รีวิว ปลูกบ้านหลังแรกในชีวิต พื้นที่ใช้สอย 156 ตร.ม. งบประมาณ 1.6 ล้านบาท
สวัสดีค่าาาา วันนี้แอดมินมีรีวิวการปลูกบ้านสองชั้น สวยๆ มาฝากกันค่ะ โดยบ้านหลังนี้ใช้งบประมาณรวมๆ 1.6 ล้านบาท ใครหาไอเดียกันอยู่ ตามมาดูกันเลยค่ะ
สวัสดีครับ วันนี้ตั้งใจจะมาแบ่งปันประสบการณ์ในการสร้างบ้านหลังแรกของผม ซึ่งพยายามรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุดตั้งแต่การสร้าง จนถึงวันส่งมอบงาน หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมบ้าง ไม่มากก็น้อยนะครับ หากเนื้อความในกระทู้ของผมมีข้อบกพร่องหรือผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยไว้ล่วงหน้านะครับ
เริ่มจากมีที่ดินที่เคยซื้อไว้อยู่ราว ๆ 150 ตร.ว. และมีเหตุจำเป็นให้ต้องย้ายที่อยู่ จึงตั้งใจว่าจะสร้างบ้านบนพื้นที่แห่งนี้ ประมาณงบการสร้างไว้อยู่ที่ 1.2 – 1.3 ล้านบาท ซึ่งผมและครอบครัว(พ่อ แม่ น้อง) ไม่ได้มีความรู้เรื่องงานรับเหมา หรือการก่อสร้างมาก่อนเลย จึงต้องทำการบ้านค่อนข้างหนักครับ
โดยเริ่มจากหาข้อมูล หาแบบบ้าน หาแปลนบ้านสวย ๆ หลังจากนั้นก็เริ่มมองหา และคุยกับผู้รับเหมาครับ ค่อนข้างหนักใจกับเรื่องนี้ครับเพราะจะไปจ้างบริษัทดัง ๆ ก็ไม่ไหวเพราะราคาค่อนข้างสูง ตั้งใจว่าจะหาผู้รับเหมาที่ออกแนวบ้านๆ ลูกทุ่งๆหน่อย (แบบว่าคุยกันง่าย ๆ ไม่ต้องเป็นระดับบริษัทมีระบบอะไรมากมาย) ซึ่งเพื่อนแม่ก็แนะนำผู้รับเหมาเจ้าหนึ่งมาซึ่งเป็นผู้รับเหมาที่สร้างบ้านให้เพื่อนแม่ที่อยู่ไม่ไกลกับที่ดินที่ผมจะลงมือสร้างบ้านหลังนี้มากนัก ปรึกษากันในครอบครัวก็ตกลงกันว่าเลือกผู้รับเหมาเจ้านี้แหละ (เพราะไม่น่าจะทิ้งงาน)
แรกเริ่มก็มีความลังเลว่าจะสร้างบ้านชั้นเดียวหรือสองชั้น มีกี่ห้องยังไงดี เพราะลังเลในเรื่องของพื้นที่ และงบประมาณ มีการถกกันเรื่องความต้องการต่าง ๆ ระหว่างผมพ่อและแม่ จนได้แบบบ้านที่พอใจ
สุดท้ายค่อนข้างบานปลายในส่วนของขนาดบ้านและงบประมาณครับ เพราะความต้องการบางอย่างไม่ค่อยลงตัวกันอย่างเช่น แม่ต้องการห้องน้ำที่มีประตูเข้าออกได้ 2 ทาง ในขณะที่ผมไม่ชอบห้องน้ำแบบนั้น เป็นต้น
