องผิวมันเงาขนาดเท่ากัน ภายในมีการแบ่งส่วนเปียกส่วนแห้งให้เรียบร้อย สุขภัณฑ์ใช้ของ Kohler และ Hafele ทั้งหมด
อ่างล้างมือได้อ่างฝังบนเคาน์เตอร์พร้อมกระเงาแบบเดิมแต่มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น
ดูขนาดอ่างค่ะ รูปทรงและหน้าตาเหมือนเดิมเลย แต่ยาวขึ้นกว่าเดิม
อีกฝั่งติดตั้งโถสุขภัณฑ์ พร้อม Accessories ประกอบการใช้งาน
โซนอาบน้ำ ติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัยแบบเปลือยขอบให้ เป็นบานผลักเข้า พร้อมมือจับสแตนเลสขนาดใหญ่ สามารถใช้แขวนผ้าเช็ดตัวได้
ส่วนที่พื้นก็ทำธรณีประตูขึ้นมาให้เพื่อกันน้ำไหลย้อน พื้นที่อาบน้ำมีขนาดกว้างขึ้นเกือบเป็น 2 เท่าของห้องที่แล้ว ฝั่งซ้ายมือที่ผนังจะเห็น Door Stopper สำหรับกันประตูกระแทกผนังค่ะ
ภายในติดตั้งฝักบัวสายอ่อนมาให้ พร้อมเจาะผนังทำเป็นชั้นวางสบู่มาให้เหมือนเดิม
คราวนี้เราเดินเข้าไปจนสุดโถงทางเดิน ประตูห้องตรงกลางโถงคือห้องนอนเล็กค่ะ
ภายในห้องนอนเล็กถือว่ามีขนาดกำลังดีเลยนะ ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดภายในห้องจะเป็นการตกแต่งให้ดูเป็นไอเดีย ไม่ได้มากับตัวห้องด้วยนะ
ภายในห้องวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตค่ะ ขนาดจะกำลังพอดีกับตัวห้องเลย แถมยังสามารถวางโต๊ะข้างได้ทั้งฝั่งซ้ายและขวาด้วย ถ้าอยากจะได้เตียงขนาด 5 ฟุตนี่คงต้องวางเตียงชิดริมฝั่งหน้าต่างนะ
ด้านข้างเตียงฝั่งขวาจะเหลือพื้นที่สามารถวางตู้เสื้อผ้าได้ค่ะ
ซึ่งระยะระหว่างเตียงและตู้จะเหลือไม่เยอะมาก เลยขอแนะนำให้ใช้เป็นตู้แบบบานเลื่อนเปิดเอานะ เพราะช่วยประหยัดพื้นที่ได้มากกว่าค่ะ
พื้นที่ปลายเตียงสามารถวางตู้เก็บของหรือชั้นวางทีวีเพิ่มเติมได้ค่ะ แถมยังเหลือพื้นที่เป็นทางเดินอีกประมาณ 40 ซม.
ในห้องนี้เราได้หน้าต่างมาบานใหญ่กำลังดี ขนาดกำลังเหมาะสมกับพื้นที่ห้อง สามารถรับแสงธรรมชาติได้อย่างเพียงพอ เป็นหน้าต่างบานฟิกซ์และบานกระทุ้งค่ะ
เรามาดูห้องนอนใหญ่ที่อยู่ฝั่งซ้ายของโถง เป็นห้องสุดท้ายแล้วค่ะ
มองเข้าไปภายในห้องจะเห็นว่าพื้นที่ของห้องถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนพักผ่อนและส่วน Walk-in Closet
เรามาดูในส่วนพักผ่อนกันก่อนค่ะ
จะเห็นว่าส่วนนี้เราได้ช่องแสงขนาดใหญ่มาทั้ง 2 ด้านเลย เป็นกระจกบานฟิกซ์เข้ามุมและกระจกบานกระทุ้ง ค่อนข้างให้ความสำคัญกับการเปิดรับวิวค่ะ
ส่วนพื้นที่ห้องจะสามารถวางเตียงนอนขนาด 5-6 ฟุตได้เลย แถมยังเหลือพื้นที่สำหรับวางโต๊ะข้างได้ทั้ง 2 ฝั่ง
พื้นที่ปลายเตียงเราสามารถวางชั้นวางทีวีได้นะ แต่เลือกเป็นไซส์ที่แคบลงมากว่านี้หน่อยจะได้เหลือพื้นที่เป็นทางเดินกว้างขึ้น
