รีโนเวท ร้านไอติมสีชมพู สู่ ร้านไอติมหลากสี
สำหรับใครที่มีร้านอาหารหรือร้านไอติม อยากจะทำการรีโนเวทร้านใหม่ วันนี้เราขอเสนอบทความนี้เลยครับ บทความนี้มาจากสมากชิกท่านหนึ่ง จากเว็ปไซต์ชื่อดัง ที่ทำการรีโนเวทร้านขายไอติมของตัวเองให้สวยหวาน น่านั่งมากยิ่งขึ้น และจะเป็นแบบไหนนั้น เรามาชมกันเลยนะครับ
อ่านกระทู้รีโนเวทมาเยอะ พึ่งได้มีโอกาสตั้งกระทู้เป็นของตัวเอง ไม่รู้ว่าจะเรียกว่ารีโนเวทได้มั้ย
ร้านไอติมของเราเป็นร้านเล็กๆ ขายไอติมและนมปั่น เป็นหลัก มีอย่างอื่นมาเสริมบ้างตามอารมณ์เจ้าของร้านชอบกิน ที่สำคัญคือ ไม่มีชื่อร้านตายตัว บางคนก็เรียก ร้านไอติมสีชมพู(ตามสีร้านเลย) บางคนก็เรียกร้านไอติมข้างปั๊ม(ก็เพราะมันอยู่ติดปั๊ม) แล้วแต่คนจะเรียกกันไป และร้านเราเป็นสีชมพูมาเป็นเวลาประมาณ 8-9 ปี มันก็ต้องมีเบื่อกันบ้างเนอะ ก็เลยได้มีโอกาสละเลงสีกันใหม่ ผลออกมาเป็นยังไง เดี๋ยวเรามาดูกัน
ปล. ใช้คำผิด ไม่สุภาพ พิมพ์ตก เนื้อคำแปลกๆ ติดภาษาวัยรุ่นไปบ้าง ไม่ว่ากันนะ ยังไงก็ฝากกระทู้ด้วยนะครับ
จุดเริ่มต้นของการรีโนเวทในครั้งนี้เกิดขึ้นมาจากพ่อจะทำพื้นข้างร้านใหม่ ขยับขยายพื้นที่วางของ โล๊ะตู้เก็บเครื่องมือออกให้แม่ได้มีพื้นที่ใช้สอยได้มากขึ้น และต้องการแต่งพื้นใหม่ด้วยการลงสีย้อมปูน เนื่องจากเราได้ทำการย้ายเตาแก๊สไปไว้ที่ใหม่ ทำให้พบว่าที่เดิมนั้นกำแพงมันเต็มไปด้วยคราบน้ำมันไม่สวยงามเป็นอย่างยิ่ง จึงเกิดโปรเจ็คทาสีกำแพงเพิ่มไปอีก 1 รายการ ตอนแรกก็แค่กำแพงในฝั่งทางเดินข้างร้านเล็กๆ ไม่ได้มีพื้นที่มากมาย เอาไว้เดินไปห้องน้ำเฉยๆ แต่ไม่รู้คุยกันไปคุยกันมาทำไมกลายเป็นว่าเปลี่ยนสีใหม่ทั้งร้านเลย เรามีเวลา 2 วันในการหาแบบและสีที่ถูกใจ (กลับบ้านในช่วงวันหยุดกลางสัปดาห์พอดี ต้องกลับไปทำงานต่อที่อีกจังหวัด)
แปะรูปสภาพร้านเดิมให้ดูก่อนเป็นขวัญตา (?)
