สามารถเดินทางได้สะดวก ใกล้ ถนนแจ้งวัฒนะ, ทางพิเศษศรีรัช และ ทางยกระดับอุตราภิมุข เป็นย่านที่ครบครันด้วยแหล่งช้อปปิ้ง ทั้ง IT Square, Big C แจ้งวัฒนะ, The Avenue แจ้งวัฒนะ, Central แจ้งวัฒนะ และ ยังอยู่ใกล้แหล่งงาน, ศูนย์ราชการฯ, กรมการกงสุล, สนามบินดอนเมือง และ Impact เมืองทองธานี อีกด้วยค่ะ
ชื่อโครงการ
สุชารี ไลฟ์ 2 หลักสี่-แจ้งวัฒนะ Sucharee Life 2 Laksi-Chaengwattana
เจ้าของโครงการ
บริษัท สุชาต์ธนกิจ จำกัด
เนื้อที่ทั้งหมด
0-3-52 ไร่
จำนวนตึก
1 อาคาร
จำนวนชั้น
8 ชั้น
จำนวนห้อง
100 ยูนิต
ลักษณะห้องและขนาดห้อง
Type A ขนาด 28.00 ตร.ม.
Type B ขนาด 32.00 ตร.ม.
Type C ขนาด 34.00 ตร.ม.
Type D ขนาด 56.00 ตร.ม.
ที่จอดรถทั้งหมด
38 คัน หรือ 38% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
จำนวนลิฟท์
ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว
โซน
หลักสี่-แจ้งวัฒนะ
เส้นทางการคมนาคม
รถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต
รถไฟฟ้าสายสีชมพู ปากเกร็ด-นนทบุรี
สนามบินดอนเมือง
ทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์
รถโดยสารที่ผ่าน
n/a
ที่ตั้ง
ถนนแจ้งวัฒนะ ซอย 10 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม.
กำหนดการ
พ.ศ.2561
ปีที่สร้างเสร็จ
พ.ศ.2562
ราคา
เริ่ม 1.72 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม
เริ่ม 61,000 บาท/ตร.ม.
ค่าส่วนกลางและกองทุน
ค่าส่วนกลาง 42 บาท/ตร.ม./เดือน
เงินกองทุน 500 บาท/ตร.ม.
สถานที่สำคัญใกล้เคียง
ห้างสรรพสินค้า
IT Square : 650 ม.
Central รามอินทรา : 3.3 กม.
The Avenue แจ้งวัฒนะ : 4.1 กม.
Big C แจ้งวัฒนะ : 4.2 กม.
Tesco Lotus แจ้งวัฒนะ : 4.4 กม.
Makro แจ้งวัฒนะ : 4.6 กม.
Foodland : 6.3 กม.
Central แจ้งวัฒนะ : 6.6 กม.
Bee Hive : 6.8 กม.
Impact Arena เมืองทองธานี : 7.9 กม.
HomePro : 8.3 กม.
The Promanade : 13.0 กม.
Fashion Island : 13.5 กม.
Future Park รังสิต : 14.8 กม.
สถานศึกษา
รร.นานาชาติแฮร์โรว์ : 2.9 กม.
มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร : 3.4 กม.
รร.กองทัพบกอุปถัมภ์ฯ : 4.6 กม.
ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ DPU : 5.5 กม.
รร.เซนต์ฟรังซิสเซเวียร์ : 6.1 กม.
ม.สุโขทัย : 6.6 กม.
ม.เกษตรศาสตร์ : 7.8 กม.
รร.สวนกุหลาบ นนทบุรี : 12.0 กม.
ศูนย์การแพทย์
รพ.มงกุฎวัฒนะ : 3.9 กม.
รพ.เวิลด์เมดิคอล : 7.2 กม.
อื่นๆ
สนามบินดอนเมือง : 4.8 กม.
Impact เมืองทองธานี : 8.1 กม.
สถานที่ราชการและอาคารสำนักงาน
ศูนย์ TOT : 1.2 กม.
ไปรษณีย์ไทย หลักสี่ : 1.7 กม.
ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ : 2.0 กม.
กรมการกงสุล : 2.2 กม.
สิ่งอำนวยความสะดวก
Lobby
Mailbox
สระว่ายน้ำ
ห้องออกกำลังกาย
ระบบรักษาความปลอดภัย CCTV
คีย์การ์ด
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชม.
จุดเด่นของโครงการ
สุชารี ไลฟ์ 2 คอนโดใหม่ ออกแบบภายใต้แนวคิด “ชีวิตสบาย…” เน้นรายละเอียดต่างๆ ทุกจุด เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยในทุก ๆ ด้าน เพื่อตอบโจทย์ทุก Life style เดินทางสะดวกสบาย ใกล้รถไฟฟ้าสายสีแดง เพียง 650 เมตร และ รถไฟฟ้าสายสีชมพู (อนาคต)
:::: ที่ตั้งโครงการ ::::
ถนนแจ้งวัฒนะ ซอย 10 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม.
