คอนโด NICHE MONO ทำเลอื่นๆ ที่น่าสนใจ…
NICHE MONO สุขุมวิท 50
NICHE MONO สุขุมวิท-แบริ่ง
NICHE MONO สุขุมวิท-ปู่เจ้า
NICHE MONO บางนา
NICHE MONO บางนา เฟส 2
NICHE MONO เมกะ สเปซ บางนา
NICHE MONO PEAK BANGNA
NICHE MONO รามคำแหง
ชื่อโครงการ
นิช โมโน สุขุมวิท-ปู่เจ้า / Niche MONO Sukhumvit-Puchao
เจ้าของโครงการ
บมจ. เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ / SENA Development
เนื้อที่ทั้งหมด
5 – 3 – 89.2 ไร่
จำนวนตึก
3 อาคาร
จำนวนชั้น
12 ชั้น
จำนวนห้อง
572 ยูนิต และ ร้านค้า 1 ยูนิต
ลักษณะห้องและขนาดห้อง
1 Bedroom 34.17 – 35.24 ตร.ม.
1 Bedroom Plus 34.37 – 37.10 ตร.ม.
2 Bedroom 46.22 – 48.80 ตร.ม.
ที่จอดรถทั้งหมด
40% รวมซ้อนคัน
จำนวนลิฟต์
ลิฟต์โดยสารอาคารละ 2 ตัว
ลิฟต์ขนของอาคารละ 1 ตัว
โซน
สุขุมวิท – สมุทรปราการ
การคมนาคม
รถไฟฟ้า BTS ปู่เจ้า 30 เมตร
ถนนสุขุมวิท
ถนนปู่เจ้าสมิงพราย
ทางพิเศษกาญจนาภิเษก
รถโดยสารที่ผ่าน
n/a
ที่ตั้ง
ถนนสุขุมวิท ต.เทพารักษ์ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ
กำหนดการ
เปิดชมห้องตัวอย่างและเปิดจอง 16 ก.พ. 2562
ปีที่สร้างเสร็จ
สร้างเสร็จพร้อมอยู่
ราคา
เริ่มต้น 2.59 ล้านบาท*
ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม
n/a
ค่าส่วนกลางและกองทุน
ค่าส่วนกลาง 39 บาท/ตร.ม./เดือน
เงินกองทุน 500 บาท/ตร.ม.
สถานที่สำคัญใกล้เคียง
ตลาดและห้างสรรพสินค้า
Big C Supercenter สำโรง 2 : ฝั่งตรงข้าม
Imperial World สำโรง : 1.4 กม.
Big C สำโรง : 1.4 กม.
ตลาดเอี่ยมเจริญ : 1.4 กม.
Bitec บางนา : 3.9 กม.
ตลาดบางนา : 4.4 กม.
ตลาดสดลาซาล : 4.7 กม.
Bangkok Mall : 5.1 กม.
ตลาดอุดมสุข : 5.4 กม.
The Jas Urban : 6 กม.
Makro สมุทรปราการ : 7.4 กม.
SB Design Square : 8.4 กม.
Big C อ่อนนุช : 9 กม.
Central Plaza บางนา : 9 กม.
Big C บางนา : 9 กม.
Gateway เอกมัย : 10.8 กม.
Major เอกมัย : 11.1 กม.
Big C เอกมัย : 11.8 กม.
Mega บางนา : 13.4 กม.
สถานศึกษา
วิทยาลัยเซาท์อีสต์บางกอก : 4.7 กม.
รร.นานาชาติบางกอกพัฒนา : 5.4 กม.
รร.เซนต์โยเซฟบางนา : 5.6 กม.
รร.ลาซาล : 6.6 กม.
วิทยาลัยเทคโนโลยีกรุงเทพ : 7.4 กม.
ม.กรุงเทพ : 10 กม.
ศูนย์การแพทย์
ร.พ.สำโรงการแพทย์ : 1.6 กม.
ร.พ.ไทยนครินทร์ : 8.2 กม.
ร.พ.ศิครินทร์ : 8.2 กม.
สิ่งอำนวยความสะดวก
Lobby 3 อาคาร
Fitness Room
Outdoor Fitness Space
Outdoor Seating
Multi – Purpose Area
Kid Playground
Play Room
Lap Pool
Kids Pool
Pool Terrace
Jacuzzi
Steam & Sauna
Sky Lounge
Outdoor Co – Kitchen Space & Co – Party
Meeting Room
Co – Working Space
Outdoor Co – Working Space
Outdoor Private Living Space
EV Charger
Lady Parking
ระบบ Access Card Control
กล้องวงจรปิด CCTV
รปภ. 24 ชม.
จุดเด่นของโครงการ
Niche Mono สุขุมวิท – ปู่เจ้า คอนโดใหม่จาก SENA ภายใต้ Concept “MADE FROM HER” บนทำเลศักยภาพติดถนนสุขุมวิท ติดรถไฟฟ้า BTS ปู่เจ้า (30 เมตร) พร้อม Facilities 3 สไตล์ ครบครันทุกอาคาร | ห้องฟังก์ชั่นพลัส ขยายพื้นที่ชีวิต เริ่มต้น 2.59 ล้านบาท*
คอนโด BTS ปู่เจ้า / คอนโดติดรถไฟฟ้า BTS ปู่เจ้า
คอนโด BTS ปู่เจ้า
:::: ที่ตั้งโครงการ ::::
ถนนสุขุมวิท ต.เทพารักษ์ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ
พิกัด : 13.638463, 100.592312
ทำเลที่ตั้ง Niche Mono สุขุมวิท – ปู่เจ้า จัดเป็นโครงการคอนโดราคาจับต้องได้ ที่อยู่ในทำเลที่มีความสะดวกสบายและความอุดมสมบูรณ์สูง เข้าสู่ตัวเมืองได้สะดวก เพราะโครงการตั้งอยู่ติดถนนใหญ่สุขุมวิท ฝั่งตรงข้ามกับ Big C Supercenter สำโรง 2 เพียง 30 เมตร จากรถไฟฟ้า BTS สถานีปู่เจ้า และใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนเฉลิมมหานครและวงแหวนรอบนอก สะดวกทั้งการเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวและระบบขนส่งสาธารณะ
และยังรายล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้าและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้ง Big C, Imperial World สำโรง, Bitec บางนา, Bangkok Mall, Gateway เอกมัย, Major เอกมัย, Emporium, Emquartier และ Terminal 21 ในระยะนั่ง BTS ไปไม่กี่สถานีเท่านั้น ทั้งยังเป็นทำเลที่อยู่ใกล้วงแหวนอุตสาหกรรม และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดสมุทรปราการอย่าง ช้างสามเศียร และ ตลาดปากน้ำ อีกด้วยค่ะ
การเดินทางด้วยรถยนต์ โครงอยู่ติดถนนใหญ่สุขุมวิท ฝั่งขาเข้าเมืองมุ่งหน้าไปทางสี่แยกบางนา ซึ่งเป็นทางเข้าหลักของโครงการ ถือว่าเป็นทำเลที่มีความสะดวกสบายสูงสำหรับคนที่ขับรถยนต์ส่วนตัว เพราะสามารถไปไหนมาไหนได้ง่าย ขับรถช่วงสั้น ๆ เพียง 15 – 20 นาทีก็ถึง เอกมัย – ทองหล่อ หรือจากแยกบางนาวิ่งไปถนนบางนา – ตราด ไปออกถนนศรีนครินทร์และกาญจนาภิเษกได้ หรือจะไปสนามบินสุวรรณภูมิก็ใช้เวลาเพียง 30 นาที เท่านั้น
และรอบ ๆ โครงการเองก็มีถนนและซอยย่อยลัดเลาะเลี่ยงถนนใหญ่เยอะ ทำให้เวลาการจราจรหนาแน่น สามารถลัดเลาะเข้าไปในตัวเมืองชั้นในได้ในเวลาอันสั้น โดยโครงการยังมีทางเข้ารองอยู่ด้านหลัง ติดกับถนนทางรถไฟสายเก่าปากน้ำ เป็นทางหนีทีไล่ ไปออกถนนปู่เจ้าสมิงพรายและถนนสรรพาวุธได้ค่ะ
ทางด่วน นอกจากโครงการจะอยู่ไม่ไกลจาก CBD แล้ว ยังมีข้อดีที่เด่น ๆ เลยก็คือ เป็นทำเลที่ขึ้น – ลงทางด่วนได้สะดวก โดยโครงการอยู่ห่างจากทางด่วนบางพลี – สุขสวัสดิ์ ที่วงแหวนกาญจนาภิเษกประมาณ 1.5 กม. หรือระยะขับรถประมาณ 2 นาทีเท่านั้นค่ะ
และอยู่ใกล้จุดขึ้น – ลง ทางด่วนเฉลิมมหานคร โดยมีระยะทางจากโครงการไปจุดขึ้นทางด่วนเฉลิมมหานคร เป็นระยะประมาณ 4.8 กม. หรือระยะขับรถประมาณ 11 นาทีเท่านั้น ซึ่งจากทางด่วนเฉลิมมหานครนี้จะไปวิ่งไปเชื่อมต่อกับทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ วิ่งไปพระราม 9, ลาดพร้าว หรือโซนรังสิตได้อย่างสะดวกสบาย
:: สรุปแยก และ ถนนสำคัญรอบโครงการ ::
ทางด่วนบางพลี – สุขสวัสดิ์ วงแหวนกาญจนาภิเษก : 1 กม.
สี่แยกบางนา : 4.1 กม.
แยกศรีนครินทร์ : 8.0 กม.
แยกพระโขนง : 9.4 กม.
แยกหนองบอน ประเวศ : 9.6 กม.
ถนนเทพารักษ์ : 900 ม.
ถนนซอยแบริ่ง (สุขุมวิท 107) : 2.5 กม.
ถนนซอยลาซาล (สุขุมวิท 105) : 2.9 กม.
ถนนบางนา – ตราด : 4.1 กม.
ถนนศรีนครินทร์ : 4.8 กม.
ถนนซอยอ่อนนุช (สุขุมวิท 77) : 9.0 กม.
เอกมัย (สุขุมวิท 63) : 10.7 กม.
ทองหล่อ (สุขุมวิท 55) : 11.3 กม.