หลังจากหามาเป็น 10 กว่าแบบ เพื่อหาแบบที่ถูกใจทุกคนในบ้าน ผลปรากฏว่า ตกลงกันไม่ได้ พ่ออยากได้สไตล์ลอฟท์ แต่แม่อยากได้”สีๆ” แม่ให้เหตุผลว่าเราขายไอติมอยากแต่งร้านให้มันดู”มีสีสัน” ผลสรุปคือร้านเราต้องเป็นสี (พ่อไม่ได้กลัวแม่นะ แค่ตามใจเฉยๆ จิงจิ๊งงงงงง) แต่ก็ยังคงมีคำถามต่อไปว่า “สีอะไร?” ข้ามขั้นตอนการเถียง เอ๊ย ตกลงเรื่องสีและแบบไปเลยเนอะ เดี๋ยวมันจะยาว การคุยกันในคืนนั้นเลยจบด้วยคำว่า “อยากได้สีไรก็ไปซื้อมาเลยละกัน” แป่ว!! แบบที่หามาไม่ช่วยอะไร
ร้าน(แบบ)เดิมครับ ของตกแต่งเพียบ ไม่มีสไตล์ ไม่ได้เข้ากันเลย ฮ่าๆๆ
เช้าวันเสาร์ พ่อเรายังคงไปทำงานตามปกติ แต่ได้มอบหมายไว้ว่า ไปซื้อสีมา แล้วช่วยกันทำไปเลย เรากับแม่ก็เลยพากันไปสู่ร้านสีผู้โชคร้าย ใช้เวลาสิงสถิตอยู่ร้านสีนานมาก นั่งเล็งชาร์ตสีจนของเค้าจะพรุน ถ้าเป็นปลากัดคงท้องไปแล้ว แต่ก็ยังคงเลือกไม่ได้ซักที (ถ้าใครเคยดูชาร์ตสีจะรู้ว่าสีมันเยอะมาก) ผลที่ได้ออกมาคือแบบนี้
ปล.สำหรับใครที่จะสั่งผสมสี อย่าเชื่อในชาร์ตสีมากนะครับ ในชาร์ตสีจะดูหม่นไม่ค่อยสด(ไม่รู้เพราะคนจับเยอะแล้วรึป่าว) สีที่ออกมาจะ “เข้ม” และ “สด” กว่าชาร์ตสีในระดับนึงเลย
เพื่อความหลากหลายของเฉดสี เราจึงทำการผสมกันเองเลย ประหยัดงบไปในตัว (ไม่กล้าเอาสีๆมาผสมกันเอง กลัวออกมาช้ำเลือดช้ำหนอง)
ก่อนอื่นต้องลงสีรองพื้นปูนเก่าก่อนครับ พ่อบอกว่ามันจะเป็นเหมือนเราทากาวเพื่อให้สีใหม่เกาะได้ เราจึงทำการเคลียร์พื้นที่และลงสีรองพื้นซะ
อันนี้ฝั่งร้านปลา
และส่วนนี้ฝั่งปั๊มครับ (เรียกซ้ายกับขวายาก เพราะชอบหันหน้ากันคนละทาง สุดท้ายก็ตีกัน ฮ่าๆๆๆ)
อันนี้น้องกำลังทาสีลองพื้นปูนเก่าครับ ลักษณะจะเป็นน้ำ(เหลวมาก)สีขุ่นๆ แต่พอทาลงไปแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ ทาก็เหมือนไม่ทา
แต่มันจะช่วยในการยืดเก่าสีใหม่ครับ เพราะฉะนั้น มันยังคงจำเป็นอยู่ อย่าคิดว่ามันเปลืองครับ
เอาหล่ะ ได้เวลางัดวิชาศิลปะเกรด 2 สมัยม.ต้นออกมาใช้ พ่อก็ไม่อยู่ แม่ก็ไม่สนใจ จัดการเองเลยละกัน ผลออกมาเป็นยังไง ได้ชมกันได้เลยคับ
วันแรกของการรีโนเวทครับ
ขั้นตอนแรกก็เป็นไปตามทฤษฎีศิลปะตามที่เรียนมา ก่อนลงสีต้องตีเส้นก่อนครับ
หลังจากนั้นเราก็ละเลงกันได้เต็มที่ ใครชอบสีไหนลงสีนั้น ไม่มีหลักการใดๆแอบแฝง ชิงกันลงช่องใหญ่เพื่อให้สีที่ตัวเองชอบมีเยอะที่สุด
