EP.330 รีวิว บ้านเดี่ยว เสนา พาร์ค แกรนด์ รามอินทรา / Sena Park Grand Ramindra
สวัสดีชาว Homenayoo ทุกคนค่ะ วันนี้เรามีโครงการ Sena Park Grand รามอินทรา โครงการบ้านเดี่ยวใส่ใจสิ่งแวดล้อมจากค่าย เสนาดีเวลลอปเม้นท์ มาให้ชมกัน โดยตัวโครงการเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น มีแบบบ้านให้เลือก 4 แบบ โดยทุกหลังมีแนวความคิด “ธรรมชาติ ของชีวิตทันสมัย” ด้วย Green Smart Design ทำให้ตัวบ้านช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่าบ้านทั่วไป กับราคาเริ่มต้น 9-12 ล้านบาท (ราคา ณ.วันที่ 16 ก.ย.62)
โครงการนี้จะมีความน่าสนใจอย่างไร ไปชมรายละเอียดด้านล่างกันต่อได้เลยค่า
บ้านเสนา ทำเลอื่นๆ ที่น่าสนใจ…
เสนา แกรนด์โฮม รังสิต – ติวานนท์
เสนา วิลล์ บรมราชชนนี – สาย 5
เสนา วิลล์ ลำลูกกา – คลอง 6
เสนา พาร์ค วิลล์ รามอินทรา – วงแหวน
เสนา พาร์ค แกรนด์ – รามอินทรา
ชื่อโครงการ | เสนา พาร์ค แกรนด์ รามอินทรา วงแหวน (Sena Park Ramindra) |
เจ้าของโครงการ | เสนาดีเวลลอปเม้นท์ / Sena development |
ลักษณะโครงการ | บ้านเดี่ยว (บ้าน 2 ชั้น) |
พื้นที่โครงการ | 42 ไร่ 2 งาน 17.60 ตร.ว. |
จำนวนบ้าน | 174 หลัง |
พื้นที่ใช้สอย | ตั้งแต่ 154.0 ถึง 239.0 ตร.ม. |
เนื้อที่บ้าน | ตั้งแต่ 60 ถึง 80 ตร.ว. |
จำนวนห้อง | 3 ห้องนอน / 3-4 ห้องน้ำ |
ที่จอดรถทั้งหมด | 2 คัน |
โซน | เกษตร-นวมินทร์, รามอินทรา, สายไหม |
ขนส่งสาธารณะ | n/a |
รถโดยสารที่ผ่าน | รถสองแถว Fashion Island – ตลาดออเงิน |
ที่ตั้ง | ถนนรามอินทรา แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร 10230 |
กำหนดการ | เริ่มก่อสร้างปลายปี 2554 |
ปีที่สร้างเสร็จ | ปลายปี 2557 |
ราคา | เริ่มต้น 9-12 ล้าน (ณ วันที่ 16 ก.ย. 62) |
สถานที่สำคัญใกล้เคียง |
|
สิ่งอำนวยความสะดวก | – สวนสาธารณะ – คลับเฮ้าส์ – สระว่ายน้ำ – ฟิตเนส – รปภ. – สนามเด็กเล่น – คีย์การ์ด |
จุดเด่นของโครงการ | “ให้ชีวิตยุคใหม่ไม่ห่างไกลธรรมชาติ พร้อมอัจฉริยภาพแห่งการออกแบบบ้านที่ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับโลกสีเขียว ด้วย Green Smart Design ที่เกิดจากผลงานการวิจัยร่วมกับ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อบ้านที่ให้ทั้งความสุข และการประหยัดพลังงาน บนทำเลที่ดีที่สุดของรามอินทราลองจินตนาการว่าคุณกำลังจะเข้าสู่ ธรรมชาติ ของชีวิตทันสมัย” |
โครงการใกล้เคียง
ที่ตั้งโครงการ
ถนนรามอินทรา แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร 10230
พิกัด : 13.833733, 100.675613
แผนที่จากทางโครงการ ตัวโครงการมีทางเข้าออก 2 ทาง ทางแรกเป็นทางที่มาจากถนนรามอินทรามุ่งหน้ามีนบุรี ลัดทะลุสวน Sena Park Avenue กับทางที่สองเป็นทางที่เข้าตรงๆได้จากถนนเลียบวงแหวนกาญจนาภิเษกค่ะ
โครงการ Sena Park Grand รามอินทรา เป็นโครงการที่ตั้งอยู่บนถนนเลียบกาญจนาภิเษก ช่วงถนนรามอินทราตอนปลาย ความพิเศษของที่ดินโครงการนี้คือเป็นทำเลบนถนนเลียบวงแหวนรามอินทราที่สามารถทะลุออกถนนใหญ่รามอินทราได้ ส่วนสภาพแวดล้อมโดยรวม รอบๆโครงการก็ไม่มีอะไรมากค่ะ เนื่องจากเป็นถนนเส้นเลียบทางด่วนส่วนใหญ่ก็จะเป็นโครงการบ้านเดี่ยวและที่พักอาศัยของคนในละแวกนั้น
การเดินทางเข้าถึงโครงการค่อนข้างสะดวกสามารถใช้ถนนรามอินทราทั้งฝั่งมุ่งหน้ามีนบุรีโดยใช้ Private Road เข้าทาง Sena Park Avenue ลัดเข้าโครงการ และถนนรามอินทราฝั่งมุ่งหน้าไปพหลโยธินเข้าถนนเลียบกาญจนาภิเษก หรือถ้ามาจากนอกเมืองก็สามารถใช้ถนนเลียบกาญจนาภิเษกเข้ามาโครงการได้เช่นกันค่ะ และเนื่องจากถนนรามอินทราเองก็เชื่อมอยู่กับถนนสายสำคัญๆอยู่หลายสาย อย่างถนนแจ้งวัฒนะ, ถนนนวมินทร์, ถนนเกษตรนวมินทร์, ถนนเสรีไทย หรือจากฝั่งนอกเมืองก็สามารถมาได้ทั้งจากถนนหทัยราษฏร์, ถนนพระยาสุเรนทร์, ถนนคู้บอน และถนนพหลโยธินทำให้การเดินทางเข้าถึงโครงการสะดวกยิ่งขึ้นค่ะ
ส่วนทางด่วนที่เราสามารถใช้เดินทางเข้าเมืองที่ใกล้โครงการมากที่สุดจะมี 2 จุด คือ
1.จุดขึ้นลงทางด่วนกาญจนาภิเษก โดยออกจากโครงการมุ่งหน้ามาถนนรามอินทราเลี้ยวซ้ายขึ้นสะพานกลับรถเข้าถนนกาญจนาภิเษก และจุดขึ้นทางด่วนจะอยู่ไม่ไกล รวมระยะทางจากโครงการถึงจุดขึ้นทางด่วนแรกประมาณ 4.1 กม. ใช้เวลาประมาณ 6 นาที
2. จุดขึ้นลงทางด่วนรามอินทรา – อาจนรงค์โดยออกจากโครงการเลี้ยวซ้ายวิ่งไปตามถนนเลียบกาญจนาภิเษกแล้วลัดเข้าถนนคู้บอน จะไปโผล่ตรงสี่แยกคู้บอน รามอินทรากม. 8 วิ่งออกรามอินทรามุ่งหน้าพหลโยธิน เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเลียบด่วนรามอินทราตรงไปอีกหน่อยก็จะถึงจุดขึ้นลงทางด่วน รวมระยะทางจากโครงการถึงจุดขึ้นทางด่วนที่ 2 ประมาณ 8.4 กม. ใช้เวลาประมาณ 13 นาที
3.นอกจากนั้นเรายังสามารถใช้ถนนเส้นเลียบกาญจนาภิเษกออกนอกเมืองไปบางปะอิน อยุธยาได้ด้วยค่ะ
จากโครงการเข้าเมืองก็ทำได้ไม่ยากโดยสามารถใช้ทางลัดคือถนนคู้บอน หรือวื่งมาตรงๆออกถนนรามอินทราขึ้นสะพานกลับรถก็สามารถเข้าถนนเกษตรนวมินทร์ได้ค่ะ
สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์สาธารณะนั้นเรียกได้ว่าลำบากเลยค่ะ เพราะแถวโครงการไม่มีรถโดยสารใดๆผ่าน อาจจะมีพี่แท็กซี่หรือพี่วินผ่านบ้างนานนานนนครั้ง
ส่วนในอนาคต(อันไกล) ก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงแคราย – มีนบุรี ที่จะช่วยให้การเดินทางในละแวกนี้สะดวกขึ้น โดยแนวเส้นทางจะเริ่มต้นบนถนนรัตนาธิเบศร์บริเวณระหว่าง ศูนย์ราชการนนทบุรีและแยกแคราย ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่ – บางซื่อ) บริเวณสถานีศูนย์ราชการนนทบุรี และนอกจากนั้นยังเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีส้ม(ตลิ่งชัน – มีนบุรี) ตรงสถานี Interchange ที่สถานีมีนบุรี บนถนนรามคำแหงซึ่งเราสามารถใช้เส้นนี้เพื่อเข้าเมืองไปเชื่อมต่อกับรถไฟใต้ดิน MRT สถานีศูนย์วัฒนธรรมได้อีกด้วย
โดยสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่ใกล้โครงการที่สุดจะเป็นสถานีรามอินทรา 83 และสถานีวงแหวนตะวันออก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวสถานีไม่ได้ยู่ในระยะที่จะเดินถึงได้ ก็คงต้องอาศัยพี่วินหรือแท็กซี่มาส่งที่ตัวสถานีก่อนนะ
ในส่วนของความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินนั้นน … ก็เป็นสไตล์เลียบทางด่วนคือแห้งแล้ง แต่ๆๆ เนื่องจากพื้นที่บริเวณถนนรามอินทราช่วงปลายๆเนี่ยเป็นที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ทำให้ความอุดมสมบูรณ์ในวงกว้างค่อนข้างสูงตามไปด้วย ก็เลยจะมีทั้งตลาดสายเนตร กม.8, BigC คู้บอน ไกลไปอีกหน่อยก็มีตลาดมีนบุรี, BigC, Tesco Lotus ซึ่งอยู่บนบนถนนรามอินทรา ลงมาบนถนนนวมินทร์จะมีตลาดนวลจันทร์ และ BigC สุขาภิบาล สำหรับ Community Mall ก็จะมี Amorini ตรงแยกสวนสยามและ The Promenade ส่วนพวกห้างสรรพสินค้าในละแวกนี้จะมี Fashion Island อยู่บริเวณวงแหวนรามอินทรา ส่วนโรงพยาบาลใกล้ๆ จะมีโรงพยาบาลนวมินทร์ และโรงพยาบาลสินแพทย์ ไกลไปอีกก็จะมีโรงพยาบาลนพรัตนราชธานีตรงแยกตัดกับถนนสวนสยาม
การเดินทางวันนี้เราจะใช้ถนนเส้นหลักคือถนนรามอินทราฝั่งมุ่งหน้าไปมีนบุรี เริ่มต้นกันที่บริเวณหน้าห้าง Central รามอินทรา ตรงมายาวยาววว แล้วลัดเข้าทาง Sena Park Avenue ออกไปยังเส้นคู่ขนานถนนกาญจนาภิเษก ลอดใต้ทางพิเศษอีกนิดก็ถึงโครงการ เสนาพาร์ค แกรนด์ รามอินทรา แล้วค่า
สรุปการเดินทาง Central รามอินทรา > ถนนรามอินทรามุ่งหน้ามีนบุรี >Sena Park Avenue > Sena Park Grand รามอินทรา
เริ่มต้นจากหน้าห้าง Central รามอินทรา มุ่งตรงไปบนถนนรามอินทราฝั่งมุ่งหน้ามีนบุรี
ตรงมาไม่นานจะเห็นสนามมวยลุมพินี
ผ่านแยกลาดปลาเค้า ถ้าใครจะไปเกษตร – นวมินทร์ สามารถเลี้ยวขวาใช้เส้นนี้ลัดไปได้
เลยแยกลาดปลาเค้ามาหน่อยก็จะเห็น BigC Extra รามอินทรา อยู่ฝั่งตรงข้าม
ตรงมาจะผ่าน FoodLand ใครหิวๆก็แวะเข้าไปหาอะไรทานได้ เค้าเปิด 24 ชม.