การเดินทางด้วยรถสาธารณะ ถือว่ามีความสะดวกสบายสูงมาก เพราะโครงการอยู่ติดรถไฟฟ้า BTS สถานีปู่เจ้า เลยค่ะ เป็นระยะที่เดินไปขึ้นรถไฟฟ้าได้สบาย ๆ เพียง 30 เมตร หน้าโครงการก็มีรถแท็กซี่, รถสองแถว และวินมอเตอร์ไซค์ ผ่านไปมาตลอด และมีป้ายรถเมล์อยู่ใกล้ ๆ ถือว่ามีทางเลือกในการเดินทางเยอะไม่ว่าจะตอนกลางวันหรือกลางคืน
พอขึ้นรถไฟฟ้าแล้วจะไปไหนก็เร็วแล้วค่ะ ระยะทางที่ใช้ไปไหนมาไหนก็ค่อนข้างสั้น เพราะอยู่ใกล้ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งห้างสรรพสินค้าอยู่แล้ว อยากไปชอปปิงหรือหาอะไรทาน ก็สามารถขึ้นรถไฟฟ้าไปลงเอกมัย – ทองหล่อได้เพียง 9 – 10 สถานีเท่านั้น หรือจะนั่งต่อไปอีกสถานีก็เป็น พร้อมพงษ์ – อโศก ซึ่งมีทั้ง Emporium, Emquartier, Terminal 21, Central Embassy ไปจน Siam Paragon ที่สยาม ไม่ต้องรถติด ทั้งใกล้และสะดวก
ในอนาคตจะมีส่วนต่อขยายสายสีเขียวช่วงแบริ่ง – สมุทรปราการ เพิ่ม ซึ่งตอนนี้ฝั่งสมุทรปราการก็กำลังก่อสร้างกันอยู่ โดย สถานีสำโรง จะเป็นสถานีส่วนต่อขยายถัดจาก BTS แบริ่ง ซึ่งจะเป็นสถานีเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ซึ่งช่วยเพิ่มทางเลือกและความสะดวกสบายในการเดินทางสู่โซนชานเมืองกับกรุงเทพฯ มากขึ้นอีก
จากหน้าโครงการ Niche Mono สุขุมวิท – ปู่เจ้า สามารถเดินไปขึ้นรถไฟฟ้า (บันไดเลื่อน ประตู 2) ได้ในระยะเดินเพียง 30 เมตร หรือเพียง 1 นาทีเท่านั้นค่ะ
ความอุดมสมบูรณ์ รอบ ๆ โครงการ Niche Mono สุขุมวิท-ปู่เจ้า ถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์สูงและเป็นแหล่งโรงงานขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Toyota หรือ Panasonic จึงมีแหล่งอาหารการกินและสิ่งอำนวยความสะดวกใหญ่ ๆ ใกล้โครงการ ตั้งแต่ที่สามารถเดินเพียง 1 – 2 นาทีถึง ไปจนถึงนั่งรถไฟฟ้าสถานีเดียวถึง ซึ่งเป็นที่นิยมของคนทำงานในโซนนี้ ดังนี้ค่ะ
Big C Supercenter สำโรง 2 อยู่ฝั่งตรงข้ามกับโครงการ เดินข้ามสะพานลอยของสถานีรถไฟฟ้า BTS ปู่เจ้า มาก็ถึงแล้ว นับเป็นห้างใหญ่ สามารถมาซื้อของที่ Supermarket, ทานข้าว, ทำธุรกรรมธนาคาร หรืออื่น ๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้คนในโครงการได้สบาย ๆ
ปั๊ม ปตท. ใหญ่ (PTT) จากโครงการประมาณ 100 เมตร ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายไม่ว่าจะเป็น 7 – 11, ศูนย์อาหาร, ร้านกาแฟ และร้านซ่อมรถ จุดนี้เรียกว่าสะดวกมากค่ะ จะดึกแค่ไหนก็มีอะไรทานแน่นอน
บรรยากาศภายในศูนย์อาหารในปั๊ม ปตท. ค่ะ มีเมนูน่าทานแบบคนต่อแถวกินกันหลายร้านเลย ยกตัวอย่างเช่น ข้าวขาหมูตรอกซุง, เล้งแซ่บ, ข้าวมันไก่, ข้าวราดแกง, อาหารตามสั่ง แถมตอนกลางคืนจะมีข้าวต้มรอบดึกมาขายด้วย จากโครงการเดินมานั่งกินได้สบาย
Imperial World สำโรง และ Big C สำโรง เพียง 1 สถานีจากสถานีปู่เจ้า ถือเป็นห้างใหญ่ของคนย่านนี้ แถมที่นี่ยังเป็นท่ารถเมล์ รถสองแถว และรถตู้ ที่คนย่านนี้มาต่อรถกันอย่างคับคั่งอีกด้วย ฝั่งตรงข้ามก็มีตลาดเอี่ยมเจริญ ให้มาซื้อของสดไปปรุงอาหารกันได้ นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดสมุทรปราการอยู่ใกล้ ๆ อย่าง ช้างสามเศียร และ ตลาดปากน้ำ ที่มีอาหารทะเลสด ๆ ขาย รวมถึงร้านอาหาร และร้านขนมชื่อดังมากมาย
ตลาดสดพร้อมตลาดแห้ง ติดกับ Imperial World สำโรง โซอยข้าง Imperial World สำโรง นี้มีความอุดมสมบูรณ์สูงมาก มีตึกแถวและอาคารพาณิชย์เปิดเป็นร้านค้ายาวเป็นแนว มีทั้ง คลินิกทันตกรรม, ร้านขายผ้า, ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า, แผงขายและซ่อมมือถือ, ร้านอาหาร และอื่น ๆ อีกมากมาย
แผงขายอาหารมีเยอะมาก ๆ และที่เป็นที่นิยมเลยก็เห็นจะเป็นแผงขายส้มตำค่ะ มีไก่ย่างวางขายตรงหน้าร้านแบบจัดเต็ม, มีแผงขายไก่ทอดหาดใหญ่ เจ้าเก่าสำโรง และร้านขายขนมไทยร้านใหญ่ เป็นต้น
ตลาดสดข้าง Imperial World สำโรง ที่ว่านี้มีอาหารทะเลสด ๆ จากมหาชัย หมู เห็ด เป็ด ไก่ ผัก ผลไม้ รวมถึงเครื่องปรุงและวัตถุดิบในการทำอาหารต่าง ๆ มากมาย
ซอยอุดมสุข, ลาซาล และซอยแบริ่ง อยู่ใกล้ ๆ โครงการในรัศมี 1 – 3 กม. จะมีโรงเรียนและโรงพยาบาลหลายแห่ง ซึ่งโซนที่ใกล้โรงเรียนใกล้โรงพยาบาลต่าง ๆ เหล่านี้จะมีอาหารการกินและสิ่งอำนวยความสะดวกคอยบริการอยู่เยอะนั่นเอง
นอกจากนี้บนถนนสุขุมวิทยังมี ซอยทองหล่อ – เอกมัย เป็นทำเลที่ใกล้โครงการในระยะขับรถเพียง 15 นาทีถึง ภายในซอยมีร้านอาหารนับร้อยร้าน เปิดทั้งกลางวันกลางคืน ใช้เป็นแหล่งปาร์ตี้สังสรรค์กับเพื่อน ๆ ที่จัดว่าอยู่ใกล้ เดินทางไปมาได้สะดวกสบาย
แหล่งชอปปิงส่วนใหญ่ก็จะเกาะอยู่บนถนนสุขุมวิทเช่นกันค่ะ ทั้ง Gateway เอกมัย, Major เอกมัย, Emporium, Emquartier และ Terminal 21 ในระยะนั่ง BTS ไปไม่กี่นาทีเท่านั้น
และยังมีแหล่งชอปปิงและห้างใหญ่ ๆ อีกส่วนที่กระจุกตัวกันอยู่บนเส้นบางนา – ตราดด้วย ไม่ว่าจะเป็น Central บางนา, Big C, ร.พ.ไทยนครินทร์, SB Design Square, Index Livingmall, Chic republic, Mega บางนา, Ikea บางนา หรือห้างใหญ่ในอนาคตอย่าง The Bangkok Mall ที่มีกำหนดสร้างเสร็จภายในอนาคตอันใกล้นี้แล้ว และอยู่ห่างจากตัวโครงการเพียง 5.1 กม. เท่านั้น ถือว่าเป็นห้างใหญ่ที่ใกล้โครงการที่สุดห้างหนึ่งเลย
:: สรุปสถานที่สำคัญรอบโครงการ ::
ตลาดและห้างสรรพสินค้า
Big C Supercenter สำโรง 2 : ฝั่งตรงข้าม
Imperial World สำโรง : 1.4 กม.
Big C สำโรง : 1.4 กม.
ตลาดเอี่ยมเจริญ : 1.4 กม.
Bitec บางนา : 3.9 กม.
ตลาดบางนา : 4.4 กม.
ตลาดสดลาซาล : 4.7 กม.
Bangkok Mall : 5.1 กม.
ตลาดอุดมสุข : 5.4 กม.
The Jas Urban : 6 กม.
Makro สมุทรปราการ : 7.4 กม.
SB Design Square : 8.4 กม.
Big C อ่อนนุช : 9 กม.
Central Plaza บางนา : 9 กม.
Big C บางนา : 9 กม.
Gateway เอกมัย : 10.8 กม.
Major เอกมัย : 11.1 กม.
Big C เอกมัย : 11.8 กม.
Mega บางนา : 13.4 กม.
สถานศึกษา
วิทยาลัยเซาท์อีสต์บางกอก : 4.7 กม.
รร.นานาชาติบางกอกพัฒนา : 5.4 กม.
รร.เซนต์โยเซฟบางนา : 5.6 กม.
รร.ลาซาล : 6.6 กม.
วิทยาลัยเทคโนโลยีกรุงเทพ : 7.4 กม.
ม.กรุงเทพ : 10 กม.
ศูนย์การแพทย์
ร.พ.สำโรงการแพทย์ : 1.6 กม.
ร.พ.ไทยนครินทร์ : 8.2 กม.
ร.พ.ศิครินทร์ : 8.2 กม.