อีกฝั่งนึงของห้องจะเป็นพื้นที่ Walk-in Closet เชื่อมต่อกับห้องน้ำในตัวค่ะ
ทางโครงการติดประตูบานเลื่อนกั้นส่วนมาให้ดูเป็นตัวอย่างค่ะ ประตูชุดนี้เราจะไม่ได้มาด้วยนะ
ภายในทางโครงการทำ Built-in มาให้ดูเป็นแนวทางค่ะ การจัดการพื้นที่สามารถนำไปใช้ได้จริงเลย
ส่วน Walk-in Closet จะเชื่อมกับห้องน้ำในตัว ซึ่งวัสดุและสุขภัณฑ์จะใช้เหมือนกับห้องน้ำข้างนอกทุกประการ ที่พิเศษขึ้นมาก็คือ ห้องนี้จะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น แถมยังได้ช่องแสงมา 2 ช่องเลย ตรงกลางห้องจะวางเคาน์เตอร์อ่างล้างมือค่ะ
ฝั่งซ้ายวางโถสุขภัณฑ์ ยังเหลือพื้นที่ว่างข้างๆ เราอาจนำชั้นวางของมาตั้งเพิ่มเติมได้
ส่วนฝั่งขวาเป็นโซนอาบน้ำ ติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำ, ฝักบัวสายอ่อน และเจาะผนังทำชั้นวางสบู่ให้เหมือนเดิม
พื้นที่ยืนอาบน้ำในห้องนี้ก็กว้างขวางดีค่ะ อาบได้สะดวกไม่แคบจนเกินไป
นอกจากนี้ทั้งสวิตช์และปลั๊กไฟจะใช้ของ Panasonic ทั้งหมด
:::: สรุปรายการวัสดุ และสิ่งที่โครงการให้ (กรกฎาคม 2561) ::::
วัสดุโดยรวม
พื้นห้อง : ลามิเนต หนา 8 มม.
พื้นห้องน้ำ : พื้นกระเบื้องสีเทา ผิวด้าน ขนาด 60 x 60 ซม.
พื้นระเบียง : พื้นกระเบื้องสีเทา ผิวด้าน ขนาด 60 x 60 ซม.
ผนังภายใน : ผนังติดวอลเปเปอร์สีขาวตามมาตรฐานโครงการ
ผนังห้องน้ำ : กระเบื้องผิวมัน ขนาด 60 x 60 ซม.
ประตูทางเข้าห้อง : ประตูบานเปิดสำเร็จรูป มือจับก้านโยกสแตนเลส พร้อม Digital Door Lock
ประตูภายนอก : ประตูบานเลื่อน กรอบอลูมิเนียม ติดกระจก Anneal Laminated Glass สีเทาตัดแสง
ประตูภายใน : ประตูบานเปิดสำเร็จรูป มือจับก้านโยกสแตนเลส
ประตูภายใน : ประตูบานเลื่อน กรอบอลูมิเนียม ติดกระจก Anneal Laminated Glass สีเทาตัดแสง
หน้าต่างภายนอก : บาน Fixed, บานเข้ามุม และ บานกระทุ้ง กรอบอลูมิเนียม ติดกระจก Anneal Laminated Glass สีเทาตัดแสง
ห้องน้ำ และสุขาภิบาล
สุขภัณฑ์ และ Accessories : Kohler และ Hafele
งานไฟฟ้า
สวิตช์ และปลั๊กไฟ : Panasonic
ดวงโคมทั่วไป : ดวงโคมดาวน์ไลท์
ดวงโคมในห้องน้ำ : ดวงโคมดาวน์ไลท์
ไฟภายนอก : ดวงโคมดาวน์ไลท์
เครื่องปรับอากาศ : ระบบ Inverter แบบ Wall Type
เฟอร์นิเจอร์
เคาน์เตอร์ครัว พร้อม Hob& Hood และ อ่างล้างจาน จาก Franke
Built-in ตู้เก็บของ
***รายละเอียด Spec ของวัสดุ อาจมีการเปลี่ยนแปลงเป็นรุ่นที่เทียบเท่า สามารถสอบถามที่โครงการเพิ่มเติมได้ค่ะ
:::: ราคา (กรกฎาคม 2561) ::::
ห้อง 1 Bedroom ขนาด 30.0 ตร.ม.
ราคา 5,013,000 บาท
ราคาเฉลี่ย ตร.ม.ละ 167,100 บาท
เงินจอง 30,000 บาท
เงินทำสัญญา 121,000 บาท
ห้อง 1 Bedroom ขนาด 35.0 ตร.ม.