ขับตรงไปเรื่อยๆมุ่งหน้ามีนบุรี
ด้านบนคือทางด่วนรามอินทรา – อาจนรงค์
เห็นป้ายแล้วเราอยู่เลนขวาไว้นะคะ เพราะเดี๋ยวเราจะขึ้นสะพานข้ามแยก อย่าเผลอชิดซ้ายนะเดี๋ยวหลุดไปบางกะปิแล้วจะเสียเวลามิใช่น้อย
ขึ้นสะพานมาจะเห็นตึกสูงๆทางขวามือ คือคอนโดลุมพินีนั่นเองค่ะ
ลงจากสะพานมาเจอศูนย์ Isuzu ทางซ้ายมือ เราตรงต่อไป
ตรงมาเรื่อยๆ เจอตลาดรามอินทรา 83 ถึงตรงนี้ก็เตรียมตัวชิดซ้ายได้แล้วค่ะ
ขับมาอีกไม่นานจะเห็นซุ้มทางเข้าสีเขียวใหญ่ยักษ์
ซึ่งก็คือทางเข้าเสนาพาร์ค อเวนิวนั่นเองค่ะ เราก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปโลด
ผ่านซุ้มมาจะเจอป้อมรปภ.ก่อน
ผ่านสนามเด็กเล่นขนาดใหญ่
มีที่จอดรถตลอดทางซ้ายมือค่ะ
ออกมาสุดอเวนิวจะเจอถนนเลียบกาญจนา ถ้าเราไปขวามือจะไปออกถนนใหญ่รามอินทรา แต่เดี๋ยวเราจะไปโครงการกันก็เลี้ยวซ้ายไปทางบางปะอินค่ะ
ตรงมาอีกนิดเดียวก็จะเห็นทางลัดเข้าโครงการแล้วค่ะ
ลอดใต้ทางด่วนไป
ออกจากใต้อุโมงค์มาก็เจอโครงการแล้วค่ะ แต่ตอนนี้ทางเข้ารองนี้กำลังปรับปรุงอยู่เพราะฉะนั้นเดี๋ยวจะพาไปดูทางเข้าหลักกันก่อนนะคะ
ที่ทางเข้าหลักมีป้ายโครงการ และครอบครัวกวางสัญลักษณ์ของโครงการอยู่ด้านหน้าค่ะ
เข้ามาที่ทางเข้าหลักจะเป็นถนนกว้าง 20 เมตร
ด้านข้างฝั่งขวาจัดเป็นสวนไม้พุ่มสลับสี สวยๆ
ส่วนฝั่งซ้ายตอนนี้เป็นที่ดินเปิดโล่งขนาดใหญ่ ซึ่งที่ดินตรงนี้ก็เป็นของเสนาที่จะพัฒนาเป็นโครงการในอนาคตค่ะ
ซุ้มทางเข้าหลักแบ่งทางเข้าออก 2 ฝั่ง ฝั่งละ 2 เลนและมีทางคนเดินขนาบข้างซ้าย – ขวา
ระบบความปลอดภัยเป็นไม้กระดกฝั่งละ 2 ชุด และมีรปภ. 24 ชั่วโมง
ถนนด้านกว้าง 20 เมตร และมีฟุตบาทขนาดประมาณ 1 คนเดิน มีลงต้นไม้, ไม้พุ่มตลอดทางร่มรื่นดีค่ะ
เข้ามาจากทางเข้าหลักประมาณ 450 เมตร ก็จะเห็นซุ้มทางเข้าโครงการ เสนาพาร์ค แกรนด์ที่เราจะพามาดูกันวันนี้ค่าา
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ
รอบโครงการ
ทิศเหนือติดกับที่ดินของเสนายาวไปตลอดจนสุดโครงการ ซึ่งมีแผนจะพัฒนาเป็นหมู่บ้านอีกในอนาคต ทิศใต้ติดกับหมู่บ้านข้างเคียง ทิศตะวันออกก็ติดกับที่ดินของเสนาเช่นกัน และทิศตะวันตกติดกับถนนกาญจนาภิเษกค่ะ
หน้าโครงการเป็นถนนเลียบกาญจนาภิเษกและหลังรั้วที่เห็นคือทางด่วนกาญจนาภิเษกค่ะ
ซ้ายมือเป็นถนนวิ่งยาวไปรามอินทรา
ขวามือวิ่งไปบางปะอิน
ติดกับโครงการเราเป็นโครงการ The Plant ของค่ายพฤกษา
ภายในโครงการ
โครงการนี้มีขนาดประมาณ 42 ไร่ จำนวนบ้านทั้งโครงการ 174 ยูนิต จาก Master Plan จะเห็นว่าตัวโครงการต้องเข้ามาจากถนนใหญ่ประมาณ 450 เมตร เมื่อถึงหน้าโครงการจะมีซุ้มทางเข้าของโครงการที่มีระบบรักษาความปลอดภัยด้วย Double Security Gate และ รปภ.24 ชั่วโมง ผังของโครงการดูเข้าใจง่ายๆค่ะ คือเข้ามาปุ๊ปจะเจอส่วน Club House ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าและถนนหลักกว้าง 12 เมตร ซึ่งถนนกว้าง 12 เมตรนี้จะมีระยะอยู่แค่บริเวณหน้า Club House เท่านั้น ถัดจากถนนหลักบริเวณคลับเฮ้าส์เลี้ยวไปทางซ้ายมือจะเป็น Sale Office และบ้านตัวอย่างทุกแบบค่ะ ซึ่งถนนรองที่แจกไปยัง Sales Office และบ้านหลังอื่นๆจะมีความกว้าง 10 เมตร ทั้งโครงการ
ซุ้มทางเข้าของโครงการมาในสไตล์เดียวกับซุ้มทางเข้าหลัก แบ่งทางเข้า ออกซ้ายขวาฝั่งละ 1 เลน มีทางเท้าให้เดินขนาบข้าง
ป้ายโครงการเสนาพาร์ค แกรนด์ สีเขียวตามสไตล์เสนา
ระบบความปลอดภัยใช้ระบบ Access Card ระยะใกล้ มีรปภ.24 ชั่วโมง ส่วนประตูเป็น Double Gate ชั้นแรกเป็นรั้วกั้นไม้กระดกและชั้นที่สองเป็นประตูเลื่อนไฟฟ้า ส่วน Visitor ต้องแลกบัตรเข้าโครงการและให้ลูกบ้านประทับตราเพื่อแลกบัตรคืนที่ประตูทางเข้าค่ะ
เข้าโครงการมาปุ๊ปจะเจอกับ Club House และสวนหย่อมของโครงการก่อนเลย ซึ่งเดี๋ยวเราจะกลับมาดูรายละเอียดด้านในหลังจากไปเดินดูโครงการรอบๆกันแล้วนะคะ
มาดูทางขวามือกันก่อน ถนนหลักในโครงการกว้าง 12 เมตร
แยกเป็นถนนหลักตรงไปและถนนด้านข้างส่วนกลางที่ตัดไปเชื่อมกับซอยด้านหลัง
ถนนข้างส่วนกลางที่ตัดไปเชื่อมกับซอยด้านหลังกว้าง 10 เมตร มีฟุตบาทให้เดินทั้งซ้ายและขวา
มาถึงซอยด้านหลังจะเป็นซอยยาวๆ มองจากตรงนี้จะแบ่งเป็นซ้ายและขวา
หน้าบ้านจะมีฟุตบาทขนาดประมาณ 1 คนเดินได้พอดีๆ
ขวามือจะเป็นซอยยาวไปจนสุดโครงการ พื้นที่สุดโครงการฝั่งนี้จะติดกับคลองเกร็ด
ส่วนซ้ายมือก็เป็นซอยยาวว ไปจนสุดโครงการเช่นกัน แต่จุดสิ้นสุดของซอยนี้จะอยู่ติดกับที่ดินของเสนาที่มีแผนพัฒนาในอนาคตค่ะ
กลับมาที่หน้าโครงการกันอีกครั้ง คราวนี้เดินไปดูซ้ายมือบ้าง
ฝั่งซ้ายนี้จะเป็นส่วนของ Sale Office และบ้านตัวอย่างทั้ง 4 แบบ
ตัวเซลล์ออฟฟิศใช้บ้านแบบ Nova จัดตั้งเป็นที่ประจำการ
ฝั่งซ้ายนี้ก็มีซอยย่อยตัดไปถึงซอยด้านหลังเหมือนกันนะ
ออกมาเจอซอยด้านหลังที่เราลองเดินมาดูแล้วเมื่อสักครู่ จุดสังเกตคือคลับเฮ้าส์ทางขวามือค่ะ
อีกด้านหนึ่ง
กลับมาดูที่ส่วนกลางของโครงการกันบ้าง ด้านหน้าจัดเป็นสวนดอกไม้ ตกแต่งอย่างเป็นระเบียบ ตัวคลับเฮ้าส์ใช้เส้นเฉียงตกแต่งดีไซน์โดยรวมมาในสไตล์ Eco – Modern
พื้นที่ข้าง Club House มีที่นั่งพักผ่อน เป็นพื้นที่ Event Zone ให้ลูกบ้านมาจัดกิจกรรมสังสรรค์กัน
ม้านั่งคอนกรีตแบบ Out Door
ที่นั่งกึ่ง Indoor มีระแนงไว้กันแดดให้
อีกด้านนึงของตัว Club House เป็นสนามเด็กเล่น มีของเล่นเป็นกระดานลื่น และชิงช้า 1 ชุด
ด้านข้างมีที่นั่งให้ผู้ปกครองคอยนั่งดูเด็กๆเล่นกันอย่างใกล้ชิด
ด้านหลังสนามเด็กเล่นมีที่นั่งพักผ่อนอีก 1 จุด
ม้านั่งคอนกรีต มีระแนงกันแดด
มาถึงตัว Club House ใช้ชื่อว่า Eco Club มาจาก Ecology ที่แปลว่าสิ่งแวดล้อม
ตัวคลับเฮ้าส์มี 2 ชั้น ด้านบนเป็น Fitness Club, พื้นที่พักผ่อนและสระว่ายน้ำ ส่วนด้านล่างเป็นส่วนของนิติบุคคลและห้องน้ำ
ขึ้นมาชั้นบนจะเจอกับพื้นที่นั่งพักผ่อน เป็น Lobby เพดานสูงโปร่ง ผนังเปิดโล่ง สามารถมานั่งชิลล์ในวันว่างได้สบายๆ
อีกด้านเป็น Fitness Club
ด้านในเป็นผนังกระจกช่วยให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาได้ ทำให้ห้องสว่างได้โดยไม่ต้องเปิดไฟ
มีลู่วิ่ง 2 ลู่, Elliptical 1 เครื่อง, เครื่องซิทอัพ 1 เครื่อง
จักรยานไฟฟ้า 2 เครื่อง, บอลโยคะ 3 ลูก, Leg Extension 1 เครื่อง, Elliptical 1 เครื่อง
ดัมเบล 12 ชิ้น และเสื่อโยคะ 3 ผืน
ออกมาจากฟิตเนสจะมีบันไดลงไปส่วนสระว่ายน้ำ
มีป้ายบอกทางไปยังส่วนต่างๆของ club House และป้ายกำกับกฏระเบียบการใช้สระว่ายน้ำค่ะ
ลงมาเจอสระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 20 x 6.5 เมตร ลึก 1.3 เมตร แยกสระเด็กกับสระผู้ใหญ่ รอบๆสระตีระแนงพื้นและวาง Day Bed ไว้ให้นั่งพักผ่อนริมสระ
พื้นที่ล้างตัวก่อนลงสระ 1 จุด
มี Day Bed ทั้งหมด 6 ชุดรอบๆสระ
จากพื้นที่สระว่ายน้ำ Out Door มองไปเห็นม่านน้ำสำหรับตกแต่งและสร้างบรรยากาศผ่อนคลายบริเวณสระ
ลงมาชั้นล่างเป็นห้องเจ้าหน้าที่และนิติบุคคล
ห้องน้ำแยกชาย – หญิง
ด้านในห้องน้ำหญิงมีอ่างล้างมือ 2 ชุด
ล็อคเกอร์เก็บของ 12 ช่อง
มีห้องน้ำ 2 ห้อง และห้องอาบน้ำ 2 ห้อง
ด้านในห้องน้ำมีชุดโถสุขภัณฑ์พร้อมกระดาษชำระ
ด้านในห้องอาบน้ำ
ในห้องน้ำชาย มีห้องน้ำ 2 ห้อง ห้องอาบน้ำ 2 ห้อง
ล็อคเกอร์เก็บของ 12 ช่อง
โถปัสสาวะ 2 ชุด
บ้านตัวอย่าง
โครงการ Sena Park Grand รามอินทรามีจุดเด่นอยู่ตรงที่การออกแบบของโครงการนี้จะเน้นการประหยัดพลังงาน โดยใช้พลังงานธรรมชาติ Green Smart Design คือ
1.Maximize Nature โดยการวางตัวบ้านให้สอดคล้องกับทิศทางลมเพื่อรับทิศทางลมให้บ้านเย็นสบายและการวางผังบ้านตามทิศหนือ – ใต้ เพื่อลดปริมาณแสงแดดเข้าสู่ตัวบ้านช่วยให้บ้านเย็นไม่ต้องเปิดแอร์บ่อยๆค่ะ
2.Extreme Ventilation เพิ่มช่องลมระบายความร้อนใต้หลังคาพร้อมฉนวนกันความร้อนเพื่อช่วยลดความร้อนที่จะเข้าสู่ตัวบ้าน
3.Smart Shading เป็นการเพิ่มแผงยังแสงหรือ Facdae ช่วยบังแสงแดดที่จะเข้าสู่ตัวอาคาร
4.Eco Friendly Materials ตัวบ้านมีการเลือกใช้วัสดุที่ช่วยป้องกันแสงแดดเข้าสู่ตัวอาคารอย่าง ผนังกระจก, สี และอุปกรณ์ที่ช่วยประหยัดทรัพยากรเช่น สุขภัณฑ์ประหยัดน้ำและหลอดประหยัดไฟเป็นต้น
5.Oxygen Boost เพิ่มพื้นที่สีเขียวรอบบ้านและในโครงการ เช่น ปลูกต้นไม้ให้ร่มเงาเพื่อลดแสงสะท้อนจากภายนอกเข้าสู่ตัวบ้าน
แบบบ้านทุกแบบเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวนบ้านทั้งโครงการ 174 ยูนิตในที่ดินมาตรฐานคือ 65 ตารางวา ซึ่งบ้านของจริงที่ได้จะเป็นบ้านเปล่าแถมชุดครัวและโคมไฟที่โถงบันไดมาให้นะคะ มีแบบบ้านทั้งหมด 4 แบบ คือ
สำหรับบ้านตัวอย่างตอนนี้ที่โครงการมีมาให้ดูครบทุกแบบแล้ว แต่วันนี้เราจะพาไปดูแบบหลังเล็กคือ Aqua Smart และแบบบ้านหลังใหญ่สุดคือ Nova Smart ไปดูกันว่าเค้าจะทำในส่วนของการประหยัดพลังงานได้ดีแค่ไหน ไปดูกันเลยค่ะ
เริ่มจากแปลนบ้าน Aqua Smart จะเห็นว่ามีทางเข้าออกทั้งหมด 3 ทางคือทางเข้าหลักหน้าบ้าน, ทางเข้าจากที่จอดรถ และทางเข้าจากเฉลียงข้างบ้านค่ะ โดยที่จอดรถสามารถจอดรถได้ 2 คัน เมื่อเข้าบ้านจากทางประตูทางเข้าหลักมาจะเจอกับพื้นที่รับแขก ติดกับพื้นที่รับแขกทางขวามือจะมีเฉลียงให้ออกไปยังพื้นที่ข้างบ้าน ส่วนทางซ้ายมือของพื้นที่รับแขกจะเป็นห้องน้ำ, บันไดขึ้นไปชั้น 2 และประตูที่เชื่อมกับที่จอดรถ ส่วนครึ่งหลังของบ้านจะเจอกับห้องรับประทานอาหารซึ่งมีพื้นที่เชื่อมต่อกับห้องทำงานทางขวามือ ส่วนซ้ายมือจะเป็นครัวปิดที่ทางโครงการทำมาให้เป็นสัดเป็นส่วนแล้วค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้นสองจะเจอโถงบันไดที่มีพื้นที่วางของนิดๆหน่อยๆพอจะวางตู้หรือชั้นวางของเตี้ยๆได้ จากโถงจะแจกไปยังห้องนอน 3 ห้องโดยฝั่งหน้าบ้านจะแบ่งเป็นห้องนอนเล็กและ Master Bedroom ที่มีห้องน้ำส่วนตัวด้านใน และฝั่งหลังบ้านจะมีห้องนอนเล็กอีก 1 ห้องและห้องน้ำที่ใช้ร่วมกันของห้องนอนเล็กทั้ง 2 ห้องค่ะ
บ้านหลังน้องเล็กแบบ Aqua Smart พื้นที่ใช้สอย 165 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 2 ที่จอดรถ ที่มีฟังก์ชั่นเสริมเพิ่มมาคือ 1 ห้องทำงาน หน้าตาโดยรวมถูกออกแบบมาแบบ Modern เรียบง่าย
บ้านจริงเราจะได้รั้วบ้านทึบสลับระแนงเหล็กโปร่งสีเทา เข้ากับแผง Facade ของบ้าน ตัวประตูทางเข้าเป็นแบบบานเลื่อน ด้านข้างมีประตูเล็กสำหรับคนเดินเข้าออก นอกจากนั้นจะได้กริ่งไร้สายหน้าบ้าน, Mail Box, ไฟกิ่งและที่เก็บขยะค่ะ
แอบส่องช่องระบายอากาศใต้หลังคาระบายความร้อน เพื่อช่วยให้บ้านเย็นลงค่ะ
ตัวบ้านแบ่งเป็น 2 ฝั่งคือฝั่งที่จอดรถและฝั่งประตูทางเข้าหลักของบ้าน
มาดูฝั่งที่จอดรถกันก่อน พื้นที่จอดรถขนาด 2 จอด พื้นเป็น Stamp Concrete
มีดวงไฟซาลาเปามาให้ 1 ดวง และจากตรงนี้จะเห็นช่องแสง 2 จุด คือหน้าต่างจากห้องน้ำและหน้าต่างบานกระทุ้งจากห้องรับแขก
มีห้องเก็บของไว้เก็บอุปกรณ์ทำสวนหรือเครื่องมือช่าง
ประตูทางเข้าจากที่จอดรถเป็นบานประตู HDF สีขาว ซึ่งทางเข้าจากที่จอดรถแบบนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกเวลาที่เราขับรถเข้ามาจอดแล้วจะขนลองเข้าบ้านก็สามารถเข้าจากทางนี้ได้เลย ใกล้ครัวกว่าไปอ้อมเข้าทางหน้าบ้านค่ะ
มือจับแบบก้านโยกของ Hafele ตัวล็อคด้านนอกแบบใช้กุญแจไข ด้านในเป็นตัวล็อคแบบใช้มือบิด
ยกพื้นขึ้นมาค่อนข้างสูงประมาณ 40 เซนติเมตร
ก่อนจะเข้าไปดูในตัวบ้านเราไปเดินดูรอบๆบ้านกันก่อนนะคะ เริ่มจากฝั่งซ้ายติดกับที่จอดรถ
รั้วของบ้านแต่ละหลังเป็นรั้วทึบสูงประมาณ 2 เมตร พื้นที่ข้างบ้านจะลงหญ้าไว้ให้แบบนี้เลยค่ะ
ออกมาฝั่งหลังบ้าน เนื่องจากบ้านตัวอย่างหลังงนี้อยู่ติดกับรั้วหลักของโครงการจึงได้เป็นรั้วสูง 3 เมตร แต่ถ้าเป็นแปลงมาตรฐานหลังชนกันทั่วไปก็จะได้รั้วสูง 2 เมตรเท่ากันรอบบ้านค่ะ พื้นที่ซักล้างหลังบ้านทำเป็นลานยื่นออกมาให้ขนาดประมาณ 1.5 x 3.5 เมตร ตรงนี้ถ้าเราอยากจะได้ลานซักล้างกว้างๆเผื่อทำกิจกรรมอื่นๆก็สามารถจะเทพื้นคอนกรีตต่อเติมกันเองได้ แต่ว่าต้องดูเรื่องโครงสร้างด้วยนะ เพราะถ้าเทพื้นแยกจากตัวบ้านก็มีโอกาสที่พื้นจะทรุดตัวนะ
ประตูลานซักล้างที่เชื่อมต่อออกมาจากครัว เป็นบาน UPVC บานเรียบสีขาว ลูกบิดสแตนเลสของ Colt มีหลอดฟลูออเรสเซ้นท์พร้อมฝาครอบมาให้ 1 ดวง ซึ่งแสงสว่างไม่น่าจะเพียงพอแนะนำให้ติดดวงไฟเพิ่มเติมค่ะ
พื้นลานซักล้างปูด้วยกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 เซนติเมตร สีและลายตามภาพ และเนื่องจากพื้นซักล้างที่ทำมาให้ยกพื้นค่อนข้างสูงเค้าเลยทำแบ่งเป็นขั้นบันไดมาให้เป็น 2 ขั้น แบบนี้
พื้นที่ข้างบ้านอีกด้านหนึ่งจะเป็นฝั่งของห้องทำงานและห้องรับแขก พื้นที่ข้างบ้านเหลือพอประมาณสามารถทำเป็นทางเดินสวน ลงต้นไม้หรือจะทำเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนก็ยังได้ค่ะ
มีทางออกเชื่อมต่อมาจากส่วนห้องรับแขกและครัว
มาถึงประตูทางเข้าหลักของบ้าน ได้ไฟโคมซาลาเปามา 1 ดวง