เมื่อตกลงกันได้สุดท้ายไปลงเอยกันที่บ้าน 2 ชั้น 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอยรวม 156 ตร.ม. บนงบประมาณ 1.5 ล้าน
พอตกลงกันได้ในส่วนของแบบบ้าน แปลนบ้าน และงบประมาณก็เริ่มส่งให้ผู้รับเหมาถอดราคาออกมาเป็น BOQ ครับ ซึ่ง BOQ ที่ลงนี้เป็นชุดแรกที่ทางผู้รับเหมาถอดออกมารอบแรกที่ราคา 1.6 ล้านกว่า สุดท้ายต่อรองกับทางผู้รับเหมาลดสเปคบางอย่าง และทางผู้รับเหมาก็ถอดออกมาได้เหลือ 1.5 ล้านกว่า ๆ ครับ
(แต่ใบหลังผมละเลงจนเละไปแล้ว จึงขอนำใบแรกมาให้ดูแทนนะครับ)
นี่เป็น BOQ ที่ถอดออกมานะครับ รวมทั้งแปลนบ้าน ซึ่งมาพร้อมกับสัญญาก่อสร้าง แบ่งเป็นงวดย่อย ๆ 12 งวด ก็มีการเซ็นรวมทั้งมัดจำงวดแรกตามเรื่องตามราวไปครับ
เมื่อตกลงเซ็นสัญญามัดจำกันได้แล้ว ก็เริ่มงานอย่างไม่มีรีรอครับ เพราะดูแล้วฤกษ์ลงเสาเอกใกล้เข้ามาแล้ว
โดยเริ่มลงมือตีผัง และขุดหลุมสำหรับลงเสาในวันที่ 25 ธ.ค. 2558 ครับ ทางช่างที่ขุดดินบอกว่าดินแข็งมาก ทำเอารถขุดเขี้ยวหักไปหลายอันเลย ผู้รับเหมาบอกว่าดินแข็งจะเป็นผลดีต่อบ้านครับ
28 ธันวาคม 2558
ยกเสาเอก – เสาโท มีการทำพิธีเอาเคล็ดตามความเชื่อเพื่อความเป็นสิริมงคลกันไปครับผม
คุณพ่อก็เชิญพระพุทธรูปหลวงพ่อโสธร ที่ตั้งใจว่าจะตั้งเป็นพระประธานในวันย้ายเข้าบ้านมาทำพิธีกันไปตามความเชื่อครับผม ส่วนทางผู้รับเหมาก็เชิญพ่อหนานมาทำพิธีสวดเล็ก ๆ น้อย ๆ ครับ ต่อด้วยการยกเสาเอก เสาโทไปตามลำดับครับ ซึ่งให้ทางคุณพ่อคุณแม่จัดการ ส่วนผมเก็บภาพอย่างเดียวครับ
หลังจากขึ้นเสาเอก ก็หยุดปีใหม่ยาวเลยครับ กว่าจะกลับมาเริ่มงานเทฐานก็เกือบครึ่งเดือนครับ
ระหว่างนั้นคนงานของผู้รับเหมาบางส่วนก็มาขึ้นเหล็กไว้ให้ครับ
รถปูนมาแล้วครับ ขั้นตอนเทฐานนี้ไปได้ค่อนข้างราบรื่นครับ เพราะรถปูนสามารถเข้าไปถึงได้ทุกเสาเลยครับ
จากนั้นก็มาในส่วนของตอม่อ และวางไม้แบบเตรียมเทคานครับ
เริ่มเทคาน และขึ้นไม้แบบเพื่อเทเสาครับ
ในส่วนของขั้นตอนการเท คุณพ่อท่านกลัวเรื่องช่องว่างฟองอากาศมาก ๆ จึงไปช่วยช่างลงมือกระทุ้ง ตบ ๆ ทุบ ๆ ด้วยตัวเอง เห็นท่านว่าได้แผลมาบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ เหมือนกันครับ
