รีวิว สร้างห้องครัวไทยนอกบ้าน ให้อยู่ในงบ 4 หมื่นบาท ส่วนอีกเหลือใช้ไม้และเครื่องครัวเก่าจากคุณยาย
ใครที่กำลังมองหาไอเดียในการทำครัวไทยหลังบ้านกันอยู่ วันนี้เรามีรีวิวจากคุณ กบฏน้อยจากดาวB612 สมาชิก Pantip.com มาฝากกันค่ะ เป็นการสร้างห้องครัวไทยหลังบ้าน โดยให้อยู่ในงบประมาณ 4 หมื่นบาท และ ส่วนที่เหลือใช้ไม้เก่า และ เครื่องครัวเก่าของคุณยายที่เสียชีวิตไปแล้ว มาตกแต่งเสริมเพิ่มเติมเอา บอกเลยว่าเสร็จแล้วสวย น่าใช้งาน มาก ๆ พร้อมแล้วไปชมกันเลยค่ะ
รีวิวทำครัวยังไงให้อยู่ในงบ 40,000 ( ที่เหลือขโมยสมบัติยายเอา )
จริงๆไม่ได้ขโมยหรอกครับ จุดธูปบอกแกเอา เพราะยายแกรักสมบัติชิ้นที่ว่าของแกมาก
มากชนิดที่ว่า ขนาดแกจะตาย แกก็ล้มตึงตายในนั้นเลย
สมบัติที่ว่าก็คือ…ครัวแกนั่นแหละ
ยายจากไปเกือบจะ 20 ปีเห็นจะได้แล้ว เวลานึกถึงแก ก็จะเห็นเป็นหญิงมีอายุที่ดูไม่แก่เลย รูปร่างสะโอดสะองใส่ผ้าถุงปาเต๊ะ รัดตรึงด้วยเข็มขัดเงินลายดอกพิกุล เสื้อเข้ารูปลายฉลุเหมือนผ้าคลุมตู้เย็น (นึกลายไม่ออก)
ผมดำขลับย้อมสนิทไม่มีหงอกให้เห็นแม้แต่สักเส้น อีกทั้งยังดัดหยิกเป็นทรงไม่มียุ่ง ทาแป้งตาบู ฉีดน้ำหอมขวดสีเขียวมรกต กลิ่นหอมฟุ้ง….แต่เข้าครัว
ถึงแม้จะผ่านการมีลูกมาแล้วเกือบ 10 คน แต่ยายก็ยังสวยสะพรั่งในความรู้สึก ยายดูแลสามีได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง งานบ้านงานเรือน ดูแลเย้าเยือน ลูกหลาน กิจการภายในบ้าน ไม่เคยต้องทำให้ตา ผู้เป็นสามีเดือดเนื้อร้อนใจ
ทุกเช้าแกจะตื่นเช้าแต่งองค์ทรงเครื่องถือตะกร้าใบเก่าที่ผมเห็นมานาน จนจำได้ ไปตลาด ถึงแม้ในวันที่แกป่วย เดินไม่ปกติ ซูบผอม อิดโรยไปตามกาลเวลา แกก็ยังแต่งตัวสวยเพื่อไปตลาด
“ชาวบ้านเขาจะนินทาเอาได้ว่าเมียบ้านนี้ปล่อยเนื้อปล่อยตัว”
กลับมาก็เข้าครัว เตรียมทำกับข้าวให้สามี และลูก จนลูกๆย้ายออกไปมีครอบครัว เหลือกันสองตายาย แกก็ทำเป็นกิจวัตร
ค่อนชีวิตของยายคือครัว ที่ที่ทำอาหารเลี้ยงคนในบ้านตั้งแต่ที่บ้านมีฐานะเข้าขั้นเศรษฐี ทำกินกันใหญ่โตเป็นเรื่องเป็นราว วิจิตรสวยงาม จนถึงวันที่ตกต่ำ มีแค่น้ำพริกกะปิแห้งกินกับผักลวกกันสองตายาย ครัวนี้ก็ยังเป็นที่หวงแหนของหญิงแก่คนนี้อยู่เสมอ