เฉลียงหน้าบ้านขนาดประมาณ 3.6 x 1.6 เมตร ยกพื้นขึ้นมาสูงประมาณ 45 ซม. แบ่งเป็นขั้นบันไดได้ 2 ขั้น
สามารถเดินเข้าจากฝั่งที่จอดรถได้เพราะเค้าทำเป็นขั้นบันไดมาให้ด้วย เดินได้สะดวกไม่ต้องอ้อมไปบันไดหน้าบ้านค่ะ
ประตูทางเข้าเป็นประตูบานเลื่อนเดี่ยว บานกรอบอลูมิเนียมอบขาว กระจกเป็น Green Tint ช่วยกรองแสงที่จะเข้าไปในบ้านได้บางส่วนแต่ก็มีข้อเสียคือเนื้อกระจกจะเก็บความร้อนเอาไว้ได้มากกว่ากระจกเขียวตัดแสงทั่วไป ส่วนด้านข้างเป็นบานฟิกซ์ไว้เป็นช่องแสงให้กับตัวบ้าน ประตูเข้าบ้านหลักที่เป็นกระจกเต็มบานแบบนี้อาจจะมีความปลอดภัยน้อยกว่ากระจกบานทึบแนะนำให้ติดประตูเหล็กดัดเพิ่มด้านในนะคะ
พื้นชั้น 1 ยกสูงประมาณ 10 เซนติเมตร ตัวรางเลื่อนติดตั้งแบบลดระดับมาให้แล้ว เวลาเดินเข้าออกบ้านจะลดโอกาสสะดุดได้ดีค่ะ
มือจับและตัวล็อค จับได้ถนัดมือดีค่ะ
เข้ามาในบ้านส่วนแรกจะเจอกับเป็นห้องรับแขก ซึ่งเชื่อมต่อกับส่วนห้องรับประทานอาหาร และห้องทำงาน พื้นชั้น 1 ทั้งชั้นปูด้วยประเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร และจะสังเกตเห็นได้ว่าบ้านหลังนี้ได้ช่องแสงมาค่อนข้างเยอะ สามารถรับแสงธรรมชาติเข้ามาในบ้านได้ ซึ่งจะทำให้บ้านดูโปร่งโล่งไม่อับทึบ และช่วยประหยัดไฟในเวลากลางวันด้วย
พื้นที่ส่วนห้องรับแขกจะได้ไดาวน์ไลท์มา 4 ดวง พร้อมโคมซาลาเปามาอีก 1 ส่วนฝ้าก็ดรอปมาให้ตามแบบในรูปเลยค่ะ
เรามาดูทีละส่วน ส่วนแรกเป็นห้องรับแขก ตรงนี้จะได้แสงธรรมชาติมาจากชุดหน้าต่างด้านข้างและประตูทางเข้าหลักของบ้าน
ถ่ายชุดหน้าต่างข้างบ้านมาให้เห็นแบบชัดๆ เป็นหน้าต่างบานกระทุ้งผสมบานฟิกซ์เต็มผนังมีกระจกแบบเข้ามุมเป็น Bay Window ให้เบาๆ ซึ่งตรงนี้จะรับแสงเข้าบ้านมาได้เยอะ ข้อดีคือได้แสงสว่างแต่ข้อเสียคือบ้านจะได้รับความร้อนมามากเกินไป ตรงนี้สามารถแก้ไขได้โดยติดฟิล์มกัน UV หรือม่านกรองแสง UV ก็ได้ค่ะ ซึ่งนอกจากจากจะได้ลดความร้อนที่จะเข้าตัวบ้านแล้วยังได้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มมาอีกด้วย
หันกลับไปตรงประตูหน้าบ้านจะเห็นระบบสัญญาณเตือนภัยซึ่งตรงนี้จะเป็น Option พิเศษที่ทางโครงการเค้าติดตั้งมาให้ทุกหลังนะคะ
สำหรับพื้นที่ของห้องรับแขกด้านที่เราจะใช้วางโซฟา จะเห็นว่าเหมาะสำหรับการวางโซฟาขนาดประมาณ 3 – 4 คนนั่งหรือถ้าจะขยายขนาดเป็น 5 ที่นั่งก็ยังได้อยู่นะ โซฟากว้างๆเผื่อใครชอบเอนหลังดูทีวียามบ่าย
มองจากฝั่งคนนั่งโซฟาออกไปก็จะเห็นช่องแสงเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งอีก 1 จุด แต่บานนี้ไม่ค่อยช่วยเรื่องแสงสว่างเท่าไหร่ถ้าเทียบกับบานอีกฝั่ง ผนังด้านนี้จะเป็นที่วางทีวีและบันไดขึ้นไปชั้น 2 ค่ะ ด้วยฝ้าที่สูงเกือบ 3 เมตร เราสามารถติดตู้ลอยไว้ด้านบนแล้วดูไม่รก
ระยะห่างจากระหว่างผนัง 2 ด้านก็จะอยู่ที่ประมาณ 3.5 เมตร ถ้าหักระยะนั่งโซฟาออกไป ระยะห่างการนั่งดูทีวีของเราก็จะอยู่ที่ประมาณ 2.4 เมตร ขนาดจอทีวีที่เหมาะสมก็ไม่ควรเกินประมาณ 55″ – 60″ ค่ะ
ถัดมาเป็นส่วนรับประทานอาหาร เชื่อมกับห้องครัว ได้เป็นครัวปิด ขวามือมีประตูออกข้างบ้านได้
พื้นที่ห้องทานอาหารได้โคมซาลาเปา 2 ดวง
มาดูฝั่งทางขวากันก่อนติดกับห้องรับแขกจะประตูออกไปนอกบ้าน ถัดมาเป็นพื้นที่ห้องทำงานและห้องทานอาหาร
ประตูที่ใช้ออกไปข้างบ้านป็นประตูบานเลื่อนเดี่ยวบานกรอบอลูมิเนียมอบขาว
มือจับแบบเซาะร่อง
พื้นลดระดับประมาณ 10 เซนติเมตร
พื้นที่ห้องทำงานจะอยู่ติดกับส่วนทานอาหาร ได้ช่องแสงเป็นชุดหน้าต่างบานเลื่อนคู่และบานฟิกซ์ กระจกเข้ามุมแบบ Bay Window พื้นที่ห้องทำงานตรงนี้เป็นพื้นที่เชื่อมต่อกับห้องทานอาหาร เลยอาจจะดูไม่ค่อยเป็นสัดป็นส่วนเท่าไหร่ ถ้าใครคิดว่าจะใช้เป็นห้องทำงานที่จริงจังขึ้นมาหน่อยแนะนำว่าควรกั้นห้องให้เป็นเรื่องเป็นราวนะคะ
ให้ดูชุดหน้าต่างแบบชัดๆ มองออกไปได้วิวสวนข้างบ้าน
ได้ไฟดาวน์ไลท์มา 2 ดวง
วางโต๊ะทำงาน 1 ชุดแบบพอดีๆ ค่อนข้างจะแน่นไปนิด
ห้องทางอาหารขนาดค่อนข้างกว้าง สามารถวางโต๊ะอาหารขนาด 6 ที่นั่งได้สบายๆ
ช่องแสงของห้องทานอาหารเป็นหน้าต่างบานเลื่อนคู่ 2 บาน
มือจับแบบเซาะร่องและตัวล็อค 2 ชั้น
ติดกับห้องทานอาหารเป็นห้องครัว ห้องน้ำ และบันไดขึ้นชั้นบน
ห้องครัวกั้นมาให้เป็นสัดป็นส่วน ด้วยประตูบานเลื่อนบานกรอบอลูมิเนียมอบขาว
พื้นห้องครัวลดระดับลงมาประมาณ 12 เซนติเมตร ตัวรางเลื่อนประตูก็ติดแบบลดระดับลงมาเรียบร้อยลดโอกาสเดินสะดุดค่ะ
พื้นห้องครัวปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร และแถมชุดเคาน์เตอร์ครัว และอ่างล้างจาน มาให้ในบ้านทุกหลัง
มีหน้าต่างบานเลื่อนเล็กๆเหนืออ่างล้างจานไว้สำหรับเปิดระบายอากาศและรับแสงธรรมชาติช่วยฆ่าเชื้อโรคได้บางส่วน
อีกด้านเป็นประตูออกไปยังลานซักล้างและช่องแสงเป็นหน้าต่างบานเลื่อนเดี่ยวบานกรอบอลูมิเนียมอีกจุดของห้องครัว
เปิดประตูออกไปยังลานซักล้าง ลดระดับลงไปประมาณ 12 เซนติเมตร
มาต่อที่ห้องน้ำห้องเดียวของชั้น 1 กัน
พื้นห้องน้ำด้านในลดระดับลงไปประมาณ 10 ซม. วัสดุปูพื้นเป็นกระเบื้องเซรามิค
ลักษณะห้องน้ำจะเว้าคล้ายๆตัว L เพราะส่วนหน้าเสียพื้นที่ให้กับท้องบันไดไปแล้วนั่นเองค่ะ
อ่างล้างมือแบบลอยตัวขนาดพอประมาณไม่มีเคาน์เตอร์เก็บของใต้อ่างด้านบนมีที่วางของนิดหน่อย ยี่ห้อ Kohler และก๊อกน้ำของ Grohe
ติดกับอ่างล้างมือเป็นโถสุขภัณฑ์ของ Kohler สายชำระของ Grohe และที่ใส่กระดาษชำระของ Englefield
สายชำระขนาดพอดีมือแต่อาจจะเล็กไปสำหรับคนมืออวบๆ
พื้นที่อาบน้ำไม่มีกั้นห้องอาบน้ำมาให้แต่ใช้เป็นการลดระดับพื้นลงมาประมาณ 6 ซม. แทน ตรงนี้ถ้าใครอยากจะกั้นให้เป็นสัดเป็นส่วนมากขึ้นก็สามารถติดตั้ง Shower Box ได้ไม่ยากนะคะ นอกจากนั้นพื้นที่อาบน้ำตรงนี้ยังมีช่องแสงมาให้ 1 ขุด พร้อมไฟดาวน์ไลท์ 1 ดวง ส่วนฝักบัวปรับระดับที่ได้เป็นของ Grohe พร้อมก๊อกน้ำด้านล่างเผื่อใครจะใช้รองน้ำใส่กะละมังส่วนที่วางสบู่ของ Englefield ค่ะ
ฝักบัวขนาดพอดีๆ
พื้นที่อาบน้ำขนาดประมาณ 1.45 x 0.9 เมตร อาบได้สบายๆ
ไปต่อกันที่ชั้น 2 เลยค่ะ ตัวบันไดขึ้นชั้น 2 เป็นบันไดคสล. ลูกตั้งและลูกนอนไม้ของ Shera ราวเหล็กทำสีมือจับบันไดเป็นไม้แข็งทำสีเข้ากับตัวบันได
โถงบันไดมีช่องแสงเป็นหน้าต่างบานยาว 1 ชุด ช่วยให้แสงธรรมชาติเข้ามาในโถงบันไดได้ นอกจากนั้นยังได้โคมไฟตามรูปมาอีก 1 ชุด
ขึ้นมาถึงชั้น 2 พื้นชั้น 2 ปูด้วยลามิเนตลายไม้สีอ่อน หนา 8 มม.