พิกัด : 13.887956, 100.577065
ทำเลที่ตั้ง โครงการ Sucharee Life 2 หลักสี่-แจ้งวัฒนะ เป็นคอนโด Low Rise โครงการที่ 2 ในทำเลทองย่านแจ้งวัฒนะ จาก บริษัท สุชาต์ธนกิจ จำกัด โดยตัวโครงตั้งอยู่ใน ซอยแจ้งวัฒนะ 10 เข้ามาจาก ถนนแจ้งวัฒนะฝั่งขาเข้าเพียง 150 เมตร ถ้านึกไม่ออกว่าอยู่ตรงไหน ให้หาศูนย์ TOT ค่ะ ซอยทางเข้าโครงการจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับศูนย์ TOT เลย
ซึ่งจุดที่ตัวโครงการตั้งอยู่นั้น ยังเป็นทำเลที่เกาะแนวรถไฟฟ้าและอยู่ใกล้ทางด่วน เพื่อการเดินทางที่สะดวกสบายที่สุด โดยตัวโครงการจะอยู่ติดกับ รถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีทีโอที เพียง 200 เมตร และ รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม สถานีหลักสี่ เพียง 650 เมตร อีกทั้งอยู่ใกล้แหล่งงานและสาธารณูปโภคอย่างครบวงจร ทั้ง Central แจ้งวัฒนะ, ศูนย์ราชการฯ, สนามบินดอนเมือง รวมถึง เมืองทองธานี ที่นับว่าเป็นศูนย์กลางความเจริญของย่านแจ้งวัฒนะเลยก็ว่าได้
การเดินทางด้วยรถยนต์ การเดินทางหลักๆ แน่นอนว่าต้องใช้ถนนแจ้งวัฒนะค่ะ จากถนนเส้นนี้จะสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนสายหลักเส้นอื่นๆ ได้ง่าย สะดวกทั้งขาเข้าเมืองและออกเมือง ไม่ว่าจะเป็น ถนนพหลโยธิน วิ่งไปทางจตุจักร และตรงเข้าสู่อนุสาวรีย์ชัยฯ ได้ไม่ยาก และเป็นทางหลักที่ใช้วิ่งไปรังสิต – อยุธยา ถนนวิภาวดี – รังสิต ที่วิ่งคู่ขนานกับเส้นพหลโยธิน แต่มีการจราจรที่คล่องตัวกว่า เพราะไม่มีแยกไฟแดง อีกทั้งสามารถเลือกใช้ทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ ไปเชื่อมกับทางด่วนสายอื่นๆ ได้
ถนนติวานนท์ เป็นเส้นที่ใช้วิ่งลงไปทางงามวงศ์วาน เชื่อมกับ ถนนนครอินทร์ ผ่านช่วง เอสพลานาด และ พันธุ์ทิพย์พลาซ่า พอดี ถนนรามอินทรา ใช้วิ่งตรงไปถึงมีนบุรี หรือเลี้ยวเข้าถนนนวมินทร์ ตรงแยกนวมินทร์ – กม.8 ลงไปถึง บางกะปิ – ถนนรามคำแหงเลยค่ะ และจากโครงการวิ่งผ่านแยกปากเกร็ดเข้า ถนนชัยพฤกษ์ ไปทางบางบัวทองก็สะดวก
นอกจากนี้ ซอยแจ้งวัฒนะ 10 เอง ก็เป็นซอยที่สามารถใช้ทะลุไปออกถนนและซอยอื่นๆ ได้ เช่น สามารถใช้ไปทะลุซอยแจ้งวัฒนะ 14 เพื่อไป Big C แจ้งวัฒนะ และ รพ.มงกุฎวัฒนะ โดยที่ไม่ต้องออกไปกลับรถบนถนนใหญ่, สามารถใช้ออก ถนนกำแพงเพชร 6 และ ถนนสรงประภา ได้
และมีอีก 3 ตัวช่วยในการเดินทาง นั่นก็คือ ทางยกระดับอุตราภิมุข, ทางพิเศษศรีรัช และ ทางพิเศษฉลองรัช เพื่อหลบเลี่ยงการจราจรชั้นล่าง สามารถใช้วิ่งไปลงแถบพระราม 9 ได้ในเวลาราวๆ ครึ่งชม. จะไปทาง สาทร, เอกมัย หรือ บางนา ก็สะดวกค่ะ
ทางด่วน เรามาดูจุดขึ้นทางด่วนกันค่ะ อย่างที่บอกว่าตัวโครงการอยู่ใกล้กับทางพิเศษศรีรัชมาก จากหน้าโครงการไปกลับรถเพียง 4.9 กม. ถึงทางแยกยกระดับขึ้นทางด่วน พอเลี้ยวซ้ายวิ่งขึ้นไปบนทางด่วนจะวิ่งไปพระราม 9 แต่ถ้าจะวิ่งขึ้นไปทางปทุมธานี พอเข้าทางแยกซ้ายจากถนนแจ้งวัฒนะแล้ว ให้วิ่งออกทางขวาค่ะ
นอกจากนี้เรายังสามารถใช้ ทางยกระดับอุตราภิมุข หรือ ทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ โดยไปกลับรถที่ถนนวิภาวดี – รังสิต ได้อีก 1 ช่องทางค่ะ
แต่ถ้าจะไปทางเอกมัยหรือบางนา แนะนำให้ใช้จุดขึ้นทางพิเศษฉลองรัชจะไปง่ายกว่า โดยจะอยู่ห่างจากตัวโครงการออกไป 9.7 กม.ค่ะ
:: สรุปแยก และ ถนนสำคัญรอบโครงการ ::
แยกหลักสี่ : 700 กม.
ถ.วิภาวดี – รังสิต : 750 ม.
วงเวียนหลักสี่ : 2.6 กม.
ถ.พหลโยธิน : 2.7 กม.
แยกคลองประปา : 3.7 กม.
ถ.ประชาชื่น : 3.8 กม.
ถ.เลียบคลองประปา : 4.1 กม.
แยกปากเกร็ด : 9.3 กม.
ถ.ติวานนท์ : 9.4 กม.