:::: การเดินทางสู่โครงการ ::::
วันนี้ทางทีมงาน Homenayoo มีภาพการเดินทางไปสู่ตัวโครงการโดยใช้รถยนต์ส่วนตัวมาฝากกันค่ะ โดยเราจะเริ่มการเดินทางจาก
สุขุมวิท > BTS แบริ่ง > แยกบางนา > BTS ปู่เจ้า > กลับรถ > Niche Mono สุขุมวิท – ปู่เจ้า
เริ่มเดินทางกันจากถนนใหญ่สุขุมวิท มุ่งหน้าไปทางสมุทรปราการ ผ่าน BTS บางนา
ตรงผ่าน BTS แบริ่ง ไปจะมีซอยลาซาลและซอยแบริ่ง ภายในซอยมีโรงเรียนและโรงพยาบาลหลายแห่ง ซึ่งโซนใกล้โรงเรียนใกล้โรงพยาบาลต่าง ๆ เหล่านี้จะมีอาหารการกินและสิ่งอำนวยความสะดวกคอยบริการอยู่เยอะมากค่ะ
ตรงไป จะเห็น Imperial World สำโรง และ Big C สำโรง อยู่ทางขวามือ มีตลาดสดขนาดใหญ่ทั้งสองฝั่งถนน (ติด Imperial World สำโรง และฝั่งตรงข้าม) และที่นี่ยังเป็นท่ารถเมล์, รถสองแถว และรถตู้ ตามที่กล่าวไปแล้วข้างต้นด้วย
เราตรงตามทางมาผ่าน BTS สำโรง ซึ่งอยู่ห่างจาก BTS ปู่เจ้า ที่อยู่ติดโครงการเพียงสถานีเดียว
ตรงมาอีกหน่อยก็จะเจอห้าง Big C สำโรง 2 ทางฝั่งซ้ายมือ โดยโครงการ Niche Mono สุขุมวิท-ปู่เจ้า จะอยู่ฝั่งตรงข้าม Big C เลยค่ะ เราตรงต่อไปเพื่อหาจุดกลับรถไปฝั่งโครงการ
ถัดมาเป็น BTS ปู่เจ้า และ ปั๊ม PTT ที่เป็นปั๊มใหญ่อยู่ทางฝั่งขวามือห่างจากโครงการประมาณ 100 เมตร
ตรงมาอีกหน่อยจะเจอจุดกลับรถ ให้เรากลับรถไปฝั่งขาเข้าเมืองค่ะ
เลยจาก BTS ปู่เจ้า มาประมาณ 30 เมตร ก็จะเจอโครงการ Niche Mono สุขุมวิท – ปู่เจ้า ทางฝั่งซ้ายมือแล้วค่ะ โดยโครงการจะอยู่ตรงข้ามห้าง Big C เลย
สำนักงานขายของโครงการจะอยู่ข้างทางเข้าหลักของโครงการเลยค่ะ
บรรยากาศภายในสำนักงานขาย มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายคอยให้บริการข้อมูล พาชมห้องตัวอย่างและโมเดลโครงการอยู่ พร้อมที่นั่งรับรองลูกค้าหลายจุด
:::: สภาพแวดล้อมรอบโครงการ ::::
โครงการ Niche Mono สุขุมวิท-ปู่เจ้า อยู่ติดถนนใหญ่สุขุมวิท ฝั่งขาเข้าเมือง วิ่งไปสำโรง บางนา เอกมัย ทองหล่อ จากโครงการสามารถเดินไปขึ้นรถไฟฟ้า (บันไดเลื่อน ประตู 2) ได้เพียง 30 เมตร ทำเลโครงการมีความอุดมสมบูรณ์สูงและเป็นแหล่งโรงงานขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะ Toyota สำนักงานใหญ่ หรือ Panasonic ก็อยู่ในระยะเดินถึงสบาย ๆ ทั้งนั้นค่ะ โดยโครงการอยู่ตรงข้ามกับ Big C Supercenter สำโรง 2 เลย และมีแหล่งอาหารการกินแสนสะดวกใกล้โครงการแบบเดิน 100 เมตรถึง ดังที่กล่าวไปข้าวต้นของบทความ
จากหน้าโครงการมองไปฝั่งตรงข้ามโครงการจะเป็น Big C Supercenter สำโรง 2 สามารถเดินข้ามสะพานลอยของสถานีรถไฟฟ้า BTS ปู่เจ้า อยากทานข้าว, ดูหนัง, ทำธุรกรรมธนาคาร, ซื้อของเข้าบ้านจาก Supermarket หรืออื่น ๆ เป็นตัวช่วยอำนวยความสะดวกให้คนในโครงการได้ดี
หันไปทางฝั่งขวามือหรือฝั่งที่มุ่งออกนอกเมือง
ติดกับโครงการคือ Infozafe และ Sales Office ของ Thai British Security Printing
ฝั่งตรงข้ามกับโครงการเป็นอาคารพาณิชย์ค่ะ สูง 4 ชั้น มีโชว์รูมของ Honda ด้วย
จากหน้าโครงการสามารถเดินไปขึ้นรถไฟฟ้า (บันไดเลื่อน ประตู 2) ในระยะเพียง 30 เมตร หรือเดินชิว ๆ เพียง 1 นาทีเองค่ะ
ภาพบรรยากาศบน BTS สถานีปู่เจ้า ที่น่าสนใจคือ นอกจากตู้กดบัตรโดยสารแบบหยอดเหรียญแล้ว ที่สถานีปู่เจ้านี้มีตู้กดบัตรที่รับชำระด้วย QR Code ด้วยค่ะ สามารถสแกนแล้วจ่ายผ่านมือถือได้เลยสะดวกมาก
ภาพบรรยากาศของโครงการ Niche Mono สุขุมวิท – ปู่เจ้า จากบนสถานีรถไฟฟ้า BTS ปู่เจ้า
วัดจากหน้าโครงการประมาณ 100 เมตรก็ถึงปั๊ม ปตท. ใหญ่แล้วค่ะ ภายในปั๊มจะมีทั้ง 7 – 11, ศูนย์อาหาร, ร้านกาแฟ, ร้านแว่นตา และร้านซ่อมรถ
สังเกตบริเวณหน้าปั๊ม ปตท. จะมีคิววินมอเตอร์ไซค์อยู่ด้วย สามารถเรียกใช้บริการได้ง่าย
เดินต่อไปเล็กน้อยก็ถึงสำนักงานใหญ่ของ Toyota Motor Thailand แล้วค่ะ
บริเวณด้านหน้า Toyota จะมีป้ายรถเมล์อยู่พอดี
มองไปที่ฝั่งตรงข้ามก็คือ Panasonic Energy Thailand ค่ะ
กลับมาที่บริเวณหน้าโครงการ หันไปทางฝั่งซ้ายมือ เราจะเดินมุ่งหน้าเข้าเมืองกันบ้าง จะสังเกตเห็นว่าจุดที่โครงการตั้งอยู่นั้นอยู่ใกล้กับจุดกลับรถไปสุขุมวิทฝั่งขาออกนอกเมืองด้วย
ติดกับโครงการเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้นครึ่ง
ตรงนี้มีร้านคาเฟ่เล็ก ๆ อยู่ 1 ร้านด้วยค่ะ
เดินต่อไปอีกหน่อยจะเจอร้านสุกี้ฟอร์ยู ใกล้จะสร้างเสร็จเปิดให้บริการแล้ว
เดินจากหน้าโครงการมาเพียง 80 เมตรก็ถึงป้ายรถเมล์อีก 1 ป้ายแล้ว ถ้าเกิดคอแห้งหรืออยากทานของว่างเล็ก ๆ น้อย ๆ มองไปที่ด้านหลังป้ายรถเมล์จะมีร้านค้าเล็ก ๆ อยู่ร้านหนึ่งด้วย
:::: ตัวโครงการ ::::
Niche Mono สุขุมวิท – ปู่เจ้า เป็นคอนโด High Rise 12 ชั้น สไตล์รีสอร์ต แบ่งออกเป็น 3 อาคารเพื่อความเป็นส่วนตัว บนพื้นที่โครงการ 5 – 3 – 89.2 ไร่ จำนวน 572 ยูนิต และ ร้านค้า 1 ยูนิต มีห้องพักให้เลือก 3 แบบ คือ 1 Bedroom, Bedroom Plus และ 2 Bedroom ขนาด 34.17 – 48.80 ตร.ม. โดยโครงการออกแบบภายใต้ Concept “MADE FROM HER” เป็นการนำมุมมองของผู้หญิงที่คิดละเอียดหลายชั้นมาพัฒนาโครงการ เพื่อให้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายสามารถอยู่อาศัยได้อย่างสะดวกสบาย โดยตกแต่งแบบ Fully Furnished พร้อมเข้าอยู่เลย
เรามาดูผังโครงการกันเลยค่ะ ทางเข้า – ออกของโครงการจะมีอยู่ 2 ทาง คือฝั่งถนนสุขุมวิท และถนนรางรถไฟสายเก่าปากน้ำ โดยจะต้องผ่านระบบรักษาความปลอดภัย ประกอบด้วย Main Gate, ป้อมยาม, รั้วไม้กระดกระบบ Bluetooth และกล้อง CCTV พอผ่านเข้ามาที่ถนนภายในโครงการ จะมีการเดินรถแบบ One Way ตามเข็มนาฬิกา
ที่จอดรถของโครงการจะอยู่บริเวณโดยรอบอาคาร ทั้งหมด 233 คันหรือ 40% รวมจอดซ้อนคัน โดยจะมี Lady Parking ใกล้กับทางเข้า Lobby ของทุกอาคาร อาคารละ 4 ช่องจอด เพื่อความปลอดภัยสำหรับคุณผู้หญิงที่กลับบ้านดึก
จาก Lobby ของทั้ง 3 อาคาร จะเชื่อมต่อกับ Facilities และโถงลิฟต์เพื่อขึ้นสู่ชั้นพักอาศัย ลูกบ้านสามารถใช้ Key Card ในการเปิดประตูโถงลิฟต์ได้ อีกทั้งยังเพิ่มความสะดวกสบายในวันที่มีแขกคนสนิทมาหา ไม่จำเป็นต้องเดินลงมารับถึงชั้น 1 ค่ะ เพราะเราสามารถส่ง QR Code ให้แขกของเราใช้ในการเปิดประตูผ่านเข้ามาได้เอง
สำหรับ Facilities ภายในโครงการถูกออกแบบมาในสไตล์รีสอร์ต เน้นความเป็นส่วนตัว แบ่งการใช้งานออกเป็น 3 สไตล์ ครบทุกอาคาร ซึ่งเราสามารถเดินเชื่อมต่อกันได้ ดังนี้ค่ะ
อาคาร A | Active Style ประกอบด้วย Fitness Room, Outdoor Fitness Space, Outdoor Seating, Multi – Purpose Area และ Kid Playground
อาคาร B | Family Style ประกอบด้วย Lap Pool, Kids Pool, Pool Terrace, Jacuzzi, Steam & Sauna, Play Room, Sky Lounge, Outdoor Co – Kitchen Space & Co – Party รวมถึง Solar Cell หรือ Sena Solar บนดาดฟ้าของอาคาร B เป็นไฟส่องสว่างสำหรับพื้นที่ส่วนกลางตลอด 24 ชม.