ราคา 5,222,000 บาท
ราคาเฉลี่ย ตร.ม.ละ 149,200 บาท
เงินจอง 30,000 บาท
เงินทำสัญญา 127,000 บาท
ห้อง 2 Bedrooms (1 Bath) ขนาด 50.0 ตร.ม.
ราคา 7,025,000 บาท
ราคาเฉลี่ย ตร.ม.ละ 140,500 บาท
เงินจอง 60,000 บาท
เงินทำสัญญา 151,000 บาท
ค่ากองทุน 650 บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว)
ค่าส่วนกลาง ตร.วาละ 65 บาท/เดือน (ชำระล่วงหน้า 12 เดือน)
***ข้อมูลราคา และโปรโมชั่นอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดติดต่อสำนักงานขายเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
:::: สรุป ::::
ทำเลที่ตั้งโครงการ โครงการตั้งอยู่บนถนนลาดพร้าว ใกล้ซอยลาดพร้าว 15 ซึ่งอยู่ห่างจาก MRT สถานีลาดพร้าวเพียง 80 เมตรเท่านั้น ซึ่งถนนลาดพร้าวเป็นเส้นที่มีความเจริญและความอุดมสมบูรณ์สูงมาก ทั้ง 2 ฝั่งถนนจะมีทั้งออฟฟิศ, อาคารพาณิชย์, ธนาคาร, อพาร์ทเม้นท์, คอนโดมิเนียมทั้ง High rise และ Low rise และบ้านพักอาศัย เรียกได้ว่าเป็นย่าน Vertical Living Area หรือ พื้นที่อยู่อาศัยในแนวตั้งอีกหนึ่งย่าน นั่นก็เพื่อการรองรับความเจริญของศูนย์กลางธุรกิจ (Central Business District) ย่านห้าแยกลาดพร้าว-รัชดาภิเษก-พระราม 9 ซึ่งเป็น CBD ใหม่ของกรุงเทพมหานครนั่นเอง
แหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมในย่านนี้มี เซ็นทรัลลาดพร้าว กับ Union Mall อยู่บริเวณทางออกรถไฟฟ้า MRT สถานีพหลโยธินพอดีค่ะ ส่วน Hypermarket ก็จะมี Gourmet Market สาขา MRT ลาดพร้าว, Big C ลาดพร้าว 2 (อยู่ห่างจากโครงการเพียง 350 เมตรเท่านั้น) และ Tesco Lotus อยู่ตรงข้ามกับเซ็นทรัลลาดพร้าว ออกไปทางจตุจักรก็มีพวก JJ Mall, JJ Green และตลาดนัดจตุจักรให้เลือกเดิน ออกไปทางเส้นเลียบด่วนรามอินทราจะมีห้างสรรพสินค้าชั้นนำอย่าง เซ็นทรัล เฟสติวัล อีสวิลล์, The Crystal และ CDC เลยขึ้นไปบนเส้นเกษตรนวมินทร์จะเป็นแหล่ง Community Mall และตลาดนัดขนาดใหญ่ จากตัวโครงการสามารถไปได้สะดวก
นอกจากนี้ยังตัวโครงการยังอยู่ไม่ไกลจาก โรงพยาบาล, สถานศึกษาทั้ง รร.หอวัง, ม.ราชภัฏจันทรเกษม และ ม.เกษตรศาสตร์ ใกล้ธนาคารซึ่งสะดวกต่อการทำธุรกรรมทางการเงิน โดยรวมแล้วคือมีสาธารณูปโภคคอยรองรับอย่างครบครันที่เอื้อต่อการอยู่อาศัยค่ะ
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว การเดินทางถือว่าสะดวก เพราะโครงการอยู่ใกล้กับแยกลาดพร้าว-รัชดา และปริมาณรถบนถนนเส้นนี้ก็ค่อนข้างมากเช่นกัน จากถนนลาดพร้าวจะสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนใหญ่ได้อีกหลายสาย และตัวโครงการอยู่ใกล้จุดขึ้นทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ ซึ่งเชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานคร และทางพิเศษศรีรัช ไปได้ทั้งทางบางนาและชลบุรี ไม่ไกลกันก็มีจุดขึ้นทางด่วนรามอินทราอาจณรงค์ เป็นอีกตัวเลือกที่สามารถใช้ออกไปทางบางนาได้ หรือจะวิ่งขึ้นไปทางวัชรพลก็ได้ค่ะ การเดินทางบนเส้นลาดพร้าวถ้าจะให้เร็วก็ต้องรู้จักซอยในการลัดเลาะไปยังถนนเส้นต่างๆ ประกอบเอา เพราะถ้าวิ่งบนถนนใหญ่ตรงๆ เลยก็อาจจะใช้เวลานานเป็นชั่วโมงๆ เลย