การเดินทางด้วยรถสาธารณะ จากในซอยแจ้งวัฒนะ 10 ออกมาที่ถนนแจ้งวัฒนะ จะมีทั้ง รถเมล์, รถตู้สายต่างๆ รวมถึง วินมอเตอร์ไซค์ และ แท็กซี่ วิ่งผ่านอยู่ตลอดเวลา สามารถเรียกรถได้สะดวกมาก นอกจากนี้เรายังสามารถใช้ Application Grab Taxi และ Line Taxi เพื่ออำนวยความสะดวกได้ค่ะ
อีกทั้งตัวโครงการยังอยู่ใกล้กับ รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม ที่ สถานีหลักสี่ เพียง 650 เมตร และ รถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีทีโอที เพียง 200 เมตร (อนาคต) ถือว่าสะดวกมากสำหรับคนที่ต้องเดินทางด้วยรถสาธารณะเป็นหลัก โดยรถไฟฟ้า 2 สายนี้จะเชื่อมต่อกันที่สถานีหลักสี่ และเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าอีก 3 สาย ด้วยกันก็คือ รถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่ สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (ใกล้กับแยกแคราย), รถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) ที่ สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ (บริเวณวงเวียนหลักสี่) และเชื่อมต่อกับ รถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่ สถานีมีนบุรี (ใกล้แยกรามคำแหง – ร่มเกล้า)
ความอุดมสมบูรณ์ นอกจากจะเป็นย่านที่สามารถเดินทางได้สะดวกแล้ว ย่านแจ้งวัฒนะยังอยู่ใกล้แหล่งงาน ที่มีสาธารณูปโภครองรับอย่างครบครันอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Big C แจ้งวัฒนะ, The Avenue ที่อยู่ติดกัน เป็น Community Mall ภายในมีโรงหนังของ Major ด้วย, Tesco Lotus, Makro ตรงปั๊ม Shell และ Central แจ้งวัฒนะ หรือถ้าขับไปตรงเส้นรามอินทราก็จะมี Central รามอินทรา, Foodland, Big C, The Promenade และ Fashion Island ก็อยู่ใกล้เหมือนกันค่ะ
(ที่มาภาพ : https://www.wongnai.com, http://www.siamfuture.com, https://www.prachachat.net)
ถ้าเบื่อๆ จะขับไปย่านรังสิตก็ไปไม่ยากนะคะ ตรงนั้นจะมี Future Park รังสิต ภายในมีทั้ง Robinson และห้าง Zpell ในเครือ Central พ่วงมาด้วย ในบริเวณใกล้เคียงกันก็มี HomePro, Index Living Mall, Big C, Tesco Lotus และ Major Cineplex รังสิต ถัดลงมาหน่อยก็มีห้าง Zeer รังสิต ฝั่งตรงข้ามก็คือตลาดสี่มุมเมืองค่ะ
ความอุดมสมบูรณ์ของย่านนี้อีกจุดนึงก็จะอยู่ที่ เมืองทองธานี เพราะภายในมีทั้ง ศูนย์แสดงสินค้า, คอมมูนิตี้มอลล์, โรงแรม,โครงการที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็น Outlet, ตลาดเมืองทอง, ศูนย์อาหาร, Impact Arena และ Community Mall อย่าง Bee Hive ค่ะ อีกทั้งตัวโครงการยังอยู่ใกล้กับศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ, ศูนย์ TOT, กรมการกงสุล, IT Square และสนามบินนานาชาติดอนเมือง อีกด้วย นับว่าสะดวกสบายพอตัวค่ะ
:: สรุปสถานที่สำคัญรอบโครงการ ::
ห้างสรรพสินค้า
IT Square : 650 ม.
Central รามอินทรา : 3.3 กม.
The Avenue แจ้งวัฒนะ : 4.1 กม.
Big C แจ้งวัฒนะ : 4.2 กม.
Tesco Lotus แจ้งวัฒนะ : 4.4 กม.
Makro แจ้งวัฒนะ : 4.6 กม.
Foodland : 6.3 กม.
Central แจ้งวัฒนะ : 6.6 กม.
Bee Hive : 6.8 กม.
Impact Arena เมืองทองธานี : 7.9 กม.
HomePro : 8.3 กม.
The Promanade : 13.0 กม.
Fashion Island : 13.5 กม.
Future Park รังสิต : 14.8 กม.
สถานศึกษา
รร.นานาชาติแฮร์โรว์ : 2.9 กม.
มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร : 3.4 กม.
รร.กองทัพบกอุปถัมภ์ฯ : 4.6 กม.
ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ DPU : 5.5 กม.
รร.เซนต์ฟรังซิสเซเวียร์ : 6.1 กม.
ม.สุโขทัย : 6.6 กม.
ม.เกษตรศาสตร์ : 7.8 กม.
รร.สวนกุหลาบ นนทบุรี : 12.0 กม.
ศูนย์การแพทย์
รพ.มงกุฎวัฒนะ : 3.9 กม.
รพ.เวิลด์เมดิคอล : 7.2 กม.
อื่นๆ
สนามบินดอนเมือง : 4.8 กม.
Impact เมืองทองธานี : 8.1 กม.
สถานที่ราชการและอาคารสำนักงาน
ศูนย์ TOT : 1.2 กม.
ไปรษณีย์ไทย หลักสี่ : 1.7 กม.
ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ : 2.0 กม.
กรมการกงสุล : 2.2 กม.
