Written by : Nin Yanin
สวัสดีค่า วันนี้ทีมงาน Homenayoo พาคุณผู้อ่านมาอยู่กันที่โครงการ Nue Hybe Suksawat โครงการใหม่จาก Noble Development บนทำเลที่ดีที่สุดของการทำธุรกิจและการอยู่อาศัย ติดถนนสุขสวัสดิ์ แขวงราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ กทม. เดินทางสะดวกทั้งรถส่วนตัวและรถไฟฟ้า เชื่อมต่อ CBD พระราม 3-สาทร ได้ภายใน 10 นาที* ใกล้ 2 ทางด่วน ทั้งวงแหวนอุตสาหกรรม และทางด่วนเฉลิมมหานคร เพียง 1-3 นาที* และใกล้ MRT สายสีม่วง สถานีราษฎร์บูรณะ ประมาณ 300 ม.* เท่านั้น
มีสิ่งอำนวยความสะดวกใกล้กับโครงการรองรับการอยู่อาศัย ทั้งห้างสรรพสินค้า, โรงเรียน และโรงพยาบาล เช่น Central พระราม 3, Icon Siam, Terminal 21 พระราม 3, Lotus’s บางปะกอก, KMUTT, รร.นานาชาติ BASIS, รร.นานาชาติ Shrewsbury, รร.นานาชาติ King’s College, รพ.สุขสวัสดิ์, รพ.บางปะกอก, รพ.บางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นต้น
นิว ไฮบ์ สุขสวัสดิ์ เป็นโครงการทาวน์โฮมและอาคารพาณิชย์ จำนวน 156 หลัง บนที่ดินโครงการประมาณ 15 ไร่ ภายใต้แนวคิด Hybrid Living ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ ด้วยพื้นที่ใช้สอยขนาด 174-256 ตร.ม.
โดดเด่นด้วย Facade ระแนงแนวตั้งพร้อมพื้นที่สีเขียว และการออกแบบงานสถาปัตกรรมในสไตล์ Modern มีการแบ่งโซนระหว่างกันด้วย Gate ถึง 3 ชั้นเพื่อความเป็นส่วนตัว
สิ่งอำนวยความสะดวกมาตรฐานภายในโครงการครบครัน ตอบโจทย์ทั้งการอยู่อาศัยและการทำงาน ทั้ง Public Parking Zone, Urban Garden, Playground, Hybrid Clubhouse, Business Lounge, Meeting Room, Fitness Room, Swimming Pool, Kid’s Pool, เข้า-ออกด้วยระบบ Key Card Access, Triple Security Gate, CCTV และ รปภ. 24 ชม. เปิดเฟสใหม่ เริ่ม 8 ล้านบาท* (ต.ค. 66)
ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ คลิก https://bit.ly/3LkkQrg
เราไปดูกันเลยค่ะว่าโครงการนี้มีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง
ชื่อโครงการ | นิว ไฮบ์ สุขสวัสดิ์ / Nue Hybe Suksawat |
เจ้าของโครงการ | บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) | Noble Development PLC. |
ลักษณะโครงการ | ทาวน์โฮม และ อาคารพาณิชย์ |
พื้นที่โครงการ | 15-3-31.25 ไร่ |
จำนวนบ้าน | 156 หลัง |
เนื้อที่บ้าน |
|
พื้นที่ใช้สอย | 174-256 ตร.ม. |
จำนวนห้อง |
|
ที่จอดรถทั้งหมด | 2-4 คัน |
โซน | สุขสวัสดิ์-กรุงเทพฯ |
เส้นทางคมนาคม |
|
ที่ตั้ง | ถนนสุขสวัสดิ์ แขวงราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ กทม. 10140 |
กำหนดการ | เปิดลงทะเบียน* |
ปีที่สร้างเสร็จ |
|
ราคา |
|
ค่าส่วนกลาง | n/a |
สถานที่สำคัญใกล้เคียง | ศูนย์การค้า
ตลาด ร้านสะดวกซื้อ และอื่น ๆ
สถานศึกษา
ศูนย์การแพทย์
**ระยะทางวัดจากการเดินทางสู่จุดหมาย โดยถนนที่ใกล้ที่สุด** |
สิ่งอำนวยความสะดวก |
|
Tel | 02-251-9955 |
Line | @nuehybe |
Website | https://bit.ly/3LkkQrg |
ที่ตั้งโครงการ
ถนนสุขสวัสดิ์ แขวงราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ กทม. 10140
พิกัดโครงการ : 13.668109, 100.514683
ทำเลที่ตั้ง : โครงการ Nue Hybe Suksawat ตั้งอยู่ติดถนนสุขสวัสดิ์ ข้าง ๆ ซอยสุขสวัสดิ์ 35 ซึ่งถ้าพูดถึงโซนสุขสวัสดิ์ในตอนนี้นับว่าเป็นทำเลศักยภาพของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีแนวโน้มว่าจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จากจุดแข็งที่สุดของทำเล ก็คือการเดินทางที่สะดวกสบาย เพราะอยู่ใกล้ทั้งถนนวงแหวนอุตสาหกรรม และสะพานพระราม 9 ไม่เกิน 1 กม.* เชื่อมต่อทางพิเศษเฉลิมมหานคร ข้ามไป CBD โซนพระราม 3-สาทร ได้อย่างรวดเร็ว ราว ๆ 10 นาที*
แถมยังเป็นทำเลที่มีรถไฟฟ้าสายสีม่วงตัดผ่านในอนาคต ที่ใกล้กับโครงการแบบระยะเดินสบาย ๆ เหมือนคอนโดในเมืองที่อยู่ติดรถไฟฟ้า จึงถือว่าเป็นทำเลแบบ Live-Work-Commerce ที่เอื้อต่อการทำธุรกิจมาก ๆ และยังเอื้อต่อการอยู่อาศัยอีกด้วย
เพราะนอกจากจะเดินทางได้สะดวกทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถไฟฟ้าแล้ว ก็ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกใกล้ ๆ กับโครงการแบบครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ห้างขนาดใหญ่ โรงเรียน และโรงพยาบาล แต่จากที่สังเกตดู จะเห็นว่าทำเลนี้ไม่ได้มีโครงการอย่างพวกอาคารพาณิชย์หรือ Home Office ขึ้นมารองรับ Demand ที่กำลังขยายตัวนานแล้วค่ะ
การเดินทางโดยรถส่วนตัว : ตัวโครงการอยู่ติดถนนสุขสวัสดิ์ซึ่งเป็นถนนใหญ่ ทำให้การออกตัวเดินทางได้เปรียบอยู่แล้ว และในแง่ของการเดินทางในย่านนี้ก็ถือว่าสะดวกมาก ๆ เพราะถนนสุขสวัสดิ์สามารถเชื่อมต่อถนนหลักเส้นอื่น ๆ ได้หลายสาย ไม่ว่าจะเป็น ถนนพระราม 2-เอกชัย ใช้มุ่งไปทางมหาชัยและออกจังหวัดโซนภาคใต้ได้ และเชื่อมต่อถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน ข้ามสะพานกรุงเทพ เข้าถนนพระราม 3 ได้ และข้ามสะพานพระปกเกล้า มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองกรุงเทพฯ ได้ ส่วนอีกฝั่งถนนสุขสวัสดิ์จะเชื่อมต่อกับวงแหวนกาญจนาภิเษกฝั่งใต้ ใช้ข้ามไปฝั่งสมุทรปราการได้ง่ายเลยค่ะ
จุดเด่นที่เป็นไฮไลต์ของทำเลโครงการนี้ก็คือ อยู่ใกล้กับสะพานพระราม 9 มาก ๆ โดยจากทางลงของสะพานพระราม 9 มาถึงโครงการ มีระยะทางเพียง 1 กม.* วิ่ง 1 นาที* มาถึงโครงการได้แบบสบาย ๆ ค่ะ
และจากโครงการ ถ้าจะกลับขึ้นสะพานพระราม 9 ขึ้นทางพิเศษเฉลิมมหานคร จะมีระยะทางประมาณ 3.3 กม.* ก็ยังนับว่าใกล้มากเช่นกัน จะใช้มุ่งหน้าเข้า CBD พระราม 3-สาทร หรือจะออกไปโซนพระราม 2 ก็สะดวกมาก
หรือจากโครงการจะวิ่งไปขึ้นถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ก็ใกล้เพียง 450 ม.* ข้ามสะพานภูมิพลไปฝั่งพระราม 3 หรือข้ามไปฝั่งสมุทรปราการเชื่อมต่อกับวงแหวนกาญจนาภิเษก ก็ใช้เส้นทางนี้ได้ค่ะ
ถนนและแยกสำคัญใกล้เคียง
**ระยะทางวัดจากการเดินทางสู่จุดหมาย โดยถนนที่ใกล้ที่สุด**
การเดินทางโดยรถไฟฟ้าและรถสาธารณะ : บนถนนสุขสวัสดิ์จะมีรถสาธารณะและรถประจำทางวิ่งผ่านตลอดค่ะ ซึ่งเลยจากโครงการไปนิดเดียวจะมีป้ายรถเมล์อยู่ใช้รอรถได้ รถเมล์ที่ผ่านจะมีสาย 4-3, 4-15, 82, 138 และ 195 ส่วนรถแท็กซี่และวินมอเตอร์ไซค์ก็สามารถเรียกหาได้ง่าย
ในอนาคตช่วงปี 2570 ทำเลนี้จะมีรถไฟฟ้าให้ใช้กัน ก็คือ MRT สายสีม่วง สถานีที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีราษฎร์บูรณะ ซึ่งอยู่ในระยะเดินสะดวก ประมาณ 300 ม.* เท่านั้น ไม่ต่างไปจากคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าเลยค่ะ และรถไฟฟ้าสายนี้ยังเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเทา เชื่อมต่อระบบรางกับทำเลสาทร-พระราม 3 แถมทางเท้าบริเวณโครงการก็กว้างและเรียบ เอื้ออำนวยต่อการเดินอีกด้วยนะ