ในวันที่เท ผมไม่ได้ไปดังนั้นทั้งการควบคุมงานช่าง รวมถึงการถ่ายภาพเป็นของคุณพ่อทั้งหมดครับ
ก็เริ่มขึ้นไม้แบบเพื่อเทเสาครับ หลังจากเทเสร็จแล้วก็แกะไม้แบบ และบ่มเสาด้วยพลาสติกครับ
ช่วงปลายเดือนมกราคมเทพื้นชั้นล่าง ผมไม่อยู่จึงไม่ได้ไปดูงาน เลยฝากกล้องให้คุณพ่อไปถ่าย แต่ลืมปรับโหมดกล้องไว้คุณพ่อ ทำให้ภาพออกมาเบลอหมดเลย น่าเสียดายมากครับ เลยไม่มีรูปในช่วงเทพื้นชั้นล่างครับ ก็ใช้เป็นพื้นสำเร็จครับ ยกเว้นเฉพาะห้องน้ำครับ
ล่วงเลยไปถึงช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ก็เตรียมขึ้นไม้แบบเพื่อเทคานชั้น 2 ครับ
และเริ่มเทคานชั้นสองครับ โดยใช้รถยกขึ้นไปเททีละถัง ๆ นับถือคนบังคับรถจริง ๆ เพราะต้องประคองไม่ให้ถังหก แถมต้องคอยหลบสายไฟฟ้าด้วย เสียวแทนครับ
ส่วนปูนที่เหลือก็นำมาเทเฉลียงหน้าบ้านบางส่วนที่ยังเทไม่เสร็จครับ
และเทเสาชั้นสองต่อเลย หลังจากเทเสาชั้นสองเสร็จแล้วนั้นก็ไม่ได้เข้าไปดูหน้างานหลายวันเลยราว ๆ 2 สัปดาห์ครับ
กว่าจะได้โผล่กลับไปดูหน้างานอีกครั้ง ชั้นล่างก็ก่อเกือบจะเสร็จแล้วครับ
จากนั้นก็เตรียมขึ้นโครงหลังคา ต่อด้วยมุงหลังคากันครับ
เราใช้แผ่นกระเบื้องหลังคาซีแพคสีเขียวไพรพฤกษ์ครับ
โดยติดแผ่นสะท้อนความร้อนไว้ใต้หลังคาครับ
ก่อเสร็จแล้ว มุงหลังคาเสร็จแล้ว
ก็เตรียมกรีดท่อสายไฟ
จากนั้นก็จะฉาบปูนครับ
ช่วงนี้ก็เริ่มไล่หา และเล็ง ๆ พวกประตู วงกบ ลูกบิด ปลั๊กไฟ สวิตช์ กระเบื้อง สุขภัณฑ์ต่าง ๆ ตามร้านก่อสร้างแล้วครับ เพราะตกลงกับผู้รับเหมาไว้ว่า ในส่วนของสเปคโครงสร้างก็ยกให้ผู้รับเหมาว่ากันไป
ส่วนของอุปกรณ์บางอย่างภายในบ้าน ผมเลือกซื้อเอง ขาดเกินอย่างไรก็ไปหักตัดราคากันตามใน BOQ กันไปครับ เพราะเป็นบ้านที่สร้างอยู่เองต้องการเลือกเองเท่าที่จะเลือกได้ครับ โดยเฉพาะในส่วนที่เราต้องใช้ประจำครับ เราจะต้องอยู่กับมันไปจนเบื่อกันไปข้างหนึ่ง ดังนั้นก็คิดว่าเราควรมีโอกาสเลือกในสิ่งที่เราต้องการได้เอง ถ้าเป็นไปได้ครับ เรียกว่าเป็นช่วงที่ไปร้านวัสดุก่อสร้างจนเบื่อ พนักงานจำได้เลยทีเดียว ไปแทบทุกร้าน ทุกสาขา บางสาขาไปถี่หลาย ๆ รอบ ผมว่าเป็นช่วงที่เหนื่อย แต่สนุกดีเหมือนกันครับ อารมณ์คล้าย ๆ สร้างบ้านในเกม The Sims เลยครับ
