รีวิว : รีโนเวทคอนโด Studio 44 ตร.ม เท่าเดิม…ที่เพิ่มเติมคือความสุข
เอาใจคนรักการตกแต่งบ้านกันอีกครั้ง…กับรีวิว การรีโนเวทคอนโดห้อง Studio ขนาด 44.00 ตร.ม. จากห้องเดิม ๆ แบบโล่ง ๆ รก มีเพียงระเบียงที่เป็นส่วนกั้นห้องเท่านั้น เมื่อถูกแปลงโฉมใหม่ มันช่างน่าอยู่จับใจ จนลืมภาพเดิมไปเลยหละ พร้อมแล้วเข้ามาเก็บไอเดียกันเลยนะ
รีโนเวทคอนโด 44 ตร.ม เท่าเดิม…ที่เพิ่มเติมคือความสุข เรื่องจาก สมาชิกหมายเลข 3273016 Pantip.com
สวัสดีครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้ SR ครับ สิ่งที่ผมได้รับการสนับสนุนจาก Homepro ที่ช่วย Renovate คอนโดของผมให้ผ่านโครงการ Homemakeover ครับ
เจตนาในการตั้งกระทู้นี้ไม่ใช่กระทู้รีวิว เชิญชวนแต่อย่างใด ผมแค่อยากใช้พื้นที่ตรงนี้เล่าถึงประสบการณ์ ความรู้สึก เรื่องราวความโชคดี ที่ผมได้รับจากรายการ Homemakeover มาปรับคอนโดเก่าๆ เดิมๆ ให้พลิกจากหลังมือเป็นหน้ามือเลย
ขอเข้าเรื่องเลยละกันครับ แต่เดิมพื้นเพของผมและครอบครัว เป็นคนจังหวัดสงขลา คุณพ่อคุณแม่ ทำงานข้าราชการ ชีวิตเรียบง่ายฟังดูก็ไม่น่าจะมีอะไรตื่นเต้น หรือน่าสนใจจากคนอื่นทั่วไปเลยใช่ไหมครับ แต่ลึกๆ ครอบครัวผม เรามีเรื่องราวที่ไม่เหมือนคนอื่นครับ
ก็ต้องเล่าย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ครอบครัวของเรา ต่างคนต่างก็มีสถานที่ทำงานและหน้าที่ ที่แทบจะไม่ได้อยู่ร่วมกันเลยครับ คุณแม่ของผม ทำงานเป็นพยาบาลอยู่ที่จังหวัดสงขลา คุณพ่อทำงานข้าราชการที่ศูนย์ของกระทรวง ในจังหวัดชุมพร
พีชายของผมและตัวผม ได้เข้ามาเรียนต่อที่กรุงเทพมหานคร โดยพี่ชายเรียนในมหาวิทยาลัย ส่วนผม ก็เริ่มมาเรียนที่กรุงเทพ ตั้งแต่ช่วงมัธยมปลายผมกับพี่อาศัยอยู่ในห้องคอนโดเก่าๆ ครับ ที่คุณพ่อซื้อไว้ตั้งแต่ผมยังไม่เกิด ขนาด 44 ตรม.
สภาพของห้องก็เป็นอย่างที่เห็นในภาพนี่แหละครับ หลายๆ คน อ่านมาถึงตรงนี้ก็คงคิดว่า ก็ไม่เห็นจะมีอะไรนี่
บ้านของฉันก็รกแบบนี้แล้วไง แถมห้องก็ตั้ง 44 ตรม. อยู่กันแค่ 2 คนก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรมั้ง มีอะไรน่าสนใจตรงไหน ?