ความอุดมสมบูรณ์ ทำเลนี้มีความน่าสนใจในเรื่องของความอุดมสมบูรณ์ เพราะว่าใกล้เคียงกับโครงการจะมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่และสถานที่สำหรับ Shopping อยู่เยอะมากเลยค่ะ บนเส้นสุขสวัสดิ์นี้เองจะมีทั้ง ไทวัสดุ สุขสวัสดิ์, Big C Supercenter สุขสวัสดิ์, Lotus’s บางปะกอก, Makro Food Service บางปะกอก, Big C Supercenter บางปะกอก รวมไปถึงตลาดขนาดใหญ่ ทั้ง ตลาดพระประแดงอาเขต, ตลาดบางปะกอก และตลาดอินดี้ ดาวคะนอง
ข้ามไปฝั่งกรุงเทพฯ โซนพระราม 3-สาทร จะมีแหล่ง Shopping ขนาดใหญ่ ทั้ง Central พระราม 3, Asiatique The Riverfront, Terminal 21, Icon Siam รวมไปถึง The Up พระราม 3, Lotus’s พระราม 3, Makro สาทร และ Home Pro พระราม 3 หรือถ้าวิ่งไปบนเส้นพระราม 2 ก็มี Choice ของห้างให้เลือกเดินได้เยอะเหมือนกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็น Central พระราม 2, The Bright พระราม 2, Home Pro, Big C, ไทวัสดุ และตลาดกรีนเดย์ไนท์
ที่เห็นชัดเจนอีกอย่างก็คือทำเลนี้ห้อมล้อมไปด้วยสถานศึกษาชื่อดังและโรงพยาบาลอีกมากมาย สถานศึกษาจะมีทั้ง ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี หรือที่รู้จักกันในชื่อ ม.บางมด, รร.ดรุณสิขาลัย, รร.สารสาสน์พิทยา โรงเรียนนานาชาติในโชนนี้ก็เยอะ ทั้ง รร.นานาชาติ King’s College, รร.นานาชาติ Raintree, รร.นานาชาติ Tiny Tots, รร.นานาชาติ Shrewsbury และ รร.นานาชาติ BASIS เป็นต้น
ส่วนโรงพยาบาลแค่บนเส้นสุขสวัสดิ์ก็มีเยอะแล้วค่ะ ทั้ง รพ.สุขสวัสดิ์อินเตอร์, รพ.ไอเอ็มเอช ธนบุรี, รพ.บางปะกอกอก 1 และที่อยู่ในโซนใกล้เคียง อย่าง รพ.บางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล, รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า, รพ.วรรณสิริ, รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ ก็อยู่ไม่ไกล เดินทางไปได้สะดวก
ศูนย์การค้า
ตลาด ร้านสะดวกซื้อ และอื่น ๆ
สถานศึกษา
ศูนย์การแพทย์
**ระยะทางวัดจากการเดินทางสู่จุดหมาย โดยถนนที่ใกล้ที่สุด**
ภาพประกอบการเดินทาง
เรามีภาพการเดินทางไปโครงการโดยใช้รถส่วนตัวมาฝากกันค่ะ โดยเราจะเริ่มการเดินทางจาก
ทางพิเศษเฉลิมมหานคร (สะพานพระราม 9) > ถนนสุขสวัสดิ์ > Nue Hybe Suksawat
เราเริ่มต้นการเดินทางจากบนทางพิเศษเฉลิมมหานครโดยมุ่งหน้าไปทางดาวคะนองกันค่ะ
โดยจากทางด่วนจะเชื่อมต่อกับสะพานพระราม 9 ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา
ตอนนี้เราอยู่บนสะพานพระราม 9 กันแล้วนะคะ ทางฝั่งขวามือเราจะเห็นตึกกสิกร
พอลงมาจากสะพานให้เราชิดซ้ายไปทางถนนสุขสวัสดิ์
เราจะลงมาที่ถนนสุขสวัสดิ์ซึ่งตอนนี้เราอยู่ห่างจากโครงการไม่ถึง 1 กม.*
ตรงไปเรื่อย ๆ จนมาถึงแยกวัดสน หรือช่วงปากซอยสุขสวัสดิ์ 35 ที่สามารถใช้เชื่อมต่อไปยังถนนราษฎร์บูรณะได้ แปลว่าเราใกล้จะถึงโครงการแล้ว
เลยจากปากซอยสุขสวัสดิ์ 35 มาประมาณ 130 ม.* เราก็จะถึงโครงการ Nue Hybe Suksawat แล้วค่า
ภาพซุ้มทางเข้าโครงการ Nue Hybe Suksawat
ภาพมุมสูงที่ดินโครงการ สำหรับทำเลโดยรอบโครงการจะยังคงเป็นลักษณะของอาคารและบ้านพักอาศัยในแนวราบนะคะ แม้จะเป็นถนนใหญ่ แต่ในความรู้สึกคือยังมีความเป็นส่วนตัว ไม่ได้มีคนพลุกพล่านและหนาแน่นเท่าตัวเมืองชั้นใน
โดยตัวโครงการจะตั้งอยู่บนแปลงที่ดินขนาดประมาณ 15 ไร่ มีอาคารพาณิชย์และทาวน์โฮมรวม 156 หลังด้วยกัน ภายในโครงการเองจะยังมีการแบ่งโซนของอาคารพาณิชย์และทาวน์โฮมออกจากกันด้วย Gate ถึง 3 ชั้น โดยอาคารพาณิชย์จะอยู่ฝั่งด้านหน้า ทำให้เข้าถึงได้ง่าย ส่วนทาวน์โฮมจะอยู่ฝั่งด้านใน ทำให้ครอบครัวที่อาศัยอยู่ภายในโครงการนี้ ได้ความเป็นส่วนตัวไม่ต่างไปจากโครงการบ้านพักอาศัยโครงการอื่น ๆ ค่ะ
รอบโครงการ
รอบโครงการ
เรามาเดินดูบรรยากาศโดยรอบโครงการกันค่ะ เริ่มจากด้านหน้าโครงการจะอยู่ติดกับถนนสุขสวัสดิ์แบบนี้เลย
หันไปทางฝั่งขวามือ มุ่งหน้าแยกวัดสน เราจะเห็นป้ายรถเมล์อยู่ด้านหน้าโครงการ
ติดถนนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์เรียงกันตลอดแนว เปิดเป็นกิจการร้านค้าต่าง ๆ
เราเดินไปนิดเดียวก็จะถึงปากซอยสุขสวัสดิ์ 35 แล้วค่ะ มีสะพานลอยข้ามถนนได้
ซึ่งบริเวณหน้าปากซอยช่วงตีนสะพานลอยจะมี 7-11 อยู่ 1 สาขา ใครมีกิจการร้านค้าหรือพักอาศัยในโครงการนี้ ถือว่าสะดวกแล้ว
เลยไปอีกยังมีพวกร้านนวด, ร้านขายยา และร้านอาหาร สังเกตว่าทางเท้ากว้างและเรียบ เดินได้ง่ายเลยค่ะ
จากหน้าโครงการเราหันไปทางฝั่งซ้ายมือ มุ่งหน้าไปทางถนนวงแหวนอุตสาหกรรมกันบ้าง
พื้นที่ติดถนนก็จะเป็นลักษณะของอาคารพาณิชย์เช่นกัน
ร้านอาหารก็มี ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ก็มีเหมือนกันค่ะ
มองไปที่ฝั่งตรงข้ามจะมีธนาคารกรุงศรีอยุธยาอยู่ 1 สาขา ไปทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้สะดวก ซึ่งฝั่งนี้ก็มีสะพานลอยใกล้ ๆ กับธนาคารให้ข้ามถนนได้เช่นกัน
ตัวโครงการ
Nue Hybe Suksawat เป็นโครงการที่รวมเอาโปรดักต์ของอาคารพาณิชย์และทาวน์โฮมมารวมอยู่ในโครงการเดียวกัน รวมทั้งหมด 156 หลัง โดยออกแบบมาภายใต้แนวคิด Hybrid Living เน้นการออกแบบเพื่อประโยชน์ใช้สอยที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ โดยจะแตกต่างกันไปในตัวโปรดักต์แบบต่าง ๆ ที่ทางโครงการมีมาให้เลือกนะคะ
ภาพลักษณ์และรูปแบบงานสถาปัตยกรรมของโครงการถูกออกแบบมาในสไตล์ Modern ด้วยรูปทรงที่เรียบง่าย ใช้โทนสี Monochrome เป็นสีขาว-เทา เพื่อให้พื้นที่สีเขียวที่ถูกสอดแทรกลงไปตามพื้นที่ส่วนต่าง ๆ ของโครงการดูมีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
เริ่มจาก Main Gate ของโครงการมีการแบ่งช่องทางเข้า-ออกอย่างชัดเจน พร้อม ป้อม รปภ., รั้วไม้กระดก และกล้อง CCTV ดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชม. โดยการเข้า-ออกจะใช้เป็นระบบ Access Card นอกจาก Main Gate ด้านหน้าโครงการแล้ว ภายในโครงการยังมี Gate อีก 2 ชั้น ที่กั้นส่วนระหว่างอาคารพาณิชย์และบ้านพักอาศัยอีกด้วย
พอเข้ามาภายในโครงการแล้ว พื้นที่ถนนส่วนแรกจะมีความกว้างพอสมควรเลยค่ะ โดยจะเป็นพื้นที่ Public Parking เพื่อตอบโจทย์การเปิดกิจการหน้าร้านและการทำออฟฟิศ ให้สามารถรองรับรถยนต์ของพนักงานและลูกค้าได้มากขึ้น
โดยทางฝั่งขวามือของเรานี้เองจะเป็น Sales Gallery ของโครงการค่ะ เปิดทำการตั้งแต่ 9.30-18.30 น.