บันไดมีชานพักสี่เหลี่ยม 1 จุด เดินได้ปลอดภัยค่ะ
ขึ้นมาก็จะเจอโถงบันไดก่อนค่ะ ชั้น 2 นี้จะมีห้องนอนทั้งหมด 4 ห้อง ห้องน้ำที่โถง 1 ห้อง และห้องน้ำใน Master Bedroom อีก 1 ห้อง
พื้นที่โถงบันไดมีที่ว่างสำหรับวางของได้นิดหน่อย อาจจะวางตู้เก็บของที่ใช้ร่วมกันทุกคนไว้ตรงนี้ก็ได้ หรือจะติดกระจกไว้สำหรับเช็คความเรียบร้อยก่อนออกจากบ้านก็ได้ค่ะ
มองกลับไปดูโถงบันไดโดยรวม
เริ่มจากห้องนอนห้องแรกทางขวามือ บานประตูของห้องนอนทุกห้องจะได้เป็นบานสำเร็จรูป HDF สีขาว
พื้นปูด้วยลามิเนตต่อเนื่องมาจากโถงบันได กั้นด้วยตัวจบสีเข้ากับพื้น
ห้องตกแต่งมาแบบเรียบร้อยด้วยโทนสีครีม ห้องนี้ได้ช่องแสงมาค่อนข้างเยอะ โดยเป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง 3 บานและประตูบานเลื่อนกระจกที่เชื่อมกับระเบียงอีก 1 จุด ส่วนไฟส่องสว่างห้องนี้จะได้เป็นโคมซาลาเปามา 1 ดวง ที่กลางห้องค่ะ
ประตูที่เชื่อมห้องนอนกับระเบียงฝั่งหน้าบ้านเป็นประตูบานเลื่อนเดี่ยวบานกรอบอลูมิเนียมอบขาว
ระเบียงลดระดับพื้นลงไปประมาณ 12 ซม. พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 ซม. สีตามภาพ
ระเบียงขนาดประมาณ 0.9 x 3.9 เมตร พอจะวางชุดโต๊ะเก้าอี้เล็กๆไว้นั่งชมวิวหรือจะปลูกไม้กระถางเพิ่มความร่มรื่นสักหน่อยก็ดีค่ะ
ราวกันตกระเบียงเป็นราวเหล็กทาสีเทาอ่อน
เตียงวางขนาดควีนไซส์มาให้ดูเป็นตัวอย่างก็เหมาะสมกับขนาดห้องดีนะคะ
พื้นที่ข้างเตียงเหลือประมาณ 5o ซม. พอจะวางโต๊ะข้างเตียงเล็กๆสำหรับวางโคมไฟได้
ฝั่งปลายเตียงจัดเป็นโต๊ะเขียนหนังสือ หรือจะวางเป็นโต๊ะวางทีวีก็ได้ค่ะเพราะเค้ามีช่องสัญญาณมาให้เรียบร้อย
พื้นที่ปลายเตียงเหลือค่อนข้างเยอะ สามารถใช้เป็นที่นั่งทำงานได้สบายๆ
พื้นที่ข้างเตียงอีกฝั่งจัดเป็นตู้เสื้อผ้าแบบ Built – in
ประตูตู้เป็นบานเลื่อนซึ่งเหมาะสมกับพื้นที่ข้างเตียงที่เหลือค่ะ
ถัดไปเราจะไปต่อกันที่ห้องนอนใหญ่กันค่ะ
ห้องนอนใหญ่ หรือ Master Bedroom ก็ยังตกแต่งมาแบบคุมโทนด้วยสีครีม น้ำตาลอ่อน มีช่องแสง 4 จุด คือหน้าต่างบานกระทุ้ง 2 บานที่หัวเตียง, ประตูบานเลื่อนที่เชื่อมกับระเบียงหน้าบ้านอีก 1 ชุด และหน้าต่างบานกระทุ้งอีกบานที่ข้างประตูค่ะ
สำหรับห้องนอนใหญ่นี้จะได้ฝ้าเป็นฝ้าหลุมแบบนี้ พร้อมไฟดาวน์ไลท์บริเวณส่วนห้องนอน 4 ดวง และโคมซาลาเปาอีก 1 ดวง
เราจะไปดูระเบียงหน้าบ้านกันก่อน โดยประตูที่เชื่อมห้องนอนกับระเบียงหน้าบ้านเป็นประตูบานเลื่อนเดี่ยวบานกรอบอลูมิเนียมอบขาว
พื้นระเบียงลดระดับลงไปประมาณ 12 ซม. พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีและลายตามภาพ ขนาด 30 x 30 ซม.
ระเบียงห้องนี้จะแคบกว่าห้องที่แล้วหน่อยนึง คือกว้างแค่ประมาณ 70 ซม. พอแค่ออกมายืนกินลมชมวิวค่ะ
มีที่วางคอมเพรสเซอร์ระหว่าง 2 ห้องมาให้
ห้องนอนวางเตียงขนาดควีนไซส์มาให้ดูเป็นตัวอย่าง วางได้พอดีๆกับช่องแสงด้านหลัง แต่ถ้าใครไม่ซีเรียสเรื่อง Proportion การวางเตียง ก็สามารถจะขยับไปเป็นคิงส์ไซส์ได้ ที่ยังเหลือวางได้สบายๆค่ะ
พื้นี่ข้างเตียงฝั่งระเบียงเหลือประมาณ 1.1 เมตร จะวางโต๊ะเล็กหรือตู้เล็กๆก็ได้สบายค่ะ
ฝั่งปลายเตียงจัดเป็นโต๊ะเขียนหนังสือ จะวางเป็นโต๊ะวางทีวีก็ได้เช่นกันค่ะเพราะเค้ามีช่องสัญญาณมาให้แล้วเรียบร้อย
พื้นที่ปลายเตียงเหลืออีกเยอะ เดินได้สบายๆค่ะ
อีกฝั่งของห้องก็ยังคงเป็นพื้นที่ของห้องนอนใหญ่ ซึ่งเค้ากั้นมาให้เป็นห้อง Walk – in Closet แล้วค่ะ
พื้นที่ข้างเตียงฝั่ง Walk – in Closet นี้จัดเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง
พื้นที่ก็เหลือเฟือ อาจจะขวาง Circulation นิดๆหน่อยๆแต่ไม่เป็นปัญหาอะไรค่ะ
ด้านในส่วน Walk – in Closet มีช่องแสง 1 จุด เป็นหน้าต่างบานเลื่อนเดี่ยวบานกรอบอลูมิเนียมอบขาว
ห้องน้ำส่วนตัวในห้อง Master Bedroom
พื้นห้องน้ำลดระดับลงไปประมาณ 5 ซม. และปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีครีมอ่อน
ด้านในห้องน้ำมีช่องแสง 1 จุด เป็นหน้าต่างบานเลื่อนเดี่ยวสำหรับรับแสงธรรมชาติและระบายอากาศ
ได้ไฟดาวน์ไลท์ 2 ดวง
อ่างล้างมือ Kohler พร้อมเคาน์เตอร์เก็บของใต้อ่าง และที่วางของข้างอ่างก็วางได้อีกพอสมควรเลยค่ะ
ขนาดอ่างค่อนข้างใหญ่
โถสุขภัณฑ์ Kohler สายชำระ Grohe และที่ใส่กระดาษชำระ Englefield ตำแหน่งติดตั้งถูกต้องใช้งานได้สะดวกค่ะ
พื้นที่อาบน้ำไม่มี Shower Box มาให้ แต่ใช้การแบ่งให้เป็นสัดส่วนด้วยพื้นลดระดับลงไปประมาณ 5 ซม. แต่ถ้าเราอยากจะแบ่งให้เป็นสัดส่วนมากขึ้นก็สามารถทำได้ด้วยการติด Shower Box ค่ะ
พื้นที่อาบน้ำขนาดประมาณ 1.4 x 0.9 พอขยับตัวอาบน้ำได้สบายๆค่ะ
อีกด้านของห้องน้ำก็มีช้องแสงอีก 1 จุด เป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง
ห้องถัดไปที่เราจะไปดูเป็นห้องนอนเล็กที่อยู่ฝั่งซ้ายของบันไดค่ะ
ห้องนี้ตกแต่งมาแตกต่างจากห้องอื่นๆ มาในโทนสีเขียวสดใสเหมาะกับเด็กเล็กๆ
ห้องนี้มีช่องแสงมาให้ 3 จุด เป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง 2 บานและหน้าต่างบานเลื่อนเดี่ยว 1 บาน
วางเตียงขนาด 3.5 ฟุต แบบเข้ามุมมาให้ดูเป็นตัวอย่าง การวางเตียงเข้ามุมแบบนี้ช่วยให้ประหยัดพื้นที่ค่ะ
พื้นที่ปลายเตียงวางตู้เตี้ยเล็กๆมาให้ดูเป็นตัวอย่าง
พื้นที่ปลายเตียงเหลือค่อนข้างเยอะ สามารถจะวางตู้เก็บของขนาดใหญ่กว่าตัวอย่างก็ได้ หรือจะว่างโต๊ะสำหรับวางทีวีก็ยังได้ค่ะ
ข้างเตียงอีกด้านวางตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเขียนหนังสือ
พื้นที่ข้างเตียงเหลือพอให้ขยับตัวเลือกเสื้อผ้าได้สบายๆค่ะ
ออกมาที่ห้องน้ำที่ใช้ร่วมกันของห้องนอนเล็ก 2 ห้อง
พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ลดระดับลงไปประมาณ 5 ซม.
ผนังห้องน้ำกรุกระเบื้องเซรามิคสีตามภาพ
อ่างล้างมือ Kohler ขนาดพอดีๆ
ติดกันเป็นโถสุขภัณฑ์ Kohler ติดตั้งระยะมาตรฐานใช้ได้สะดวก
พื้นที่อาบน้ำไม่มีกระจกกั้นอาบน้ำมาให้ แต่ก็ยังเป็นสัดเป็นส่วนด้วยพื้นที่ลดระดับลงมาประมาณ 4 ซม
ขนาดพื้นที่อาบน้ำประมาณ 1.6 x 0.85 เมตร อาจจะแคบไปสักหน่อยสำหรับคนอวบๆนะคะ
มาต่อกันที่บ้านหลังใหญ่สุดกับแบบบ้าน Nova Smart พื้นที่ใช้สอย 239 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 2 ที่จอดรถ ที่มีฟังก์ชั่นเสริมเพิ่มมาคือ 1 ห้องแม่บ้าน การวางผังโดยรวมๆจะเหมือนกับบ้านแบบที่แล้ว เพียงแต่จะได้พื้นที่ใช้งานและฟังก์ชั่นเพิ่มขึ้น เริ่มจากทางเข้าหลักเข้ามาจะเจอกับห้องรับแขก จากห้องรับแขกขวามือจะเป็นห้องน้ำและบันไดขึ้นชั้นบน ถัดจากห้องรับแขกไปทางหลังบ้านจะเป็นห้องทานอาหารติดกับห้องทานอาหารเป็นห้องทำงานที่มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมกับกั้นห้องมาให้เป็นสัดเป็นส่วน สามารถจะเปลี่ยนเป็นห้องนอนได้ค่ะ อีกด้านของห้องทานอาหารจะติดกับ Pantry หรือพื้นที่เตรียมอาหารเบาๆ ถัดไปจะเป็นส่วนครัวปิด จากครัวสามารถออกไปยังลานซักล้างได้ ส่วนห้องแม่บ้านนั้นจะถูกแยกออกจากตัวบ้านโดยจะสามารถเข้าถึงได้จากด้านนอกของตัวบ้านเท่านั้นค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้นสองจะเจอโถงบันไดที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและจะมีฟังก์ชั่นที่เพิ่มขึ้นคือห้องพักผ่อนขนาดใหญ่และพื้นที่อ่านหนังสือ นอกจากนั้นห้องนอนทุกห้องจะได้ห้องน้ำส่วนตัวในห้องเลย แต่พื้นที่ Walk – in Closet จะมีเฉพาะในห้องนอนใหญ่เหมือนเดิมค่ะ
หน้าตาโดยรวมถูกออกแบบมาคล้ายๆกันทุกแบบคือแบบ Modern เรียบง่าย เน้นโทนสีครีม เขียว และน้ำตาลสื่อถึงธรรมชาติ จากตรงนี้เราจะเห็นแผง Facade 3 ชุดที่ช่วยกันแสงอาทิตย์เข้าสู่ตัวบ้าน