ไม่ต้องแย่งกันครับ ทุกคนมีสิทธิ์ได้ขึ้นบันไดเท่ากัน (เหมือนเป็นเรื่องน่าภูมิใจ)
หลังจากลงสีเสร็จ(ไปฝั่งนึง) เราก็ทำการตัดเส้นเพื่อความสวยงาม อันนี้ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเทคนิคได้มั้ยนะครับ เพื่อความรวดเร็ว ก่อนลงสีเราจะเอาเทปหนังไก่ เทปผ้ายืด เทปย่น หรือเทปขุ่น แล้วแต่คนจะเรียก (สีขาวขุ่นๆเหลืองๆเอาไว้ใช้แปะขอบกระดาษกันระบายสีเตลิดเวลาเรียนสีน้ำ) แปะลงไปบนเส้นสีขาวก่อน ย้ำว่าแปะให้เนี๊ยบ พยายามลูบให้กระดาษกาวติดกับผนังให้แน่นที่สุด ไม่งั้นต้องเก็บงานกันยาวเลยครับ (แล้วจะหาว่าไม่เตือน)
รอให้สีแห้งก่อนนะคับ แล้วค่อยลอกเทปกาวออก และอย่าลืมเหลือสีไว้ซ่อมด้วย ถ้านิดๆหน่อยๆยังพอให้อภัยครับ แต่ถ้าสีเป็นขี้กลาก(ทาสีไม่สม่ำเสมอ ยังเห็นสีเก่าอยู่)เมื่อไหร่ อยากจะร้องไห้เลยทีเดียว เพราะถ้าให้ผสมใหม่มันจะไม่เหมือนเดิม
หมดเวลาของวันแรก ทาได้ฝั่งเดียวเอง เสียเวลาไปกับการเลือกสีเป็นอย่างยิ่ง
มาต่อกันที่วันที่ 2 ครับ
ถึงคราวของฝั่งปั๊มครับ เช่นเคยยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะเอาแบบไหน พ่ออยากได้เหมือนฝั่งร้านปลา แต่แม่บอกว่ามันจะเลี่ยน(ทาสีหรือกินเนย?) สุดท้ายก็ตามคอนเซปครับ พ่อตามใจแม่ ผลเลยออกมาเป็นแบบนี้
ตอนทาต้องนับช่องดีๆครับ ทาผิดช่องแก้กันยาวเลย ฝั่งนี้รูปน้อยครับ ไม่ค่อยได้ถ่าย กลัวทาไม่ทัน
ช่องข้างบนเป็นกำแพงบ้านของฝั่งปั๊ม ก็เลยเว้นไว้ เราจะไม่ยุ่งของๆเค้า
ถึงคราวของผนังฝั่งที่ 3 อันนี้คิดหนักเลยคับ แบบว่า หมดมุขจริงๆก็เลยออกมาเป็น…ลายอิฐ
เช่นเคยครับ ตีเส้นก่อน
หลังจากนั้นก็ลงสี
และยาแนว(?)ครับ
ยอมรับว่า Fail กับกำแพงฝั่งนี้มาก เหมือนมันไม่เข้าพวกเลย และมันเป็นฝั่งที่หันออกหน้าร้านโดยตรง น่าจะเด่นกว่านี้ (ถ้าคิดแบบออกแล้วจะกลับไปแก้ใหม่ )
สิ้นสุดการทาสีภายใน 2 วันครับ ต้องกลับไปทำงานต่อแล้ว แต่ร้านของเราก็ยังไม่สิ้นสุดการรีโนเวทคับ
อันนี้ย้อมสีพื้นปูนครับ เนื่องจากแผ่นหินมันแพง เราจึงดัดแปลงด้วยการ…..วาดเอา
แล้วก็ย้อมเลยครับ (พ่อทำไว้ก่อนวันทาสี)
ร่วมด้วยช่วยกัน พ่อลงสี ลูกชายขัด
มาถึงการจัดร้านใหม่ครับ
ก่อนอื่นก็เปลี่ยนโต๊ะใหม่ครับ ไปรับถึงที่ร้าน สั่งแบบไม่ทำสีครับ ประหยัดงบอีกเช่นกัน