อาคาร C | Connecting Style ประกอบด้วย Meeting Room, Co – Working Space, Outdoor Co – Working Space และ Outdoor Private Living Space
เริ่มจากอาคาร A ก่อนค่ะ ที่อยู่ติดฝั่งถนนรางรถไฟสายเก่าปากน้ำ ชั้น 1 จาก Lobby จะเชื่อมสู่ Facilities แบบ Active Styles ประกอบด้วย Fitness Room, Outdoor Fitness Space, Outdoor Seating, Multi – Purpose Area และ Kid Playground และจาก Lobby จะเชื่อมสู่โถงลิฟต์ ภายในแบ่งเป็นห้อง Laundry, ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว และลิฟต์ขนของอีก 1 ตัว
อาคาร A ชั้น 2 – 12 เป็น Typical Floor Plan วางผังอาคารแบบ Double Corridor รูปตัว L กว้างถึง 2 เมตร มีจำนวนยูนิตพักอาศัยอยู่ที่ 18 ยูนิต/ชั้น เมื่อเทียบกับโครงการอื่น ๆ ในทำเลใกล้กันนี้ ต่อชั้นจะมีจำนวนยูนิตถึง 30 ยูนิตเลยนะคะ จึงได้เปรียบในแง่ของความเป็นส่วนตัวที่มากกว่า รวมแล้วมีจำนวนห้องพักอาศัยภายในอาคารทั้งหมด 198 ยูนิต
อาคาร B ชั้น 1 จาก Lobby จะเชื่อมต่อกับ Facilities แบบ Family Style ประกอบด้วย Lap Pool ขนาด 5 x 16.45 เมตร, Kids Pool ขนาด 3 x 3 เมตร, Pool Terrace, Jacuzzi ขนาด 3 x 3 เมตร, Steam & Sauna และ Play Room และจาก Lobby จะเชื่อมสู่โถงลิฟต์ ภายในแบ่งเป็นห้อง Laundry และลิฟต์โดยสาร 2 ตัว ส่วนลิฟต์ขนของอีก 1 ตัวจะอยู่ภายในโถงเดียวกับบันไดหนีไฟอีกฝั่งค่ะ
อาคาร B ชั้น 2 – 12 เป็น Typical Floor Plan วางผังอาคารแบบ Double Corridor รูปตัว U มีจำนวนยูนิตพักอาศัยอยู่ที่ 16 ยูนิต/ชั้น รวมแล้วมีจำนวนห้องพักอาศัยภายในอาคารทั้งหมด 176 ยูนิต
อาคาร B ชั้น Rooftop เป็น Facilities แบบ Family Style อีกส่วนหนึ่งค่ะ ประกอบด้วย Sky Lounge, Outdoor Co – Kitchen Space & Co – Party และ Outdoor Seating Area
อาคาร C เป็นอาคารที่อยู่ติดฝั่งถนนสุขุมวิทค่ะ ชั้น 1 จาก Lobby จะเชื่อมต่อกับโถงลิฟต์และ Facilities แบบ Connecting Style ประกอบด้วย Meeting Room, Co – Working Space, Outdoor Co – Working Space และ Outdoor Private Living Space นอกจากนี้บริเวณหน้าอาคารยังมี Shop อีก 1 ยูนิต เพื่ออำนวยความสะดวกลูกบ้านภายในโครงการโดยเฉพาะ จะเป็น Shop ของแบรนด์ไหนนั้นต้องรอดูกันอีกทีค่ะ
อาคาร C ชั้น 2 – 12 เป็น Typical Floor Plan วางผังอาคารแบบ Double Corridor รูปตัว L มีจำนวนยูนิตพักอาศัยอยู่ที่ 18 ยูนิต/ชั้น รวมแล้วมีจำนวนห้องพักอาศัยภายในอาคารทั้งหมด 198 ยูนิต
:::: แบบห้องของโครงการ ::::
โครงการ Niche Mono สุขุมวิท – ปู่เจ้า มีห้องพักให้เลือก 3 แบบหลัก ๆ ดังนี้
1 Bedroom 34.17 – 35.24 ตร.ม.
1 Bedroom Plus 34.37 – 37.10 ตร.ม.
2 Bedroom 46.22 – 48.80 ตร.ม.
ห้องออกแบบมาด้วยแนวคิด Made From Her การออกแบบใช้ความละเอียดอ่อนของผู้หญิงเป็นที่ตั้งทำให้ได้รายละเอียดของฟังก์ชันการอยู่อาศัยที่สามารถตอบรับความต้องการของลูกบ้านได้ทุกเพศ ซึ่งได้ผ่าน คอนเซปต์ “Geo Fit+” นวัตกรรมจากญี่ปุ่น ที่รวบรวมความคิดเห็นของผู้อยู่อาศัยมาทดลองปรับปรุงจนใช้งานได้จริงในโครงการ โดยตกแต่งห้องแบบ Fully Furnished ได้เฟอร์นิเจอร์แบบพิเศษมาครบ สะดวกต่อการใช้งาน สามารถปรับรูปแบบการใช้งานได้ตามความเหมาะสม ช่วยเพิ่มพื้นที่ห้องให้ดูกว้างขึ้นมาครบ พร้อมเครื่องปรับอากาศ แบบ Wall Type และ Digital Door Lock มาในทุกห้องเลยค่ะ
1 Bedroom A2 – 1 ขนาด 34.17 ตร.ม.
1 Bedroom A2 – 4 ขนาด 35.24 ตร.ม.
1 Bedroom Plus A1 – 1 ขนาด 34.37 ตร.ม.
1 Bedroom Plus A1 – 2 ขนาด 34.78 ตร.ม.
1 Bedroom Plus B – 2 ขนาด 37.10 ตร.ม.
2 Bedroom C ขนาด 46.22 ตร.ม.
2 Bedroom D ขนาด 48.80 ตร.ม.
:::: บริเวณภายในโครงการ ::::
::: ทางเข้าโครงการ :::
เราเข้าไปดูบรรยากาศจริงภายในโครงการกันต่อเลยค่ะ เริ่มจากบริเวณทางเข้า – ออกของโครงการฝั่งถนนสุขุมวิท ซึ่งเป็นทางเข้า – ออกหลักของโครงการ
เราจะต้องผ่านระบบรักษาความปลอดภัย ประกอบด้วย Main Gate, ป้อมยาม, รั้วไม้กระดกระบบ Bluetooth สำหรับ Resident และกล้อง CCTV ส่วน Visitors จะต้องทำการแลกบัตรและตรวจความปลอดภัยตามมาตรฐานของโครงการก่อนนะคะ
ภาพมองย้อนกลับไปที่ทางเข้า – ออกโครงการฝั่งถนนสุขุมวิท
::: บริเวณภายในโครงการ :::
พอเราผ่านเข้ามาภายในถนนในโครงการ จะมีการเดินรถแบบ One Way ตามเข็มนาฬิกาค่ะ มีที่จอดรถอยู่โดยรอบอาคาร 40% รวมจอดซ้อนคัน อาคารพักอาศัยจะไล่จากอาคาร C เข้าไปหาอาคาร A นะคะ
ซึ่งส่วนแรกของอาคาร C จะเป็นยูนิตของร้านค้าในอนาคต มีขนาดใหญ่ทีเดียวค่ะ ต้องรอดูว่าทางโครงการจะนำร้านจากแบรนด์ไหนมาลงให้ความสะดวกสบายกับลูกบ้าน
ถัดจากร้านค้ามาเป็นทางเข้า Lobby ของอาคาร C ค่ะ ตอนนี้อาคาร C ยังไม่เปิดขายนะ
ระหว่างอาคาร C – B ก็จะมีทางให้รถสามารถวนออกได้ ไม่ต้องวนไปจนถึงท้ายโครงการค่ะ
ถัดมาเป็นทางเข้าของ Lobby อาคาร B
ระหว่างอาคาร B – A ก็จะมีทางให้รถสามารถวนออกได้เช่นกัน
ตรงไปเรื่อย ๆ จนถึง Lobby อาคาร A เป็นอาคารที่กำลังเปิดขายและมีโปรโมชันพิเศษอยู่ตอนนี้เลยค่ะ
อาคาร A จะอยู่ติดกับทางเข้า – ออกฝั่งถนนรางรถไฟสายเก่าปากน้ำค่ะ
ซึ่งทางเข้า – ออกนี้ก็จะมีระบบรักษาความปลอดภัยไม่ต่างจากฝั่งสุขุมวิทเลย
จากอาคาร A จะมีทางวนไปด้านหลังอาคาร สามารถตรงออกสู่ทางเข้า – ออกฝั่งสุขุมวิทได้ค่ะ
::: FACILITIES :::
:: Building A | Active Style ::
คราวนี้เราจะเดินดู Facilities ของโครงการทั้งหมดตั้งแต่อาคาร A ไปจนถึงอาคาร C กันค่ะ เริ่มจากที่ Lobby อาคาร A เป็นจุดเชื่อมต่อไปยัง Facilities แบบ Active Style, โถงลิฟต์ขึ้นชั้นพักอาศัย และโถงทางเดินเชื่อมต่อไปยังอาคาร B และ C
ภาพบรรยากาศภายใน Lobby ตกแต่งในสไตล์รีสอร์ต บรรยากาศแบบสบาย ๆ น่าพักผ่อน มีมุมสำหรับนั่งพักคอยและนั่งเล่นโดยจัดโซฟาเอาไว้ให้หลายชุด
ภาพบรรยากาศภายใน Lobby พร้อมม้านั่งพักผ่อน สามารถเชื่อมต่อออกไปยัง Outdoor Facilities
ภาพบรรยากาศส่วน Multi – Purpose Area จะใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนก็ได้ หรือจะใช้เป็นพื้นที่สำหรับกิจกรรมนันทนาการก็ได้เช่นกัน
ติดกันเป็นส่วนของ Outdoor Fitness Space หรือลานออกกำลังกายกลางแจ้ง พร้อมอุปกรณ์สำหรับออกกำลังกายหลากหลายชนิด
และ Kid Playground เป็นสนามเด็กเล่นสำหรับเด็กเล็ก ที่ปูพื้นด้วยแผ่นยางป้องกันการกระแทกจากการล้ม มีเครื่องเล่นทั้งม้าโยกและบ้านไม้ลื่นพร้อมผาสำหรับการปีนป่ายฝึกกล้ามเนื้อ
โดยพื้นที่ที่อยู่ติดกับสนามเด็กเล่นจะมี Outdoor Seating สำหรับนั่งพักผ่อนและสำหรับผู้ปกครองมาเฝ้าดูเด็ก ๆ เล่นกันค่ะ
กลับเข้ามาด้านใน Lobby ของอาคาร A จะมีโถงทางเดินเชื่อมต่อไปยัง Fitness Room และอาคาร B
Fitness Room ของโครงการมีขนาดใหญ่ทีเดียวค่ะ แถมยังดูโปร่งโล่งด้วยผนังกระจกยาวถึง 3 ด้าน โดยจะมีประตูอยู่ตรงกลางสามารถเปิดเชื่อมกับ Outdoor Fitness Space ได้