ผ่านโซน Urban Shop House และ Urban Hybrid Home เข้ามา จะเจอกับ Gate จุดที่ 2 ใช้ผ่านเข้าไปยัง Hybrid Clubhouse, Urban Garden และจะมี Gate ที่ 3 ที่ใช้ผ่านเข้าไปยัง Urban Home ที่เป็นโซนของบ้านพักอาศัย ทั้ง 2 Gate นี้ จะเข้า-ออกได้เฉพาะลูกบ้านเท่านั้นค่ะ
ตรงเข้ามาด้านในบริเวณกลางโครงการจะมี Hybrid Clubhouse 3 ชั้น อำนวยความสะดวกให้ลูกบ้านได้ใช้งานกัน ที่เรียกว่าเป็น Hybrid Clubhouse เพราะว่าทางโครงการมีการจัดฟังก์ชันแบบ Live & Work รองรับการพักผ่อนหย่อนใจ รวมไปถึงรองรับการทำงานเอาไว้ให้ในอาคารเดียวกัน
โดยรูปลักษณ์ของอาคารถูกออกแบบมาในสไตล์โมเดิร์นอย่างสวยงามตามแบบฉบับของทาง Noble มีการลบเหลี่ยมมุมของอาคารให้ดู Soft และ Smooth กลมกลืนไปกับธรรมชาติ และการใช้โทนสี Monochrome ก็ช่วยขับให้พื้นที่สีเขียวภายในอาคารดูโดดเด่นมากขึ้นทีเดียว
พื้นที่ใต้อาคารส่วนแรกจะเป็นพื้นที่สำหรับนั่งพักคอยรับลมธรรมชาติ
ด้านหน้าอาคารเป็นสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือค่ะ แยกโซนสระเด็ก-สระผู้ใหญ่ให้เพื่อความปลอดภัย ใช้แช่น้ำและว่ายน้ำได้
ด้านข้างสระมีห้องน้ำแยกชาย-หญิง
ภาพบรรยากาศภายในห้องน้ำหญิง ตกแต่งดูสว่างและสวยงามน่าใช้งาน ภายในมีโซนอ่างล้างมือ, ตู้ล็อกเกอร์, ห้องน้ำ และห้องอาบน้ำจัดเอาไว้ให้
ภาพบรรยากาศภายในห้องน้ำชาย ตกแต่งมาในแบบเดียวกัน
เราขึ้นมาที่ชั้น 2 กันต่อ จะเป็นส่วนของห้องฟิตเนส
ห้องฟิตเนสจะเป็นห้องที่มีผนังกระจกรับแสงธรรมชาติขนาดใหญ่ ทำให้บรรยากาศภายในสว่างและโปร่งโล่ง เหมาะสำหรับการออกกำลังกาย ตกแต่งด้วยโทนสีไม้อ่อน ๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนบ้าน
ทางโครงการจัดอุปกรณ์ออกกำลังกายให้ครบครันค่ะ ทั้ง Weight Training Machine และ Cardio Machine ประกอบด้วย ลู่วิ่งไฟฟ้า, เครื่องเดินวงรี, จักรยานไฟฟ้า
ชุดดัมเบลแบบคละน้ำหนัก, เบาะปรับระดับ, Multi-Function Machine รวมไปถึงอุปกรณ์อื่น ๆ อย่างเสื่อโยคะ และยิมบอล พร้อมกระจกเงาสำหรับเช็กท่าทางเวลายกน้ำหนัก
นอกจากนี้บนชัั้น 2 ยังมีมุมนั่งพักผ่อนแบบ Semi-Outdoor ที่ล้อมรอบด้วยพื้นที่สีเขียวอีกด้วย โดยฝ้าเพดานส่วนนี้จะเปิดโล่งสูงแบบ Double Volume ทำให้บรรยากาศดูโปร่ง และมีลมพัดผ่านดี
คราวนี้เราขึ้นมาบนชั้น 3 กันต่อ จะเป็นส่วนของ Co-Working Space ค่ะ
ภายใน Co-Working Space เองจะยังมีการกั้นส่วนห้องเป็น Meeting Room เผื่อการคุยประชุมงานที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
บรรยากาศภายในห้องตกแต่งมาในโทนที่ดูอบอุ่น มีพวกชุดโต๊ะเก้าอี้รวมไปถึงโซฟาขนาดใหญ่รองรับการนั่งทำงานและคุยงานได้หลายรูปแบบ
มีโต๊ะยาวตัวใหญ่แบบนี้สำหรับนั่งทำงานแบบจริงจัง หรือการ Brain Storm กับเพื่อนในทีม
หรือจะเป็น Business Lounge มุมนั่งคุยงานแบบกลุ่มเล็กแบบ 2-3 คน และโซฟาตัวใหญ่ ๆ สำหรับการผ่อนคลาย มานั่งพักผ่อน ตากแอร์เย็น ๆ หรืออ่านหนังสือสบาย ๆ ก็ได้นะคะ
จาก Hybrid Clubhouse มองตรงออกมาจะเจอกับ Urban Garden หรือสวนพักผ่อนของโครงการนี้
สวนพักผ่อน Urban Garden พร้อมมุมนั่งพักผ่อนกลางสวนแบบร่มรื่นหลายมุม และพื้นที่สนามเด็กเล่น ให้ครอบครัวสามารถใช้เวลาพักผ่อนร่วมกันได้ รวมไปถึงยังเป็นพื้นที่ที่ใช้เปลี่ยนบรรยากาศในการทำงานได้อีกด้วย
ข้างสวนจะมี Ramp รองรับผู้สูงอายุ และคนที่ใช้ Wheelchair ให้สามารถขึ้นมานั่งเล่นพักผ่อนในสวนได้อย่างเท่าเทียมกัน ตามหลักการออกแบบ Universal Design
ขึ้นมาด้านบนจะเป็น Terrace ที่ห้อมล้อมไปด้วย Vertical Garden และต้นไม้ใหญ่ มีการจัดเตรียมชุดโต๊ะเก้าอี้สนามไว้ให้หลายที่นั่ง ช่วงเย็น ๆ สามารถนำ Laptop ออกมานั่งทำงานในบรรยากาศใกล้ชิดสวนแบบนี้ได้เลยค่ะ
ต่อเนื่องมาจะเป็นพื้นที่เล่นระดับ ด้านบนสุดจะเป็น Walkway ใช้เดินออกกำลังกายได้ ถัดลงมาจะเป็นขั้นบันได ที่ในแต่ละขั้นจะใช้นั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจได้ และมีการแทรกต้นไม้สีเขียว เพิ่มความร่มรื่น ผ่อนคลายให้ขณะที่ใช้งาน
ลงมาที่ลานตรงกลางสวนจะเป็นสนามเด็กเล่น
ด้านล่างจะเป็นสนามเด็กเล่น พร้อมพื้นยางกันกระแทก มีเครื่องเล่นสนามประเภทต่าง ๆ จัดไว้ให้หลากหลาย บ้านไหนที่มีเด็ก ๆ ก็สามารถพาออกมาเล่นของเล่นที่ตรงนี้ได้
ภายในสวนจะมี Terrace ที่ปูพื้นกระเบื้องลายไม้มาให้ รองรับการใช้งานหนัก ๆ ได้ดีกว่าสนามหญ้า พร้อมจัดเตรียมชุดโต๊ะเก้าสนาม และมีโซนของเคาน์เตอร์บาร์ไว้นั่งเล่น นั่งทานอาหารง่าย ๆ กันได้ด้วยค่ะ
ภายในสวนเค้าจะออกแบบให้ทุก ๆ พื้นที่ใช้งานได้จริงค่ะ นอกจากพื้นที่เล่นระดับที่เป็นม้านั่งได้แล้ว ตัวเคิร์ฟงานตกแต่งในสวนตรงนี้ ก็ใช้แทนม้านั่งพักผ่อนได้เหมือนกัน
บรรยากาศภาพรวมบริเวณสวน Urban Garden ค่ะ
แบบบ้าน
ภายในโครงการ Nue Hybe Suksawat จะมีโปรดักต์ให้เลือกทั้งหมด 3 แบบหลัก ๆ ด้วยกัน ดังนี้
บ้านตัวอย่าง
วันนี้เรามีบ้านตัวอย่างให้ชมครบทั้ง 3 แบบ เลยนะคะ ได้แก่
บ้านตัวอย่าง แบบบ้าน Urban Home 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 5.45 ม. พื้นที่ใช้สอย 174 ตร.ม.
เริ่มกันที่ Urban Home 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 5.45 ม. พื้นที่ใช้สอย 174 ตร.ม. ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ พร้อมที่จอดรถ 2 คัน โครงสร้าง Precast มีข้อดี คือ ป้องกันเสียงได้ดี, หมดห่วงเรื่องร้อยร้าว ไม่มีเหลี่ยมมุมเสาในบ้าน ทำให้จัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ลงตัว ส่วนหลังบ้านจะมีการลงเสาเข็มมาให้เรียบร้อย รองรับการต่อเติม หรือขยับขยายส่วนหลังบ้านได้เลยค่ะ
Highlight ของ Urban Home 3.5 ชั้น จะเน้นการใช้งานในส่วนของบ้านเป็นหลัก การจัดผังพื้นก็จะเน้นให้เกิด Flow Ventilation ของบ้าน โดยจะรวบในส่วนของห้องน้ำ และบันไดให้ชิดไปทางด้านข้าง แล้วทิ้งพื้นที่ใช้สอยให้ยาวต่อเนื่อง จากหน้าบ้าน ทะลุไปถึงหลังบ้าน
อาคารจะมีความสูงรวมทั้งหมด 3 ชั้นครึ่ง ชั้นล่างจะดีไซน์ให้มีชั้นลอย เพื่อเน้น Space ของโถงสูงทางด้านหลังบ้าน เพื่อเพิ่มความโปร่งโล่ง ให้กับบ้าน และเชื่อมต่อกับพื้นที่สวนทางด้านหลังได้โดยตรง
ชั้น 2-3 ถูกออกแบบให้เป็นห้องนอนทั้งหมด โดยจะมีพื้นที่ระเบียง และกระถางต้นไม้ แทรกอยู่ทางหน้าบ้าน เพื่อสร้างบรรยากาศให้กับพื้นที่ใช้งาน และเป็นการเพิ่มความเชื่อมต่อกับพื้นที่สวนได้ในอีกทาง
ภาพรวม Facade ได้มีการออกแบบ Layer ของ Facade ขึ้นมาอีกชั้นนึง เพื่อบังไม่ให้เห็นพื้นที่ใช้สอยด้านในได้โดยตรง เพื่อใช้ประโยชน์ในเรื่องของการกรองแสง และการพรางสายตา จากอาคารฝั่งตรงข้าม ที่มีโอกาสมองเข้ามาเห็น
รูปแบบของอาคาร จะออกมาในลักษณะของอาคารที่ดู Modern ภาษา และวัสดุ ที่ใช้ในงานออกแบบ ก็จะเรียบ ๆ ตรงไปตรงมาตามประโยชน์ใช้สอย เช่น ผนัง และกระถางต้นไม้คอนกรีต หรือระแนงไม้ เป็นต้น ภายนอกใช้โทนสีที่เป็น Monotone คุมสี อยู่ในช่วงขาว-เทา เพื่อจะได้ตัดกับสีของต้นไม้ ที่จะแทรกอยู่ในแต่ละจุดของอาคารได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
หน้าบ้านกว้าง 5.45 ม. รองรับการจอดรถยนต์ได้ 2 คัน บ้านจริงจะมีประตูรั้วเหล็กบานพับติดมาให้ ตัวพื้นเป็น Slab on ground โดยแยกโครงสร้างออกมาจากตัวบ้าน เพื่อป้องการการทรุดตัวในอนาคต
ผนังข้างบ้านติดเต้าเสียบปลั๊กไฟพร้อมฝาครอบกันน้ำให้ 1 จุด มีท่ออันน้ำยาปลวกที่ด้านล่าง ทำให้ง่ายต่อการใช้งาน และงานต่อการ Maintanance เป็นอย่างดี
ชายคาหน้าบ้านติดโคมไฟให้แสงสว่างมา 3 ดวง
หน้าบ้านมีการเตรียม Junction Box รองรับการติดตั้ง EV Charger ได้เลยค่ะ
ด้านหน้าทางเข้ามีชานพักยกพื้นขึ้นมาให้ 1 Step ส่วนประตูเป็นบานทึบลายไม้ ที่ติดกลอน Digital Door Lock 3 ระบบ มาให้เลย สะดวกต่อการใช้งาน ไม่ต้องพกกุญแจให้ยุ่งยากอีกต่อไปค่ะ
เข้ามาในบ้านจะเจอกับ Foyer และโถงบันไดเป็นส่วนแรก ส่วนตัวชอบประตูทางเข้าไม่ตรงกับส่วนพักผ่อนในบ้าน ทำให้ได้สมาชิกในครอบครัวได้ความเป็นส่วนตัวดี
ด้านหน้าจะมีห้องเก็บของเพดานสูงให้ 1 ห้อง มีประตูไม้ปิดมิดชิดเป็นสัดส่วน ภายในเก็บของได้เยอะ และสามารถเก็บของชิ้นใหญ่ ๆ อย่าง ถุงกอล์ฟ, เครื่องดูดฝุ่น, จักรยานพับได้ หรือใช้เป็นห้องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านก็ได้ค่ะ
ต่อเนื่องไปทางขวามือจะเป็น Common Area หรือพื้นที่ส่วนรวมของสมาชิกในครอบครัว พื้นบ้านชั้น 1 ปูแกรนิตให้ทั้งชั้น ผนังและฝ้าเพดานในบ้านจริงฉาบเรียบทาสีขาว และติดโคมไฟ Downlight หลอด LED ให้ทั้งหลังเลยค่ะ
มาดูส่วนครัวด้านหน้าบ้านกันก่อนค่ะ บริเวณครัวจะได้เพดานสูง 2.4 ม.