เอาละ มันเริ่มมาจากจุดนี้ครับ
หลังจากที่ผมและพี่ชายเรียนจบ ผมและพี่ชายตัดสินใจที่อยากจะทำธุรกิจเป็นของตัวเองสักอย่างนึง มาตกลงกันได้เป็นร้านน้ำชา พร้อมกับขายอาหาร ใต้แบบฟิวส์ชั่น
จากที่เราเห็นตรงกันว่าอยากจะนำบรรยากาศเป็นกันเองแบบที่บ้านต่างจังหวัดมาเป็นจุดขายกัน
ธุรกิจของเราก็ดำเนินไปด้วยดีครับ ผมเน้นบริหารงานด้วยตัวเองเป็นหลัก ทำเองทุกอย่าง ช่วยๆกับพี่ชาย ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสูตรด้วยตนเอง รวมถึงทำการตลาดอย่างสม่ำเสมอ
ร้านของเราก็เริ่มขยับขยายขึ้น โตขึ้น โดยย้ายร้านไปเปิดร้านโรตีชาชัก ในตึกแถว 4 ชั้น ตรงโครงการ AQUA แยกสะพานควาย
จากการขยายเราก็เริ่มจะดูแลกันไม่ไหว เราจึงต้องให้คุณแม่ที่ทำงานรับราชการที่หาดใหญ่นั้นออกมาช่วยครับ
หลังจากที่ผมและพี่ชายตัดสินใจแล้ว ก็เลยโทรบอกแม่ว่า เราอยากให้แม่มาช่วยดูแลร้านกับเราที่กรุงเทพฯ เนื่องจากพวกเรา 2 คนนั้นอาจจะดูกันเองลำพังไม่ไหว
และแม่ก็ตอบตกลงครับ หลังจากนั้นไม่นานแม่ก็ลาออกจากราชการ เพื่อมาช่วยงานที่ร้านโรตี ชาชัก จึงทำให้แม่นั้น ต้องมาพักอาศัยอยู่ในคอนโด เพิ่มอีกหนึ่งคน
(จากขวาคือ ผม แม่ พ่อ และพี่ชายครับ)
เท่านั้นยังไม่พอ หน้าที่การงาน ของคุณพ่อ ก็เริ่มเข้าสู่ระดับที่สู่ขึ้น ทำให้พ่อของผมต้องมีขึ้นมาติดต่องานราชการที่กรุงเทพบ่อยขึ้นต่อสัปดาห์
คิดว่าคงคิดตามกันทันใช่มั้ยครับ คอนโดของเราตอนนี้ ทุกคนก็ได้มาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า 4 คนแล้ว หลังจากที่อยู่กันคนละที่คนละทางตั้งแต่สมัยที่ผมเรียนแล้ว
แต่เพราะคอนโดนี้ เป็นคอนโด ที่เก่าแก่มากๆ เรียกได้ว่าเป็นคอนโดยุคบุกเบิกแถวอารีย์เลยก็น่าจะไม่ผิดนัก อายุก็ร่วมๆ 25 ปี สมัยนั้นใครจะคิดว่าย่านนี้จะเป็นทำเลทองไปได้ละ
ส่วนของการอยู่ 4 คนในคอนโดนี้ ข้าวของเครื่องใช้ จึง เหมือบกับต้องคูณ 4 เลย เมื่อความเก่า ผนวกกับการที่ แทบไม่ได้มีการบำรุงหรือดูแล
ทำให้มีสภาพ แบบนี้ …
เวลาทานข้าวก็ทานกันแบบนี้แหละครับ
เรื่องความเก่า ของเยอะ และความผุพังก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่ปัญหาหลัก ที่ผมพบเจอกับการใช้ชีวิตสักเท่าไรนัก แต่ปัญหาที่แท้จริง
คือ ความไม่เป็นสัดเป็นส่วน และช่วงเวลาในการใช้ชีวิตที่ไม่ตรงกันต่างหากครับ ผมจะเป็นคนที่จะต้องตื่นเป็นคนสุดท้ายในบ้าน
เพราะกลับมาจากที่ร้านก็ดึก (4-5 ทุ่ม) แต่คุณพ่อ คือคนที่จะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปเข้าประชุม ซึ่งแน่นอนว่ามันทำให้การใช้ชีวิตมันไม่เป็นส่วนตัวเอาซะเลย
หลายๆ คน คงรู้สึกว่า แล้วทำไมไม่แยกตัวออกไปอยู่ที่อื่นล่ะ?ความคิดของคนส่วนมากที่ผมเล่าเรื่องให้ฟัง เขามักจะคิดแบบนี้
แต่ผมคิดกลับกันครับ เพราะชีวิตผมเองที่ผ่านมา ผมและครอบครัว เราต้องแยกที่กันอยู่มาตลอด มีบ้านที่ต่างจังหวัดที่ชุมพรและที่หาดใหญ่
แต่ไม่เคยมีช่วงเวลาไหนในชีวิตผมที่ผ่านมา ที่ผมได้อยู่ร่วมและใกล้ชิดครอบครัว เหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้ .