ต่างคนต่างเลือกครับไม่ว่าจะเป็น สี กระเบื้อง ประตู บ้านเลยอาจจะออกมาในสไตล์มิกซ์แอนด์ไม่ค่อยจะแมตช์ กันซักเท่าไหร่ครับ 555
ระหว่างที่รอช่วงฉาบใกล้เสร็จ เรามาดูสีตัวบ้านภายนอกกัน โดยผมลองออกแบบ และหยอดสีเอง ด้วยโปรแกรมของบริษัทจำหน่ายสีครับ สรุปความเห็นของ ผม พ่อ และแม่ ไม่ตรงกันเลย ผมเลยตัดบทไปว่าเอาของผมละกันจบ… (แอบเผด็จการ 555) ลองดูแต่ละสีที่หยอดดู พอไหวไหมครับ 555
ส่วนกระเบื้องห้องน้ำ ก็ลองประยุกต์โดยลองเทสีใส่โปรแกรมเท่าที่พอจะมีในเครื่องครับ
กระเบื้องที่สั่งไว้ก็เริ่มทยอยเข้ามาส่งเพื่อเตรียมงานกระเบื้องต่อเลยครับ
ช่างปูกระเบื้องก็ได้เข้ามาเพื่อคุยถึงแบบห้องน้ำ และนัดแนะการปูกระเบื้อง จากนั้นไม่กี่วันก็เริ่มลงมือโดยไม่รีรอครับ โดยเริ่มปูกระเบื้องห้องน้ำทั้ง 3 ห้องก่อนครับ
ระหว่างนั้นช่างอีกส่วนนึงก็เริ่มลงมือทำรั้วบ้านไปครับ
ช่างฝ้าก็เข้ามาตีโครงฝ้า และช่างสีก็เข้ามาทาสีรองพื้นภายในบ้านไปด้วยครับ
จากเดือนมีนาคมดูยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเท่าใดนัก ผม พ่อ และแม่ก็เกรงเรื่องบ้านจะเสร็จไม่ทันกำหนด
แต่ในช่วงกลาง ๆ เดือนเมษายน 2559 ก็ถือว่าบ้านเริ่มเป็นรูปเป็นร่างค่อนข้างชัดเจนแล้ว
ช่วงเวลา 1 เดือน ที่งานดำเนินไปได้ถือว่าค่อนข้างไวมาก เริ่มจับเฟี้ยม และใส่วงกบอลูมิเนียมของหน้าต่าง
ช่วงนี้สุขภัณฑ์ต่าง ๆ รวมทั้งกระเบื้องปูพื้นที่เลือก ๆ สั่ง ๆ ไว้ก็ทยอยส่งเข้ามาจากร้านวัสดุก่อสร้างแล้ว
เพราะส่วนใหญ่ทางร้านจะรับฝากได้ 1 เดือน ทางผมก็ไปเจรจาผลัดวันแล้วผลัดวันอีก จนรู้สึกว่าโอเค ของจะเข้าก็ให้เข้าแล้ว เอาไปวาง ๆ ไว้จะได้เป็นการแอบกดดันผู้รับเหมาไปในตัว 555 ซึ่งผู้รับเหมาแจ้งว่ายังไม่ได้ติดตั้ง จึงต้องเสี่ยงกอง ๆ ไว้บริเวณก่อสร้าง กลัวว่าจะหายเหมือนกัน แต่โชคดีที่บริเวณนั้นไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโจรกรรมมากนักครับ
ช่างปูนก็เทพื้นออกไปทำเป็นทางเดิน กว้าง 1 เมตร รอบตัวบ้านครับ