บ้านจริงเราจะได้รั้วบ้านทึบสลับระแนงเหล็กโปร่งสีเทา ตัวประตูทางเข้าเป็นแบบบานเลื่อน ด้านข้างมีประตูเล็กสำหรับคนเดินเข้าออก นอกจากนั้นจะได้กริ่งไร้สายหน้าบ้าน, Mail Box, ไฟกิ่งและที่เก็บขยะค่ะ
พื้นที่จอดรถขนาด 2 จอด พื้นเป็น Stamp Concrete มีไฟโคมซาลาเปา 1 ดวง
เรามาเดินดูรอบๆตัวบ้านกันก่อน เริ่มจากฝั่งขวาติดกับที่จอดรถ รั้วบ้านสูง 2 เมตร ส่วนพื้นที่ข้างบ้านเหลือประมาณ 2 เมตร สามารถจะจัดเป็นสวน หรือทางเดินเล็กๆได้ส่วนพื้นทางโครงการจะปูพื้นหญ้ามาให้แบบนี้เลยค่ะ
มีเฉลียงเชื่อมกับห้องอเนกประสงค์
หลังบ้านกับห้องทานอาหารและห้องครัวด้วยหน้าต่างแต่จะไม่มีประตูเชื่อมมาหลังบ้านนะคะ
พื้นที่ข้างบ้านอีกฝั่งเชื่อมอยู่กับห้องแม่บ้านและห้องครัว
ประตูทางซ้ายมือคือประตูที่เชื่อมห้องครัวและลานซักล้าง ส่วนทางขวามือคือห้องแม่บ้าน
ห้องแม่บ้านจะแยกเป็นสัดเป็นส่วนออกจากตัวบ้านเลยค่ะ โดยจะมีห้องน้ำและห้องนอนไว้ให้ครบ
ภายในห้องน้ำของแม่บ้าน
ประตูทางเข้าหลักหน้าบ้านมีไฟติดผนังไว้ให้ 1 ดวง ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอ แะให้ติดไฟเพิ่มเติมนะคะ
เฉลียงหน้าบ้านค่อนข้างสูงจึงแบ่ง Step เป็น 2 ขั้น แต่จากที่เห็นระดับของทั้ง 2 ขั้นจะไม่เท่ากัน อาจจะทำให้จังหวะการก้าวพลาดได้ เพราะฉะนั้นเดินกันด้วยความระมัดระวังนะคะ
เฉลียงฝั่งที่ต่อกับที่จอดรถก็มี Step ให้เราเดินเข้าบ้านจากที่จอดรถได้เลยไม่ต้องอ้อมไปทางหน้าบ้านค่ะ
ประตูทางเข้าหลักเป็นประตูบานเลื่อนเดี่ยวบานกรอบอลูมิเนียมอบขาว
ด้านบนมีกันสาดมาให้แบบนี้เลยค่ะ
มือจับและตัวล็อค
พื้นยกระดับประมาณ 12 ซม. จากเฉลียงหน้าบ้านตัวรางของประตูทางเข้าหลักติดตั้งบนพื้นที่ลดระดับไว้แล้ว เวลาเดินจะสะดวกมากขึ้นเพราะไม่มีตัวรางมาเกะกะ
พื้นบ้านปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 ซม. ระบบไฟใช้ดาวน์ไลท์ผสมกับโคมซาลาเปาทั้งหลัง ส่วนแรกที่เราเห็นคือห้องรับแขก จากตรงนี้เราก็จะเห็นห้องทางอาหาร และห้องอเนกประสงค์ ส่วนบ้านจริงก็จะเป็นห้องเปล่าๆ นะคะ
ห้องนั่งเล่นจะได้รับแสงธรรมชาติจากชุดหน้าต่างบานบานกระทุ้งและบานฟิกซ์ 1 ชุด และจากประตูหน้าบ้านเต็มๆอีก 1 บาน ตรงนี้ถ้าใครกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวแนะนำให้ติดม่านบังสายตาไว้ด้วยนะคะ เพราะบานประตูค่อนข้างใหญ่ใครผ่านไปมามองเข้ามาเห็นในบ้านแน่นอนเลย
ให้ดูชุดหน้าต่างบานใหญ่ข้างบ้านแบบชัดๆ
ผนังของด้านที่เราเห็นอยู่นี้กว้างประมาณ 3 เมตร ขนาดโซฟาที่เหมาะกับพื้นที่ก็ประมาณ 3 – 4 ที่นั่ง ก็จะพอมีที่ให้วางโต๊ะเล็กๆข้างโซฟาได้ หรือถ้าใครคิดว่าจะวางโซฟาอย่างเดียวก็สามารถวางได้ถึง 5 ที่นั่งเลย
อีกฝั่งจัดชั้นวางทีวีจัดมาให้เป็นไอเดียตกแต่ง ซึ่งของจริงจะเป็นผนังเปล่าๆพร้อมเต้าเสียบสายไฟและสัญญาณโทรทัศน์
ระยะจากโซฟาถึงที่วางทีวีประมาณ 3 เมตร สามารถวางทีวีได้ถึงขนาด 55″ – 60″ เลยค่ะ
ถัดจากห้องรับแขกมาซ้ายมือจะเป็นพื้นที่ออกไปที่จอดรถ ขวามือเป็นห้องน้ำและถัดไปเป็นโซนรับประทานอาหาร, ห้องอเนกประสงค์ และ Pantry
มาดูห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องรับแขกกันก่อน
ห้องน้ำที่ชั้นล่างมีฟังก์ชั่นมาครบทั้งห้องน้ำและส่วนอาบน้ำแต่ไม่ได้แยกส่วนเปียกส่วนแห้งมาให้ ผนังกรุด้วยกระเบื้องเซรามิคจรดเพดาน ส่วนฝ้าที่เราเห็นตัดเฉียงลงมานั้นเพราะว่าห้องน้ำใช้พื้นที่ใต้บันไดด้วยนั่นเองค่ะ
ได้ไฟดาวน์ไลท์ 2 ดวง
อ่างล้างมือ Kohler ขนาดพอดีๆ
โถสุขภัณฑ์ของ Kohler สายชำระของ Grohe และที่ใส่กระดาษชำระของ Englefield ตำแหน่งติดตั้งถูกต้องตามมาตรฐาน
ตรงข้ามกับโถสุขภัณฑ์เป็นพื้นที่อาบน้ำที่ไม่มี Shower Box มาให้นะคะ
แต่จะถูกแยกเป็นสัดส่วนด้วยพื้นที่ลดระดับลงไปประมาณ 5 ซม.
ออกมาจากห้องน้ำฝั่งตรงข้ามเป็นโถงที่เชื่อมออกไปยังที่จอดรถ
ถัดไปเป็นห้องทานอาหาร ที่มีช่องแสงที่มุมห้องทั้ง 2 ด้าน
สำหรับโต๊ะทานอาหารที่จัดมาให้ดูจะเป็น 6 ที่นั่ง แต่ถ้ามีสมาชิกในบ้านหลายคน ก็สามารถเพิ่มเป็น 8 ที่นั่งได้โดยเพิ่มขนาดโต๊ะให้กว้างขึ้นอีกนิดและวางเก้าอี้ที่หัวและท้ายของโต๊ะนะคะ
พื้นที่ทางอาหารจะได้ไฟดาวน์ไลท์มา 4 ดวง และไฟโคมซาลาเปา 1 ดวง
ขวามือเป็นห้องอเนกประสงค์ที่กั้นห้องมาให้เป็นสัดเป็นส่วน
โดยประตูเป็นประตูบานเลื่อนบานกรอบอลูมิเนียมอบขาว
รางเลื่อนติดตั้งบนพื้นแบบนี้อาจจะเดินสะดุดได้ต้องเดินด้วยความระมัดระวังนะคะ
ห้องนี้จะได้ไฟโคมซาลาเปามา 1 ดวง
ห้องนี้จัดเป็นห้องทำงานและมีที่นั่งพักผ่อนวิวสวนมาให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งถ้าครอบครัวไหนมีสมาชิกครอบครัวเป็นผู้สูงอายุหรือคนที่ใช้บันไดไม่สะดวกก็สามารถจะใช้ห้องนี้เป็นห้องนอนก็ได้นะคะ
อีกด้านมองไปยังห้องทานอาหาร
ติดกับห้องทางอาหารอีกฝั่งเป็น Pantry เตรียมอาหาร ซึ่งตรงนี้เราสามารถเอาเก้าอี้ เคาน์เตอร์บาร์มาวางได้ จะมีประโยชน์มากในเวลาเร่งด่วนตอนเช้าๆ คือลงมาแล้วทานอาหารเล็กๆน้อยๆไม่ต้องเสียเวลาเข้าไปเตรียมอาหารในครัว
บ้านจริงจะได้เคาน์เตอร์ครัวมาตามภาพเลยค่ะ
มีหน้าต่างบานเลื่อนเล็กๆเหนืออ่างล้างจาน รับแสงธรรมชาติและระบายอากาศ
ด้านหลัง Pantry จะเป็นห้องครัวที่ของจริงจะเป็นประตูบาน HDF
พื้นห้องครัวลดระดับลงไปประมาณ 10 ซม.
ด้านในครัวก็มีชุดเคาน์เตอร์และอ่างล้างจานมาให้ตามภาพเลยค่ะ
ได้ไฟโคมซาลาเปามา 1 จุด
มีช่องแสง 2 จุด เป็นหน้าต่างบานเลื่อนคู่อยู่เหนือเคาน์เตอร์สำหรับระบายอากาศ และรับแสงธรรมชาติ
ประตูเชื่อมครัวกับลานซักล้างได้เป็นบานประตู UPVC สีขาว
บันไดขึ้นไปชั้นบนโครงสร้าง คสล.ลูกตั้งและลูกนอนไม้ของ Shera ราวเหล็กทำสีมือจับบันไดเป็นไม้แข็งทำสีเข้ากับตัวบันได
บันไดมีชานพักสี่เหลี่ยม 1 จุด
พื้นชั้น 2 เป็นลามิเนตลายไม้
ชั้น 2 มี 3 ห้องนอนพร้อมห้องน้ำในตัว 1 ห้องอ่านหนังสือ และ 1 ห้องพักผ่อนค่ะ
หันกลับไปดูที่โถงบันไดกันอีกที จะเห็นช่องแสงที่โถงบันได้ 2 จุด ช่วยให้โถงบันไดได้แสงสว่างมากเพียงพอในตอนกลางวันค่ะ
ถ่ายชุดหน้าต่างที่โถงบันไดมาให้ดูชัดๆ เป็นหน้าต่างบานเลื่อนคู่ผสมกับหน้าต่างบานฟิกซ์ 2 บาน
ติดกับโถงบันไดทางขวาเป็นโถงพักผ่อน
มีช่องแสง 2 จุด เป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง 2 บาน
วางโซฟาขนาดประมาณ 2 – 3 ที่นั่งได้
จะเห็นว่าโถงพักผ่อนตรงนี้จะได้แสงธรรมชาติจากหน้าต่างทั้ง 4 บานแบบเต็มๆ
ห้องถัดไปที่จะไปดูคือห้องติดบันไดเป็นห้องพักผ่อน บ้านตัวอย่างกั้นห้องมาให้ดูโดยใช้บานกระจกช่วยให้ห้องไม่ดูทึบจนเกินไปค่ะ
ห้องนี้ถือเป็น High Light ของชั้น 2 เลยค่ะ เพราะเป็นห้องเปิดโล่งขนาดใหญ่ ซึ่งเราสามารถจัดเป็นห้องนั่งเล่นแบบส่วนตัวที่ชั้น 2 หรือจะใช้เป็นพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมครอบครัวก็ได้ หรือถ้าบ้านไหนมีสมาชิกเยอะหน่อยก็สามารถจะกั้นทำเป็นห้องนอนได้เช่นกันค่ะ
ห้องนี้ได้ช่องแสงขนาดใหญ่มา 2 ชุด คือประตูเชื่อมกับระเบียง
และชุดหน้าต่างเป็นหน้าต่างบานเลื่อคู่และบานฟิกซ์ 3 บาน
ออกไปดูที่ระเบียงกันก่อนค่ะ
พื้นระเบียงลดระดับลงไปประมาณ 5 ซม.
ระเบียงห้องนี้ค่อนข้างกว้างสามารถเอาชุดโต๊ะเล็กๆออกมานั่งพักผ่อน หรือจิบชาตอนเช้าๆได้
อีกฝั่งของระเบียงเป็นระเบียงห้องนอนใหญ่ค่ะ
มาต่อกันที่ห้องนอนใหญ่
พื้นห้องนอนปูด้วยลามิเนตต่อเนื่องมาจากโถงบันไดกั้นด้วยตัวจบสีเข้ากับพื้น
ห้องนอนใหญ่อยู่ถัดมาจากห้องพักผ่อน ตกแต่งมาแบบเรียบหรู มีช่องแสง 3 จุด คือหน้าต่างบานกระทุ้ง 2 ชุดและประตูบานใหญ่ที่เชื่อมกับระเบียง 1 ชุด ฝ้าเพดานดรอปมาให้ตามแบบ พร้อมไฟดาวน์ไลท์ 4 และไฟโคมซาลาเปาอีก 1 ดวง
พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิค พื้นลดระดับลงไปประมาณ 5 ซม.
