ชายมหัศจรรย์หลังชนฝา เปลี่ยน 5,000 บาท สุดท้ายในชีวิตเป็น 1,000,000 บาทใน 7 เดือน
เมื่อวิกฤตเข้ามาในชีวิต โดยเฉพาะวิกฤตเรื่องเงิน เเรงบีบคั้นจะทำให้คุณต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อแก้ไขปัญหา ผมเองก็กลายเป็นนายตัวเองได้หลังจากที่แม่เป็นมะเร็ง แต่นั่นไม่มหัศจรรย์เท่ากับผู้ชายที่เหลือเงิน 5,000 บาทสุดท้ายในชีวิตแล้วเนรมิตให้เป็น 1 ล้านบาทใน 7 เดือน…!!!
เขาทำได้ยังไง…???
พี่กายเป็นนักเขียนการ์ตูน ลายเส้นมีเอกลักษณ์ชนิดที่ว่าแฟนคลับเห็นปุ๊ป รู้ปั๊ปว่านี่เป็นผลงานของเขาแน่นอน แต่ Freelance ต่อให้มีฝีมือดีแค่ไหนก็มีศัตรูตามธรรมชาติที่ไม่สามารถเอาชนะได้นั่นคือเศรษฐกิจกับเทคโนโลยี
การที่เด็กรุ่นใหม่สนใจโลกออนไลน์มากกว่าทำให้ธุรกิจสิ่งพิมพ์ที่เคยรุ่งเรืองซบเซา ลำพังตัวเขาเองอดมื้อกินมื้อไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าลูก 3 กับภรรยา 1 ที่เขารักต้องเป็นฝ่ายอด ในฐานะผู้นำครอบครัว เขาไม่มีวันอดทนได้แน่นอน
เงินเก็บของเขาเริ่มละลายหายไปอย่างรวดเร็ว เครียดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ แรงกดดันจากการไม่มีเงินเข้าทำให้เขาดิ้นรนเริ่มต้นสร้างธุรกิจหนังสือเป็นของตัวเอง เขาตัดสินใจพิมพ์หนังสือตัวเอง 5,000 เล่ม ถ้าขายหมดรวยแน่นอน และทันทีที่วางขาย เสียงตอบรับเกินคาด
จากตอนแรกที่คิดว่าจะขายได้แค่ครึ่งเดียว เอาเข้าจริงหนังสือขายได้น้อยมาก กำไรที่ได้มาพอเฉพาะค่าพิมพ์เท่านั้น เศรษฐกิจกับการเมืองทำให้คนไม่อยากใช้จ่าย สำนักพิมพ์ต่างๆทยอยปิดตัว ส่วนที่เหลือรอดก็ไม่กล้าเสี่ยงผลิตหนังสือออกขาย คราวนี้หมดทั้งเงินและความหวัง ทำต่อก็มีสิทธิ์เจ๊ง ไม่ทำก็อดตาย แล้วจะเอายังไงต่อดี…???
เมื่อล้มเหลวก็ต้องเดินหน้าต่อ พี่กายเกิดไอเดียเด็ด ธุรกิจหนังสือมันมีขึ้นมีลงตามความต้องการของมนุษย์ที่เปลี่ยนไป แต่ต่อให้โลกจะหมุนไปยุคไหน คนเราต้องกิน อาหารคือสินค้าที่มีเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอสำหรับตลาด ในความคิดของพี่กายคือซื้อข้าวเม่ามาทอดเองแล้วพยายามทำตัวเป็นพ่อค้าคนกลางส่งขายตามร้านยี่ปั๊วต่างๆเพื่อทำกำไร
เขาเอาโน๊ตบุ๊คเข้าโรงจำนำ ได้เงินมา 5,000 บาท ซึ่งนั่นเป็นทุนก้อนสุดท้ายในชีวิต ถ้าทุนก้อนนี้หมด เตรียมตัวจนทั้งชาติ พอซื้อข้าวเม่ามาทอดเองและติดต่อเจ้าร้านต่างๆเพื่อฝากขายสินค้า ยังไม่ทันหยิบเข้าปากเพื่อชิมว่าอร่อยหรือไม่ พวกเขาก็ต่างพากันส่ายหน้าปฏิเสธ มันขายไม่ได้ ขายไม่ออก เคยขายแล้วไม่มีใครเอา บลาๆๆ