เก็บงานเรื่องสีบริเวณช่องลมหน้าจั่วบ้าน และเป็นช่วงที่ช่างไฟจะเข้ามาร้อยสายไฟ เพราะทีมช่างฝ้าเตรียมจะเข้ามาทำฝ้าช่วงต้นเดือนพฤษภาคมครับ
ช่วงนี้ก็ประมาณสิ้นเดือนเมษาเป็นช่วงที่ร้อนมาก ๆ ร้อนชนิดที่ว่าไม่ไหวจริง ๆ จึงได้ตัดสินใจในช่วงสุดท้ายก่อนตีฝ้า ว่าจะใส่ฉนวนใยแก้วกันความร้อนบริเวณเหนือฝ้าครับ เป็นงานเพิ่มเติมซึ่งไม่มีอยู่ใน BOQ ครับ
แรกเริ่มคุยกับทางผู้รับเหมาแล้วว่าจะใส่เพิ่มดีหรือไม่ ผู้รับเหมาก็แนะนำในเบื้องต้นว่า แผ่นสะท้อนความร้อนก็โอเคแล้ว แต่พอได้เข้าหน้างานทุกวันเลยรู้สึกว่าบ้านค่อนข้างร้อนครับ บวกกับศึกษาหาข้อมูลแล้วว่าฉนวนใยแก้วจะช่วยเรื่องนี้ได้พอสมควร จึงตกลงกัน และตัดสินใจในนาทีสุดท้ายว่าใส่เพิ่มเข้าไปครับ ก็ได้ไปซื้อฉนวนใยแก้วหนา 6 นิ้วครับ ใช้ราว ๆ 30 กว่าถุง ก็เป็นเงินที่บานเพิ่มมาราว ๆ หมื่นกว่าบาท ไม่รวมค่าแรงในการปูฉนวนครับ
ส่วนช่างไฟก็เข้ามาร้อยสายไฟ สายสัญญาณทีวี สายLan (เปลี่ยนจากสายโทรศัพท์ทุกจุดภายในบ้านเป็น Lan ทั้งหมดเพราะคิดว่าไม่น่าจะได้ใช้โทรศัพท์บ้านแล้วครับ) ตรงนี้มีปัญหาติดขัดพอสมควร เพราะเป็นช่างไฟคนละทีมกับที่มาเจาะผนังครับ ไม่แน่ใจว่าทำไมทางผู้รับเหมาถึงเปลี่ยนทีมช่าง และทางช่างไฟชุดแรกก็เจาะผนังผิดตามแปลนไปค่อนข้างหลายจุดครับ ทีมช่างไฟชุดหลังเลยต้องมาแก้งานกันพอสมควรครับ
ในส่วนของฝ้าเพดานชั้นบน ก็ปูฉนวนใยแก้ว รวมทั้งตีฝ้าปิดด้วยแผ่นยิปซัมบอร์ดปู ๆ เจาะ ๆ ยิง ๆ แปปเดียวก็เสร็จครับ ใช้เวลาวันเดียวเร็วมาก
หลังจากชั้นบนตีฝ้าปิดเสร็จเรียบร้อย ช่างฝ้าก็ลงไปทำชั้นล่างต่อ ส่วนชั้นบนก็เริ่มลงมือปูกระเบื้องพื้นทันทีทันใดครับ โดยเริ่มจากโถงกลางชั้นสองปูไล่ไปยังห้องต่าง ๆ
ห้องนอนใหญ่ของพ่อแม่เลือกกันเองเป็นกระเบื้องลายไม้ ผิวด้าน ๆ หน่อยไม่ลื่นครับ
ของห้องน้องสาวเป็นกระเบื้องมันวาวสีครีม ๆ มีลายนิดหน่อยแบบเดียวกับโถงกลางชั้นสอง
ส่วนห้องนอนของผมเป็นกระเบื้องมันวาวสีขาวล้วนครับ
กระเบื้องส่วนที่ขาดไป อาจจะด้วยการคำนวณพื้นที่พลาดหรือเพราะต้องตัดกระเบื้อง ก็สั่งเพิ่ม และทยอยเข้ามาส่งเรื่อย ๆ ครับ เป็นช่วงที่มึนงงเหมือนกัน เพราะกระเบื้องแต่ละแบบแต่ละลายซื้อมาจากหลาย ๆ ร้าน ต่างร้าน ต่างสาขากันครับ พอต้องซิ้อเพิ่มก็มีมึนงงบ้างว่าต้องไปสั่งเพิ่มจากที่ร้านไหนหรือสาขาใดครับ