ระเบียงกว้างประมาณ 90 ซม. สามารถปลูกไม้กระถางให้ความร่มรื่นพอได้อยู่ค่ะ
พื้นที่ข้างระเบียงมีเหลือไว้ให้วางคอมเพรสเซอร์
พื้นที่ข้างระเบียงอีกด้านก็มีพื้นที่สำหรับวางคอมเพรสเซอร์ระหว่างระเบียงทั้ง 2 ห้อง
บ้านตัวอย่างวางเตียงขนาดควีนไซส์มาให้ดูเป็นตัวอย่างซึ่งจริงๆเราจะขยับเป็นคิงส์ไซส์ก็ยังได้จะได้นอนหลับสบายๆ
พื้นที่ข้างเตียงเหลือค่อนข้างเยอะ สามารถจะวางตู้เล็กๆตามแบบบ้านตัวอย่างหรือจะขยับไซส์ขึ้นมาอีกก็ได้ไม่มีปัญหาค่ะ
ฝั่งปลายเตียง Built – in มาให้ดูเป็นชั้นวางทีวีและโต๊ะเขียนหนังสือ
พื้นที่ปลายเตียงเหลืออีกเยอะ สามารถวาง Bed Bench ไว้สำหรับนั่งแต่งตัวหรือวางของ
อีกด้านของห้องเป็น Walk – in Closet
พื้นที่ข้างเตียงฝั่งนี้ก็มีพื้นที่เหลือพอสมควร เดินได้ไม่อึดอัดค่ะ
ด้านใน Walk – in Closet ได้ไฟดาวน์ไลท์มา 1 ดวง ในนี้มีพื้นที่ค่อนข้างเยอะ สามารถ Built – in ตู้เสื้อผ้าเกาะผนังไปโดยรอบแล้วยังมีที่ทางให้เดินและแต่งตัวอยู่ แต่ข้อเสียของห้องนี้คือไม่มีช่องแสงธรรมชาติเลย คุณผู้หญิงอาจจะแต่งหน้าลำบากหน่อย
มาดูห้องน้ำส่วนของ Master Bedroom กันต่อ
ด้านในห้องน้ำแยกส่วนเปียกส่วนแห้ง
ได้ไฟดาวน์ไลท์มา 2 ดวง
อ่างล้างมือแบบฝังพร้อมเคาน์เตอร์มีที่เก็บของค่อนข้างเยอะ
อีกด้านมีระเบียงเฉพาะของห้องน้ำ
เป็นระเบียงขนาดเล็กๆๆ และประตูก็เล็กมากๆ เข้าไปลำบากคงเหมาะจะใช้เป็นระเบียงสำหรับเปิดระบายอากาศเท่านั้นค่ะ
โถสุขภัณฑ์ Kohler สายชำระ Grohe และที่ใส่กระดาษชำระ Englefield ตำแหน่งอยู่ข้างประตูทางเข้าตำแหน่งติดตั้งถูกต้องใช้งานได้สะดวกค่ะ
ห้องอาบน้ำถูกแบ่งอย่างเป็นสัดเป็นส่วน
ฝักบัวคู่ 2 ขนาด ปรับน้ำร้อนน้ำเย็นได้ มีทั้งแบบ Rain Shower และฝักบัวปกติยี่ห้อ Grohe
พื้นที่อาบน้ำขนาด 1 x 1.4 เมตร พื้นลดระดับลงไปประมาณ 2 ซม.
ออกมาที่ห้องโถงอีกครั้ง
ไปดูห้องนอนเล็กห้องแรกที่อยู่ติดกับพื้นที่พักผ่อนกันก่อนค่ะ
ห้องนอนห้องนี้ตกแต่งมาแบบเรียบง่าย มีช่องแสงเพียงจุดเดียวเป็นหน้าต่างบานเลื่อนคู่บานกรอบอลูมิเนียมอบขาว
ได้โคมซาลาเปามา 1 จุด
เตียงนอนวางแบบ 3.5 ฟุต เข้ามุม
พื้นที่ปลายเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเขียนหนังสือ
ซึ่งเมื่อจัดทั้งหมดลงไปแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ให้เดินได้สบายๆ
อีกด้านของห้องเป็นห้องน้ำ
พื้นห้องน้ำลดระดับลงไปประมาณ 5 ซม. ผนังกรุด้วยกระเบื้องเซรามิคสีตามภาพ พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ภายในห้องน้ำมีช่องแสง 1 จุด เป็นหน้าต่างบานเลื่อนคู่
อ่างล้างมือแบบลอยตัวของ Kohler
โถสุขภัณฑ์ของ Kohler สายชำระของ Grohe และที่ใส่กระดาษชำระของ Englefield
ห้องอาบน้ำถูกแยกมาแบบเป็นสัดเป็นส่วน ฝักบัวปรับระดับที่ได้เป็นของ Grohe พร้อมที่วางสบู่และก๊อกน้ำด้านล่างเผื่อใครจะใช้รองน้ำใส่กะละมังส่วนที่วางสบู่ของ Englefield ค่ะ
พื้นที่อาบน้ำลดระดับลงไปประมาณ 3 ซม. ขนาดประมาณ 1.4 x 1
ถัดมาเป็นห้องนอนเล็กห้องสุดท้ายของบ้านหลังนี้
ห้องนี้เข้ามาจะเจอกับห้องน้ำก่อนเลย
ห้อน้ำลดระดับลงไปประมาณ 5 ซม. พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ผนังกรุด้วยกระเบื้องเซรามิคสีตามภาพ มีช่องแสง 1 จุด บริเวณที่อาบน้ำ
ได้ไฟดาวน์ไลท์มา 2 ดวง
อ่างล้างมือแบบลอยตัวขนาดพอประมาณไม่มีเคาน์เตอร์เก็บของใต้อ่างด้านบนมีที่วางของนิดหน่อย ยี่ห้อ Kohler และก๊อกน้ำของ Grohe
ติดกับอ่างล้างมือเป็นโถสุขภัณฑ์ของ Kohler สายชำระของ Grohe และที่ใส่กระดาษชำระของ Englefield
พื้นที่อาบน้ำไม่มี Shower Box มาให้ แนะนำว่าให้ติดม่านหรือติดกระจกกั้นห้องอาบน้ำเพิ่มเติมก็จะดี เพราะไม่อย่างนั้นเวลาอาบน้ำไป น้ำก็คงจะกระเซ็นลงบนโถสุขภัณฑ์แน่นอนค่ะ
พื้นที่อาบน้ำประมาณ 0.9 x 1.1 เมตร
ห้องนี้ตกแต่งมาแบบเรียบง่าย มีช่องแสง 2 จุด ถ้าวันไหนอากาศดีๆสามารถเปิด 2 บานพร้อมกันเพื่อให้อากาศถ่ายเท และลมพัดโกรกได้ได้ต้องเปิดเแอร์เลยแต่ถ้าจะเปิดหน้าต่างทิ้งไว้กลางคืนก็แนะนำว่าควรติดมุ้งลวดกันแมลงก่อนนะคะ
วางเตียงขนาด 3.5 ฟุตมาให้ดูเป็นตัวอย่าง
พื้นที่ปลายเตียงจัดเป็นชั้นวางของและโต๊ะเขียนหนังสือ
พื้นที่ปลายเตียงเหลือให้เดินได้สบายๆ
ข้างเตียงอีกด้านทำเป็นตู้เสื้อผ้าและชั้นวางของ
ซึ่งพื้นที่ข้างเตียงที่เหลือฝั่งนี้ก็เหลือพอให้ใช้งานฟังก์ชั่นการแต่งตัวได้ค่ะ
อีกมุมนึง มองออกไปฝั่งห้องโถง
สวิทช์ไฟทั้งบ้านของ BTICINO
มี VDO จากโครงการมาให้ดูกันค่ะ
ราคา
ราคาเริ่มต้น 9-12 ล้าน (ณ วันที่ 16 ก.ย. 62)
** เงินจอง : 50,000 บาท / ทำสัญญา : 100,000 บาท
**ค่าสาธารณูปโภค : 30 บาท/ตร.วา/เดือน
**ที่ดินเพิ่ม-ลด ตารางวาละ 61,000 บาท
**โปรดอัปเดตราคาและโปรโมชั่น ณ.วันที่ปัจจุบันที่ฝ่ายขายโครงการอีกครั้ง**
บทสรุปโครงการ
ทำเลโดยรอบ โครงการ Sena Park Grand รามอินทรา เป็นโครงการที่ตั้งอยู่บนถนนเลียบกาญจนาภิเษก ช่วงถนนรามอินทราตอนปลาย ตัวทำเลมีความเศษความพิเศษคือ สามารถเข้าออกได้ 2 ทางคือจากถนนเลียบกาญจนาภิเษกและถนนรามอินทราโดยวิ่งผ่าน Sena Park Avenue ที่เป็นที่ดินของเสนาซึ่งตอนนี้เป็นสวนขนาดใหญ่กว่า 10 ไร่ สภาพแวดล้อมโดยรวมรอบๆโครงการเป็นโครงการบ้านเดียวข้างเคียงและที่ดินเปล่าที่รอการพัฒนา
ความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินถึงถือว่าแห้งแล้ง แต่ความอุดมสมบูรณ์โดยรวมค่อนข้างคึกคักมีตลาดและ Hyper Market ให้เลือกหลายจุดแต่ต้องขับรถออกมานะ นอกจากนั้นยังอยู่ใกล้กับศูนย์การค้าใหญ่อย่าง Fashion Island และ Community Mall อย่าง The Promanade
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวค่อนข้างสะดวกโดยใช้ถนนรามอินทราเป็นเส้นหลัก เพื่อเข้าไปใน Sena Park Avenue และเชื่อมกับถนนเลียบกาญจนา ซึ่งตัวถนนรามอินทราเอง เป็นถนนเส้นที่มีถนนเส้นอื่นๆมาเชื่อมอยู่ด้วยกันหลายสายอย่างถนนนวมินทร์, ถนนเกษตรนวมินทร์, ถนนเสรีไทย หรือถนนที่มาจากฝั่งนอกเมืองก็สามารถมาได้ทั้งจากถนนหทัยราษฏร์, ถนนพระยาสุเรนทร์, ถนนคู้บอน และถนนพหลโยธิน นอกจากนั้นโครงการยังอยู่ใกล้กับทางด่วนวงแหวนรอบนอกและทางด่วนรามอินทรา – อาจนรงค์ ซึ่งสะดวกสำหรับขาเข้าเมือง ส่วนขาออกนอกเมืองก็สามารถออกจากโครงการแล้วใช้เส้นเลียบกาญจนาตรงขึ้นไปได้ถึงบางปะอิน อยุธยาเลยค่ะ
การเดินทางโดยรถสาธารณะ ถือว่าลำบากเลยค่ะ เนื่องระยะทางจากหน้าโครงการเข้ามาถึงโครงการค่อนข้างไกล ประมาณ 450 เมตร ซึ่งเกินระยะเดินสบายมานิดหน่อย เมื่อออกมาหน้าโครงการได้แล้วเนื่องจากว่าตัวโครงการอยู่บนเส้นเลียบทางด่วนจึงไม่ค่อยมีรถโดยสารสาธารณะผ่าน จะมีก็รถสองแถวจาก Fashion Island – ตลาดออเงิน นอกจากนั้นก็คงต้องพึ่งรถแท็กซี่และพี่วินที่นานๆจะผ่านมาหน้าโครงการ
ส่วนในอนาคตก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงแคราย – มีนบุรี ที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีส้ม(ตลิ่งชัน – มีนบุรี) และรถไฟฟ้าสายสีม่วง(บางใหญ่ – บางซื่อ) ที่จะช่วยให้การเดินทางในละแวกนี้สะดวกและประมาณเวลาในการเดินทางได้ดีขึ้น ซึ่งสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่ใกล้โครงการที่สุดจะเป็นสถานีรามอินทรา 83 และสถานีวงแหวนตะวันออก แต่เนื่องจากตัวโครงการไม่ได้อยู่เกาะแนวเส้นรถไฟฟ้าจึงต้องพึ่งรถโดยสารเพื่อไปถึงตัวสถานีก่อนค่ะ