พื้นที่ใช้งานให้จะสามารถวางตู้เย็น 10-12 คิว และ Built-in ชุดครัว U-Shape แบ่งส่วนล้างจาน, ทำอาหาร, เตรียมอาหารได้กำลังพอดีเลยค่ะ
จุดเด่นของครัวตรงนี้ คือ จะมีช่องแสงกระจกบานเลื่อนติดมาให้ทางด้านหน้าบ้าน ซึ่งนอกจากจะใช้มองคนผ่านไป ผ่านมาได้แล้ว ยังใช้เป็นช่องแสงธรรมชาติ สามารถเปิดระบายอากาศจากการประกอบอาหาร หรือจะเปิดควบคู่ไปกับประตูหลังบ้าน เพื่อให้มีอากาศถ่ายเทได้ดีมากขึ้นก็ได้ หรือใช้สำหรับขนของเข้าครัวหน้าบ้านโดยตรงก็สะดวกค่ะ
จากมุมครัวมองกลับเข้ามาในบ้าน จะเจอกับมุมรับประทานอาหารและห้องน้ำ ที่เชื่อมต่อกับพื้นที่หลังบ้านได้อีกที
ถัดมาจะเป็นโซน Dining ส่วนนี้จะเป็น Highlight ของบ้าน Urban Home เลยค่ะ เพราะจะได้ฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume ที่ 5.7 ม. และสามารถ Connect กับชั้นลอยด้านบนได้ ให้ความรู้สึกโปร่งสบายมากกว่าทาวน์โฮมทั่วไป
บริเวณนี้จะรองรับชุดโต๊ะทานอาหารขนาด 6-8 ที่นั่งได้สบาย ๆ ค่ะ สามารถเปิดประตูเชื่อมต่อกับสวนหลังบ้านได้ และด้วยพื้นที่ที่มีความ Flexible จึงสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันในรูปแบบอื่น ๆ ได้ตามไลฟ์สไตล์
ด้านหลังบ้านจะมีช่องแสง Oversized มาให้ถึง 2 จุด พร้อมเปิดรับแสงแดดและการถ่ายเทอากาศได้เป็นอย่างดี โดยช่องแสงด้านบนจะเป็นกระจกบานฟิกซ์ ส่วนด้านล่างจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อนที่ใช้เปิดเชื่อมออกไปหลังบ้านได้
ด้านหลังบ้านตัวอย่างจัด Vertical Garden มาให้ดูเป็นไอเดียค่ะ เราสามารถวางชุดโต๊ะ-เก้าอี้สนาม ไว้นั่งทานกาแฟ นั่งอ่านหนังสือได้แบบนี้ ส่วนใครที่ชอบทำอาหารจริงจังทานกับคนในครอบครัว สามารถต่อเติมห้องครัวไทยแยกออกมาได้เลยค่ะ
เพราะในบ้านจริงจะได้พื้นคอนกรีตเสริมเหล็ก และมีการลงเสาเข็มให้ลึกเท่าตัวบ้าน พร้อมก่อกำแพงสูงมาให้ครบทั้ง 3 ด้านแล้ว ทำให้ลูกค้าสามารถต่อเติมห้องต่าง ๆ เพิ่มได้เลย จุดนี้จะช่วย Save Cost ลูกค้าไปได้หลักแสนเลยนะคะ
มองกลับเข้ามาดูภาพรวมภายในบ้าน พื้นที่จะ Connect ชั้น 1 และชั้นลอยได้แบบนี้
อีกฝั่งของบ้านจะเป็นผนังเปล่าฉาบเรียบ ในบ้านจริงเราสามารถติด Smart TV ขนาด 50-60 นิ้วได้เลยค่ะ และติดกันนั้นจะเป็นที่ตั้งของห้องน้ำชั้นล่าง
ห้องน้ำชั้นล่างแบบ Powder Room พื้นที่ใช้งานให้มากว้างดี ตกแต่งกระเบื้องพื้นและผนังด้วยลายหิน Terrazzo ดูผ่อนคลาย น่าใช้งาน สุขภัณฑ์ทั้งหมดใช้ของแบรนด์ Hafele และ American Standard มีหน้าต่างกระจกฝ้าบานกระทุ้งให้เปิดระบายกลิ่น ระบายอากาศ และใช้เป็นช่องสว่างในตอนกลางวันได้ด้วย
อ่างล้างหน้าทรงเหลี่ยม ก๊อกน้ำแบบก้านโยก พร้อมตู้เก็บของลายไม้ที่ใต้อ่าง หน้าอ่างจะมีพื้นที่ให้วางขวดสบู่ล้างมือ, ขวดน้ำหอมปรับอากาศ หรือวางต้นไม้ฟอกอากาศต้นเล็ก ๆ ได้ ผนังติดกระจกเงาสี่เหลี่ยมให้ 1 บาน และมีเต้าเสียบปลั๊กไฟพร้อมฝาครอบกันน้ำติดมาให้อีก 1 จุด
โถสุขภัณฑ์ 1 Piece ระบบ Dual Flush พร้อมอุปกรณ์ประกอบครบชุด
กลับออกไปทาง Foyer เพื่อขึ้นไปดูชั้นบนกันต่อค่ะ
บันไดลูกนอนไม้ Solid สีอ่อนโทน Minimal ติดราวบันไดแบบโครงเหล็กฝังผนังสีเข้ากันกับพื้นบันได
ผ่านชานพักมาจะเปลี่ยนจากราวฝังผนังมาเป็นราวเหล็กทาสีดำ มือจับสีเดียวกันกับลูกนอน
ขึ้นมาที่ชั้นลอยจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ และมีห้องเก็บของให้อีก 1 ห้อง โดยพื้นชั้นลอย, ชั้น 2 และชั้น 3 จะถูกเปลี่ยนจากกระเบื้องมาเป็นกระเบื้อง SPC ลายไม้สีอ่อน ที่ตัวแผ่นทำจาก PVC ผสมหิน มีความแข็งแรง รองรับแรงกระแทกได้ดี กันปลวก กันน้ำได้ 100% ทั้งยังให้ผิวสัมผัสที่นุ่มนวล เดินสบายเท้า และได้ Mood & Tone ที่ดูผ่อนคลายสบายตา
พื้นที่อเนกประสงค์บนชั้นลอยมีความเป็นส่วนตัว เหมาะกับการทำเป็น Family Area สำหรับนั่งดูหนัง ดูซีรีส์ เล่นเกม และใช้เป็นพื้นที่พักผ่อน พูดคุยกับสมาชิกในครอบครัว พื้นที่ตรงนี้จะรองรับโซฟาเซ็ตใหญ่ และชั้นวางทีวีตัวยาวเต็มผนังได้ ส่วนใครที่มีสมาชิกเยอะหน่อย ก็สามารถกั้นผนังทำเป็นห้องแบบปิดส่วนตัวได้เลยค่ะ
ผนังทางด้านหลังนี้ จะเป็นผนังปูนฉาบเรียบทาสี ที่มีการเดินงานระบบไฟฟ้า ติดเต้าเสียบปลั๊กไฟ ช่องเสียบสาย Cable TV และ Lan Internet มาให้พร้อมต่อใช้งาน
จากชั้นลอยจะสามารถมองลงมายัง Common Area ที่ชั้นล่างได้
แม้ว่าจะเป็นชั้นลอย แต่ก็จะได้หน้าต่างกระจกบานเลื่อน Oversized ฝั่งหน้าบ้านมา 1 บานค่ะ ทำให้พื้นที่บริเวณนี้ได้รับแสงธรรมชาติจากหหน้าต่างบานนี้ และช่องแสงบานฟิกซ์ที่ผนังหลังบ้านรวมเป็น 2 จุด เลยทีเดียวค่ะ
ด้านข้างจะมีห้องเก็บของเพดานสูงให้ 1 ห้อง มีประตูไม้ปิดมิดชิดเป็นสัดส่วน ดูไม่รกตา โดยตำแหน่งจะอยู่ทางด้านหน้าบ้าน
ภายในห้องจะปูพื้นกระเบื้องมาให้ เพื่อการเช็ด ถู ทำความสะอาดเป็นเรื่องง่าย ในห้องจะได้เพดานสูงเท่าชั้นลอย สามารถเก็บของชิ้นใหญ่ ๆ ของที่ไม่ค่อยได้ใช้ หรือจะติดชั้นวางของย่อย ๆ ที่ผนัง ไว้เก็บของเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ได้เหมือนกัน และในห้องนี้จะเป็นที่ตั้งของตู้ Load Center ประจำบ้านด้วยค่ะ
ขึ้นไปที่ชั้น 2 ระหว่างทางจะชานพักสามเหลี่ยมและสี่เหลี่ยม ช่วยให้เดินขึ้น-ลงได้สะดวก และตรงชานพักจะมีช่องแสงบานฟิกซ์ติดมาให้ด้วย 1 บาน
ขึ้นมาที่ชานพักด้านบนก่อนที่จะถึงชั้น 2 จะได้พื้นที่มาค่อนข้างกว้างค่ะ สามารถวางม้านั่งพักผ่อน ตกแต่งผนังด้วยกรอบรูป หรือปลูกต้นไม้ฟอกอากาศเพิ่มเข้าไปได้
ด้านหลังจะได้หน้าต่างกระจก Oversized มา 1 บาน และที่ด้านนอกนั้นจะเป็นที่ตั้งของต้นไม้ใหญ่ ที่ทางโครงการปลูกไว้ให้เลยบ้านละ 1 ต้น ข้อดีคือได้ความร่มรื่น ช่วยคลายร้อน และช่วยปรับลดอุณหภูมิ ไม่ให้ความร้อนด้านนอกเข้ามาในบ้านโดยตรงได้ค่ะ
ขึ้นมาถึงชั้น 2 จะได้ฝ้าเพดานสูง 2.7 ม. ชั้นนี้จะมี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ แบบแชร์ร่วมกัน