และก็ทยอย ๆ ใส่สุขภัณฑ์ต่าง ๆ เข้าไปครับ
ปูกระเบื้องชั้นบนทั้งหมดใช้เวลาปูราว ๆ 3-4 วันครับ แอบช้านิดนึงเพราะ ช่างปูกระเบื้องคู่สามีภรรยาปูกันเองอยู่สองคน (เรียกได้ว่าทั้งบ้านของผมปูแค่สองคนนี้แหละครับ) แต่ฝีมือถือว่าโอเค งานเนื้ยบใช้ได้ครับ ลองเคาะแล้วแน่นดี มีเสียงโหลงเหลงบ้างนิดหน่อย สองสามแผ่น ถือว่าให้ผ่านไปครับ
ปูกระเบื้องชั้นบนเสร็จแล้วก็ลงมือปูชั้นล่างต่ออีกราว ๆ 3-4 วันครับ ทั้งปูกระเบื้องผนังครัว และก่อเค้าเตอร์ห้องครัวด้วย
รวมทั้งช่างอลูมิเนียมก็มาทยอยใส่กระจกหน้าต่างรอบบ้านครับ
ช่างปูนก็ฉาบเรียบบันได
ช่างสีก็เข้ามาจัดการเรื่องสี ช่วงนี้เป็นช่วงที่ช่างเข้า-ออกแทบทุกทีมช่างกันเลยครับ 555
หลังจากการปูกระเบื้องแล้วเสร็จ ก็เริ่มติดตั้งไฟ ราวบันได และประตูครับ
แต่เรื่องประตูจะมีปัญหาอย่างหนึ่ง ด้วยผมไม่ทราบจริง ๆ เห็นลูกบิดสวย ๆ ลดราคาบ้างเลยกะว่าจะซื้อทิ้งไว้ จึงไปซื้อก้านมือจับเปิดประตูแบบ Mortise lock มาไว้ก่อน สำหรับห้องนอน และลูกบิดห้องน้ำต่าง ๆ
ตัวลูกบิดไม่มีปัญหาครับ แต่ก้านมือจับแบบ Mortise lock นี่แหละครับ ที่ดันไปซื้อก่อนประตู และมีปัญหาใหญ่ด้วยครับ เพราะว่ามือจับแบบนี้ จะต้องใช้กับประตูที่มีความหนามากพอสมควร (มากกว่า 36-40 มิลลิเมตร) และควรจะเป็นประตูไม้จริง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบานรูปฟัก แต่ประตูห้องนอนผมอยากได้แบบเรียบ ๆ มีเซาะร่องเล็ก น้อย ออกแนวโมเดิร์น ๆ ซึ่งมักจะเป็นประตูแบบไม้สังเคราะห์ หรือประตูไวนิลบ้าง
ตอนซื้อทางพนักงานก็มีบางส่วนบอกว่าใส่ได้ บางส่วนบอกใส่ยากมีโอกาสเสีย บางส่วนบอกใส่ไม่ได้ ทำให้กังวลเรื่องประตูมาก ยังโชคดีที่ช่างทำประตูให้ความหวังว่าน่าจะทำได้ จนสุดท้ายเสี่ยงซื้อมาครับ โดยเลือกประตูไวนิลที่มีความหนามากหน่อยครับ ลองใส่ดูก็ถือว่าโอเคในระดับหนึ่ง แต่ไม่รู้จะคงทนได้ขนาดไหนครับ ดังนั้นใครจะสร้างบ้าน และสนใจประตูแบบ Mortise Lock ควรคำนึงถึงจุดนี้ด้วยนะครับ