มีคนบอกว่านิสัยของเศรษฐีคือไม่ยอมแพ้ แต่ไม่ว่าจะเดินถามกี่ร้านๆก็ได้รับแต่คำว่าไม่เอาๆลูกเดียว ถ้าทิ้งข้าวเม่าเพื่อเปลี่ยนธุรกิจก็เท่ากับทุนหายไปเกือบครึ่ง ทางออกเดียวที่มีคือทำข้าวเม่าที่มีให้กลายเป็นของกินเล่นที่คนไทยไม่เคยกินและใช้สิ่งที่ตัวเองมีอย่างฝีมือการวาดการ์ตูนมาเป็นจุดขายให้จงได้
เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด พี่กายเริ่มปรึกษาคนรอบข้างว่าจะวาดการ์ตูนเพื่อทำการตลาดสำหรับขายขนม แทนที่จะได้คำปรึกษาดีๆ ทุกคนต่างหัวเราะน้ำตาไหล บอกว่าโง่ เพ้อเจ้อ งี่เง่า ปัญญาอ่อน ใครเขาจะซื้อขนมเพราะการ์ตูนกันว่ะ บลาๆๆ พี่กายกลายเป็นตัวตลกให้คนหัวเราะเยาะอยู่พักใหญ่
แต่ทันทีที่เขาเริ่มเอาชีวประวัติของตัวเองวาดเป็นการ์ตูนให้อ่านฟรีทั้งใน Facebook และ Pantip เนื้อเรื่องซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชายสู้ชีวิตผู้ผจญภัยตามหาวัตถุมาทำขนมก็สร้างปรากฏการณ์คนอ่าน Follow จนเกิดเป็นแฟนคลับ และสร้างคำถามคาใจว่าแท้ที่จริงพี่จะทำอะไรขายกันแน่…!!!
ในระหว่างที่การ์ตูนถูกปล่อยออกมาเป็นตอนๆให้แฟนๆได้ลุ้น พี่กายก็พยายามคิดค้นสูตรข้าวเม่าใหม่ๆ เขาทอดข้าวเม่าแล้วคิดค้นสูตรอยู่ 1 เดือนเต็มๆ เสียข้าวเม่าเยอะมากเพราะความล้มเหลว ทดลองกินเองจนจุกกันทั้งครอบครัว จนในที่สุดก็สามารถทำข้าวเม่าทอดหลากหลายรสชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ให้เพื่อนบ้านชิมก็มีแต่คนบอกว่าอร่อยไร้ที่ติ ถึงเวลาทดสอบตลาดด้วยการขายแล้วสิ
แต่เงินทุนหมดแล้วอะสิ
เขาไม่เหลือเงินทุนแล้วก็จริง แต่เขาก็แก้ไขปัญหาด้วยการไม่บอกใครว่าไม่มีเงิน พี่กายวาดการ์ตูนตอนสุดท้ายเฉลยแฟนๆว่าแท้ที่จริงแล้วขนมที่พระเอกตามหาคือข้าวเม่ามิกซ์ สแน็กพันธุ์ไทยแท้ๆหลากหลายรสชาติ คนไทยกินมันฝรั่งของต่างชาติได้ คนต่างชาติต้องกินข้าวเม่าไทยได้ ผู้อ่านสามารถสั่งได้ในราคาห่อละ 49 บาทเท่านั้น
ทำเสร็จปุ๊ปจัดส่งให้ทันทีทางไปรษณีย์ ลูกค้าไม่ต้องออกจากบ้านเลยเดี๋ยวเอาไปเสิร์ฟให้ถึงที่ แล้วจะรู้ว่าความอร่อยแบบไทยๆนั้นเป็นอย่างไร…??? พร้อมกับทิ้งข้อความท้าทายให้ผู้อ่านได้ลองกิน
พอลูกค้าโอนเงินสั่งซื้อมาก็เอาเงินตรงนั้นมาหมุนไปซื้อวัตถุดิบ ไม่มีเงินก็ต้องหาวิธีทำเงินโดยไม่ต้องใช้เงิน
วันแรกที่เปิดขายพี่กายก็ได้ออเดอร์มากถึง 30,000 บาท…!!! ดีใจจนแทบคลั่ง เขาตั้งหน้าตั้งตาทำขนมอย่างสุดฝีมือ วิธีการแพ็คของก็เอาแบบบ้านๆคือเอาข้าวเม่าใส่ถุงพลาสติกแล้วใช้เทียนลนเพื่อผนึกสินค้า แล้วก็จัดส่งทางไปรษณีย์เท่านั้นเอง