ห้องแรกจะตกแต่งเป็น Workshop Studio มาให้ดูเป็นไอเดีย เผื่อบ้านไหนมีคน New Gen ที่มีธุรกิจขนาดเล็ก และต้องการมีห้องทำงานในบ้าน ก็สามารถนำไปปรับใช้กันได้ค่ะ ภายในห้องนี้จะรองรับการทำงานได้ประมาณ 4-6 คน กำลังพอดี
ในห้องจะสามารถวางโต๊ะประชุมขนาด 4 ที่นั่ง และชั้นวางเอกสารขนาดใหญ่ได้แบบนี้
ฝั่งหน้าบ้านจะมีหน้าต่างกระจกบานผสมแบบ Full Height ติดมาให้ 1 บาน ใช้รับแสงสว่าง และใช้เปิดระบายอากาศได้
อีกฝั่งของห้องมีพื้นที่หน้ากว้าง รองรับโต๊ะทำงาน 2 ที่นั่ง ได้แบบหลวม ๆ ใช้งานจริงได้แบบไม่อึดอัด
ส่วนใครที่ไม่ทำเป็นห้องทำงาน ก็สามารถทำเป็นห้องนอนรองได้นะคะ บ้านไหนที่มีเด็ก ๆ วัยไล่เลี่ยกัน สามารถวางเตียงเดี่ยว 2 หลัง หรือวางเป็นเตียง 2 ชั้น ก็จะมีพื้นที่เหลือให้วางเฟอร์นิเจอร์อื่น ๆ ได้เยอะมากขึ้นด้วยค่ะ
ถัดมาอีกห้องจัดเป็นห้องนอนมาให้ดูเป็นไอเดีย ในห้องนี้จะสามารถวางเตียง 3.5-5 ฟุตได้ และมีพื้นที่เหลือให้วางโต๊ะทำงาน, ชั้นวางทีวี และตู้เสื้อผ้าได้ครบเลยค่ะ
ในห้องนี้จะได้หน้าต่างกระจกบานผสมทรงสูงมา 1 บาน ตำแหน่งจะอยู่ที่ด้านข้างแบบนี้ค่ะ ใครที่ชอบพักผ่อนเงียบ ๆ มีแสงไม่เยอะมาก เลือกห้องนี้ได้เลยนะ
สุดโถงทางเดินจะเป็นที่ตั้งของห้องน้ำ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่ 2 ห้องนอน เดินออกมาใช้งานได้สะดวก โดยห้องนี้จะเป็นห้องหน้ากว้าง แบ่งส่วนแห้ง แยกส่วนอาบน้ำมาให้เรียบร้อย ตกแต่งกระเบื้องพื้นและผนังในโทนสว่าง ทำให้ห้องดูกว้าง สบายตา ส่วนสุขภัณฑ์มาตรฐานจะใช้เป็นของ Hafele และ American Standard เช่นเดิม
ซ้ายมือจะเป็นส่วนแห้ง ติดอ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์มาในระยะใช้งานสบาย ๆ มีตัวช่วยในการรับแสงและระบายอากาศเป็นหน้าต่างกระจกฝ้าบานกระทุ้ง 1 บาน
อ่างล้างหน้า Spec เดียวกันกับห้องน้ำชั้นล่าง ผนังติดกระจกเงาทรงสูงให้ 1 บาน ด้านข้างมีเต้าเสียบปลั๊กไฟพร้อมฝาครอบกันน้ำติดมาให้ 1 จุด รองรับการเสียบต่อไดร์เป่าผม, เครื่องม้วนผม และอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ ได้
โถสุขภัณฑ์ 1 Piece ระบบ Dual Flush พร้อมสายฉีดชำระ และที่แขวนกระดาษทิชชู่ครบเซ็ตค่ะ
ขวามือเป็นส่วนอาบน้ำเข้ามุมลงไปแบบนี้ บ้านตัวอย่างติด Shower Screen มาให้ดูเป็นแนวทาง ด้านในลดระดับพื้นลงไปให้เล็กน้อย
ติดตั้งฝักบัว Hand Shower พร้อมราวปรับระดับ ก๊อกน้ำแบบก้านโยก เปิด-ปิดใช้งานสะดวก ที่ผนังติดชั้นวางของมาให้ 1 ชิ้น และมีการเตรียมระบบไฟฟ้า ติด Junction Box มาให้พร้อมต่อเครื่องทำน้ำอุ่นได้เลยค่ะ
จากห้องน้ำมองกลับออกมาที่โถงบันได จะเห็นถึงความโปร่ง โล่ง เพราะมีช่องแสงขนาดใหญ่ติดมาให้ครบในทุก ๆ ชั้นเลยค่ะ
ขึ้นไปที่ชั้น 3 ตรงชานพักจะมีช่องแสงขนาดใหญ่ฝั่งหน้าบ้านให้ 1 บาน มองออกไปด้านนอกจะเห็นต้นไม้สีเขียว ที่ถูกปลูกอยู่ที่ระเบียงชั้น 2 ในอนาคตเมื่อต้นไม้โตขึ้น ยอดด้านบนก็จะชูขึ้นมาสูงกว่านี้ และจะช่วยให้พื้นที่ตรงนี้ได้ร่มเงาจากต้นไม้เพิ่มเข้าไปด้วย
ขึ้นมาถึงชั้น 3 กันแล้วนะคะ ชั้นนี้จะเป็นที่ตั้งของ Master Bedroom
สำหรับ Master Bedroom ของบ้าน Type นี้ จะได้ฟังก์ชันเหมือน Penthouse เลยค่ะ ได้พื้นที่ตั้งแต่หน้าบ้านไปจนสุดหลังบ้าน โดยภายในจะสามารถแบ่งพื้นที่ได้ 2 ส่วน คือ ส่วนพักผ่อน สำหรับวางเตียงนอน ที่อยู่ชิดกับระเบียงส่วนตัว และอีกฝั่งรองรับการทำ Walk-in Closet เพื่อเชื่อมตรงสู่ห้องน้ำในตัวได้อย่างสะดวกสบาย
ส่วนพักผ่อนรองรับเตียง King Size และชั้นวางทีวีตัวยาวได้แบบนี้
ข้างเตียงนอนจะเชื่อมต่อกับระเบียงส่วนตัวในห้องนอนได้ โดยจะแยกส่วนด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ ทำให้เปิดรับแสงได้เยอะ และเปิดรับมุมมองภายนอกได้กว้างดี
ภายนอกจะเป็นระเบียงหน้ากว้าง ปูพื้นกระเบื้องกันลื่นและติดราวกันตกมาให้เรียบร้อย สามารถวางชุดโต๊ะน้ำชา ไว้ออกมานั่งเล่น รับลมชมวิวกันได้
จุดเด่นของระเบียงใน Master Bedroom คือ จะมี Facade ระแนงเหล็กของหน้าบ้านติดอยู่ตรงนี้พอดี ช่วยในเรื่องพรางสายตาจากเพื่อนบ้านหลังอื่น และช่วยกรองแสงแดดในตอนกลางวัน ทำให้พื้นที่ตรงระเบียงและภายในห้องเย็น ไม่ร้อนแดด จนเกินไปค่ะ
อีกฝั่งของห้องจะเป็นพื้นที่สำหรับทำ Walk-in Closet และห้องน้ำแบบ Sexy Bath
พื้นที่ตรงนี้จะรองรับโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่แบบ His & Her ได้ ตรงกลางมีพื้นที่เหลือให้วาง Island ไว้เก็บ Accessories ต่าง ๆได้อีกด้วยค่ะ
ผนังของห้องน้ำจะได้หน้าต่างกระจกเข้ามุม แบบ Sexy Bath ช่วยให้ห้องดูโปร่ง สว่าง และดูกว้างมากขึ้น
ภายในจัดฟังก์ชันให้แบบ Full Bath เลยค่ะ มีครบทั้งสุขภัณฑ์มาตรฐาน และเพิ่มในส่วนของ Bathtub เข้ามา ในห้องนี้จะมีพัดลมระบายอากาศติดมาให้ และมีช่องแสงธรรมชาติซ่อนอยู่ที่เพดานด้านบนอีก 2 บาน
เคาน์เตอร์ฝังอ่างล้างมือขนาดใหญ่ดีเลยค่ะ หน้าท็อปตรงนี้จะเป็นหินสังเคราะห์สีขาว มีพื้นที่รอบ ๆ เหลือให้วางของใช้ในห้องน้ำได้เยอะ ผนังติดกระจกเงาขนาดใหฐ่เต็มพื้นที่ให้ 1 บาน และที่ผนังข้าง ๆ จะมีเต้าเสียบปลั๊กไฟพร้อมฝาครอบกันน้ำติดมาให้ 1 จุด ค่ะ
ตรงข้ามกันจะเป็น Bathtub แบบฝังเคาน์เตอร์ ทำให้มีพื้นที่รอบ ๆ เหลือไว้วางของได้
และตรงนี้จะอยู่ติดกับกระจกเข้ามุมแบบนี้ แต่ถ้าใครอยากได้ความเป็นส่วนตัว สามารถติดมู่ลี่ หรือฟิล์มกระจกเพิ่มเข้าไปเองได้ค่ะ
เหนือ Bathtub จะได้เพดานสูง พร้อมช่องแสงที่บอกไปก่อนหน้านี้มา 2 บาน
ด้านในจะเป็นส่วนอาบน้ำ มีพื้นที่กว้างกำลังดี ยืนอาบน้ำได้ไม่ติดขัด ส่วนด้านในจะติดฝักบัว Hand Shower ที่มีราวปรับระดับ และก๊อกผสมน้ำร้อน-น้ำเย็น ผนังติดชั้นวางของให้ 1 ชิ้น
ตรงข้ามเป็นที่ตั้งของโถสุขภัณฑ์ 1 Piece ระบบ Dual Flush พร้อมอุปกรณ์ประกอบ และมีราวแขวนผ้าเช็ดตัวให้ 1 ชิ้น ค่ะ
มองกลับออกมาทางหน้าห้องน้ำ
บรรยากาศภาพรวมภายใน Master Bedroom ชั้น 3 ค่ะ
บ้านตัวอย่าง แบบบ้าน Urban Hybrid Home 4 ชั้น หน้ากว้าง 7.5 ม. พื้นที่ใช้สอย 256 ตร.ม.