:::: การเดินทางสู่โครงการ ::::
วันนี้ทางทีมงาน Homenayoo มีภาพการเดินทางไปสู่ตัวโครงการโดยใช้รถยนต์ส่วนตัวมาฝากกันค่ะ โดยเราจะเริ่มการเดินทางจาก
ถนนรามอินทรา > วงเวียนหลักสี่ > ถนนแจ้งวัฒนะ > แยกหลักสี่ > กลับรถ > ซอยแจ้งวัฒนะ 10 > Sucharee Life 2 หลักสี่-แจ้งวัฒนะ
การเดินทางเราเริ่มต้นที่ถนนรามอินทรา ให้เราวิ่งมุ่งหน้าไปทางหลักสี่ เริ่มเบี่ยงเข้าฝั่งขวามือเพื่อขึ้นสะพานยกระดับตรงแยกลาดปลาเค้า โดยเราจะขับผ่าน Big C รามอินทราค่ะ
เราจะขับผ่านศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบกอยู่ทางฝั่งซ้ายมือ สังเกตเห็นว่าตอนนี้เส้นรามอินทราก็กำลังก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพูกันอยู่ ซึ่งจะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ
จากนั้นมุ่งหน้าไปทางปากเกร็ดตามป้ายเลยค่ะ ชิดขวาเอาไว้ขึ้นสะพานข้ามวงเวียน
เราขับไปตามป้ายปากเกร็ดค่ะและขึ้นสะพานข้ามวงเวียนหลักสี่ไปได้เลย
ลงจากสะพานข้ามวงเวียนหลักสี่บนถนนแจ้งวัฒนะ จากนั้นให้เราขึ้นสะพานข้ามแยกหลักสี่อีกครั้ง โดยเราจะเห็น IT Square อยู่ข้างหน้าทางขวามือค่ะ
พอเราลงจากสะพานข้ามแยกหลักสี่มาแล้ว เราจะเห็นศูนย์ TOT อยู่ทางฝั่งซ้ายมือเลย ซึ่งซอยทางเข้าโครงการจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับศูนย์ TOT เลยนะ ให้เราขับตรงไปกลับรถที่ข้างหน้าก่อนค่ะ
ตอนนี้จุดกลับรถจะอยู่บริเวณหน้าไปรษณีย์ไทย สาขาหลักสี่ นะคะ แต่ตอนนี้บนถนนแจ้งวัฒนะกำลังมีการก่อสร้างทางรถไฟฟ้าสายสีชมพูกันอยู่ ดังนั้นจุดกลับรถอาจมีการเปลี่ยนแปลงบ้างเป็นระยะๆ
พอเรากลับรถมาแล้วตรงไปสักพักจะเห็นอาคารแจ้งประสิทธิ์อยู่ทางฝั่งซ้ายมือ ให้เราชิดซ้ายและขับตรงต่อไปอีกประมาณ 300 เมตรค่ะ
และให้เราเลี้ยวซ้ายเข้าซอยแจ้งวัฒนะ 10 บริเวณหน้าปากซอยจะเป็นอาคารพาณิชย์ทั้ง 2 ฝั่ง
จากซอยแจ้งวัฒนะ 10 ให้เราเลี้ยวซ้ายและเลี้ยวขวาอีกครั้ง ขับเข้าไปประมาณ 150 เมตร ก็จะเห็นตัวโครงการอยู่ทางฝั่งขวามือแล้วค่ะ
หลังจากที่เราเลี้ยวซ้ายเข้ามาในซอยแจ้งวัฒนะ 10 แล้ว ให้เราเลี้ยวซ้ายต่อข้างหน้าเลยค่ะ
ขับตรงเข้าไปแล้วให้เลี้ยวขวาอีกครั้งหนึ่ง
เราก็จะเห็นโครงการ Sucharee Life 2 หลักสี่-แจ้งวัฒนะ อยู่ทางฝั่งขวามือแล้วค่า
:::: สภาพแวดล้อมรอบโครงการ ::::
โครงการ Sucharee Life 2 หลักสี่-แจ้งวัฒนะ ตั้งอยู่ในซอยแจ้งวัฒนะ 10 ซึ่งเป็นชุมชนที่อยู่อาศัย ตัวโครงการถูกล้อมรอบด้วยอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้นครึ่ง บรรยากาศภายในซอยค่อนข้างเป็นส่วนตัว คนไม่พลุกพล่าน แต่ก็มีความปลอดภัยเพราะซอยไม่เปลี่ยว มีคนพักอาศัยอยู่พอสมควรค่ะ
ทิศเหนือ ติดกับ ซอยแจ้งวัฒนะ 10
ทิศใต้ ติดกับ ที่ดินเปล่า
ทิศตะวันออก ติดกับ อาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้นครึ่ง
ทิศตะวันตก ติดกับ ซอยแจ้งวัฒนะ 10
ตอนนี้เรามาอยู่กันที่บริเวณหน้าโครงการกันแล้ว เดี๋ยวเราจะพาเดินสำรวจดูบรรยากาศโดยรอบโครงการกันค่ะว่ามีอะไรอยู่แถวนี้บ้าง
เริ่มจากที่ฝั่งตรงข้ามกับตัวโครงการนั้นจะเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้นครึ่งทั้งหมดเลย บางคูหาก็ถูกใช้เป็นที่พักอาศัยอย่างเต็มรูปแบบ บางคูหาก็เปิดเป็นร้านค้าและร้านขายของชำที่ชั้นล่าง
ติดกับตัวโครงการทางฝั่งทิศเหนือก็จะเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้นครึ่งทั้งหมดค่ะ ถ้าเราเดินออกไปทางนี้จะสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนกำแพงเพชรได้เลย
จะเห็นว่าบรรยากาศภายในซอยค่อนข้างสงบ คนไม่พลุกพล่าน มีรถขับผ่านไม่เยอะ
มีคูหาหนึ่งเปิดเป็นร้านกาแฟค่ะ อยู่ใกล้ตัวโครงการมากๆ เดินมานิดเดียวก็มีร้านกาแฟให้นั่งกินข้าวและทำงานได้ บรรยากาศของร้านจัดได้น่านั่งทีเดียว
เราเดินตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นอาคารสงเคราะห์อยู่ทางฝั่งซ้ายมือค่ะ
มองตรงไปข้างหน้าจากตรงนี้ ถ้าเราเลี้ยวซ้ายจะไปทะลุกับ กำแพงเพชร 6 ซอย 5 ใช้ออกถนนกำแพงเพชรได้ และถ้าเราเลี้ยวขวา ก็สามารถใช้ออกถนนแจ้งวัฒนะได้อีกทางค่ะ
คราวนี้เรากลับมาที่บริเวณหน้าโครงการ เราจะเดินย้อนกลับออกไปที่ถนนแจ้งวัฒนะกันค่ะ
อย่างที่บอกไปข้างต้นแล้วค่ะว่า ถึงแม้ว่าซอยนี้จะมีคนอาศัยอยู่เยอะก็จริง แต่คนก็ไม่พลุกพล่านเลย