วันนี้มีบ้านเป็นของตัวเอง ครัวก็ทำทิ้งไว้ครึ่งๆกลางๆ เพราะผู้รับเหมาทิ้งงาน ครัวในวันนั้นที่บ้านตัวเองที่ กทม จึงไม่ใช่ครัวที่อยากทำกับข้าว ผมทิ้งครัวไว้แบบนี้เกือบห้าปี ไม่เหยียบไปทำอาหารอาหารเลยแม้แต่หุงข้าว เรียกว่าไม่ทำกับข้าวเลย ซื้อกินเอา จานยังไม่เอาไปล้างเลย
สังเกตดูว่าตะไคร่ขึ้นเขียว หญ้าขึ้นรกทีเดียว เพราะมันรู้สึกว่ามันไม่ใช่ครัว มันไม่มีจิตวิญญาญ (โครตเว่อร์)
จนเมื่อกลางปีที่แล้ว ที่บ้านบอกว่าจะทำสร้างบ้านใหม่ โดยจะรื้อบ้านเก่าที่ยายกับตาเคยอยู่ทิ้ง ผมก็เลยอาศัยช่วงชุลมุน ขอไม้เก่าที่เป็นครัว และก็อุปกรณ์ทำครัวที่เคยเป็นของยาย ย้ายมาบ้านที่กรุงเทพฯ
ไม่มีใครขัดข้อง เรื่องช่างผมโชคดีที่มีคนรู้จักมาช่วยทำด้วย ไม่มีการออกแบบใดๆ แต่บอกไปแค่ว่าอยากได้ครัวเหมือนเดิมที่เป็นของยาย อยากเดินแล้วมีเสียงตึงๆ อยากตำน้ำพริกแล้วโต๊ะสั่น อยากเปิดหน้าต่างแล้วเจอสวน อยากเอายายมาอยู่ด้วย
พูดแค่นี้ช่างก็เข้าใจว่ะ ฮ่าๆๆๆ
จัดการเอาฝาไม้เชอร่าเก่าออก เพื่อที่จะขยายไปจนสุด ช่างคนที่แล้ว(แมมมร่มมม อยากจะเรียกเป็นตัว) ทิ้งไป ประตูก็ไม่ทำให้ คือ มรุงจะทิ้งงาน กุกุไม่ว่าเลย แต่ช่วยทำประตูให้กุหน่อยก็ไม่ได้ ฟาย!
วันดีคืนดี แมวมานอน นกพิราบมาทำรังกันครื้นเครง
เราไม่ลงเสาเข็ม แต่เลือกพื้นเป็นใต้ถุนครับ ไม่แน่ใจว่าผิดหลักสถาปนิคอะไรหรือเปล่า แหะๆ เพราะว่าทำกันเอง
ไม้ถูกส่งมาทางรถไฟ เอารถไปขนมา เอามาทุกชิ้น ทุกความทรงจำไม้แผ่นนี้เสี้ยนเคยตำตรีน
ไม้พวกนี้เป็นไม้ที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กๆ เกิดมาก็เห็นพวกมันแล้วเพราะฉะนั้นอายุก็น่าจะร่วมๆ 100 ปี มีทั้งไม้ประดู ไม้สัก ไม้ตำเสาแล้วไม้บางแผ่นคือ ตาเลื่อยเองนะครับ
ผมไม่รู้ว่าคนโบราณเขาทำยังไงถึงเลื่อยไม้ทั้งต้นให้เป็นแผ่นได้ เพราะสมัยก่อนคงไม่มีเลื่อยไฟฟ้ากว่าจะได้สักแผ่นนี่ แขนคงปวดไปเป็นเดือน
ได้มาก็เอามาขัด ขัดไปก็นึกถึงความหลังไป