หลังที่ 2 จะเป็น Urban Hybrid Home หรือก็คือ ทาวน์โฮม 4 ชั้น สำหรับอยู่อาศัยเองหรือทำ Home Office ก็ได้ หน้ากว้าง 7.5 ม. พื้นที่ใช้สอยสูงถึง 256 ตร.ม. บ้านหลังนี้โดดเด่นด้วยความเป็น Flexible Space ที่สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้ตามความต้องการ ใช้เป็นออฟฟิศ หรือจะใช้เป็นที่อยู่อาศัยก็ได้ รองรับ 4 ห้องนอน* 4 ห้องน้ำ จึงตอบโจทย์ทั้งการ Live และ Work ในเวลาเดียวกัน
ดีไซน์ของบ้านถูกออกแบบมาในสไตล์ Modern โทนสี Monochrome โดยจุดที่เล่นสีขาวจะเป็น Facade ของบ้าน ที่ช่วยลดทอนแสงแดดให้พื้นที่ภายใน ได้ความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น และในขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มลูกเล่นที่สวยงามให้กับหน้าบ้าน นอกจากนี้ฝั่งหน้าบ้านยังมีการตกแต่งด้วยกระถางต้นไม้ ทำให้บ้านดูสดชื่นมากขึ้นอีกด้วย
ชั้น 1 เป็นพื้นที่จอดรถในร่มทั้งหมด 4 คัน และห้องน้ำ 1 ห้อง ด้านหลังบ้านเป็นพื้นที่ลานซักล้างอเนกประสงค์ ที่สามารถปรับเปลี่ยนหรือต่อเติมได้ ด้านข้างบ้านเชื่อมต่อกับโถงบันไดเพื่อขึ้นไปยังชั้นบน
ชั้น 2-3-4 เป็นพื้นที่บ้านแบบ Open Plan ที่สามารถทำการปรับเปลี่ยนและต่อเติมได้ตามไลฟ์สไตล์ของเจ้าของบ้าน ใช้เป็นพื้นที่ออฟฟิศหรือพื้นที่อยู่อาศัยได้ โดยแต่ละชั้นจะมีห้องน้ำ 1 ห้อง และพื้นที่ระเบียงฝั่งหน้าบ้านและหลังบ้านค่ะ
เริ่มจากโรงจอดรถของบ้านสามารถจอดรถได้ถึง 4 คันเลยนะคะ ทำให้รองรับได้ทั้งรถยนต์ส่วนตัวของครอบครัว และรถยนต์ของพนักงานที่เข้ามาทำงานได้มากขึ้น พื้นเป็นคอนกรีตขัดมัน มีประตูแบบ Motorized Shutter Door พร้อมอเตอร์ เลื่อนปิดได้อย่างมิดชิดและปลอดภัย
เชื่อมต่อไปยังพื้นที่ด้านหลังบ้านจะเป็นเหมือนลานซักล้างหรือพื้นที่อเนกประสงค์ให้เราปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบ บ้านไหนจะใช้เป็นครัวใหญ่หรือห้อง Workshop ก็ได้นะคะ หรือจะจัดเป็นมุมสวนสำหรับนั่งพักผ่อนพร้อม Vertical Garden แบบนี้เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับบ้านก็นับว่าเป็นไอเดียที่ไม่เลวเลย
ด้วยความที่เป็นอาคารที่มีความสูง 4 ชั้น ทางโครงการจึงมีบันไดลิงติดมาให้ด้านหลังบ้านบริเวณพื้นที่ระเบียงตามกฎหมายเพื่อความปลอดภัย
พื้นที่ด้านข้างบ้านยังมีตู้เก็บของให้ใช้เก็บพวกอุปกรณ์ซ่อมบำรุงและอุปกรณ์ทำสวน รวมไปถึงมีห้องน้ำสำหรับรองรับแขกหรือลูกค้าที่มาเยือนได้
ห้องน้ำเป็นแบบ Powder Room มีการตกแต่งอย่างสวยงามตามสไตล์ Noble ที่ออกไปทาง Minimal ตกแต่งพื้นและผนังด้วยกระเบื้องลาย Terrazzo ขนาด 60 x 60 ซม. และกระเบื้องสีขาว
สุขภัณฑ์ทั้งหมดใช้ของแบรนด์ Hafele และ American Standard หน้าตาแบบที่เห็นเลยค่ะ ได้อ่างล้างมือฝังบนเคาน์เตอร์สำเร็จรูปและก๊อกน้ำแบบก้านโยก ใต้เคาน์เตอร์มีตู้สำหรับเก็บของ ได้กระจกทรงกลม มีปลั๊กไฟพร้อมฝาครอบกันน้ำมาให้รองรับการใช้งาน
โถสุขภัณฑ์แบบชิ้นเดียวพร้อมสายฉีดชำระและที่แขวนกระดาษชำระ เป็นห้องน้ำขนาดย่อม ๆ แต่โดยระยะการใช้งานถือว่าเพียงพอแล้ว
ที่สำคัญยังมีหน้าต่างบานกระทุ้งติดกระจกฝ้าบานใหญ่ให้ด้วยค่ะ รับแสงธรรมชาติได้ดี และยังเปิดระบายอากาศได้ทำให้ห้องไม่อับชื้น แถมบนฝ้าก็มีพัดลมดูดอากาศติดมาให้อีก 1 ตัว
สำหรับทางขึ้นชั้น 2 จะมีอยู่ 2 ทางค่ะ สามารถใช้ประตูบานเลื่อนฝั่งโรงจอดรถได้
และสามารถใช้ประตูบานเปิดที่ฝั่งหน้าบ้านได้เช่นกัน
โดยที่ประตูฝั่งนี้จะติด Digital Door Lock ของแบรนด์ Jarton มาให้
เข้าไปด้านในส่วนแรกมีการออกแบบให้เป็น Foyer สำหรับนั่งถอดรองเท้าและเปลี่ยนรองเท้าได้ วางพวกม้านั่งและตู้เก็บรองเท้าขนาดใหญ่ได้เลยค่ะ ส่วนที่พื้นปูกระเบื้องสีเรียบเพื่อให้ทำความสะอาดได้ง่าย ผนังใช้ผนัง Precast ฉาบเรียบทาสี
บันไดบ้านส่วนแรกมีการออกแบบให้กว้างเป็นพิเศษ ให้ความรู้สึกที่โปร่ง เดินขึ้น-ลงได้สะดวก ใช้โครงสร้างเหล็กลูกนอนไม้ Solid สีอ่อนโทน Minimal ติดราวบันไดแบบโครงเหล็กฝังผนังสีเข้ากันกับพื้นบันได
โถงบันไดเพิ่มความสว่างและโปร่งด้วยหน้าต่างทั้ง 2 ฝั่ง ฝั่งหนึ่งรับแสงธรรมชาติจากภายนอก อีกฝั่งรับแสงผ่านทางพื้นที่ของชั้น 2 เรียกได้ว่าเป็นจุดที่เชื่อมต่อพื้นที่อีกด้วย เวลามีแขกไปใครมา คนบนชั้น 2 ก็สามารถเห็นได้ก่อน
สำหรับการออกแบบแปลนบ้านของชั้น 2-3-4 จะทำคล้าย ๆ กันเลยค่ะ คือเป็นพื้นที่ห้องแบบ Open Plan เปิดโล่ง เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยสามารถปรับปรุงพื้นที่ได้ตามธุรกิจหรือรูปแบบการอยู่อาศัยที่ต้องการ แต่ละชั้นปูพื้นด้วยไม้สำเร็จรูป SPC สีอ่อน ฝ้าเพดานมีความสูง 2.7 ม. เป็นฝ้าฉาบเรียบติดดวงโคมดาวน์ไลต์ และมีช่องแสงขนาดใหญ่เป็นประตูบานเลื่อนเชื่อมต่อกับพื้นที่ระเบียง
บ้านตัวอย่างตกแต่งพื้นที่บนชั้นนี้ให้เป็น Workshop สำหรับการตัดเย็บเสื้อผ้าให้ดูเป็นไอเดีย รองรับได้ประมาณ 10 ที่นั่ง+ รวมไปถึงมุมสำหรับนั่งพักผ่อนสบาย ๆ
ภาพบรรยากาศภายใน จัดโทนสีดูสบายตาน่าทำงานมาก
ชั้นนี้จะได้ประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอนขนาดใหญ่ สามารถเลื่อนเปิดรับลมได้กว้างเลยนะคะ ตัวบานกรอบจะเป็นอะลูมิเนียมสีดำ เปิดเชื่อมต่อกับพื้นที่ระเบียงขนาดย่อมได้ ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิก ขนาด 30 x 30 ซม. มีกระถางต้นไม้ให้จัดสวนหย่อมได้ด้วย
นอกจากนี้ในแต่ละชั้นก็จะมีห้องน้ำให้ค่ะ
เป็นห้องน้ำที่แยกโซนเปียก-โซนแห้ง โดยจะมีโซน Shower รองรับการอาบน้ำได้ รองรับการปรับเป็นพื้นที่อยู่อาศัยได้เช่นกัน โทนการตกแต่งจะเหมือนกับห้องน้ำชั้นล่างเลยค่ะ
มีอ่างล้างมือฝังบนเคาน์เตอร์สำเร็จรูป
โถสุขภัณฑ์พร้อมอุปกรณ์ประกอบการใช้งาน
โซน Shower มีพื้นที่ยืนอาบน้ำมีขนาดแบบสบาย ๆ เราสามารถติดตั้ง Shower Screen เข้าไปเพิ่มเพื่อการใช้งานที่เป็นสัดส่วนได้
ภายในมี Hand Shower, ราวปรับระดับ และจานวางสบู่ พร้อมเดินระบบสำหรับเครื่องทำน้ำอุ่นให้แล้ว
นอกจากหน้าต่างระบายอากาศ บนฝ้าก็ยังมีพัดลมดูดอากาศให้เหมือนกันเพื่อความรู้สึกที่โปร่งสบายเวลาใช้งาน
ฝั่งหลังบ้านแยกส่วนของโถงบันไดและระเบียงหลังบ้านออกไปอย่างเป็นสัดส่วน (ส่วนตู้ด้านข้างนี้เป็นส่วนตกแต่งของบ้านตัวอย่าง บ้านเปล่าจะเป็นพื้นที่โล่ง ๆ)
ระเบียงฝั่งหลังบ้านใช้เป็นจุดสำหรับแขวน Condensing Unit และใช้ซักล้างได้สบาย ๆ
เราขึ้นไปบนชั้น 3 กันต่อ
อย่างที่บอกค่ะว่าบนชั้น 3 ก็จะเป็นลักษณะของพื้นที่แบบ Open Plan มีระเบียงฝั่งหน้าบ้าน, หลังบ้าน และมีห้องน้ำ 1 ห้องเช่นกัน ส่วนบ้านตัวอย่างตกแต่งมาให้ดูเป็นพื้นที่พักอาศัย
แบ่งเป็นส่วน Living Area และ Dining Area
ได้เป็นมุมพักผ่อนแบบสบาย ๆ ค่ะ วางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งพร้อมอาร์มแชร์และโต๊ะกลางได้แบบนี้
ส่วนฝั่งตรงข้ามตั้งเป็นชั้นวางทีวี บ้านตัวอย่าง Built-in ผนังเป็นไม้ระแนง ดูอบอุ่นเข้ากับสไตล์ของบ้าน
อีกฝั่งจัดเป็นมุมรับประทานอาหารและแพนทรี่ ได้พื้นที่โต๊ะขนาด 2-3 ที่นั่ง ขนาดแพนทรี่ที่ทำได้ก็รองรับเตาปรุงอาหาร อ่างล้างจานขนาด 2 หลุม และเตาอบ-ไมโครเวฟได้ลงตัวพอดี
ภาพรวมภายใน Living & Dining Area
อีกฝั่งทำเป็นโซนห้องนอน มีมุมนั่งทำงานและห้องน้ำอยู่ด้านหน้า
ภายในห้องน้ำจะมีแปลนเหมือนห้องน้ำชั้น 2 เลยค่ะ
สำหรับพื้นที่ห้องนอนนั้นสามารถวางเตียงขนาดใหญ่ได้
สามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้ และยังวางโต๊ะข้างได้ทั้ง 2 ฝั่ง
ฝั่งตรงข้าม Built-in เป็นตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง-โต๊ะทำงาน หรือเป็นชั้นวางทีวีก็ได้
ห้องนอนและโซน Living Area สามารถเชื่อมต่อกับระเบียงขนาดใหญ่หน้าบ้านได้ โดยชั้นนี้จะแบ่งประตูออกเป็น 2 บาน เผื่อรองรับการแบ่งฟังก์ชันการใช้งานเป็นห้องแบบนี้ ความพิเศษของระเบียงก็คือจะมี Facade เป็นระแนงเหล็กติดเอาไว้เพื่อสร้างความเป็นส่วนตัวให้นั่นเองค่ะ บังสายตาจากคนภายนอกได้ ที่สำคัญคือช่วยบังแดดได้ดีเลย เพราะฉะนั้นในเวลาพักผ่อน ก็สามารถใช้เป็นมุมนั่งจิบกาแฟ อ่านหนังสือ หรือทำสวนกระถางได้สบาย
เราขึ้นไปบนชั้น 4 กันต่อ
บนชั้นนี้จะมีการวางแปลนแบบเปิดโล่งเช่นกันนะคะ แต่การวางแปลนจะไม่เหมือนชั้น 2 และชั้น 3 เสียทีเดียว โดยห้องน้ำ Master Bathroom จะอยู่คนละตำแหน่งกัน
บ้านตัวอย่างตกแต่งทั้งชั้นนี้ให้เป็น Master Bedroom ค่ะ ได้พื้นที่ห้องนอนมาขนาดใหญ่ พร้อมห้องน้ำส่วนตัว ระเบียงส่วนตัว และ Walk-in Closet
สามารถจัดมุม Living Area ส่วนตัว วางโซฟาขนาดใหญ่นั่งพักผ่อนดูทีวีได้สบาย ๆ
เตียงนอนก็วางไซซ์ใหญ่แบบ 6 ฟุตพร้อมโต๊ะข้าง 2 ฝั่งได้
ฝั่งหน้าบ้านได้ระเบียงขนาดใหญ่พร้อม Facade เพื่อความเป็นส่วนตัว
มองไปมุมฝั่งด้านในที่ปกติแล้วจะเป็นห้องน้ำ ของชั้นนี้จะเป็นพื้นที่แบบเปิดโล่งนะคะ ปรับเป็น Walk-in Closet ได้เลย
ภายใน Walk-in Closet ขนาดใหญ่ ทำตู้ Built-in ได้ทั้ง 2 ฝั่งพร้อมโต๊ะเครื่องแป้ง
ส่วนห้องน้ำจะถูกวางเอาไว้อีกฝั่งหนึ่งแทนค่ะ
ชั้นนี้เราจะได้ห้องน้ำแบบ Full Function พร้อมอ่างล้างมือฝังบนเคาน์เตอร์แบบ His & Her Top ของเคาน์เตอร์เป็น Solid Surface สีขาว
โถสุขภัณฑ์
โซน Shower และอ่างอาบน้ำ มีพื้นที่ขนาดใหญ่โปร่งสบาย พร้อมหน้าต่างรับแสงธรรมชาติเต็มผนัง
อ่างอาบน้ำได้แบบฝังมาค่ะ สามารถนอนแช่ได้ 1 คนพอดี
บ้านตัวอย่าง แบบบ้าน Urban Shop House อาคารพาณิชย์ 4 ชั้น หน้ากว้าง 8 ม. พื้นที่ใช้สอย 225 ตร.ม.