ตรงหัวมุมก่อนเลี้ยวออกไปที่ถนนแจ้งวัฒนะ จะมีร้านอาหารป่าอยู่ร้านนึง มีทั้งแบบข้าวราดแกง สั่งมาเป็นกับข้าว หรือจะสั่งอาหารตามสั่งก็ได้นะ
จากร้านอาหารป่าที่อยู่หัวมุม เราเลี้ยวขวาออกมาก็ถึงถนนแจ้งวัฒนะแล้ว
มองไปที่ฝั่งตรงข้ามจะเป็นศูนย์ TOT ค่ะ ในอนาคตบริเวณนี้จะเป็นตำแหน่งของตัวสถานีทีโอทีเลย การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะจะสะดวกขึ้นมากๆ
จากหน้าปากซอย เรามองไปทางขวามือจะมีร้านจิ้มจุ่มเนื้อย่าง เป็นอาหารอีสาน ส้มตำ ลาบ น้ำตก ก็มีหมด สามารถสั่งได้
คราวนี้จากหน้าปากซอย เราจะเดินไปทางฝั่งขวามือ หรือมุ่งหน้าแยกหลักสี่กันค่ะ
ที่อาคารพาณิชย์ติดถนนนี้เลยจะมีร้านเฟอร์นิเจอร์อยู่
เลยไปนิดเดียวก็ถึงป้ายรถเมล์แล้วค่ะ ตรงนี้จะมีรถเมล์และรถตู้ผ่านหลายสายเลย
สำหรับคนที่ทำงานอยู่ในศูนย์ TOT หรือศูนย์ราชการฯ จะสะดวกมาก เพราะแค่เดินข้ามสะพานลอยไปก็ถึงแล้วค่ะ
และที่หน้าปากซอยถัดไปนี้เองก็จะมีคิววินมอเตอร์ไซค์อยู่ เวลาด่วนๆ ก็โทรหาพี่วินให้ไปรับที่หน้าโครงการได้เลย
:::: ตัวโครงการ ::::
Sucharee Life 2 หลักสี่-แจ้งวัฒนะ เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น จากแนวคิด “ชีวิตสบาย…” ที่ออกแบบโดยเน้นรายละเอียดทุกจุด เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยในทุกๆ ด้าน ตอบโจทย์ Life Style แบบชีวิตสบาย ด้วยความเป็นส่วนตัวของโครงการ เพียง 100 ยูนิต บนพื้นที่ดิน 0-3-52 ไร่ ออกแบบพื้นที่ห้องพักอาศัยขนาด 1-2 Bedroom ให้มีฟังก์ชั่นลงตัว มีให้เลือกถึง 4 แบบ พื้นที่ใช้สอย 28.0-56.0 ตร.ม. พร้อมตกแต่งแบบ Fully Furnished ทั้งเฟอร์นิเจอร์ Built-in และเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว จากแบรนด์ SB Furniture พร้อมเข้าอยู่ อีกทั้งยังมีพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้งานอย่างครบครัน ภายนอกดีไซน์ออกมาเป็นสไตล์ Modern ดูเรียบเท่ด้วยโทนสีขาวและเทา
เรามาดูผังอาคารกันค่ะ ชั้น 1 จะเป็นพื้นที่จอดรถทั้งหมด 38 คัน หรือ 38% ไม่รวมจอดซ้อนคัน บริเวณทางเข้าโครงการจะมีป้อม รปภ., รั้วไม้กระดกระบบ Key Card Access และกล้องวงจรปิด คอยดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชม. และต้องใช้ Key Card ในการเปิดโถงลิฟต์ เพื่อขึ้นไปยังชั้นพักอาศัยค่ะ ซึ่งลิฟต์ภายในโครงการจะมีทั้งหมด 2 ตัว เป็นลิฟต์ระบบล็อคชั้นเพื่อช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านในแต่ละชั้น
นอกจากนี้ที่บริเวณด้านหน้าโครงการจะมีบันไดทางขึ้นเชื่อมไปยังโถงต้อนรับบนชั้น 2 ด้วยค่ะ
ชั้น 2 ถูกแบ่งออกเป็น 2 โซนด้วยกัน เป็นโซนของสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ และโซนห้องพักอาศัยค่ะ โดยโซนพักอาศัยจะถูกแบ่งส่วนออกไปด้วยประตู Key Card เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านที่อยู่ในชั้น 2 ซึ่งชั้นนี้จะมีห้องพักอาศัยเพียง 10 ยูนิตเท่านั้น เป็นห้อง Type A ทั้งหมด
สำหรับโซนสิ่งอำนวยความสะดวกนั้นจะประกอบด้วย โถงต้อนรับ ที่มีบันไดทางเชื่อมขึ้นมาจากชั้น 1, ฝ่ายนิติบุคคล, ห้องจดหมาย, ห้องออกกำลังกาย และสระว่ายน้ำ
ชั้น 3 ตั้งแต่ชั้นนี้ขึ้นไปจะเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมดค่ะ มี 15 ยูนิต/ชั้น ผังอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า วางห้องพักอาศัยทั้ง 2 ฝั่งแบบ Double Corridor โดยที่ปลายโถงฝั่งหนึ่งจะเป็นหน้าต่าง รับแสงธรรมชาติเข้ามาสู่ด้านในโถง ที่ชั้นนี้จะมีห้องพักอาศัยทั้งหมด 3 แบบคือ Type A 13 ห้อง, Type C 1 ห้อง และ Type D 1 ห้อง
ชั้น 4-8 เป็น Typical Floor Plan มีทั้งหมด 15 ยูนิต/ชั้นเช่นเดิม โดยจะมีห้องพักอาศัยทั้ง 4 แบบคือ Type A 9 ห้อง, Type B 4 ห้อง, Type C 1 ห้อง และ Type D 1 ห้อง
แปลนชั้น 5
แปลนชั้น 6
แปลนชั้น 7
แปลนชั้น 8
:::: แบบห้องของโครงการ ::::
ห้องภายในโครงการมีทั้งหมด 4 แบบด้วยกัน ตกแต่งแบบ Fully Furnished ได้ทั้งเฟอร์นิเจอร์ Built-in, เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว และ เครื่องปรับอากาศ พร้อมเข้าอยู่ ดังนี้ค่ะ
Type A ขนาด 28.00 ตร.ม.
Type B ขนาด 32.00 ตร.ม.
Type C ขนาด 34.00 ตร.ม.
Type D ขนาด 56.00 ตร.ม.
