Oh My God!!! ซื้อบ้านไว้ ยังไม่ย้ายไปอยู่ แต่มีคนเข้ามาอยู่แทน!!!

Oh My God!!! ซื้อบ้านไว้ ยังไม่ย้ายไปอยู่ แต่มีคนเข้ามาอยู่แทน!!!

ใครที่เพิ่งซื้อบ้าน หรือ ซื้อบ้านไว้แล้วยังไม่ได้เข้าไปอยู่ ระวังจะเจอใครก็ไม่รู้แอบเข้ามาอยู่ในบ้านเรา ก่อนเราซะอีก ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงของคุณ MeanGirl55 สมาชิก pantip.com ที่ออกมาเล่าเรื่อง ถูกใครก็ไม่รู้ แอบเข้ามาอยู่ในบ้าน แถมยังเอาโทรศัพท์มาชาร์จแบตเตอรี่มือถือ, แช่น้ำแข็งในตู้เย็น รวมถึงขโมยรองเท้า, น้ำหอมที่เก็บสะสมไว้ และของใช้ของลูกเจ้าของกระทู้ไปอีก ไม่รู้ว่าเรื่องแบบนี้ใครจะต้องรับผิดชอบ ยังไงแอดมินขอเป็นกำลังใจให้นะคะ และขอให้เหตุการณ์แบบนี้ไม่เกิดขึ้นอีก ลองไปอ่านเรื่องราวของเค้ากันค่ะ

ซื้อบ้านไว้ ยังไม่ย้ายไปอยู่ แต่มีคนเข้ามาอยู่แทน!!!

 ครั้งแรกของเรากับการตั้งกระทู้ในพันทิป เรื่องเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ เมื่อเช้าวันพุธ 2 พฤศจิกายน 2559 เลยค่ะ….
ขณะที่เราเดินไปทำงานตามปกติ อยู่ๆ เวลาประมาณ 9 โมงกว่าๆ พ่อของเราก็โทรมาบอกว่า

พ่อเข้าไปบ้านเห็นชาร์ตโทรศัพท์ไว้ ลืมไว้ที่บ้านหรือเปล่า ประตูหลังบ้านก็ไม่ปิด ไฟก็ไม่ปิด พ่อถามมางี้ เรางงสิคะ

เพราะบ้านที่พ่อเข้าไปนั้น เรายังไม่ได้อยู่ ไม่ได้เข้าไปสักอาทิตย์นึงได้แล้ว ปกติเราจะเข้าไปบ้านวันเสาร์ วันอาทิตย์

ซื้อบ้านไว้ แต่ยังไม่ได้ย้ายเข้าไปอยู่ ข้าวของพร้อม ตกแต่งสวยเสร็จ แต่เพราะโครงการยังสร้างไม่เสร็จดี และในซอยที่อยู่ ยังไม่มีใครย้ายมาอยู่เลยสักหลัง

เราเลยรอให้คนอื่นเข้ามาก่อน แล้วค่อยย้ายเข้าไปค่ะ เพราะแอบกังวล กลัวต่างๆ นานานี่แหละ หมู่บ้านที่เราไปซื้อไว้ อยู่แถวไทรน้อย จ.นนทบุรี เป็นหมู่บ้านสีส้มค่ะ ขอบอกแค่นี้นะ

(รูปมือถือมันที่พ่อถ่ายส่งมาให้ดูค่ะ)

เราเลยตอบพ่อว่ามือถือไม่ใช่ของเรานะ เพราะไม่ได้เข้าไปดูบ้านเลย เข้าไปครั้งล่าสุดก็ปิดบ้านดีทุกจุด ประตูหลังบ้านก็ไม่เคยเปิด เลยบอกให้พ่อลองถ่ายรูปโทรศัพท์มาให้ดูหน่อย ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร เผื่อหลงลืมอีกเครื่องหนึ่งทิ้งไว้จริงๆ

การสนทนาทางโทรศัพท์ได้จบลง เราดูภาพที่พ่อส่งมาทางไลน์ งงหนักเข้าไปใหญ่ หน้าตาของมือถือเครื่องที่วางอยู่ในบ้าน ไม่คุ้นตาเลยค่ะ มันไม่ใช่ของเรา และของแฟนเราแน่ๆ

(ประตูหลังบ้านที่มันบอกเราเปิดไว้และใช้เดินเข้ามาค่ะ แต่ตอนแรกเราไม่ได้คล้องกุญแจเหล็กนะ แต่ล็อคกลอนอย่างอื่นครบ)

สักพักพ่อโทรกลับมาบอกว่า…..รู้แล้วว่าโทรศัพท์เป็นของใคร เพราะมันเดินลงมาจากบนบ้านค่ะ คุณพระ!!!!! ไม่ได้มาคนเดียว มา 2 คน และด้วยความที่พ่ออยู่คนเดียวคงกลัวความอันตรายตรงหน้า เลยคุยกับมันแบบประนีประนอม