พอสินค้าถึงมือลูกค้า สินค้าล็อตแรกก็สร้างความผิดหวังให้กับแฟนๆเป็นอย่างมาก โดนติจากลูกค้ากระจุยกระจาย ไม่กรอบ ไม่อร่อย ไม่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อุตส่าต์รอมาตั้งนานทำได้แค่นี้เองเหรอ เฮ้อ ปัญหาที่เขากำลังเจอคือตอนเสร็จใหม่ๆมันอร่อย แต่พอเวลาผ่านไปไม่กี่วันรสชาติมันไม่เหมือนเดิม
พี่กายทุกข์มาก นายตัวเองทุกคนที่สร้างสินค้าเองกับมือก็เหมือนเป็นพ่อของลูก ลูกโดนว่าว่าไม่ดี ใครบ้างจะไม่เครียด เขาแก้ไขปัญหาด้วยการไปขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน จนรู้ว่า อ๋อ ถ้าเอาข้าวเม่าไปอบ มันจะกรอบอยู่เป็นเดือน โอเค เครื่องอบแบบถูกๆราคา 4,900 บาท…!!! ไม่มีตังค์ครับ ในเมื่อไม่มีตังค์ก็ต้องหาวิธีแก้แบบไม่มีตังค์
พี่กายขอโทษลูกค้าทุกคนและขอโอกาสแก้ตัวอีกครั้ง เขาตัดสินใจอบด้วยหม้อที่ใช้ทำแกงในบ้านจนแขนพอง แต่ได้ผล คราวนี้พอขนมไปถึง ลูกค้าชอบมาก เพราะนอกจากข้าวเม่าอบกรอบจะอร่อยแล้ว ยังมีรสชาติมากมายที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของพี่เขา
เช่น ข้าวเม่าโนริสาหร้าย ข้าวเม่าช็อคโกแล็ต (อร่อยมากคอนเฟิร์ม) ข้าวเม่าน้ำผึ้ง ข้าวเม่าต้มยำ เป็นต้น พอลูกค้ากินแล้วชอบ คนดังเริ่มให้ความสนใจอุดหนุนและช่วยโปรโมทในฐานะขนมชนิดใหม่ ธุรกิจขายสแน็กออนไลน์โดยไม่มีหน้าร้านแต่ขายผ่าน https://www.facebook.com/khaomao.mix จึงกลายเป็นธุรกิจครอบครัวเล็กๆที่สร้างยอดขายได้ 3-50,000 บาทต่อเดือน
กำไร 50% เต็มๆ…!!!
วันหนึ่งภรรยาของพี่กายก็เห็นทีเซอร์ของรายการ “เสือติดปีก” ช่อง One ที่เปิดโอกาสให้เจ้าของธุรกิจสามารถเข้าไปขอเงินทุนจากทางรายการได้ พี่กายมองเห็นโอกาสทองของชีวิต ถ้าได้ไปออกจริงๆนอกจากคนไทยทั้งประเทศจะรู้จักเขาได้โดยไม่ต้องเสียเงินโฆษณาแล้ว เผลอๆอาจจะมีสิทธิ์แจ็คพ็อคแตกได้รับเงินลงทุนซึ่งจะต่อยอดให้ธุรกิจของเขาโด่งดังไปไกลถึงต่างประเทศด้วย หรือต่อให้ไม่ได้อะไรจริงๆ ก็ไม่ได้เสียอะไรเลยเช่นกัน อย่างมากก็แค่ขายหน้าให้คนอื่นหัวเราะก๊ากว่าเพ้อฝันเท่านั้น
โดยการขอเข้าไปออดิชั่นนั้นจะมี 3 รอบด้วยกัน รอบแรกคือการออดิชั่นหลังไมค์ว่าธุรกิจมีความน่าสนใจหรือไม่ รอบสองคือการให้คณะกรรมการผู้ทรงเกียรติ์ 4 ท่านคอมเม้นท์ว่าผ่านหรือไม่ผ่าน ส่วนรอบ Final คือการไปพบนักลงทุนอย่างคุณตันเพื่อขอเงินทุนผ่านรายการโดยตรง