ผมมีความคิดที่แตกต่างจากคนอื่น ตรงที่ตอนนี้ผมก็ยังเพิ่งจะเรียนจบ ตัวผมเองก็ยังไม่มีครอบครัว ส่วนคุณพ่อและคุณแม่ ท่านก็อายุเริ่มที่จะมากแล้ว
ช่วงเวลานี้จึงเป็นเหมือน “โอกาส“ ที่ผมจะคืนช่วงเวลาที่ผมต้องห่างจากครอบครัว ในช่วงชีวิตที่ผ่านมา กลับคืนมาอีกครั้งหนึ่งด้วยการอยู่ร่วมกันในที่นี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นแล้ว
แล้วในใจผมก็คิดว่า บางทีเราก็ควรจะทำสภาพความเป็นอยู่ให้ดีขึ้นนะ แต่ก็ไม่รูว่าจะเริ่มยังไง จนกระทั่งเจอข่าวในเน็ตว่า มีการให้ส่งเรื่องบ้านของตัวเองไปร่วมรายการ
ประมาณว่าถ้าเรื่องไหนดีเรื่องไหนโดน ก็จะได้รับเลือกให้รีโนเวทให้แบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
ว่าแล้วก็เกิดเหมือนมี รูปหลอดไฟ ปิ๊ง! ถึงมาที่หัว ก็เลยลองสมัครดูเล่าเรื่องราวอย่างที่เล่านี่แหละครับส่งเรื่องไปดู
จนสักพักผ่านไปก็ราวๆ เดือนหนึ่งได้ก็มีการติดต่อจากทีมงานว่า บ้านของผมนั้นผ่านการคัดเลือกนะ ก็เฮ้ยได้ด้วย ดีใจสิครับ
แต่ก็มีลุ้นอยู่อีกระยะหนึ่งเพราะว่า มีการคัดเลือกคัดจากอีกหลายร้อยเรื่องที่คนส่งเข้ามาจนในที่สุดก็มีทีมงานเข้ามาคุยว่า จะเขาเลือกบ้านเราถ่ายทำรายการนะ
ก็มีการคุยกับทางครอบครัว แล้วก็ขั้นตอนการคุยกับทางคนที่จะมาปรับเปลี่ยนบ้านด้วย โดยเข้ามาดูในบ้านหาสาเหตุและปัญหาที่จะเข้ามาปรับแต่งแก้ไขให้ดีขึ้น
โดยสรุปแล้ว ส่วนที่ต้องปรับแก้คือ ห้องน้ำ ห้องนอน และส่วนของครัวครับ
ซึ่งตอนแรกที่ประเมินผมยังไม่รู้ว่าหน้าตามันจะออกมายังไง จนกระทั่งวันที่ต้องเริ่มทำและขนของย้ายออก ก็ยังอดห่วงไม่ได้ว่ามันจะดีขึ้นแค่ไหนยังไงนะ
จนกระทั่งผ่านไปเป็นเดือนๆ ถึงเวลาที่ทีมงานบอกว่าเรียบร้อยขนของกลับมาได้ตื่นเต้นจริงๆ ตอนนั้น และนี่คือ คอนโดของพวกเราในตอนนี้ครับ ขอเรียงให้เห็นแบบ Before after ละกันนะครับจะได้เห็นความแตกต่าง
จากพื้นที่ในการนอนกลายเป็นห้องนอนแล้ว
จากห้องน้ำพุพังขาดความเป็นส่วนตัวก็เปลี่ยนไป ก็ถูกแบ่งแยกฟังก์ชั่นอย่างชัดเจนมากขึ้น มีพื้นที่สำหรับเก็บ สิ่งของ สำหรับ supply ใช้ภายในห้องน้ำ
จากเดิมที่ไม่มีพื้นที่ทำอาหารเป็นหลักเป็นแหล่ง ทำอะไรทีกลิ่นก็กระจายฟุ้ง
ส่วนครัวก็ถูกจัดให้มีพื้นที่ พร้อมกับ function ต่างๆ ที่จำเป็นต่อการประกอบอาหาร ถูกใจคุณแม่มากๆครับ
นี่เป็นหนึ่งใน สิ่งที่ผมแปลกใจที่สุดหลังจากผมเห็นห้องตัวเองครั้งแรก คือพื้นที่ตรงนี้ได้กลายเป็นเตียง แต่มันไม่ได้เป็นเตียงธรรมดาทั่วไปครับ