พวกมันบอกว่าเข้ามาเพราะเห็นประตูหลังบ้านเปิดทิ้งไว้อยู่ เลยเดินเข้ามา พ่อถามมันว่าเป็นใคร มันบอกเป็นคนงานค่ะ พ่อสนทนากับพวกมันสักพักด้วยความกล้าๆ กลัวๆ เลยไล่ให้มันเก็บของออกไป

ช่วงเวลานั้นเราได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจ ไม่เป็นอันทำการทำงาน  เป็นห่วงพ่อ กลัวและงงไปหมดทุกสิ่ง เลยลางานเลยค่ะ รีบพุ่งตัวมายังบ้านเกิดเหตุทันที

โชคดีที่เรายังไม่ย้ายของมีค่ามาไว้บ้านนี้มากนัก มีแค่ทีวี ตู้เย็น แต่มันไม่ได้ขนไป ส่วนของเล็กๆ น้อยๆ อย่างกระเป๋า กระเป๋าเดินทาง รองเท้า เครื่องสำอาง น้ำหอม ที่สะสมไว้ หายเกือบหมดค่ะ นี่แค่ของชิ้นเล็ก เรายังโมโหขนาดนี้อ่ะ เฮ้อออออ

(มันเอาแก้วน้ำมาแช่ไว้เพียบบบบบ)

ของหายไม่เท่าไหร่ แต่มันยังไมจบแค่นั้น ไอ้โจรชั่วมันวางของของมันไว้เต็มบ้านเรา ทั้งหมวกกันน็อค เสื้อ ยาใส่แผล ฯลฯ เราเดินไปเปิดที่ตู้เย็น นอกจากน้ำหอมที่ใส่เรียงไว้หายแล้ว ที่ช่องฟิต มันเทน้ำใส่แก้วแล้วแช่ไว้เพียบ คงแช่ไว้กินเย็นๆ แก้กระหาย เวลามาพักตากอากาศที่บ้านเราเป็นแน่ เราบอกตรงๆ เห็นแล้วปรี๊ดขึ้นอีก โมโหมากๆๆๆๆๆๆ ค่ะ

เหตุการณ์ในวันนี้ ทำให้เราย้อนกลับไปคิดถึงหลายๆ เหตุการณ์ที่ผ่านมา…
วันหนึ่งตอนกลางคืน เรากับแฟนขับรถไปดูที่บ้าน เห็นไฟที่ห้องนอนชั้นบนเปิด พร้อมผ้าม่านปิดไม่สนิท

เราเลยถามแฟนว่าเมื่อวาน (ที่เข้าไปบ้าน) ลืมปิดไฟ ปิดม่านหรือเปล่า แฟนก็บอกว่าไม่ได้ขึ้นไปห้องนอนเลย เราก็ อุ๊บ คิดไปแบบหลอนๆ  หรือว่า….(ผี) หรือเราลืมเอง แต่ก็พยายามไม่คิดอะไรมาก

มีอีกค่ะ มีวันหนึ่งเข้าไปดูบ้าน  เปิดประตูบ้านเข้าไป แก้วที่วางอยู่บนโต๊ะ ตกลงมาแตกหลายใบ เรายังพูดกับแฟนเลย มันจะตกลงมาแตกได้ไง ในเมื่อลมก็ไม่มี เพราะปิดหน้าต่างทุกบาน แก้วก็วางไว้ลึก

ก็พยายามคิดไปเรื่อยๆ หรือจิ้งจกวิ่งชน เฮ้อออออออ คือมันมีหลายเรื่องให้คิดว่าเป็นเรื่องของสิ่งที่มองไม่เห็นหรือเปล่า

แต่พอมาเจอกับตัวเองวันนี้บอกเลย ว่าช็อคค่ะ คนเป็นๆ น่ากลัวกว่าผีเยอะเลย ไอ้โจรชั่วมันคงเข้ามาพักตากอากาศที่บ้านเราหลายครั้งแล้ว

เราเลยไปบอกโครงการ เจ้าหน้าที่ตอบได้น้ำเสียงแย่มากค่ะ บอกปัดประมาณว่าไม่ใช่ความผิดมัน ถามถึงกล้องวงจรปิดหมู่บ้าน มันบอกว่าเสีย ถามถึงกล้องวงจรปิดตรงทางเข้า มันก็บอกว่าเปิดไม่ได้ โบ้ยความผิดให้ยาม

เราเลยเดินออกมา แล้วมุ่งหน้าไปแจ้งความเลยค่ะ ไปแจ้งความเพราะไม่ได้อยากได้ของคืน แต่แจ้งความเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของคนในครอบครัวและคนในหมู่บ้านค่ะ