คือมันมีชีวิต มีเรื่องราว ไม้แผ่นนี้มีคนที่เคยมีชีวิตอยู่ คนที่เคยดูแลเรื่องปากท้องคนนับสิบคน คนที่รักในการทำอาหาร(รักหรือจำใจรักล่ะยาย 555) คนที่ทำอาหารทุกอย่างด้วยความตั้งใจ คนที่รู้หมดว่าคนนี้กินเผ็ด
คนนี้ต้องมีของจืด คนนี้ไม่ชอบขมคนที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในนี้แต่ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว เคยเหยียบเคยเดินผ่าน เคยนั่ง เคยจับ เคยถู ทุกร่องรอยมันคือที่เก็บความทรงจำ
เนื้อไม้อย่างหนาและแข็ง
ขึ้นโครงด้วยเหล็กเสร็จแล้ว ก็ใช้แผ่นไฟเบอร์ซีเมนส์กั้นฝาออกที จากนั้นเอาไม้พื้นกระดานมาปู ถ้ามันจะทรุดก็ปล่อยมันทรุดไปทั้งยวงนั่นแหละ ช่างกล่าว 555
ครัวเก่านั้นปูแบบมีร่อง แต่ครัวใหม่เห็นจะทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะเราไม่มีไก่ มีเป็ด คอยกินมด แมลงสาบ อีกอย่าง กลัวงูด้วย เกิดนั่งยองตำน้ำพริกแล้วงูมันฉกสวนขึ้น วู้ว ใจคอไม่ค่อยดี ก็เลยปูติดสนิทกันไปเลย
ผมไม่ทิ้งไม้สักแผ่น สักชิ้น ใช้หมด บางแผ่นต้องตัดเพื่อจะเข้ามุม เข้าเหลี่ยม มีเศษไม้เหลือๆก็ไม่ทิ้ง เสียดาย เอามาแปะนั่นนี่
คืออย่างที่บอกว่าทำกันเอง ไม่ได้คำนึงว่าต้องสวยงาม ต้องปราณีต ผมบอกกับช่างตลอดว่า ผมไม่เอาความสมบูรณ์แบบ ผมเอาความมีชีวิตชีวา 555
ตรงข้างฝา บรรยายให้พี่ช่างฟัง เพราะพูดภาษาช่างไม่ถูกก็เล่าไปว่ามันเป็นไม้แผ่นๆวางซ้อนๆกัน เหมือนฝาผนังโรงเรียนวัดพี่ช่างเขาก็ทำออกมาตามนั้นเป๊ะ
เห็นความไม่สมบูร์แบบไหมครับ ไม้คนละสี แปะมั่วไปหมด แต่ความไม่สมบูร์แบบสำหรับผมมันคือความสนุก
มันไม่น่าเบื่อดีเวลามอง คือมองแล้วจะงงๆ แปลกๆว่า เอ จะสวยดีหรือเปล่านะ 555
ภาพสุดท้ายช่างเขาติดให้แบบโบราณครับ คือการซ้อนไม้ในแนวตั้งแล้วยิงติดทีละแผ่น มันก็จะเป็นลายอย่างที่เห็น คนโบราณเขานิยมใช้ติดหน้าชายคา
หน้าต่างพวกนี้เป็นไม้สักเก่าแก่ ที่อยู่ในครัว ผ่านฝนสาด แดดส่องมาตั้งแต่สมัยยายทวด ผมจำได้ว่า มันจะอยู่ติดสวนกล้วยน้ำว้า คือเปิดหน้าต่างออกไปก็เจอสวนกล้วย เอื้อมมือไปฟันใบตองได้ จำได้มีช่วงหนึ่ง ละครเรื่องกระสือช่อง 7 ฉาย โคดกลัว ไม่กล้าเปิดหน้าตานี้ตอนกลางคืนเป็นเดือนๆ 555 กลัวเจอผีกระสือในป่ากล้วย