ภายใน Fitness Room มีอุปกรณ์สำหรับออกกำลังกายอย่างครบครันค่ะ ไม่ว่าจะเป็น Cardio หรือ Weight Training โดยเน้นการออกกำลังกายแบบที่ช่วยสร้างสุขภาพที่ดีเป็นหลัก ประกอบด้วย ลู่วิ่งไฟฟ้า, เครื่องเดินวงรี, จักรยานไฟฟ้า, ชุดดัมเบลคละน้ำหนัก, ม้านั่งราบ, เบาะปรับระดับได้, เครื่องออกกำลังกล้ามเนื้อช่วงอก- ไหล่, ช่วงขา และช่วงหลัง
โดยติดกระจกเงาขนาดใหญ่เอาไว้ให้สำหรับเช็กท่าทางในการออกกำลังกายด้วย
:: Building B | Family Style ::
จากอาคาร A เราเดินเชื่อมต่อมายังอาคาร B แล้วค่ะ
ภาพบรรยากาศภายใน Lobby อาคาร B ค่ะ ตกแต่งในสไตล์รีสอร์ต บรรยากาศโปร่งโล่งด้วยช่องแสงขนาดใหญ่ พร้อมชุดโซฟาสำหรับนั่งพักผ่อนหลายชุด สังเกตเห็นประตูจะสามารถเปิดเชื่อมกับส่วน Outdoor Facilities ได้ โดย Facilities ภายในอาคารนี้จะเป็นแบบ Family Style
เราออกมาดูในส่วนของสระว่ายน้ำกันค่ะ
เริ่มจาก Lap Pool ระบบเกลือ มีขนาดใหญ่ 5 x 16.45 เมตร สามารถใช้ว่ายน้ำออกกำลังกายได้สบาย ๆ
ปลายฝั่งหนึ่งของสระจะมี Sunbed Area สำหรับนอนพักผ่อนหรืออาบแดดภายในสระได้ ทางโครงการจัด Landscape ในส่วนนี้ให้ดูเป็นส่วนตัวน่าใช้งานมากขึ้น
ติดกับ Lap Pool จะมี Jacuzzi ขนาด 3 x 3 เมตร สำหรับนั่งแช่น้ำและนวดตัว
และ Kids Pool เป็นสระว่ายน้ำสำหรับเด็กขนาด 3 x 3 เมตร ที่ค่อนข้างตื้นเพื่อให้เด็กเล็กก็สามารถลงเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัยค่ะ
ด้านข้างสระเด็กจะมีโถงทางเดินสู่ห้องน้ำ, Steam และ Sauna แยกชาย – หญิง
ภาพบรรยากาศภายในห้องน้ำหญิงค่ะ จะมีเคาน์เตอร์อ่างล้างมือให้ 2 อ่าง
อีกด้านหนึ่งเป็นห้องน้ำ, ห้องอาบน้ำ และ Steam Room อย่างละ 1 ห้อง
ภาพบรรยากาศภายใน Steam Room
ภาพบรรยากาศภายในห้องน้ำชายค่ะ จะมีเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ, โถสุขภัณฑ์ชาย, ห้องน้ำ, ห้องอาบน้ำ และ Sauna
ภาพบรรยากาศภายใน Sauna
นอกจากนี้บริเวณข้างสระว่ายน้ำก็ยังมี Pool Terrace เป็นพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อนรับลมสบาย ๆ มองไปด้านหลังจะเห็นห้อง Play Room หรือห้องเด็กเล่น สามารถเข้า – ออกได้ 2 ฝั่ง ทั้งจากฝั่งสระว่ายน้ำ และฝั่งโถงทางเดินภายในอาคารค่ะ
ภาพบรรยากาศภายใน Play Room มีการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่มีสีสันสดใส ดูสะดุดตาและสนุกสนาน เป็นการกระตุ้นการเรียนรู้สำหรับเด็ก ๆ
ภายในห้องมีชุดอาร์มแชร์สำหรับนั่งเล่นอ่านนิทานระหว่างผู้ปกครองและเด็กได้
และมีมุมเก้าอี้เด็กสำหรับให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้เข้าสังคมกันค่ะ
นอกจากนี้ใน Lobby ของทุกอาคารก็ยังมี Vending Machine จาก 7 – 11 มาช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกบ้านของโครงการอีกด้วยค่ะ เผื่อตกกลางคืนหรือในวันที่แดดร้อนจนเกินไป ใครอยากดื่มน้ำหวานหรือหาของทานเล่นเล็ก ๆ น้อย ก็สามารถหาซื้อได้จากภายในอาคารที่ตนเองอยู่เลย
คราวนี้เราขึ้นมาที่ชั้นดาดฟ้าของอาคาร B เพื่อมาดู Facilities ส่วนที่เหลือกันต่อค่ะ
ส่วนแรกจะเป็น Outdoor Kitchen Space เป็นพื้นที่สำหรับใช้ปาร์ตี้สังสรรค์ นำอาหารขึ้นมารับประทานกันได้พร้อมชมวิวในมุมสูงของอาคาร
โดยจะมีเคาน์เตอร์อ่างล้างจานให้สำหรับการเตรียมอาหารและการเก็บล้างให้
และมีห้องน้ำแยกชาย – หญิงอยู่ด้านข้างเอาไว้ให้บริการ
ถัดมาเป็น Sky Lounge สำหรับนั่งพักผ่อนหรือดื่มเครื่องดื่มได้ ออกแบบคล้ายกับ Green House ล้อมรอบด้วยผนังกระจกทั้ง 4 ด้าน แต่จะมีหลังคาทึบคลุม ให้บรรยากาศแบบหรูหรา มีระดับ
และอีกฝั่งหนึ่งของ Sky Lounge ก็จะมี Outdoor Seating Area เป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนอีกมุมหนึ่งค่ะ
ภาพบรรยากาศจากชั้นดาดฟ้าของอาคาร B
:: Building C | Connecting Style ::
คราวนี้เราเดินเชื่อมมาถึงอาคาร C แล้วค่ะ ทางฝั่งซ้ายมือของเรานี้เองคือห้อง Co – Working Space ถ้าเดินตรงตามทางเดินไปจะเชื่อมกับ Lobby
ภาพบรรยากาศภายใน Lobby อาคาร C มีประตูเชื่อมต่อออกไปยัง Outdoor Facilities ได้
เราเข้ามาดูภายใน Co – Working Space กันก่อนค่ะ ภายในตกแต่งให้มีบรรยากาศสว่างไสว มองออกไปก็เห็น Landscape สีเขียวสบายตา เพิ่มความอบอุ่นด้วยชั้นไม้และเฟอร์นิเจอร์ไม้ เหมาะสำหรับการนั่งคิดงานสบาย ๆ โดยมีการจัดโต๊ะหลากหลายขนาด เพื่อรองรับการทำงานทั้งแบบเดี่ยว กลุ่มเล็ก ๆ และกลุ่มใหญ่
ภาพบรรยากาศภายใน Co – Working Space มุมโต๊ะทำงานใหญ่
ภาพบรรยากาศภายใน Co – Working Space มุมโต๊ะบาร์สำหรับการนั่งทำงานคนเดียว
ภายในห้อง Co – Working Space ก็ยังมี Meeting Room สำหรับรองรับการประชุมงานค่ะ
ถ้าใครต้องการประชุมงานแบบใช้เสียงหน่อย ไม่ต้องการให้รบกวนคนที่ทำงานอยู่ใน Co – Working Space ก็สามารถเข้ามาใช้งานใน Meeting Room แทนได้ค่ะ
จาก Co – Working Space จะมีประตูสามารถเปิดออกสู่ Outdoor Facilities ได้เช่นกันค่ะ พอเดินออกมาจะเจอส่วน Outdoor Co – Working Space ใครมาเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ต้องการใช้เสียงในการปรึกษาหารือกัน พื้นที่ส่วนนี้ก็เป็นอีก Option หนึ่งที่คุณสามารถเลือกใช้งานได้
หากคิดงานเหนื่อยแล้ว อยากหามุมสงบนั่งพักผ่อน ก็จะมี Seating Area ล้อมรอบด้วย Landscape อย่างสวยงามให้นั่งพักสมองได้
จาก Outdoor Co – Working Space จะมีทางเดินเชื่อมต่อมายัง Outdoor Living Space เป็นอีกมุมสำหรับนั่งพักผ่อน, อ่านหนังสือ หรือนั่งพบปะพูดคุยกัน ที่น่าสนใจอีกมุมหนึ่งเลย
นอกจากนี้ก็ยังมี Net Seating แบบเดียวกับในรีสอร์ตเลยค่ะ สามารถมาใช้นอนเล่นอ่านหนังสือได้เช่นกัน
:: LIFT LOBBY & CORRIDOR ::
เราจะเข้าไปดูภายในโถงลิฟต์ด้วยกันต่อนะคะ จุดนี้เราสามารถใช้ทั้ง Key Card และ QR Code ในการเปิดประตูเข้าไปได้
ภาพบรรยากาศภายในโถงลิฟต์ทางฝั่งซ้ายมือ จะมี Mailbox ให้ตรงนี้ค่ะ
อีกฝั่งก็จะมี Laundry เป็นห้องเครื่องซักผ้าและตู้กดน้ำให้ลูกบ้านมาใช้บริการได้
ภายในโถงลิฟต์ของทุกอาคารจะมีลิฟต์โดยสารให้ทั้งหมด 2 ตัวค่ะ
ลิฟต์ของโครงการเป็นลิฟต์ล็อกชั้น ใช้ของ Fujitec ขนาดรองรับได้ 1050 กก. หรือเฉลี่ย 14 คน/เที่ยว
ภาพบรรยากาศภายในโถงลิฟต์ของชั้นพักอาศัยค่ะ ตกแต่งแบบเรียบ ๆ เพื่อปรับอารมณ์เข้าสู่ส่วนพักอาศัย
ภาพบรรยากาศภายในโถงทางเดิน แต่ละชั้นจะมียูนิตพักอาศัยเพียง 16 – 18 ห้องเท่านั้น และสังเกตเห็นว่าโถงทางเดินนั้นดูโปร่งกว่าปกติ เพราะมีความกว้างถึง 2 เมตรเลยนะคะ ถือว่าหายากมากในคอนโดระดับราคาเดียวกัน เวลาเดินทำให้ไม่รู้สึกว่าบีบอัด จะเดินหรือขนของสวนกันก็สะดวกเพราะมีระยะเหลือเฟือเลย
:::: ห้องตัวอย่าง ::::