การเดินทางโดยรถสาธารณะ สำหรับคนที่ไม่ใช้รถยนต์ถือว่าเป็นทำเลที่สะดวกมากๆ เพราะจากทางเข้าของโครงการจะอยู่ห่างจาก MRT ลาดพร้าวเพียง 80 เมตรเท่านั้น เดินออกมาจากตัวอาคารเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว นอกจากนี้บริเวณทางลงรถไฟฟ้าก็จะมีคิววินมอเตอร์ไซค์คอยจอดให้บริการอยู่ เวลาเร่งรีบก็นับว่าทันใจมาก
ในอนาคตการเดินทางจะสะดวกมากยิ่งขึ้น สถานีลาดพร้าว จะเป็นสถานี Interchange กับ รถไฟฟ้าสายสีเหลืองช่วง ลาดพร้าว-พัฒนาการ ที่ สถานีรัชดา ส่วน สถานีพหลโยธิน ที่อยู่ถัดไป 1 สถานีจะเป็นสถานี Interchange กับ สถานีห้าแยกลาดพร้าว ของ รถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วง หมอชิต-คูคต ที่กำลังก่อสร้างกันอยู่ อีกทั้งยังเชื่อมต่อกับ รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม ช่วง บางซื่อ-รังสิตที่ สถานีบางซื่อ นอกจากนี้ก็ยังมีโครงการในอนาคต นั่นก็คือ รถไฟฟ้าสายสีเทา ช่วง วัชรพล-ทองหล่อ บนเส้นเลียบทางด่วนรามอินทราอีก 1 สายค่ะ
การออกแบบโครงการ และวัสดุ โครงการเป็นคอนโดมิเนียม High rise ที่ออกแบบมาเพื่อให้อยู่ร่วมกับสัตว์เลี้ยงได้ อาคารออกแบบโดยเน้นความสงบนิ่ง และใช้สีเทาอ่อนเป็นหลัก เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวาย สามารถใช้ชีวิตอย่างสงบเงียบ อยู่กับตัวเองได้มากขึ้น ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น แต่ก็อยู่ใกล้กับแหล่งความเจริญและการสังสรรค์ มีทั้งห้องขนาด 1 Bedroom-2 Bedrooms ให้เลือกตามความชอบและขนาดของครอบครัว โดยรวมแล้วออกแบบมาได้ลงตัวทีเดียวค่ะ
สำหรับห้องแบบ 1 Bedroom มีการวางแปลนคล้ายห้องแบบ Studio แต่ห้องกั้นส่วนออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน ฝ้าได้สูงถึง 2.7 ถือว่าโปร่งแล้วสำหรับการอยู่อาศัย ครัวจะได้เป็นครัวปิดอยู่บริเวณโถงทางเดินเข้าห้อง ส่วน Living Area สามารถวางชุดโซฟานั่งเล่นและโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่งได้ จากส่วน Living Area จะกั้นส่วนจากห้องนอนอีกที ภายในสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้อย่างลงตัว โดยยังเหลือพื้นที่รอบๆ เตียงพอสมควร และยังเหลือพื้นที่พอสำหรับวาง Daybed หรือโต๊ะทำงานได้อีก 1 ตัว
ส่วนห้อง 2 Bedrooms จะได้ครัวแบบเปิดมาแทน รวมครัว, โต๊ะรับประทานอาหาร และห้องนั่งเล่นอยู่ในส่วน Living Area ทำให้รู้สึกว่าพื้นที่ภายในห้องกว้างขวางขึ้นไปอีก ห้องนี้เราจะได้ตู้วางเครื่องซักผ้ามาเพิ่มเติม ส่วนห้องนอนจะกั้นส่วนออกจาก Living Area ด้วยผนังทึบ ทำให้รู้สึกมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า
โดยโครงการขายทั้งแบบ Fully Fitted ภายในห้องก็จะได้เฟอร์นิเจอร์ Built-in เป็นเคาน์เตอร์ครัว พร้อม Hob, Hood และ Sink จาก Franke, ตู้เก็บของ และตู้เสื้อผ้าค่ะ วัสดุและสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็เลือกมาเป็นอย่างดี สุขภัณฑ์จาก Kohler และ Hafele ได้ในทั้งเรื่องคุณภาพและความสวยงาม ตอนนี้ราคาของโครงการตกอยู่ที่ ตร.ม.ละ 130,000-177,000 บาทค่ะ
สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบรักษาความปลอดภัย ทางโครงการจะเน้นมากเป็นพิเศษ มีพื้นที่ใช้สอยมาก จุดเด่นคือเป็น Pet Friendly & Wellness Living จัดสรรเนื้อที่มาให้อย่างหลากหลาย เหมาะสมสำหรับการทำกิจกรรมส่วนตัว และการทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆ ถือว่าได้มาเยอะเพียงพอเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตของโครงการ
ชั้น 1 : Lobby, Co-living Space, Co-working Forest, Verdure Forest, Bicycle Parking Rack with Tire Inflator, Bark&Bike Wash และ Commercial Unit/ ชั้น 2 : Hotspot Conference Room/ ชั้น 7 : Wisdom Forest/ ชั้น 10,15,20 : Pocket Terrace/ ชั้น 24 : Half Olympic Size Swimming Pool, Warm Water Pool, Kid’s Pool, Co-creation Space, Fitness Room และ Yoga Room/ ชั้นดาดฟ้า : Music Box, Relax Garden, BBQ Sunken Terrace, Outdoor Pool Table, Outdoor Theatre, Kid’s Playground และ Stargazing Deck
นอกจากนี้ทางโครงการยังมีที่จอดรถถึง 47% เป็นแบบ Conventional Parking ทั้งหมด อีกทั้งยังมี EV Charger, Passenger Lift 3 ตัว, Service Lift 1 ตัว ใช้ระบบ Access Card Control, กล้องวงจรปิด และ รปภ. 24 ชม.
ทางโครงการจะมีกฎสำหรับการเลี้ยงสัตว์ โดยจะอนุญาตให้เลี้ยงเฉพาะสุนัขหรือแมว ที่มีน้ำหนักไม่เกิน 20 กก. (ไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์เลื้อยคลานค่ะ เดี๋ยวลูกบ้านคนอื่นๆ จะกลัวเอานะ) การนำน้องๆ ขึ้น-ลงจากห้องจะห้องผูกสายจูงตลอดเวลา รวมถึงใช้ Service Lift เท่านั้น ส่วนกลางที่สามารถนำน้องๆ เข้าไปได้จะเป็นส่วน Outdoor เท่านั้น (ยกเว้นส่วน Outdoor ชั้นที่ 31 ที่เป็นชั้นสระว่ายน้ำ) โดยรายละเอียดสามารถสอบถามทางโครงการได้อีกครั้งนะคะ
:::: คะแนน ::::
ทำเลที่ตั้งโครงการ
8.1
อยู่บนถนนลาดพร้าวข้างซอยลาดพร้าว 15 ใกล้แยกรัชดา-ลาดพร้าว ถือเป็นทำเลที่ดีทีเดียว
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว
7.5
สามารถเดินทางได้สะดวก แต่รถจะติดมาก ต้องหาซอยคอยลัดเลาะเอา
การเดินทางโดยรถสาธารณะ
8.65
มีรถสาธารณะวิ่งผ่านหน้าโครงการ ห่างออกไปเพียง 80 เมตรเท่านั้น วินมอเตอร์ไซค์และรถแท็กซี่ก็สามารถหาได้ตลอด
บ้านและวัสดุ
8.0
ห้องออกแบบมาได้ดีค่ะ มีความลงตัวของฟังก์ชั่น วัสดุที่ใช้สวยงามได้มาตรฐาน
สิ่งอำนวยความสะดวก
8.7
ให้มาเยอะทีเดียวค่ะ ขนาดแต่ละส่วนอาจไม่ใหญ่มาก จากภาพแล้วดูน่าใช้งานดี
ความคุ้มค่ากับราคา
8.0
โครงการเหมาะสำหรับครอบครัวตั้งแต่ 1-3 คน เงินเหลือพอซื้อเฟอร์เพิ่มอีกนิดหน่อย ชอบความสะดวกสบาย ต้องการเดินทางด้วยรถสาธารณะสะดวก
คะแนนรวมเฉลี่ย
8.16
ดี
:::: สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ::::
CALL CENTER : 1266
WEBSITE : www.marubymajor.com
หากเพื่อนๆเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน ขอบคุณค่ะ
และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ
ปัจจุบันวันหยุดชดเชยวันจันทร์ที่ 10 กค.60
ที่ site รบกวนมากกำลังรื้อถอนอาคารเดิมอยู่ ไม่มีสแลนป้องกันเพื่อนข้างเคียง วันอาทิตย์ไม่หยุดวันหยุดยังทำ