เจ้าตัวเตียง สามารถเลื่อนไปเก็บให้อยู่ใต้เตียงใน Master bedroom ได้ครับ และตัวผนังด้านข้าง โฮมโปรก็ได้ ซ่อนโต๊ะสำหรับทานข้าว 4 คนไว้ให้กับพวกเราเรียบร้อย
ตัวห้องถูกกรุผนังเพื่อแบ่งฟังก์ชั่นให้มีความเป็นสัดส่วนมากขึ้น และ เพิ่มพื้นที่ ตู้ built in สำหรับเก็บของ
เรียกได้ว่า ชีวิตของพวกเรา เปลี่ยนไปจากเดิมจริงๆ จากผมที่ต้องสะดุ้งตื่นมาตอนเช้ามืด เพราะคุณพ่อต้องไปทำงานแต่เช้า
แถมตอนอาบน้ำ ลมก็คอยพัดหวิวๆ ไม่ค่อยเป็นส่วนตัวเท่าไร จริงๆ ก็แอบชินกับแบบเก่านะครับ แต่พอเป็นสัดเป็นส่วนขึ้น ผมก็รู้สึกได้ว่า คุณภาพชีวิตของทุกคนในบ้านดีขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณพ่อและคุณแม่ครับ ลำพังตอนตัวผมอยู่เองรกนิดรกหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอกครับ พอมีคุณพ่อคุณแม่มาอยู่ด้วย เราก็อยากให้ท่านได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีครับ ก็เลยแฮปปี้กันไป
ตอนนี้คงสงสัยว่า มันใช่ที่เดียวกันหรอ มันมาได้ยังไงนี่คือโอกาส และความโชคดีที่ผมได้รับครับ ผมได้รับคัดเลือก จาก โครงการ Home Makeover ของ เป็นส่วนหนึ่งผ่านการคัดเลือกจากเรื่องของคนนับพัน จากที่ส่งใบสมัครเข้าร่วม
ตลอดเวลาที่เข้าร่วม ผมติดสัญญาที่ไม่สามารถ เปิดเผยหรือเผยแพร่อะไรได้เลย จนกระทั่งหมดสัญญาแล้วตอนนี้ เนื่องจากรายการจะออกอากาศอาทิตย์นี้แล้ว เลยขออนุญาตทีมงานมาบอกเล่าประสบการณ์ความรู้สึกของผมเอง
ทั้งหมดที่เล่ามาคือจริงๆ อยากขอบคุณทุกๆ อย่างที่ทางรายการทำให้ผมได้รับโอกาสนี้ ขอบคุณครอบครัวที่เราอยู่ด้วยกัน ผมเชื่อว่าเพราะเหตุนี้เราจึงได้รับเลือก เหนือสิ่งอื่นใดนอกจากความรู้สึกดีใจที่ได้รับเลือก สิ่งที่ผมรู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่ยิ่งกว่า
คือการที่เราอยู่ด้วยกันในที่แห่งนี้ ผมไม่คิดว่าโอกาสที่ผมได้รับมาจากตัวผม แต่ผมคิดว่ามาจาก เรื่องราว และความอบอุ่นของครับครัวของผม ผมจึงคิดว่า “เรา” ได้รับโอกาสนี้ ร่วมกัน
สุดท้ายตรงนี้ บอกทุกคนว่าหากคุณเป็นคนหนึ่ง ที่ตลอดชีวิตดิ้นรนค้นหาความสำเร็จ ดิ้นรนมองหาสิ่งของนอกกายตั้งมากมาย ที่ค่านิยมนำพาเราคล้อยตาม ให้เรียกสิ่งนั้นว่า “ความสุข“ ไม่ต้องออกไปหาที่ไหนไกลหรอกครับ
การที่เราได้อยู่กับคนที่เรารัก อยู่กับครอบครัว ได้เห็น หน้า เห็น แววตาของ พ่อและ แม่ นี่แหละครับ ความสุข
สุขของคนอื่น เป็นแบบไหน ผมไม่รู้ สำหรับผม สุขที่แท้ “ แค่ได้เห็นแม่มีรอยยิ้ม “
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : สมาชิกหมายเลข 3273016 Pantip.com
แสดงความคิดเห็น