TYPE A : 1 Bedroom ขนาด 28.00 ตร.ม.
TYPE B : 1 Bedroom ขนาด 32.0 ตร.ม.
TYPE C : 1 Bedroom ขนาด 34.00 ตร.ม.
TYPE D : 2 Bedroom ขนาด 56.0 ตร.ม.
:::: บริเวณภายในโครงการ ::::
เราจะเข้าไปดูภาพบรรยากาศจริงภายในโครงการกันบ้างค่ะ
ภาพป้ายโครงการที่อยู่ด้านข้าง
::: ทางเข้าโครงการ :::
ทางเข้าโครงการถูกแบ่งออกเป็น 2 ช่องทางค่ะ ฝั่งซ้ายเป็นช่องทางหลักสู่พื้นที่จอดรถใต้อาคาร ส่วนทางขวาเป็นบันไดทางเดินเท้าเข้าอาคาร
จากบันไดเดินขึ้นมาจะเป็นส่วนของล็อบบี้และห้องนิติบุคคล ในปัจจุบันยังถูกใช้เป็นสำนักงานขายด้วย
สำหรับการเข้า-ออกโครงการนั้น ลูกบ้านที่ถือ Key Card สามารถใช้บัตรแตะเพื่อเปิดรั้วไม้กระดกเอง และขับผ่านเข้าไปภายในโครงการได้เลย โดยทางโครงการได้แบ่งรั้วไม้กระดกออกเป็น 2 ฝั่ง คือฝั่งขาเข้าและฝั่งขาออก บริเวณทางเข้า-ออกนี้เองก็จะมี รปภ. คอยรักษาความปลอดภัยและช่วยอำนวยความสะดวกอยู่
บริเวณป้อม รปภ. ก็จะมีเครื่องรับสัญญาณ Key Card และกล้อง CCTV รักษาความปลอดภัย ติดตั้งเอาไว้
::: ลานจอดรถ :::
เข้ามาภายในโครงการ ส่วนแรกเป็นพื้นที่จอดรถใต้อาคารทั้งหมด สามารถจอดได้ 38 คัน หรือ 38% (ยังไม่รวมการจอดซ้อนคัน)
เข้ามาในส่วนใต้อาคาร ทางฝั่งขวามือเราจะเห็นประตูโถงลิฟต์อยู่ ซึ่งตรงนี้เราต้องใช้ Key Card ในการเปิดประตูโถงลิฟต์เพื่อขึ้นสู่ชั้นพักอาศัยค่ะ
ภาพบรรยากาศโดยรวมบริเวณพื้นที่จอดรถใต้อาคาร โดยทางโครงการได้ออกแบบให้มีสวนล้อมรอบ ใช้ทั้งไม้พุ่มสูงและไม้ยืนต้น ช่วงสร้างความร่มรื่นและความเป็นส่วนตัวให้กับตัวโครงการ
::: โถงลิฟต์ :::
คราวนี้เราจะเข้าสู่ตัวอาคาร ขึ้นไปดูที่ชั้นพักอาศัยกันบ้างค่ะ ลิฟต์ที่โครงการเลือกใช้นั้นเป็นลิฟต์ระบบล็อคชั้นของ Hitachi รองรับได้ 750 กก. หรือ 11 คนต่อเที่ยว ต้องใช้ Key Card แสกนก่อนถึงจะสามารถกดเลือกชั้นพักอาศัยได้
ตอนนี้เราออกมาที่โถงลิฟต์ของชั้น 2 นะคะ บรรยากาศภายในโถงถูกตกแต่งแบบเรียบๆ ด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สีขาวและสีดำ จากโถงลิฟต์ออกไปทางฝั่งซ้ายมือจะเป็นล็อบบี้และห้องนิติบุคคล ส่วนทางขวามือจะเป็นโซนสิ่งอำนวยความสะดวกและโซนห้องพักอาศัย
::: สิ่งอำนวยความสะดวก :::
ออกจากโถงลิฟต์มาเลี้ยวขวา เป็นโถงทางเดินไปสู่โซนสิ่งอำนวยความสะดวกและโซนห้องพักอาศัย ส่วนฝั่งขวามือที่เห็นอยู่นี้จะเป็น Mail Box ค่ะ
สำหรับห้องพักอาศัยในชั้น 2 จะมีประตู Key Card ทางขวามือกั้นอีก 1 ชั้นเพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านในชั้นนี้ ส่วนประตูของสิ่งอำนวยความสะดวกจะเป็นประตูทางซ้ายมือค่ะ
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการจะประกอบด้วย ห้องออกกำลังกาย และ สระว่ายน้ำ
ห้องออกกำลังกายของโครงการ จะเน้นการออกกำลังกายเพื่อสร้างความแข็งแรงและสุขภาพที่ดี จริงเลือกใช้เครื่องออกกำลังกายแบบ Cardio เป็นหลัก
เครื่องออกกำลังกายก็จะมีลู่วิ่ง 2 เครื่องและเครื่องเดินวงรีอีก 1 เครื่อง
สำหรับมุม Weight Training มีชุดดัมเบล, ม้านั่งราบแบบปรับระดับได้ และม้านั่งสำหรับซิทอัพ โดยมุมนี้ได้ติดกระจกเงาเอาไว้สำหรับเช็คท่าทางในการยกน้ำหนักค่ะ
เรามาดูที่สระว่ายน้ำกันต่อค่ะ สระว่ายน้ำของโครงการเป็นสระน้ำล้นระบบเกลือ มีขนาด 13.5 x 4 เมตร และลึก 1.2 เมตร ตกแต่งด้วยกระเบื้องโทนสีฟ้าและน้ำเงินดูน่ารักดี ข้างสระติดบันไดสแตนเลสสำหรับเดินลงสระให้
สำหรับคนที่ชอบการว่ายน้ำ ขนาดของสระว่ายน้ำนี้สามารถใช้ว่ายออกกำลังกายได้สบายๆ เลยนะ ตอนกลางคืนก็สามารถใช้งานได้เพราะด้านในสระมีการติดไฟแสงสว่างเอาไว้ด้วย