หน้าต่างนี้ตอนเอามาตัวมือจับมันไม่มีเพราะตอนนั้นมันเป็นไม้ และหลุดหายไป แอบเสียดาย ก็เลยจำใจต้องซื้อมือจับแบบเหล็กมาติด ครัวเก่ามันจะเปิดเป็นสี่บาน แบบเปิดได้แค่ 45 องศา แต่ครัวใหม่ที่บ้านผมมันไม่มีที ที่ไม่กว้างพอ ก็เลยทำเป็นบานพับ เปิดพับเป็นสองส่วน ก็เท่ห์ดี (ลำบากดีมากกว่า)
ไม้แผ่นนี้คือพระเอกของครัว
เห็นรอยก้นหม้อไหม้นั่นไหมครับ จริงๆมันคงไม่สวยในสายตาคนอื่น เขาคงกลับด้านไหม้ลง แล้วโชว์ด้านสวยขึ้นอวดชาวโลก แต่สำหรับผม มันไม่สวยก็จริง แต่มันมีความหมาย ไม้แผ่นนี้เป็นไม้แผ่นที่โดนก้นหม้อข้าวร้อนวาง ลองคิดดูว่าไม้เนื้อแข็ง หนาขนาดนี้ ต้องผ่านการวางก้นหม้อมากี่รุ่น กี่ปี ถึงได้ดำไหม้และลึกขนาดนี้
สมัยที่เรายังไม่มีหม้อหุงข้าวไฟฟ้าใช้ บ้านนี้เคยหุงข้าวด้วยก้อนเส้าแบบเช็ดน้ำ ทุกเช้าจะได้กลิ่นข้าวหุงใหม่ๆควันคลุ้ง ยายจะหุงข้าวแบบเช็ดน้ำ เอาน้ำที่เหลือจากการเช็ดข้าวมาใส่เกลือไว้ให้หลานๆดื่มแทนนม อร่อยดี
อีกทั้งการหุงข้าวแบบนี้จะมีดังข้าวไหม้ก้นหม้อ ยายก็จะขูด ๆ เป็นแผ่นแล้วเอามาโรยเกลือ มันอร่อยจนบอกไม่ถูก สมัยนี้อยากกินแบบนี้แต่ไม่มีให้กินแล้ว เพราะหม้อหุงข้าวแบบใหม่มันฉลาดเกิน
ผมขอให้พี่ช่างเอาไม้แผ่นนี้ทำชั้นวางแบบพับได้ พอไม่ใช้ก็พับเก็บ จะได้ไม่เกะกะ ค่อยกางเวลาจะใช้นั่งกินกาแฟตอนเช้าๆ กินกาแฟไปมือก็ลูบรอยไหม้ไป เพลินดี
ส่วนพวกนี้จำไม่ได้แล้วว่าเรียกว่าอะไร ก็เอามาติดๆไว้สวยๆ คิดเอาเองนะว่าสวย 555
เอาไว้แขวน หอม กระเทียม เลียนแบบครัวเก่า แต่มันก็…..ไม่ค่อยเหมือน 555
ในส่วนของถังใส่ของนั้น ก็เอามาทำอ่างล่างมือ
แต่ในตอนแรกมันมีร่อง ทำให้น้ำรั่วเป็นทาง แก้ปัญหาโดยการโทรหาแม่ ให้แม่ส่งชันมาให้ แล้วจัดการเอามายา กันน้ำรั่ว พอทำเสร็จแทนที่จะได้เอาไว้ล้างมือ กลับกลายเป็นรุปล่าสุด สาเหตุเพราะอะไรนั้น เดี๋ยวรูปหลังๆจะเฉลยครับ 555
ไม้ที่เหลือก็ไม่ได้ทิ้งแต่อย่างใด ทิ้งไม่ลง เอามาทำชั้น เอามาแปะไปทั่ว มั่วไปหมด ส่วนที่เป็นช่องไว้ใส่ถังแก๊ซกับช่องถังน้ำทิ้งก็ใช้ไม้ที่เหลือๆมาทำเป็นประตูเปิดปิดได้ จะได้ไม่อุจาดตา