มาดู Urban Shop House หรือ อาคารพาณิชย์ 4 ชั้น หน้ากว้าง 8 ม. พื้นที่ใช้สอย 225 ตร.ม. เป็นหลังสุดท้ายกันค่ะ ความแตกต่างของ Urban Shop House กับ Urban Hybrid Home ก็คือ หลังนี้จะเน้นการทำธุรกิจเป็นหลัก เพื่อเปิดเป็นหน้าร้านและออฟฟิศโดยเฉพาะ จึงออกแบบหน้าต่างทุกชั้นเป็นบานกระจกขนาดใหญ่ เพื่อให้สามารถเห็นหน้าร้านได้อย่างชัดเจน เพราะฉะนั้น Urban Shop House จึงถูกวางเอาไว้ที่โซนด้านหน้าโครงการ เพราะมีความเป็น Public Space มากที่สุดนั่นเองค่ะ
ชั้น 1 เป็นพื้นที่แบบ Open Plan ที่สามารถทำการปรับเปลี่ยนและต่อเติมได้ตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละธุรกิจ เหมาะสำหรับการทำเป็นหน้าร้านและการทำเป็นออฟฟิศ โดยชั้นนี้จะมีห้องน้ำ, ห้องเก็บของ และพื้นที่ลานซักล้างฝั่งหลังบ้าน ส่วนบันไดทางขึ้นชั้นบนจะอยู่ด้านหน้า ซึ่งสามารถกั้นส่วนจากพื้นที่ชั้น 1 ด้วยผนังหรือบานกระจกได้ เพื่อให้รองรับการแบ่งเช่ารายชั้นได้ ไม่ปะปนกัน
ชั้น 2-3-4 เป็นพื้นที่แบบ Open Plan เช่นกัน แต่ละชั้นจะมีห้องน้ำ 1 ห้อง, ระเบียงฝั่งหน้าอาคาร และระเบียงฝั่งหลังอาคาร จากพื้นที่ฟังก์ชันทุกส่วนจะอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน ยกเว้นระเบียงฝั่งหน้าบ้านที่มีการสลับซ้าย-ขวาในแต่ละชั้น เพื่อให้ได้รูปด้านหน้าบ้านที่มีลูกเล่นสวยงาม โดยโซนหลังอาคารจัดให้เป็นโถงบันได แยก Circulation จากพื้นที่ปล่อยเช่า โดยสามารถกั้นส่วนด้วยประตูกระจกได้
เริ่มจากทางเข้าตัวอาคารจะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง มีทั้งฝั่งประตูกระจกแบบบานเปิดให้คนเดินเข้า-ออกได้แม้เวลาปิดหน้าร้าน อีกฝั่งเป็นประตูแบบ Motorized Shutter Door
พอเปิดประตูแล้วจะได้พื้นที่หน้าร้านที่เห็นได้อย่างชัดเจน ส่วนพื้นที่จอดรถนั้นจะใช้ส่วน Public Parking ที่ทางโครงการเตรียมเอาไว้ให้นั่นเอง
พื้นที่ภายในวางแปลนแบบ Open Plan เพื่อให้สามารถจัดแจงใช้สอยได้ตามความเหมาะสม พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิโต ขนาด 60 x 60 ซม. ผนังฉาบเรียบทาสี ฝ้าเพดานสูง 2.7 ม. ติดดวงโคมดาวน์ไลต์ ให้เหมือนกันหมดทุกชั้น ส่วนประตู-หน้าต่างจะใช้บานกรอบอะลูมิเนียมสีดำติดลูกฟักกระจกค่ะ
พื้นที่ชั้น 1 จะได้ลานซักล้างหลังบ้านด้วยนะคะ พื้นปูด้วยกระเบื้องขนาด 40 x 40 ซม. สามารถต่อเติมเพิ่มเป็นฟังก์ชันอื่น ๆ ได้ จะทำเป็นพวก Stockroom และ Office ด้านหลังหน้าร้านก็ได้เหมือนกัน
ส่วนพื้นที่ด้านข้างเป็นห้องน้ำกับห้องเก็บของ
เป็นห้องน้ำแบบ Powder Room มีหน้าต่างระบายอากาศบานใหญ่ให้ ตกแต่งมาในโทนสีทีเข้มขึ้นเผื่อการใช้งานแบบ Public Space เพื่อให้ไม่ดูเลอะเทอะนัก
ภายในห้องเก็บของ
โถงบันไดจะอยู่ตรงกับประตูทางคนเข้าฝั่งด้านหน้าอาคาร กรณีที่มีการแบ่งเช่ารายชั้นจึงทำได้เป็นสัดส่วน Circulation จะไม่ล้ำเข้าไปในพื้นที่เช่าของชั้นอื่น ใช้โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กแข็งแรง ปูด้วยกระเบื้องแกรนิโต
พื้นที่บนชั้น 2-3-4 จะมีการออกแบบเหมือนกันเลยค่ะ เป็นพื้นที่แบบเปิดโล่ง ให้เราสามารถจัดการพื้นที่ได้ตามใจชอบ ข้อดีก็คือเรายังสามารถทำการแบ่งพื้นที่ชั้นอื่น ๆ เพื่อการปล่อยเช่าได้อีกด้วยนะ
พื้นที่ระเบียงฝั่งหน้าบ้าน มี Facade บังสายตาให้
พื้นที่ฝั่งหลังบ้านเป็นโถงบันได มีระเบียงสำหรับการซักล้าง และมีห้องน้ำจัดเอาไว้ให้ แยกส่วนที่เป็น Circulation ออกจากพื้นที่ Office ไว้ด้านหลังอาคารเพื่อความเป็นส่วนตัว ยกตัวอย่างเช่น ถ้าใน 1 อาคารมีการเช่าพื้นที่จากหลายบริษัท เวลาเดินขึ้นไปชั้นที่เราเช่าอยู่ ก็จะไม่ผ่านพื้นที่ออฟฟิศของบริษัทอื่นนั่นเอง ซึ่งเราสามารถกั้นส่วนพื้นที่ด้วยประตูกระจกเพิ่มเข้าไปได้เลย
ภายในห้องน้ำจะมีการตกแต่งในลักษณะเดียวกันเลยค่ะ แต่ว่าจะมีโซน Shower เพิ่มขึ้นมาให้เผื่อการใช้งาน
พื้นที่ระเบียงฝั่งหลังอาคาร รองรับงานซักล้างต่าง ๆ ได้
พื้นที่บนชั้น 3 วางแปลนเหมือนชั้น 2 เลยค่ะ ต่างกันเพียงตำแหน่งของระเบียงหน้าบ้านที่อยู่คนละฝั่ง
ด้านหลังมีพื้นที่ระเบียงและห้องน้ำให้เหมือนกัน
พื้นที่บนชั้น 4
พิเศษจากชั้นอื่น ๆ ก็คือระเบียงฝั่งหน้าบ้านจะมีขนาดใหญ่ จัดเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนได้เลย
ด้านหลังมีพื้นที่ระเบียงและห้องน้ำให้เหมือนเดิมค่ะ
ราคา (ต.ค. 66)
ลงทะเบียนรับส่วนลดสูงสุด 500,000 บาท* คลิก https://bit.ly/3LkkQrg
สรุป
ทำเลที่ตั้งโครงการ โครงการ Nue Hybe Suksawat เรียกได้ว่าตั้งอยู่บนทำเลทองของโซนสุขสวัสดิ์เลยค่ะ ข้อแรกเลยก็คือเป็นเสมือนทำเลพี่น้องของโซนพระราม 3-สาทร เพราะสามารถเชื่อมต่อกันได้ง่าย แต่จะลดความเป็น Office Building ขนาดใหญ่ลงมา มีความเป็นส่วนตัวมากกว่า โดยทำเลคืออยู่ติดถนนใหญ่สุขสวัสดิ์เลย ทำให้เป็นที่สังเกตและเข้าถึงได้ง่าย และเชื่อมต่อไปไหนมาไหนได้สะดวก
โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ทั้งห้าง ตลาด โรงเรียน และโรงพยาบาลอยู่ใกล้โครงการ เช่น Central พระราม 3, Icon Siam, Terminal 21 ก็ล้วนแล้วแต่เป็นห้างใหญ่ดัง ๆ ทั้งนั้น จึงเป็นทำเลที่เหมาะสำหรับการตั้งธุรกิจส่วนตัวของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการพื้นที่หน้าร้านหรือ Warehouse, คนที่ต้องการพื้นที่สำหรับการอยู่อาศัยและการทำงานในที่เดียวกัน หรือคนที่กำลังมองหาบ้านที่อยู่อาศัยเองและขยายครอบครัวค่ะ
การเดินทางโดยรถส่วนตัว จุดที่โครงการตั้งอยู่นั้นถือว่าเป็นจุดที่สะดวกสบายมาก เพราะว่าลงมาจากสะพานพระราม 9 เพียง 1 กม.* ก็ถึงโครงการแล้ว เชื่อมต่อไปใช้สะพานภูมิพล, สะพานกรุงเทพ และสะพานภูมิพล ได้ง่ายเลยค่ะ ข้ามไปโซนพระราม 2-สมุทรปราการ หรือจะเป็นโซนพระราม 3-สาทรก็สะดวก แล้วก็ยังอยู่ใกล้ถนนวงแหวนอุตสาหกรรม รวมไปถึงทางพิเศษเฉลิมมหานคร อำนวยการเดินทางได้เป็นอย่างดี
การเดินทางโดยรถสาธารณะหรือรถไฟฟ้า บนถนนสุขสวัสดิ์เป็นเส้นที่มีรถประจำทางและรถสาธารณะผ่านอยู่แล้ว และในอนาคตยังมี MRT สายสีม่วง ตัดผ่าน ทำให้การเข้าถึงโครงการสะดวกมากยิ่งขึ้นในทุกมิติ โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดจะเป็นสถานีราษฎร์บูรณะ อยู่ใกล้กับโครงการประมาณ 300 ม.* เท่านั้น