ห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปชมกันในวันนี้เป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 34.86 ตร.ม. และ 1 Bedroom Plus ขนาด 36.70 ตร.ม. ไปชมรายละเอียดของห้องกันเลยค่ะ
::: 1 Bedroom ขนาด 34.86 ตร.ม. :::
ขนาดของห้องนี้สามารถรองรับผู้อยู่อาศัยได้ 1 – 2 คน มีพื้นที่ห้องขนาดใหญ่สำหรับห้องแบบ 1 Bedroom ค่ะ ภาพรวมภายในห้องสามารถแบ่งพื้นที่ใช้สอยได้ดี มีการแบ่งโซนภายในห้องอย่างเป็นสัดส่วนระหว่าง Living Area, ห้องนอน และห้องครัว พอเข้ามาในห้องจะเจอ Living Area ก่อน, ถัดเข้าไปคือห้องครัวซึ่งจะได้เป็นครัวแบบปิดอยู่ติดกับระเบียงห้อง กั้นส่วนด้วยประตูบานเลื่อนกระจก ข้อดีก็คือช่วยให้กลิ่นจากการปรุงอาหารได้ดี อีกทั้งยังอยู่ติดกับระเบียงจึงสามารถระบายอากาศได้ดีกว่า ส่วนฝั่งซ้ายมือของห้องคือโซนห้องนอนและห้องน้ำ โดยห้องนอนกั้นส่วนออกจาก Living Area ด้วยผนังทึบ ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากกว่า
ในห้องนี้เราจะได้ พื้นลามิเนตหนา 8 มม., ห้องครัวปูพื้นกระเบื้องแกรนิโต, ชุดเคาน์เตอร์ครัว, ชุดโซฟา – ชั้นวางทีวี+ตู้เก็บของ, ชุดโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่ง, ฐานเตียงนอนขนาด 6 ฟุต, ตู้เสื้อผ้า, ห้องน้ำพร้อมสุขภัณฑ์ และเครื่องปรับอากาศ 1 เครื่อง
ประตูห้องจะเป็นประตูบานสำเร็จรูปปิดผิวด้วยลามิเนต พร้อมอุปกรณ์ Digital Door Lock มือจับแบบก้านโยกของ HOME SHIELD ใช้งานได้ 3 ระบบ ทั้งการใช้ Key Card, Password และ กุญแจไข
เข้าไปภายในห้องจะเจอส่วน Living Area ก่อนและด้านในที่กั้นประตูบานเลื่อนกระจกเอาไว้คือห้องครัว โซนทางฝั่งซ้ายของห้องคือห้องนอนและห้องน้ำ พื้นห้องปูด้วยลามิเนตหนา 8 มม. เพื่อให้ผิวสัมผัสเหมาะแก่การอยู่อาศัย ผนังภายในห้องฉาบเรียบทาสีค่ะ ฝ้าเพดานในห้องสูง 2.7 เมตร เป็นฝ้าฉาบเรียบติดดวงโคมดาวน์ไลท์หลอด LED ส่วนเครื่องปรับอากาศจะมีให้ 1 เครื่อง ติดเอาไว้ภายในห้องนอน
เราเข้ามาดูรายละเอียดและเฟอร์นิเจอร์ที่เราจะได้กันในส่วนของห้องนั่งเล่นกันต่อค่ะ
ในห้องนั่งเล่นเราจะได้โซฟาขนาด 2 ที่นั่งซึ่งกำลังพอดีกับพื้นที่ห้องค่ะ โดยทางโครงการออกแบบโซฟาให้มีพนักวางแขนเพียงฝั่งเดียว เพื่อให้สามารถใช้นอนเล่นยืดขาได้ ตรงนี้เรายังสามารถวางโต๊ะกาแฟตัวเล็ก ๆ เพิ่มได้อีก 1 ตัว
ตรงพนักวางแขนของโซฟาสามารถเปิด – ปิดได้ ใส่พวกของจุกจิกอย่างพวกกล่องกระดาษทิชชู่ได้ สามารถหยิบใช้งานได้สะดวกแถมยังดูเรียบร้อยอีกด้วย
ที่ฝั่งตรงข้ามเราจะได้ทั้งตู้เก็บของและชั้นวางทีวีมาทั้ง 2 ตัวเลยค่ะ
หน้าบานตู้เก็บรองเท้าส่วนหนึ่งปิดผิวด้วยลามิเนตลายไม้ อีกส่วนปิดด้วยกระจกเงา ภายในมีทั้งชั้นวางรองเท้า, ช่องเก็บของอย่างพวกเครื่องดูดฝุ่นหรืออุปกรณ์ทำความสะอาด (มีดีเทลเป็นตะขอสำหรับแขวนร่มให้ด้วย) และชั้นวางของจุกจิก บานเปิดทุกบานของเฟอร์นิเจอร์ที่ได้มาทั้งหมดจะเป็นแบบ Soft Close ด้วยนะคะ
ชั้นวางทีวีใช้หน้าบานปิดผิวด้วยลามิเนตเช่นกัน มีช่องเก็บของและลิ้นชักให้แบบนี้ ถ้าเราเลือกใช้ทีวีแบบแขวนผนังก็จะทำให้เราได้พื้นที่วางของบนชั้นเพิ่มด้วย
ดูระยะดูทีวีค่ะ ช่วงประมาณนี้จะเหมาะสำหรับทีวีจอขนาด 32 – 42 นิ้ว
ถัดจากพื้นที่นั่งเล่นเข้าไปก็คือส่วนรับประทานอาหาร
เราจะได้โต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่งพร้อมกับเก้าอี้อีก 2 ตัว จะเลือกวางแบบเข้ามุมก็ได้เหมือนกัน
เราเข้าไปดูภายในห้องครัวกันต่อซึ่งจะกั้นส่วนออกไปด้วยประตูบานเลื่อนกระจก 2 ตอน ใช้กรอบอะลูมิเนียมติดกระจกใส
พื้นที่ครัวมีขนาดพอสมควรค่ะ สามารถวางเคาน์เตอร์ได้ฝั่งหนึ่ง และวางตู้เย็นและเครื่องซักผ้าได้อีกฝั่งหนึ่ง ส่วนพื้นครัวปูด้วยกระเบื้องแกรนิโตสีขาว ขนาด 60 x 60 ซม.
โดยยังเหลือระยะสำหรับยืนเตรียมอาหารกว้างประมาณ 1 เมตร ถือว่ากว้างพอแล้วค่ะ
และนี่ก็คือหน้าตาเคาน์เตอร์ครัวที่เราจะได้มากับห้องค่ะ
เคาน์เตอร์ติดท็อปหินสังเคราะห์สีดำหน้าบานปิดผิวด้วยลามิเนต ใต้เคาน์เตอร์มีช่องสำหรับเก็บของและช่องสำหรับวางเตาไมโครเวฟได้ และที่บานเปิดด้านในติดชั้นตะแกรงให้เก็บวางพวกสก๊อตไบรท์, ฝอยขัดหม้อ หรือน้ำยาล้างจานได้ด้วย
บนเคาน์เตอร์ติดตั้งอ่างล้างจานแบบ 1 หลุมขนาดใช้งานสะดวกของ Franke พร้อมเขียงที่สามารถใช้วางพาดเพื่อเตรียมอาหารตรงอ่างล้างจานได้เลย และเตา Induction ขนาด 2 หัวของ Franke เช่นกันค่ะ โดยจุดที่อยู่ตรงกับเตาปรุงอาหารได้ติด Hood ดูดควันมาให้ของ Frank เช่นกัน พร้อมราวแขวนอุปกรณ์การทำครัวมาให้เรียบร้อยแล้ว
ชั้นลอยข้างบนก็มีชั้นสำหรับเก็บของรวมถึงช่องสำหรับคว่ำจาน – ชาม – แก้วน้ำหลังล้างเสร็จให้ด้วย สามารถดึงลงมาได้แบบนี้ทำให้ใช้งานได้สะดวก
จากห้องครัวจะอยู่ติดกับส่วนระเบียงค่ะ กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก 2 ตอนเหมือนกัน พื้นระเบียงจะลดระดับลงจากพื้นห้องเล็กน้อยปูด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 ซม. ติดตั้งระแนงเหล็กให้เป็นราวกันตก สามารถใช้ประโยชน์ได้ในการวางเครื่องซักผ้า, ตากผ้า
และแขวน Compressor ได้ โดยทางโครงการเลือกแขวนเอาไว้บนเพดานและทำระแนงเหล็กบังสายตาเอาไว้ให้เพื่อความเรียบร้อยของรูปด้านอาคาร
ภาพมองย้อนกลับเข้าไปภายใน Living Room
เราเข้าไปดูภายในห้องนอนกันต่อ
เข้ามาภายในห้องนอนมีพื้นที่กำลังพอดี ๆ ขนาดกำลังอยู่สบาย ภายในห้องนอนเราจะได้ตู้เสื้อผ้าและเตียงนอนขนาด 6 ฟุตมาด้วยค่ะ
เตียงนอนที่เราจะได้เป็นเตียงขนาด 6 ฟุตเลย ทางโครงการจะให้มาเฉพาะฐานเตียงส่วนฟูกและเครื่องนอนเราจะต้องเป็นคนซื้อเข้ามาเอง สังเกตพื้นที่ข้างเตียงก็ยังเหลือสามารถวางโต๊ะข้างได้ทั้ง 2 ฝั่งเลย
โดยที่ฐานเตียงก็ยังมีลิ้นชักและช่องเก็บของทั้ง 2 ฝั่งให้เราสามารถใช้เก็บพวกผ้าปูเตียงแยกต่างหากได้
ส่วนพื้นที่ปลายเตียงนอนก็ยังเหลือพอเป็นทางเดินให้พอเดินผ่านได้ ตรงนี้ถ้าใครที่ชอบดูทีวีตอนก่อนนอนก็สามารถติดทีวีแบบแขวนผนังเพิ่มเติมเอาได้ค่ะ
มองไปที่ฝั่งริมหน้าต่างยังมีพื้นที่ให้สามารถวางโต๊ะทำงานได้อีก 1 ตัว
สำหรับตู้เสื้อผ้าที่ได้เป็นตู้ขนาดมาตรฐานและขนาดใหญ่อย่างละ 1 ตู้ วางเอาไว้ 2 ฝั่งหน้าทางเข้าห้องน้ำ จัดเป็นโซนแต่งตัวได้พอดี
ตู้ทางฝั่งขวาติดบานเปิดฝั่งหนึ่งเป็นบานทึบ ส่วนอีกบานเป็นกระจกสีชาดำ โดยฝั่งที่เป็นบานทึบนั้นจะติดกระจกเงาให้ด้านใน ภายในมีทั้งราวแขวนเสื้อผ้า, ชั้นเก็บของ และลิ้นชักเก็บพวก Accessories ค่ะ
ส่วนตู้ฝั่งทางซ้ายจะติดบานทึบทั้งหมด ภายในมีราวแขวนเสื้อผ้า และมีชั้นสำหรับวางของให้
เราเข้าไปดูภายในห้องน้ำกันต่อค่ะ ภายในห้องน้ำแยกส่วนแห้ง – ส่วนเปียกออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน ปูพื้นและกรุผนังด้วยกระเบื้องแกรนิโตสีขาวครีม สำหรับพื้นจะใช้แบบผิวด้านกันลื่นค่ะ ระหว่างพื้นภายนอกและพื้นห้องน้ำจะมีธรณีกั้นเอาไว้เพื่อกันน้ำไหลย้อน และที่ฝ้าเพดานภายในเป็นฝ้าฉาบเรียบกันชื้นติดดวงโคมดาวน์ไลต์ให้พร้อมพัดลมดูดอากาศ
