หนุ่มใหญ่พิษณุโลก พลิกผืนนาเป็นสวนตะไคร้ปลอดสารพิษ ทำรายได้ดีกว่าปลูกข้าว
(27 พ.ย.58) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวนาในพื้นที่ ต.วัดพริก อ.เมือง จ.พิษณุโลก ได้พลิกผืนนาข้าวหันมาปลูกต้นตะไคร้ เก็บเกี่ยวใบทำชาตะไคร้ ส่งออกสร้างรายได้ดีกว่าทำนา โดยเกษตรกรชาวนารายนี้คือ นายแจ้ง วงค์สุวรรณ อาศัยอยู่ในหมู่ 8 ต.วัดพริก อ.เมือง จ.พิษณุโลก
นายแจ้ง เล่าให้ฟังว่า แต่เดิมก็มีอาชีพทำนาตามปกติ ต่อมาเริ่มมีปัญหาเรื่องภัยแล้งทำให้ไม่สามารถทำนาได้ ประกอบกับตนเองเห็นว่าการทำนาต้องลงทุนเยอะ แถมราคาข้าวก็ไม่ดีเหมือนก่อน จึงเริ่มมองหาช่องทางอะไรที่จะสามารถหารายได้เลี้ยงครอบครัวได้
จึงเริ่มศึกษาเรื่องชาตะไคร้ เนื่องจากเป็นพืชที่ปลูกและดูแลง่าย ไม่ต้องลงทุนมาก ตนจึงเริ่มซื้อพันธุ์ตะไคร้หอมมาปลูกในพื้นที่ทำนาข้าว จำนวน 3 ไร่ ใช้เวลาปลูกประมาณ 2 เดือน ก็สามารถเก็บเกี่ยวใบได้ จากนั้นก็จะเก็บเกี่ยวทุกๆ 25 วัน โดยเก็บเกี่ยวได้ไร่ละประมาณ 1 ตัน
จากนั้นจะนำใบตะไคร้สดที่ตัดได้ไปเข้าเครื่องหั่น และนำไปตากแดด 1 แดด จากนั้นก็จะนำส่งขายที่โรงงานในจังหวัดเพชรบูรณ์เพื่อนำบรรจุส่งขายต่างประเทศ โดยราคาที่ส่งขาย อยู่ที่ราคา ตันละ 21,000 บาท หากขายปลีก ก็จะอยู่ที่ ราคากิโลกรัมละ 20 บาท หรือกระสอบละ 400 บาท
นายแจ้ง กล่าวว่า ต้นตะไคร้หอมที่ปลูกได้ทำในลักษณะแปลงตะไคร้ปลอดสารเคมีทุกชนิด ไม่มีการฉีดยาฆ่าแมลงหรือยาฆ่าหญ้า ใช้เพียงรดน้ำเท่านั้น ส่วนปุ๋ยก็จะใส่เพียงปุ๋ยชีวภาพ เนื่องจากเราต้องมีความซื่อสัตย์ต่อลูกค้าที่ซื้อไปบริโภค เพราะเวลาชงชาตะไคร้ผู้บริโภคจะต้องรับสารโดยตรง
ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ ซึ่งการทำสวนตะไคร้หอม ถือว่ามีรายได้ดีกว่าการทำนา แต่ในช่วงนี้ก็ยังทำนาบ้าง เพื่อครอบครัวจะได้ไม่ต้องไปซื้อข้าวกิน ประกอบกับพื้นที่ที่เหลือ ก็ปลูกต้นมะนาวในวงบ่อ เพื่อนำไปขายอีกช่องทางหนึ่งด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการทำอาชีพโดยยึดถือแนวเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : มติชนออนไลน์
สนใจลงโฆษณากับทาง Homenayoo ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่
คุณวันเฉลิม 086-1290293
ทางเราเป็นเว็บไซต์ให้ข้อมูล ไม่ใช่เจ้าของโครงการนะครับ
แสดงความคิดเห็น