ที่บอกว่างบประมาณ 40000 บาท นี่คือ 40000 บาทจริงๆครับ เพราะส่วนใหญ่ทำกันเอง โต๊ะไม้ก็ให้พี่ช่างช่วยทำช่วยสอน โคมไฟก็หาจานเก่าๆมาทำ
ไม้ก็ใช้ไม้เก่าจากที่บ้าน มันจึงไปหมดกับค่าของ ค่าเหล็ก ค่าหลังคา ค่าจ้างผู้ช่วยจากประเทศเพื่อนบ้านมาทำในส่วนที่หนักๆ ถือว่าประหยัดส่วนไหนได้ก็ประหยัด
จนในที่สุด ครัวที่ตั้งใจก็เสร็จ ใช้เวลา ครึ่งปีเต็มเลยทีเดียว
ถึงมันจะไม่เหมือนครัวที่บ้านเก่า แต่อารมณ์มันได้ ความรู้สึกมันใช่ กลิ่นไม้เก่า เสียงเดินบนพื้นไม้ เวลาตำน้ำพริกแล้วโต๊ะสั่น เปิดหน้าต่างออกมาเจอสวนครัว เออมันก็ใกล้เคียง
ในวันที่ทำเสร็จแล้วนั้น มันก็มีความสุข สุขตรงที่เราได้เอาสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตคนๆหนึ่ง กลับมาทำให้มันมีชีวิตอีกครั้ง ถ้ายายเห็นแกก็คงชอบ ขนาดเรา เรายังชอบเลย
จินตนาการว่า ยายกำลังเดินไปเดินมาในครัวนี้ แล้วมันไม่ขัดหูขัดตา เพราะถ้าเอายายไปอยู่ในครัวโมเดิร์น ครัวสมัยใหม่ ยายคงหยิบจับอะไรไม่ถนัดนะ ผมว่า 555
ทุกวันนี้ บ้านหลังนี้มีความหมายมากขึ้น มันไม่ใช่แค่ที่ที่เอาไว้นอนเฉยๆอีกต่อไป ผมอยู่บ้านมากขึ้น มีความสุขที่จะทำกับข้าว ปลูกต้นไม้ ทำขนม ทำงานเล็กๆน้อยๆ แทนที่จะออกไปเสียเงินนอกบ้าน 555 เพิ่งเข้าใจวันนี้เองเน๊อะว่า บ้านที่มีความหมายมันเป็นยังไง
ในวันที่โมโหเวลายายชอบใช้ไปซื้อพริกแห้งขณะที่เรากำลังดูการ์ตูนในวันที่เบื่อหน่ายเวลาต้องนั่งตำพริกแกงแทนที่จะได้ไปวิ่งเล่นในวันที่ปวดตูดในวันที่ต้องมานั่งเจียรใบตองทำข้าวตัมมัด
มาวันนี้มันได้ใช้ทุกอย่าง ทุกศาสตร์ที่ยายสอน ก็ถือว่าโชคดี ที่มีคนแก่ขี้บ่นคนนั้นคอยจ้ำจี้จำไช วันนี้เลยไม่อดตายหิวเมื่อไหร่ก็แค่เข้าครัว ทำอะไรง่ายๆ ในขณะที่คนอื่นว่ายากกินภายใน 10 นาทีอย่างงงๆ 555
ใครมีคนแก่ออยู่ที่บ้าน รีบไปปะเหลาะขอวิชาไว้นะครับ เรื่องแบบนี้ไม่มีสอนทั่วไป ต้องคนเฒ่าคนแก่เท่านั้นถึงจะมีวิชาขอบคุณที่ติดตาม นะครับ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : คุณ กบฏน้อยจากดาวB612 สมาชิก Pantip.com
แสดงความคิดเห็น