ส่วนพื้นที่ข้างสระว่ายน้ำจะมีม้านั่งสำหรับนั่งพักคอย หรือจะใช้นั่งพักผ่อนชมดาวในตอนกลางคืนก็ได้ค่ะ ที่พื้นและม้านั่งปูด้วยไม้เทียม หน้าไม้ถูกตีเป็นร่องช่วยกันลื่นได้
::: โถงลิฟต์ และ โถงทางเดินชั้นพักอาศัย :::
คราวนี้เราขึ้นมาดูที่ชั้นพักอาศัยชั้นบนกันบ้างค่ะ โถงลิฟต์นั้นถูกตกแต่งแบบเรียบๆ ด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สีขาวและสีดำ ผนังโถงฉาบเรียบทาสีขาว ปรับบรรยากาศก่อนเข้าสู่ห้องพักอาศัย
มองไปที่ฝั่งซ้ายและขวาของโถง มีความกว้างโถงประมาณ 1.5 เมตร สามารถเดินได้สะดวก ไม่รู้สึกบีบอัดจนเกินไป สังเกตว่าตอนนี้ภายในโถงยังไม่ได้เปิดไฟ แต่ภายในโถงก็ไม่ได้ดูมืดทึบในเวลากลางวัน เพราะมีช่องแสงอยู่ที่ปลายโถงฝั่งขวาค่ะ
:::: ห้องตัวอย่าง ::::
วันนี้เราจะพาท่านผู้อ่านไปชมห้องตัวอย่างทั้งหมด 2 ห้องด้วยกัน นั่นก็คือห้อง 1 Bedroom Type A ขนาด 28.0 ตร.ม. และ ห้อง 1 Bedroom Type B ขนาด 32.4 ตร.ม. และในท้ายรีวิวเราจะพาไปชมบรรยากาศของห้องจริงทั้ง Type C ขนาด 34.0 ตร.ม. และ Type D ขนาด 56.0 ตร.ม. ด้วยค่ะ โดยทางโครงการขายห้องพักให้แบบ Fully Furnished สิ่งที่ลูกค้าจะได้รับมีดังนี้
เฟอร์นิเจอร์ Built-in และ เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว จากแบรนด์ SB Furniture
เคาน์เตอร์ครัว พร้อมเตาเซรามิกไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน, อ่างล้างจาน จาก Mex
สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ จาก American Standard
ผนังฉาบเรียบติดวอลล์เปเปอร์
โคมไฟดาวน์ไลท์ทั้งห้อง
เครื่องปรับอากาศระบบ Inverter จาก Samsung
::: ห้อง 1 Bedroom Type A ขนาด 28.0 ตร.ม. :::
ห้อง Type A เป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 28.0 ตร.ม. เป็นขนาดห้องที่เหมาะสำหรับผู้อยู่อาศัยจำนวน 1 – 2 คน มีฟังก์ชั่นหลักๆ ที่ถูกออกแบบมาอย่างเป็นสัดส่วน ทั้ง ห้องนั่งเล่น, ห้องครัว, ห้องน้ำ และห้องนอน ที่กั้นส่วนจากห้องนั่งเล่นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกใส ทำให้ห้องเป็นสัดส่วนมากขึ้น แต่ห้องก็ยังดูกว้างเพราะพื้นที่ห้องยังสามารถเชื่อมต่อกันได้ และทำให้ห้องนั่งเล่นยังได้รับแสงสว่างจากธรรมชาติอีกด้วย
เราเข้าไปดูภายในห้องด้วยกันเลย เริ่มจากประตูทางเข้าห้อง จะได้เป็นประตูบานสำเร็จรูป
ติดมือจับแบบก้านโยกพร้อมตัวบิดล็อคแบบใช้กุญแจไขให้
พอเข้ามาภายในห้องแล้วเราจะเจอส่วนห้องนั่งเล่นก่อน และจากห้องนั่งเล่นจะเชื่อมต่อไปยังฟังก์ชั่นอื่นๆ ทั้งห้องครัว, ห้องน้ำ และห้องนอนค่ะ พื้นภายในห้องทั้งหมดปูด้วยลามิเนตลายไม้หนา 8 มม. ยกเว้นห้องครัวที่จะปูด้วยกระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม. ผนังภายในห้องจะเป็นผนังฉาบเรียบติดวอลเปเปอร์ ส่วนฝ้าเพดานเป็นฝ้าฉาบเรียบทาสี ติดดวงโคมดาวน์ไลท์ให้ทั้งห้อง ซึ่งฝ้าจะสูง 2.4 เมตร
เรามาดูตัวอย่างการจัดวางพื้นที่ใช้สอยภายในห้องกันต่อค่ะ
เริ่มจากห้องนั่งเล่น เราจะได้โซฟาแบบ Love Seat ขนาด 2 ที่นั่งสีขาว พร้อมหมอนหนุนสีเทา 2 ใบมากับตัวห้องเลย เป็นขนาดที่กำลังลงตัวกับพื้นที่ห้องค่ะ
บริเวณเหนือโซฟา ทางโครงการติดตั้งชั้นวางของแบบ Built-in ปิดผิวด้วยลามิเนตมาให้ สามารถใช้วางของตกแต่ง กระถางต้นไม้ หรือวางหนังสืออ่านเล่นได้
ฝั่งตรงข้ามเราได้ชั้นวางทีวีและชั้นวางของ Built-in มาหน้าตาแบบนี้เลยค่ะ
ใต้ชั้นวางทีวีถูกแบ่งเป็นฟังก์ชั่นชั้นเก็บรองเท้า และชั้นสำหรับเก็บของอื่นๆ