ส่วนประตูหน้าบ้าน จริง ๆ ผมอยากได้ประตูสีขาวที่ออกสไตล์ยุโรป แต่คุณแม่ดันไปสั่งประตูไม้สักลายหงษ์มังกรมาจากต่างจังหวัด พร้อมวงกบ โดยที่ผมไม่รู้มาก่อน ขนมาแบบเซอร์ไพรส์เลย ซึ่งไม่เข้ากับสีบ้านที่ผมเลือกเล๊ย แต่ก็จำใจต้องยอมครับ เพราะราคาค่อนข้างสูง เป็นอันยอม ๆ ท่านไปครับ
ติดตั้งวงกบไปก่อน แต่ไม่ได้มีใครเอะใจอะไร เพราะคิดว่าสั่งมาด้วยกันไม่น่าจะมีปัญหา จนช่างทำประตูมาบอกว่า วงกบเล็กกว่าประตู (วงกบ 160 cm แต่ประตูคู่บานละ 90 cm รวม 180 cm ครับ) ทำให้ใส่ไม่ได้ คุณแม่โทรไปต่อว่าร้านชุดใหญ่ แต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว สุดท้ายจำต้องแก้ไขเฉพาะหน้า โดยไปซื้อประตูบานคู่มาภายในวันนั้นเลย และคุณแม่ก็เป็นคนเลือกอีกเช่นเคย (ซึ่งไม่ค่อยเข้ากันอยู่ดี แต่ผมว่าดีกว่าหงษ์มังกรนะ 555)
ส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า จำพวกเต้าปลั๊ก สวิตช์ หลอดไฟ โคมไฟ ซื้อเองทั้งหมดครับ มีต่างยี่ห้อปน ๆ กันไป ไม่ได้ใช้เหมือนกันทั้งบ้าน เพราะต้องการให้เข้ากับแต่ละห้อง และคำนึงถึงความถนัดบวกกับความเหมาะสมในการใช้งานจริงครับ (รวมทั้งราคาครับ ตัวไหน Sale ก็หยิบ ๆ มา 555)
ผมก็ได้กำหนดจุดสวิตช์ต่าง ๆ โดยเขียนเป็นหมายเลขลงบนบรรจุภัณฑ์ของอุปกรณ์ และเขียนเลขระบุดังกล่าวลงไปบนแปลนไฟฟ้าว่าเลขไหนติดตั้งตรงจุดใด ส่งแปลนให้ทีมช่างไฟ ทำให้ทำงานง่าย แบ่งเบาภาระของช่างไฟครับ ไม่ต้องมานั่งคัดแยกสวิตช์ ถึงเวลาจับใส่ ๆ ครับ น่าจะสะดวกกว่า ซึ่งหนึ่งทีมช่างไฟยังชมว่าไอเดียดีด้วยครับ อิอิ พอติดตั้งระบบไฟเสร็จวันนั้นก็อยู่ลองดูไฟในช่วงค่ำซะเลย
เสร็จทันกำหนดพอดี ๆ ครับ 15 พ.ค. เหลือเก็บรายละเอียดนอกตัวบ้าน อันเป็นข้อนอกเหนือจากในสัญญา และราคาใน BOQ ซึ่งเป็นจุดที่ต้องเพิ่มเงินจากงบไปอีกครับ เทถนนเข้าบ้าน หลังคาโรงรถ ไฟหัวรั้ว ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงแต่งเติม และขนย้ายของจากบ้านเดิมมาเข้าบ้านครับ
ขอจบการรีวิวการสร้างบ้านอันยาวนาน 5 เดือนพร้อมรูปปิดท้ายเล็ก ๆ น้อย ๆ นะครับ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : คุณLuv-Lali-Jung สมาชิก Pantip.com
รับสร้างที่บุรีรัมย์ป่าวครับ