การออกแบบโครงการ, แบบบ้าน และวัสดุ โครงการออกแบบมาให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แบบ Live-Work-Commerce มีทั้งโปรดักต์ อาคารพาณิชย์ที่เหมาะสำหรับการมีหน้าร้าน และทาวน์โฮมที่ปรับได้เป็นทั้งที่ทำงานและที่อยู่อาศัย จึงมีการแบ่งโซนของอาคารแต่ละแบบออกจากกันแล้วกั้นส่วนด้วย Gate เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
การออกแบบรูปลักษณ์อาคารดูเรียบง่ายแต่มีความสวยงามตามสไตล์ของ Noble การวางแปลนหลัก ๆ เน้นการออกแบบให้เปิดโล่งแบบ Open Plan เพื่อให้สามารถทำการปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ตามความต้องการของเจ้าของบ้าน
ไม่ว่าจะใช้เป็นที่อยู่อาศัย ใช้เป็นออฟฟิศสำหรับการทำธุรกิจ หรือเปิดหน้าร้านก็ทำได้อย่างเหมาะสม ตกแต่งด้วยวัสดุที่ดูสวยงามและอบอุ่น คำนึงถึงการใช้งานเป็นหลัก ทั้งยังมีการสอดแทรกพื้นที่สีเขียวเข้าไปในแต่ละส่วนของฟังก์ชัน ซึ่งช่วยสร้างความสดชื่นได้เป็นอย่างดี
Urban Home จะเหมาะสำหรับคนที่ต้องการพื้นที่อยู่อาศัยส่วนตัวในทำเลทอง ที่เดินทางไปทำงานในเมืองได้ง่าย หรืออาจจะมีหน้าร้านอยู่ภายในโครงการ แล้วต้องการบ้านที่อยู่ใกล้กัน เพื่อให้ไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทางค่ะ
ส่วน Urban Hybrid Home เหมาะสำหรับคนที่ต้องการทำ Home Office ที่ไม่ได้ต้องการแสดงหน้าร้าน หรือสำหรับคนที่ต้องการพื้นที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ เพราะได้พื้นที่ใช้สอยมาค่อนข้างเยอะ
และ Urban Shop House จะเหมาะสำหรับคนที่ต้องการมีหน้าร้านเป็นของตัวเอง และยังสามารถซื้อไว้เพื่อปล่อยเช่ารายชั้นได้สูงสุดถึง 4 ร้าน
สิ่งอำนวยความสะดวกและระบบรักษาความปลอดภัย มีการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางให้รองรับได้ทั้งการพักผ่อนอยู่อาศัยและการทำธุรกิจ สำหรับการพักผ่อนอยู่อาศัยจะมี Urban Garden, Playground, Fitness Room, Swimming Pool และ Kid’s Pool ส่วนการทำธุรกิจจะมี Business Lounge และ Meeting Room สำหรับประชุมคุยงานกันได้ ออกแบบมาอย่างสวยงามน่าใช้งาน สอดแทรกพื้นที่สีเขียวเพิ่มความสดชื่น รวมไปถึง รปภ. 24 ชม. ถือว่าดีเลยค่ะ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Tel : 02-251-9955
Line : @nuehybe
Website : https://bit.ly/3LkkQrg
หากเพื่อน ๆ เห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน ขอบคุณค่ะ
และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ
บ้าน ทำเลอื่นๆ ที่น่าสนใจ…
NUE HYBE สุขสวัสดิ์ เริ่ม 8 ล้าน*
Grande Pleno รามอินทรา-บางชัน สเตชั่น เริ่ม 6.49-8 ล้าน*
Villaggio รังสิต-คลอง 4 เริ่ม 2.59 ล้าน*
ธนาวิลเลจ บางนา-บางบ่อ เริ่ม 2-4 ล้าน*
Foret วงแหวน-ลำลูกกา คลอง 5 เริ่ม 3.99 ล้าน*
Silverlake Vind สุวินทวงศ์ เริ่ม 5.99-12 ล้าน*
เศรษฐสิริ กรุงเทพ-ปทุมธานี 2 เริ่ม 12-30 ล้าน*
เศรษฐสิริ ราชพฤกษ์-นครอินทร์ เริ่ม 15-30 ล้าน*
ศุภาลัย ปาล์มวิลล์ วงแหวน-รังสิต คลอง 4 เริ่ม 4.69 ล้าน*
EP.2503 รีวิว ศุภาลัย พรีโม่ อนุสาวรีย์ฯ ภูเก็ต / Supalai Primo Thep Kasatri & Sri Sunthon Heroines Monument Phuket ทาวน์โฮมและบ้านแฝดดีไซน์ใหม่ วัสดุประหยัดพลังงาน บนทำเลศักยภาพ ถนนเทพกระษัตรี ใกล้ Robinson ถลาง เพียง 1.2 กม.* เริ่ม 3.39 ล้านบาท*
EP.2502 รีวิว บ้านลลิล รังสิต-คลอง 2 Baan Lalin Rangsit-Klong 2 บ้านหรู 5 ห้องนอน ดีไซน์ฝรั่งเศส ใกล้ Future Park ทางด่วน และรถไฟฟ้า 2 สาย เริ่ม 3.89-7 ล้านบาท* Written by : Nan Kanyaratthp สวัสดีเพื่อน ๆ
EP.2501 รีวิว ไซมิส บลอสซั่ม พหลฯ-วิภาวดี / Siamese Blossom Phahol-Vibhavadi บ้านแฝดและทาวน์โฮมอิสระ สไตล์ Modern Tropical ทำเลดี ติดถนนพหลโยธิน ใกล้รถไฟฟ้าสายสีแดง และ Future Park รังสิต เริ่ม 2.99 ล้าน* Written by : Pure Thitapa สวัสดีค่ะ เพื่อน
EP.2500 รีวิว ศุภาลัย ไพร์ด วงแหวน-พระราม 2 / Supalai Pride Wongwaen-Rama 2 บ้านเดี่ยว, บ้านแฝด และทาวน์โฮมซีรีส์ใหม่สไตล์ Tropical Modern ทำเลดี ใกล้ถนนพระราม 2 และทางด่วนใหม่ เริ่ม 2.29-6 ล้านบาท* Written by : Pure Thitapa สวัสดีค่า คุณผู้อ่านทุกคน
EP.2499 รีวิว นารา โบทานิค ราชพฤกษ์-345 Nara Botanic Ratchaphruek-345 บ้านเดี่ยวหรู สไตล์ Modern Luxury ใจกลางธรรมชาติ วิวทะเลสาบ ติดถนนใหญ่ราชพฤกษ์ ราคาเริ่ม 6.9 ล้านบาท* Written by : Nin Yanin สวัสดีค่า วันนี้ทีมงาน Homenayoo พามาชมโครงการ Nara Botanic ราชพฤกษ์-345 จาก Narai Property ที่ตั้งโครงการอยู่บนทำเลศักยภาพ ติดถนนราชพฤกษ์
EP.2498 รีวิว เศรษฐสิริ งามวงศ์วาน Setthasiri Ngamwongwan บ้านเดี่ยวหรู สไตล์ Georgian ใกล้ทางด่วน เพียง 2 นาที* และ The Mall งามวงศ์วาน เริ่มต้น 18-40 ล้านบาท* Written by : Nin Yanin สวัสดีค่ะ วันนี้ทีมงาน Homenayoo พาคุณผู้อ่านมาชมโครงการ เศรษฐสิริ งามวงศ์วาน บ้านเดี่ยวหรู
EP.2497 รีวิว ศุภาลัย แกรนด์ เอสเซ้นส์ อรุณอมรินทร์ Supalai Grand Essence Arun-Amarin บ้านหรูกลางเมือง 3.5 ชั้น พร้อม Double Space เอกสิทธิ์เพียง 36 ครอบครัว ใกล้ ICONSIAM ทางด่วน และรถไฟฟ้า 3 สาย เริ่ม 22.9-40 ล้านบาท* Written by
EP.2496 รีวิว เดอะ แกรนด์ ปิ่นเกล้า-วงแหวนกาญจนา The Grand Pinklao-Wongwaen Kanchana บ้านเดี่ยวหรูสไตล์ Modern European พร้อม Pool Villa สระว่ายน้ำส่วนตัวทุกหลัง เพียง 39 ครอบครัวเท่านั้น ทำเลดีติดถนนใหญ่ ใกล้ทางด่วน และรถไฟฟ้า MRT ราคาเริ่มต้น 30-70 ล้าน* Written by : Nan
EP.2495 รีวิว บารานี บลิซ รังสิต-วงแหวน / Baranee Bliss Rangsit-Wongwaen บ้านเดี่ยวสไตล์ Modern British Luxury ทำเลศักยภาพ ติด ถ.รังสิต-นครนายก ใกล้วงแหวนกาญจนาภิเษก เอกสิทธิ์เพียง 87 ครอบครัว เริ่ม 8-17 ล้านบาท* Written by : Pure Thitapa สวัสดีคุณผู้อ่านทุกคนค่ะ วันนี้
EP.2494 รีวิว ศุภาลัย พาร์ควิลล์ กาญจนาภิเษก-ซ.กันตนา Supalai Park Ville Kanchanapisek-Soi Kantana บ้านเดี่ยว 2 ชั้น สไตล์ Tropical ใกล้ Central Westgate เริ่ม 5.69 ล้านบาท* Written by : Nin Yanin สวัสดีค่า วันนี้ทีมงาน Homenayoo พาคุณผู้อ่านมาชมโครงการ Supalai Park
แสดงความคิดเห็น