มาดูรายละเอียดของสุขภัณฑ์กันต่อค่ะ อ่างล้างมือเป็นอ่างแบบแขวนผนังมีขนาดกำลังดี ขอบอ่างสามารถวางพวกขวดสบู่และแปรงสีฟันได้บ้าง ติดตั้งมาพร้อมกับก๊อกน้ำขนาดกำลังถนัดมือ มี Lower Wall ก่อมาให้ สามารถใช้วางของได้เพิ่มเติม
ส่วนโถสุขภัณฑ์เป็นแบบแยกชิ้น ระบบ Dual Flush ช่วยประหยัดน้ำได้ดี ติดตั้งมาพร้อมกับสายฉีดชำระและที่แขวนกระดาษชำระ
ที่ข้างผนังติดราวแขวนผ้าเช็ดตัวมาให้ และมีช่องว่างที่สามารถทำเป็นชั้นวางของได้
ด้านในสุดเป็นโซนอาบน้ำ ทางโครงการก่อธรณีและติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำกระจก Tempered แบบบานเปิดเข้า พร้อมมือจับของบานเปิดก็สามารถใช้แขวนผ้าเช็ดตัวได้ ภายในมีพื้นที่ขนาดกำลังดี
ผนังด้านในในติดตั้งชุด Hand Shower พร้อมก่อม้านั่งสำหรับนั่งอาบน้ำมาให้ด้วยค่ะ
::: 1 Bedroom Plus ขนาด 36.70 ตร.ม. :::
ขนาดของห้องนี้สามารถรองรับผู้อยู่อาศัยได้ 1 – 2 คน มีการแบ่งโซนภายในห้องอย่างเป็นสัดส่วนระหว่าง Living Area, ห้องนอน และห้องครัว โดยมีจุดเด่นตรงที่สามารถเปิดเชื่อม Living Area กับห้องนอนให้เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ได้ และยังมีพื้นที่ห้องอเนกประสงค์ภายใน Living Area อีก 1 ห้อง เพิ่มประโยชน์ใช้สอยได้อีกมาก พอเข้ามาในห้องจะเจอห้องครัวก่อน ถัดเข้าไปเป็น Living Area และห้องอเนกประสงค์ เชื่อมต่อกับห้องนอนด้วยประตูบานเลื่อน และจากห้องนอนจะเชื่อมต่อกับระเบียงอีกที ส่วนห้องน้ำจะสามารถเข้าได้จากทางห้องนอนเพียงฝั่งเดียวค่ะ
ในห้องนี้เราจะได้ พื้นลามิเนตหนา 8 มม., ห้องครัวปูพื้นกระเบื้องแกรนิโต, ชุดเคาน์เตอร์ครัว, ชุดโฟา – ชั้นวางทีวี+ตู้เก็บของ, ชุดโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่ง, ฐานเตียงนอนขนาด 6 ฟุต, ตู้เสื้อผ้า, ห้องน้ำพร้อมสุขภัณฑ์ และเครื่องปรับอากาศ 1 เครื่อง
เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอส่วนครัวก่อนเลย ซึ่งเราจะได้เป็นครัวแบบปิด กั้นส่วนจาก Living Area ด้วยประตูบานเลื่อนอะลูมิเนียมติดกระจก ข้อดีก็คือ กลิ่นจากการปรุงอาหารจะไม่ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องค่ะ ฝ้าเพดานภายในห้องจะเป็นฝ้าฉาบเรียบทาสี ติดดวงโคมดาวน์ไลต์ให้ทั้งห้อง ฝ้าภายในห้องสูง 2.7 เมตร ส่วนผนังภายในห้องจะเป็นผนังฉาบเรียบทาสีทั้งหมด
ซึ่งพื้นภายในห้องครัวปูด้วยกระเบื้องแกรนิโตขนาด 60 x 60 ซม. ข้อดีก็คือสามารถเช็ดล้างคราบอาหารหรือคราบน้ำมันออกได้ง่าย ส่วนพื้นภายในห้องนั่งเล่นและห้องนอนปูด้วยลามิเนตลายไม้หนา 8 มม.
มาดูรายละเอียดภายในห้องครัวกันค่ะ ทางโครงการจะให้เคาน์เตอร์ครัวเหมือนห้อง 1 Bedroom และยังเหลือพื้นที่ด้านข้างให้วางตู้เย็นขนาดมาตรฐานได้
เคาน์เตอร์ใช้ท็อปหินสังเคราะห์สีดำหน้าบานปิดผิวด้วยลามิเนต ใต้เคาน์เตอร์มีช่องสำหรับเก็บของและช่องสำหรับวางเตาไมโครเวฟได้ และที่บานเปิดด้านในติดชั้นตะแกรงให้เก็บวางพวกสก๊อตไบรท์, ฝอยขัดหม้อ หรือน้ำยาล้างจานได้เหมือนเดิม
บนเคาน์เตอร์ติดตั้ง อ่างล้างจานแบบ 1 หลุมและเตา Induction ขนาด 2 หัวของ Franke เช่นกันค่ะ จะเห็นว่าผนังด้านหลังติดแผ่น Back Splash พร้อมราวแขวนอุปกรณ์การทำครัวมาให้แล้ว
ตู้ลอยก็มีชั้นสำหรับเก็บของรวมถึงช่องสำหรับคว่ำจาน – ชาม – แก้วน้ำหลังล้างเสร็จให้ด้วย โดยจุดที่อยู่ตรงกับเตาปรุงอาหารได้ติด Hood ดูดควันมาให้ของ Frank เช่นกัน
ส่วนพื้นที่อีกฝั่งหนึ่งเราสามารถใช้วางเครื่องซักผ้าและทำชั้นสำหรับวางของเพิ่มเติมได้ตามไอเดียแบบห้องตัวอย่างนี้เลย
เข้ามาด้านในจะเป็นส่วน Living Area รวมพื้นที่นั่งเล่นและส่วนรับประทานอาหารเอาไว้ด้วยกันเป็นโถงขนาดใหญ่ พอเข้ามาในส่วนนี้พื้นก็จะปูด้วยลามิเนตค่ะ
มองย้อนกลับไปที่ห้องครัว เราจะเห็นตู้ Built – in อยู่ที่มุมฝั่งขวามือ ทางโครงการออกแบบตู้นี้มาให้ตู้สำหรับเก็บรองเท้าและอุปกรณ์สำหรับทำความสะอาดบ้าน
เราจะได้โต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่งพร้อมกับเก้าอี้อีก 2 ตัวแบบนี้ค่ะ
ถัดจากมุมรับประทานอาหารเข้ามาก็จะเป็นมุมนั่งเล่นซึ่งอยู่ติดกับห้องอเนกประสงค์ ซึ่งกั้นส่วนด้วยประตูบานเลื่อนกระจก จึงยังทำให้ Living Area ได้รับแสงธรรมชาติอยู่
ในห้องนั่งเล่นเราจะได้โซฟาขนาด 2 ที่นั่งแบบเดิม มีพนักวางแขนเพียงฝั่งเดียว เพื่อให้สามารถใช้นอนเล่นยืดขาได้ และตรงพนักวางแขนของโซฟาจะมีช่องสามารถเปิดใส่พวกของจุกจิก
ที่ฝั่งตรงข้ามเราจะได้ชั้นวางทีวีมาแบบเดิมค่ะ
ภายในห้องอเนกประสงค์นั้นมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็เป็นพื้นที่ที่มีประสิทธิภาพ สามารถจัดเป็นฟังก์ชันได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ห้องทำงาน, ห้องพักผ่อนส่วนตัว หรือ ห้องนอนเด็ก ก็ทำได้หมดค่ะ
ซึ่งทางโครงการจะให้ Day Bed มาด้วย 1 ตัว ขนาดสามารถนอนได้สบาย ๆ
ห้องนอนกั้นส่วนจาก Living Area ด้วยประตูบานเลื่อนกระจกใส 3 ตอน ทำให้ห้องดูกว้างขวางมากกว่าการกั้นห้องด้วยผนังทึบ
ห้องนอนของห้อง Type นี้มีขนาดใหญ่ทีเดียวค่ะ เตียงนอนที่เราจะได้เป็นเตียงขนาด 6 ฟุต โดยที่ฐานเตียงก็ยังมีลิ้นชักและช่องเก็บของทั้ง 2 ฝั่งให้เราสามารถใช้เก็บพวกผ้าปูเตียงแยกต่างหาก สังเกตพื้นที่ข้างเตียงก็ยังเหลือสามารถวางโต๊ะข้างได้อีกฝั่งละ 1 ตัว
จากห้องนอนเปิดประตูบานเลื่อนออกไปจะเป็นระเบียงค่ะ
พื้นระเบียงจะลดระดับลงจากพื้นห้องเล็กน้อยปูด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 ซม. ติดตั้งระแนงเหล็กให้เป็นราวกันตก สามารถใช้ประโยชน์ได้ในการวางเครื่องซักผ้า, ตากผ้า และแขวน Compressor ได้
ภาพจากมุมระเบียงมองย้อนกลับเข้ามาภายในห้อง
จากพื้นที่ห้องนอนจะมีโถงทางเดินเข้าไปยังห้องน้ำ ซึ่งในส่วนนี้ทางโครงการได้ทำตู้เสื้อผ้า Built – in มาให้ 2 ตู้เหมือนห้อง 1 Bedroom ค่ะ
ทั้งวัสดุและสุขภัณฑ์ที่ใช้ยังคงเหมือนเดิมทุกประการ แต่ต่างกันตรง Lay Out เท่านั้นค่ะ
อ่างล้างมือเป็นอ่างแบบแขวนผนัง มี Lower Wall ก่อมาให้ด้านหลังอ่าง
โถสุขภัณฑ์พร้อมสายฉีดชำระและที่แขวนกระดาษชำระ
สำหรับโซนอาบน้ำ ทางโครงการก่อธรณีและติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำกระจก Tempered แบบบานเปิดเข้า พร้อมมือจับของบานเปิดก็สามารถใช้แขวนผ้าเช็ดตัวได้
ภายในติดตั้งชุด Hand Shower พร้อมก่อม้านั่งอาบน้ำมาให้ด้วย
นอกจากนี้ทั้งสวิตช์และปลั๊กไฟใช้ของ Schneider Electric ค่ะ
:::: ราคา (กรกฎาคม 2563) ::::
ห้อง 1 Bedroom A ขนาด 35.24 ตร.ม. เริ่ม 2.59 ล้านบาท
ห้อง 1 Bedroom Plus B ขนาด 37.10 ตร.ม. เริ่ม 2.99 ล้านบาท
ห้อง 2 Bedroom 1 ฺBathroom C ขนาด 46.22 ตร.ม. เริ่ม 3.6 ล้านบาท
ห้อง 2 Bedroom 2 ฺBathroom D ขนาด 48.80 ตร.ม. เริ่ม 3.9 ล้านบาท
เงินจอง n/a บาท
เงินทำสัญญา n/a บาท
เงินกองทุน 500 บาท/ตร.ม.