แบบบ้าน การออกแบบมาในสไตล์ Eco Modern มีจุดเด่นตรงการออกแบบที่เน้นให้บ้านเย็น และประหยัดการใช้พลังงานของตัวบ้าน ทั้งระบบระบายความร้อนบนหลังคา และการใช้ Shading ของ Facade เพื่อกันความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน นอกจากนั้นยังให้ช่องแสงมาค่อนข้างเยอะรับแสงธรรมชาติเข้ามาในตัวบ้านได้มากทำให้บ้านมีความโปร่งมากขึ้น ส่วนการฟังก์ชั่นการใช้งานก็ครบถ้วน มีครัวไทยแยกมาให้เป็นสัดเป็นส่วน พื้นที่ใช้สอยโดยรวมจัดมาให้ใช้ได้อย่างลงตัวไม่รู้สึกติดขัดอะไร ในห้องนอนแต่ละห้องจัดพื้นที่มาให้เหลือๆ สามารถวางเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นๆได้ครบและยังมีพื้นที่เหลือ
วัสดุ ที่จอดรถหน้าบ้านเป็นพื้นคอนกรีตสแตมป์ เฉลียงหน้าบ้าน, ลานซักล้างและระเบียงเป็นกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 ซม. พื้นภายในบ้านชั้นล่าง รวม Pantry และ ห้องครัวเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60×60 ซม. ชั้น 2 ได้เป็นพื้นลามิเนตหนา 8 มม. บานประตูภายในบ้านเป็นบานประตูสำเร็จรูป HDF, บานประตูห้องน้ำและประตูซักล้างเป็น UPVC สีขาว ชนิดกันน้ำ ส่วนประตูและหน้าต่างบานเลื่อนและบานกระทุ้งทั้งหมดเป็นบานกรอบอลูมิเนียมอบขาว กระจก Green Tint สวิทช์ไฟทั้งหลังของ Bticino ไฟทั้งบ้านผสมระหว่างดาวน์ไลท์และโคมซาลาเปาทั้งหลัง ดรอปฝ้าหลุมให้ในห้องหลักๆอย่างห้องรับแขก ห้องนอนใหญ่ โถสุขภัณฑ์และอ่างล้างหน้าของ Kohler, ก๊อกอ่างล้างหน้า ฝักบัวและก๊อกใต้ฝักบัว Grohe, ที่ใส่กระดาษชำระ ที่วางสบู่และราวแขวนผ้าของ Englefield
สาธารณูปโภค ระบบรักษาความปลอดภัยมีป้อมรักษาความปลอดภัย 2 คือจุดป้อมหลักใหญ่ของเสนาใช้ไม้กระดกและซุ้มทางเข้าของโครงการเป็น Double Gate Security ทั้ง 2 จุด ใช้ Access Card ระยะใกล้ ส่วน Visitor จะใช้การแลกบัตรเข้าออก รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตร และรั้วของบ้านและละหลังสูง 2 เมตร มีกล้อง CCTV รอบโครงการทั้งหมด 10 ตัว ถนนหลักกว้าง 12 เมตรและถนนรองในโครงการกว้าง 10 เมตร ถนนกว้างขับได้สบายๆ สำหรับส่วนกลางมีสวนสาธารณะที่จัดมาอย่างเรียบร้อยเป็นระเบียบ, Event Zone, Fitness, สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 20 x 6.5 เมตร ลึก 1.3 เมตร
คะแนน
ทำเลที่ตั้งโครงการ | 8.5 | มีข้อดีตรงที่มีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง ความอุดมสมบูรณ์ในระบะเดินมีพอประมาณและความอุดมสมบูรณ์รอบนอกคึกคัก |
การเดินทาง ใช้รถ | 8.5 | เข้า – ออกเมืองได้สะดวกโดยใช้ถนนรามอินทราและทางด่วนที่ใกล้จะเป็นทางด่วนรามอินทรา – อาจนรงค์และวงแหวนตะวันออก |
การเดินทาง ไม่ใช้รถ | 6.0 | ค่อนข้างลำบาก จากโครงการออกมาถนนใหญ่ค่อนข้างไกล และไม่มีรถโดยสาธารณะผ่านนอกจากรถสองแถว Fashion Island – ตลาดออเงิน |
บ้านและวัสดุ | 8.0 | ออกแบบมาเน้นประหยัดพลังงานแนว Eco Modern มีจุดเด่นตรงที่ระบบระบายอากาศและได้ช่องแสงมาเยอะ ฟังก์ชั่นครบ วัสดุมาตรฐานแต่น่าจะได้ดีกว่านี้อีกหน่อย |
สิ่งอำนวยความสะดวก | 8.5 | ระบบรักษาความปลอดภัย Key card access ระยะใกล้ 2 จุด จากป้อมหลักและป้อมของโครงการในอนาคต ถนนภายในกว้าง 10 เมตร ขับได้สบายๆเลย มีสวนสาธารณะ, Club House, Fitness และสระว่ายน้ำระบบเกลือ |
ความคุ้มค่ากับราคา | 8.0 | ราคาเริ่มต้น 9-12 ล้านบาท ราคา ณ. วันที่ 16 ก.ย. 62 ถือว่ามาตรฐานกับวัสดุที่ได้ ฟังก์ชั่นครบ Facilities ดี เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดกลาง – ขนาดใหญ่ |
คะแนนรวมเฉลี่ย | 7.91 | ดี |
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
TEL : 02-5087069
WEBSITE : คลิกที่นี่
หากเพื่อนๆเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ โปรดกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน
และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ
EP.2520 รีวิว เดอะ แพลนท์ ปิ่นเกล้า-ศาลายา / The Plant Pinklao-Salaya บ้านแฝดซีรีส์ใหม่ พร้อมสวนสวย ส่วนกลางกว่า 2 ไร่* ใกล้ ม.มหิดล และ Central Westgate เริ่ม 3.69 ล้านบาท* Written by : Pure Thitapa สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ
EP.2519 รีวิว อาเว่ บางนา-สุขุมวิท AVE Bangna-Sukhumvit บ้านเดี่ยวหรู 3 ชั้น สไตล์ Modern Luxury บนทำเลศักยภาพย่านบางนา-เทพารักษ์ เอกสิทธิ์เพียง 20 ยูนิต เริ่ม 19-25 ลบ.* Written by : Nin Yanin สวัสดีค่ะ วันนี้ทีมงาน Homenayoo จะพาคุณผู้อ่านไปชมโครงการ AVE บางนา-สุขุมวิท บ้านโครงการใหม่ จาก บริษัท เอทีที
EP.2518 รีวิว เดอะ มิราเคิล บางแสน สาย 2 The Miracle Bangsaen Sai 2 พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น สไตล์มินิมอล “อารมณ์บ้านเดี่ยว” ใกล้หาดบางแสน-ตลาดหนองมน เชื่อม ถ.ข้าวหลาม-สุขุมวิท-มอเตอร์เวย์ เริ่ม 2.79 ล้านบาท* Written by : Nin Yanin สวัสดีค่า วันนี้ทีมงาน Homenayoo
EP.2517 รีวิว แลนซีโอ คริป 2 เพชรเกษม-พุทธมณฑลสาย 4 / Lanceo Crib 2 Petchkasem-Phutthamonthon Sai 4 บ้านแฝดและบ้านเดี่ยวสไตล์ French Colonial ทำเลดี ใกล้ถนนเพชรเกษม เพียง 10 นาที* เริ่ม 3.59 ล้าน* Written by : Pure Thitapa
EP.2516 รีวิว ภัสสร ราชพฤกษ์-ติวานนท์ 2 Passorn Ratchaphruek-Tiwanon 2 บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด สไตล์ Scandinavian เพียง 46 หลัง ติดถนนใหญ่ ใกล้ทางด่วนเพียง 10 นาที* เริ่ม 4.99-7.59 ล้านบาท* Written by : Nin Yanin สวัสดีค่า วันนี้ทีมงาน Homenayoo พาคุณผู้อ่านมาชมโครงการ Passorn
EP.2515 รีวิว เดอะ แพลนท์ นครปฐม / The Plant Nakornpathom บ้านแฝดและบ้านเดี่ยว ดีไซน์ใหม่ Modern Barn House ใกล้ Central นครปฐม เริ่ม 3.69 ล้าน* Written by : Pure Thitapa วันนี้ทีมงาน Homenayoo ขอพาไปชมโครงการ ‘The Plant
EP.2514 รีวิว Baan Nirati Srivaree-Bangna บ้านนิรติ ศรีวารี-บางนา Written by : Nin Yanin สวัสดีค่า วันนี้ทีมงาน Homenayoo พาคุณผู้อ่านมาชมโครงการ บ้านนิรติ ศรีวารี-บางนา จาก เซ็นทรัลพัฒนา กันค่ะ โดยโครงการตั้งอยู่บนถนนศรีวารีน้อย อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ เดินทางสะดวกสบาย เชื่อมต่อถนนใหญ่ 2 เส้น ทั้งถนนบางนา-ตราด และถนนลาดกระบัง ใกล้ทางพิเศษบูรพาวิถี, มอเตอร์เวย์ และ Airport Link ลาดกระบัง ใช้ชีวิตได้ง่าย ใกล้แหล่ง Shopping ขนาดใหญ่ เช่น King Power Sivaree Complex, Central Village, Siam Premium Outlets, Mega
The Tara รามอินทรา บ้านรีโนเวทพร้อมอยู่จาก BAM ทำเลดี โซนรามอินทรา ใกล้ Fashion Island และรถไฟฟ้าสายสีชมพู ในราคาเพียง 4 ล้านต้น ๆ หากคุณกำลังมองหาบ้านในทำเลรามอินทรา แต่ยังไม่เจอบ้านที่ถูกใจ เพราะโครงการใหม่ ๆ มักจะมีราคาสูง วันนี้เราขอนำเสนอ บ้านเดี่ยวรีโนเวทใหม่ สภาพพร้อมเข้าอยู่ ในทำเลดี ราคาเอื้อมถึง จาก บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
EP.2513 รีวิว ศุภาลัย แกรนด์วิลล์ สุขุมวิท-บางนา / Supalai Grand Ville Sukhumvit-Bangna บ้านเดี่ยวซีรีส์ใหม่ในสังคมคุณภาพ พร้อมสโมสรและสวนส่วนกลางกว่า 5 ไร่ เริ่ม 6.-15 ล้านบาท* Written by : Pure Thitapa สวัสดีค่ะ วันนี้ทีมงาน Homenayoo ขอพาไปชมโครงการ ‘Supalai Grand Ville สุขุมวิท-บางนา‘
EP.2512 รีวิว ศุภาลัย ปาล์มวิลล์ โกเตง (สุราษฎร์ธานี) / Supalai Palm Ville Ko Teng (Suratthani) บ้านเดี่ยวซีรีส์ใหม่ Tropical Modern พร้อมสโมสร และ Home Automation ทุกหลัง เริ่ม 3.49 ล้าน* Written by : Pure Thitapa สวัสดีค่ะ
โครงการบ้านใหญ่โต ราคาสูงทีเดียว แต่ก็ยังคงต้องเสี่ยงภัยกับขโมย โดนขโมยขึ้นบ้านแล้วเรียบร้อย ทิ้งรอยเท้าไว้ให้ดูร่องรอยการหลบหนี ยังโชคดีไม่ทำร้ายคนแก่ในบ้าน