ขัดผิวและลงสี ตอนแรกจะเอาแบบ ขาขาว ฝาสี แต่ดูไปดูมา เหมือนสีจะเยอะไปเลยจบแค่สีขาวครับ
อันนี้พ่อทำเองเลย เราไม่ได้กลับไปช่วย
ต่อไปจะเป็นการตกแต่งร้านเพิ่มเติม กระจกที่เคยติด เอาออกหมดเลยครับ เหลือเพียงแค่ผนังโล่งๆ
ขอลงรูปล้วนๆเลยละกันนะครับ
กับของสะสมของพ่อ
สาวเสิร์ฟผู้ครอบครองตำแหน่งเจ้าของร้าน (แม่ไม่ชอบให้โชว์รูปครับ เอาไปแต่ข้างหลังก็พอ เดี๋ยวพ่อหวง)
และบรรดาลูกค้าผู้น่ารัก
ของแถมครับ พัดลมโมดิฟายสุดแนว แปลงจากพัดลมแอร์ใส่ขาเก้าอี้เลื่อน เพื่อความสะดวกในการลากไปจ่อให้กับลูกค้าที่ชอบความแรง
ทำแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไปครับ ประหยัดงบให้ได้มากที่สุด ลูกมีก็ใช้งานกันไป ถือเป็นการฝึกความสามารถให้เพิ่มขึ้น
—————————————————————————————————-
สิ้นสุดการรีโนเวทแต่เพียงเท่านี้ครับ
สรุปค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น
ค่าสี 6,500 บาท (สีกึ่งเงา เช็ดได้)
– สีรองพื้นปูนเก่า ถ้าจำไม่ผิดประมาณ 700 ครับ (อันนี้จำไม่ได้จริงๆ)
– แม่สี 5 สี ขนาด 3.8 ลิตร ถังละประมาณ 800 กว่าบาทคับ (สีแดงซื้อแบบด้านมาผสมเองครับ สั่งผสมถังละ 1,100 กว่าบาท)
– สีขาว ขนาด 9 ลิตร 1,000 กว่าบาทครับ
– อุปกรณ์ทาสีทั่วไป แปรง ลูกกลิ้ง ถาดสี เทปกาว(เปลืองที่สุด )
(สีสั่งผสมจะแพงกว่าสีสำเร็จรูปครับ ปกติถังละประมาณ 450 ถ้าสั่งผสมจะ 600+ ขึ้นอยู่กับแม่สีด้วย สีที่แพงที่สุดจะเป็น แดง ม่วง ส้ม)
ค่าโต๊ะประมาณ 7,000 บาท
ที่เหลือจะเป็นพวก ผ้าปูโต๊ะ กับของแต่งเพิ่มเติมคับ
ขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก เอ เทอร์โบ และ คุณพ่อเราเอง
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรก(ที่โพสจริงจัง) ผิดพลาดยังไงก็บอกได้นะครับ
ปล. ณ ตอนนี้ทางร้านก็ยังไม่มีชื่อเป็นของตัวเอง หากใครมีชื่อเหมาะสามารถเสนอได้นะครับ เพี้ยนเพลีย
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชมนะครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.pantip.com และคุณ สมาชิกหมายเลข 1824947 ครับ
สนใจลงโฆษณากับทาง Homenayoo ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่
คุณวันเฉลิม 086-1290293
ทางเราเป็นเว็บไซต์ให้ข้อมูล ไม่ใช่เจ้าของโครงการนะครับ
แสดงความคิดเห็น