ค่าส่วนกลาง ตร.ม. ละ 39 บาท/เดือน
ลงทะเบียนแจ้งว่ามาจาก Homenayoo ลดเพิ่ม 10,000 บ.* คลิก https://bit.ly/33b2pQR
***ข้อมูลราคา และโปรโมชั่นอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดติดต่อสำนักงานขายเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
:::: สรุป ::::
ทำเลที่ตั้งโครงการ โครงการตั้งอยู่บนทำเลที่ตอบโจทย์คนทำงานใจกลางเมืองเอกมัย ทองหล่อ พร้อมพงษ์ สยาม หรือโรงงานโซนสมุทรปราการ ได้ดีค่ะ เนื่องจากคนทำงานในเมืองก็เดินมาขึ้น BTS ปู่เจ้า นั่งต่อเดียวถึงใจกลางเมืองได้เลยในช่วงเวลาสั้นๆเพียง 10 – 20 นาทีเท่านั้น แต่ได้ห้องขนาดใหญ่กว่าคอนโดใจกลางเมืองเกือบเท่าตัว ในราคาที่จับต้องได้มากกว่า รวมถึงความอุดมสมบูรณ์รอบ ๆ โครงการ ที่อยู่ตรงข้าม Big C Supercenter สำโรง 2
มีแหล่งอาหารการกินใกล้โครงการมากมาย ไม่ว่าจะเป็น 7 – 11, ศูนย์อาหารในปั๊ม ปตท., Imperial World สำโรง, ตลาดสด และร้านอาหารอีกหลายร้าน เป็นทำเลที่มีความอุดมสมบูรณ์สูงและเป็นแหล่งโรงงานขนาดใหญ่ ทั้งยังอยู่ใกล้วงแหวนอุตสาหกรรมและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดสมุทรปราการอีกด้วยค่ะ
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว ถือว่าเป็นทำเลที่มีความสะดวกสบายสูง สามารถเข้า – ออกได้ทั้งจากถนนสุขุมวิทและถนนรางรถไฟสายเก่า ขึ้นทางด่วนได้สะดวก ไปไหนมาไหนง่าย ขับรถช่วงสั้น ๆ ก็ถึง เอกมัย – ทองหล่อ หรือจากแยกบางนาวิ่งไปถนนบางนา – ตราด ไปออกถนนศรีนครินทร์และกาญจนาภิเษกได้ หรือจะไปสนามบินสุวรรณภูมิก็ใช้เวลาเพียง 30 นาที เท่านั้น และรอบ ๆ มีถนนและซอยย่อยลัดเลาะเลี่ยงถนนใหญ่เยอะ ทำให้เวลาการจราจรหนาแน่น สามารถลัดเลาะเข้าไปในตัวเมืองชั้นในได้ในเวลาอันสั้นค่ะ
การเดินทางโดยรถสาธารณะ นับว่า สะดวกมาก เพราะโครงการอยู่ติด BTS สถานีปู่เจ้า จากหน้าโครงการสามารถเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าได้ใน 30 เมตร และ โครงการเองก็อยู่ใกล้กับป้ายรถเมล์ มีรถแท็กซี่และรถสองแถวผ่านไปมาตลอด
การออกแบบโครงการ และวัสดุ โครงการออกแบบมาในสไตล์รีสอร์ต เน้นความเป็นส่วนตัวจึงแบ่งห้องพักอาศัยออกเป็น 3 อาคาร แต่ละชั้นก็มีห้องพักเพียง 16 – 18 ยูนิต โถงทางเดินกว้างถึง 2 เมตร ถือว่าหายากเลยสำหรับคอนโดในย่านนี้
ภายใต้ความละเอียดละออแบบผู้หญิง Made from Her ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด มาผสมกับการนำนวัตกรรมจากญี่ปุ่นมาพัฒนาเป็นเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องชุดอย่าง GEO Fit+ ที่ช่วยตอบโจทย์การใช้ชีวิตและช่วยเพิ่มความสะดวกในการอยู่อาศัย
ทำให้ได้ออกมาเป็นโครงการ Niche Mono สุขุมวิท – ปู่เจ้า ที่มีรายละเอียดที่ส่งเสริมการอยู่อาศัยให้มีคุณภาพตั้งแต่หน้าทางเข้าโครงการจนถึงด้านในห้องพักอาศัย ทั้งในแง่ของไลฟ์สไตล์, การพักผ่อน, ความปลอดภัย รวมถึงการใส่ใจสิ่งแวดล้อม
อิงจากห้องที่ได้ทำการเข้าไปรีวิว ห้องแต่ละ Type ก็ถูกออกแบบมาให้มีฟังก์ชันที่ลงตัวใส่ใจในรายละเอียดตามแนวคิด Made From Her ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร แปลนห้องจะแบ่งส่วนห้องครัว, Living Area และห้องนอนออกจากกันเป็นโซน จึงได้ในเรื่องของการกำจัดกลิ่นที่ดีและความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ห้องครัวของ 1 Bedroom จะอยู่ติดกับระเบียงจึงสามารถช่วงระบายอากาศได้ดี ถึงแม้ว่าห้องครัวของ 1 Bedroom Plus จะไม่ได้อยู่ติดกับระเบียงแต่ก็กั้นส่วนออกจาก Living Area แล้ว
วัสดุ, สุขภัณฑ์ และเฟอร์นิเจอร์ที่ได้มากับตัวห้องก็ได้มาอย่างครบครัน มีการออกแบบที่ละเอียดรองรับครบทุกการใช้งาน หน้าตาสวยงามได้มาตรฐาน โดยโครงการขายทั้งแบบ Fully Furnished ตกแต่งมาครบพร้อมเข้าอยู่ พร้อมเครื่องปรับอากาศ และ Digital Door Lock ซึ่งโดยภาพรวมถือว่าวัสดุอยู่ในระดับที่ดีกว่าราคาที่จ่ายไป เมื่อเทียบกับโครงการอื่น ๆ ใน Segment เดียวกัน
สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบรักษาความปลอดภัย Facilities ภายในโครงการมีหลากหลายและครบครัน ถูกออกแบบมาในสไตล์รีสอร์ต เน้นความเป็นส่วนตัว แบ่งการใช้งานออกเป็น 3 สไตล์ อยู่ในทุกอาคาร ซึ่งเราสามารถเดินเชื่อมต่อกันได้ โดยอาคาร A จะเป็น Active Style เช่น Fitness Room, อาคาร B จะเป็น Family Style เช่น Swimming Pool, Play Room, Sky Lounge และอาคาร C จะเป็น Connecting Style เช่น Co – Working Space รวมระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ถือว่าดีเลยค่ะ
:::: สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ::::
CALL CENTER : 1775#75
WEBSITE : https://bit.ly/33b2pQR
หากเพื่อน ๆ เห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน ขอบคุณค่ะ
และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ
เราไปอ่านของ think of living มา ในรีวิวเขาวิเคราะห์ให้ฟังไว้ว่าเป็นเพราะข้อกฏหมายจัดสรรอาคารมันติดถนนทั้งด้านหน้า และด้านหลัง เลยทำให้ต้องโดน setback ทั้ง 2 ด้านอะครับ
มีข้อสงสัยครับ ในเมื่อโครงการตั้งอยู่ติดถนนใหญ่(สุขุมวิท) ทำไมถึงสร้างแค่ 12ชั้น
ในขณะที่ ideo S115 สร้างอยู่ตรงข้ามสามารถขึ้นตึกสูงได้ 3 5ชั้น
ฝั่ง Niche mono นี้โดนข้อจำกัดความสูงจากอะไรรึเปล่าครับ สงสัย