พี่กายเล่าให้ผมฟังว่าทันทีที่เขาตัดสินใจไปออดิชั่น “ทีมงานบอกให้พี่เขียนแผนธุรกิจมาเพื่อเสนอ แผนธุรกิจคืออะไร พี่เลยเปิด Google แล้วก็เรียนรู้จากตรงนั้นเเหละ” วิธีคิดของพี่กายคือ เขาไม่ได้มองว่าถ้าไปไม่ถึงรอบสุดท้ายแสดงว่าล้มเหลว แต่เขามองว่าแค่ผ่านรอบแรกก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว
ขอแค่ได้มีโอกาสขึ้นไปบนเวทีเพื่อเอาผลงานของตัวเองไปประกาศให้โลกรู้เท่านั้น ขอแค่นั้นจริงๆ ที่เหลือปล่อยให้เป็นเรื่องของขั้นตอนต่อไป คิดทีละขั้นพอ
ด้วยความที่เขาเป็นคนสนุก เป็นนักสู้ เป็นคนที่มีอารมณ์ขันเป็นอย่างมาก พี่กายก็ร่ายเสน่ห์จนกรรมการชอบใจ แถมขนมที่เอาไปนำเสนอให้กินกรรมการทุกท่านก็ชมไม่หยุดปากด้วย ป๋าเต็ดถึงขั้นอุทานว่า “แมร่งโครตอร่อย” กลางรายการ แม้กระทั่งคุณตันที่กินไม่หยุดปาก และตัดสินใจร่วมลงทุน 1,000,000 บาททันที
แถมหลังรายการออกอากาศ ก็มีออเดอร์เข้ามาจนพี่กายและลูกๆตอบ inbox 3 วัน 3 คืนก็ยังตอบไม่หมด จากธุรกิจครอบครัวเล็กๆ กลายเป็นธุรกิจที่ต้องทำขนมกัน 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์เพื่อผลิตให้ทันออเดอร์จากโลกออนไลน์ที่มาจากทั่วทั้งสารทิศ และต่อจากนี้ก็คงมีเรื่องสนุกๆให้เราได้ติดตามกันอีกอย่างแน่นอน
สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากพี่กายคือ
1. ไม่มีเงินทำธุรกิจก็ถือว่าเป็นข้อดี เพราะจำนวนเงินที่น้อยจะบังคับให้นายตัวเองคนนั้นใช้ความคิดสร้างสรรค์สร้างสินค้า
2. ทดสอบตลาดให้ดีก่อนว่าไอเดียของคุณนั้นตลาดตอบสนองกลับหรือไม่
3. เน้นสร้าง Story ให้สินค้ากับเจ้าของสินค้าไปด้วยจะทำให้ลูกค้าผูกพันธ์กับแบรนด์
4. คุณตันบอกพี่กายว่า “ค่อยๆทำเล็กๆแล้วไปใหญ่นั้นดีกว่าทำใหญ่ๆแล้วหดมาเหลือเล็กๆ” ผมเห็นด้วย 100%
5. อย่ากลัวที่จะประชาสัมพันธ์ตัวเอง ถ้าคุณไม่ประกาศให้โลกรู้ว่าคุณมีดีอะไร แล้วใครเขาจะรู้ว่าคุณมีอะไรดี
6. กล้าหรือกลัวก็ไม่มีผลอะไรต่อชีวิตตราบใดที่คุณยังลงมือทำไม่หยุดยั้ง
7. อย่าเสียเวลาเฝ้าบอกว่าตัวเองขาดอะไร ให้ถามว่าตัวเองมีอะไรดีแล้วเริ่มจากจุดนั้น
8. ขนาดของความฝันไม่เกี่ยวกับขนาดของธุรกิจ ธุรกิจเล็กก็ฝันใหญ่ได้
9. มันเป็นธรรมดาเวลาที่คุณคิดจะสร้างเส้นทางนายตัวเองสายแปลกๆแล้วจะมีคนมองคุณเป็นตัวตลก
10. เมื่อคุณประสบความสำเร็จ คนที่ชอบดูถูกคุณจะหันไปดูถูกเหยื่อรายต่อไปแทน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : startyourway.com
แสดงความคิดเห็น