ระยะดูทีวีของห้องนี้ไม่กระชั้นจนเกินไป สามารถดูทีวีจอขนาด 42 นิ้วได้พอดีค่ะ
บริเวณข้างโซฟา เรายังได้ชุดโต๊ะทำงานมาด้วยอีก 1 ตัวค่ะ
ในชุดนี้ประกอบด้วย โต๊ะทำงาน และเก้าอี้ 1 ตัว หน้าตาแบบนี้เลย
สำหรับห้องนอนจะถูกกั้นส่วนจากห้องนั่งเล่นด้วยประตูบานเลื่อนกรอบอลูมิเนียมติดกระจกใสค่ะ การแบ่งสัดส่วนห้องแบบนี้มีข้อดีตรงที่ ทำให้พื้นที่ห้องดูกว้างขวางมากขึ้น อีกทั้งยังได้แสงสว่างธรรมชาติที่ผ่านเข้ามาจากทางห้องนอนด้วย
สัดส่วนพื้นที่ในห้องนอนมีขนาดกำลังดีค่ะ ไม่แคบจนเกินไป ภายในห้องนี้เราจะได้ ฐานเตียงนอนขนาด 5 ฟุต, โต๊ะข้าง, โต๊ะเครื่องแป้ง และตู้เสื้อผ้า Built-in มาครบเลย
ฐานเตียงนอนที่ทางโครงการให้มามีขนาด 5 ฟุต ขนาดกำลังเหมาะสมกับพื้นที่ห้อง บริเวณหัวเตียงก็ยังสามารถใช้วางของกระจุกกระจิกได้
แถมบริเวณใต้เตียงนอนก็มีลิ้นชักมาให้ เหมาะสำหรับใช้เก็บพวกผ้าปูที่นอนค่ะ
ฝั่งขวาของเตียงนอน เราได้โต๊ะเครื่องแป้งพร้อมเก้าอี้สตูลและกระจกเงามาพร้อมใช้งาน
ใต้โต๊ะเครื่องแป้งก็มีลิ้นชักสามารถใช้เก็บครีมบำรุงและเครื่องสำอางได้
ส่วนทางฝั่งซ้ายเราได้โต๊ะข้างมา 1 ตัว ใต้โต๊ะมีลิ้นชักสำหรับใช้เก็บของมีค่ากระจุกกระจิกที่ต้องเอาไว้ใกล้ตัวได้
ฝั่งปลายเตียงนอนก็ยังเหลือพื้นที่มากพอให้สามารถเดินผ่านได้สะดวก สำหรับคนที่ชอบนอนดูทีวีในตอนกลางคืน แนะนำให้ใช้ทีวีแบบแขวนผนังนะคะ
และทางโครงการก็ได้ทำตู้เสื้อผ้า Built-in เอาไว้ให้ อยู่บริเวณมุมห้องทางฝั่งปลายเตียงค่ะ เป็นตู้แบบบานเปิดคู่ ภายในมีราวแขวนเสื้อผ้า ลิ้นชัก และชั้นวางของให้
ส่วนช่องแสงภายในห้องจะถูกติดอยู่ใกล้ฝั่งหัวเตียง เป็นหน้าต่างบานเลื่อนและบานฟิกซ์ กรอบอลูมิเนียม ติดกระจกเขียวตัดแสง
คราวนี้เราไปดูในส่วนของห้องครัว, ห้องน้ำ และพื้นที่ระเบียงกันต่อเลย โดยพื้นภายในห้องครัวจะถูกเปลี่ยนจากพื้นลามิเนตเป็นพื้นกระเบื้องแทน เพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาดพวกคราบอาหารและคราบน้ำมัน
สำหรับพื้นที่ในห้องครัวนั้นจะประกอบด้วย เคาน์เตอร์ครัวสำหรับปรุงอาหาร และ โต๊ะนั่งรับประทานอาหารค่ะ
เราจะได้เคาน์เตอร์ครัวหน้าตาแบบนี้มาเลยค่ะ โดยทางโครงการจะเว้นพื้นที่ด้านข้างสำหรับวางตู้เย็นขนาด 1 ประตูเอาไว้ให้
เคาน์เตอร์ครัวที่เราได้ ใช้ Top หินสังเคราะห์สีดำ ตัวเคาน์เตอร์และบานเปิดปิดผิวด้วยลามิเนตลายไม้ บริเวณด้านหลังเคาน์เตอร์ แนะนำให้ติดตั้ง Back Splash เพิ่มเติม จะได้ง่ายต่อการเช็ดทำความสะอาด
ตรงนี้เราจะได้เตาไฟฟ้าแสตนเลสขนาด 2 หัวจาก Mex
พร้อม Hood ดูดควันจาก Mex
และอ่างล้างจานขนาด 1 หลุมพร้อมใช้งาน
บริเวณใต้เคาน์เตอร์มีช่องสำหรับเก็บพวก จานชาม, ช้อนส้อม, เตาไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้า ได้
ส่วนชั้นลอย Built-in ก็ยังมีช่องสำหรับเก็บของเพิ่มเติมได้อีก โดยช่องหนึ่งจะใช้ซ่อนตู้ไฟฟ้าค่ะ
สำหรับโต๊ะรับประทานอาหารที่มากับห้องนั้น จะเป็นโต๊ะทรงยาวขนาด 2 ที่นั่ง พร้อมเก้าอี้ 2 ตัว วางชิดผนังห้องได้พอดี
บริเวณด้านข้างโต๊ะมีดีเทลเป็นชั้นวางของ สามารถใช้วางพวกขวดเครื่องปรุงต่างๆ และพวกแก้วน้ำได้
และที่บริเวณผนังด้านข้างเรายังได้ชั้นลอย Built-in เล็กๆ มาอีก 1 ชั้น ใช้เก็บพวกขวดเครื่องปรุงและแก้วน้ำได้เช่นกัน
หากพื้นที่เก็บของยังมีไม่พออีก เราสามารถติดตั้งชั้นยาวที่ผนังเพื่อวางของใช้ในครัวเพิ่มเติมได้อีกนะ
พอวางเคาน์เตอร์ครัวและโต๊ะรับประทานอาหารแล้ว ก็ยังเหลือพื้นที่สำหรับยืนเตรียมอาหารและเป็นทางเดินกว้างถึง 1 เมตร ถือว่าสะดวกและเพียงพอแล้วค่ะ
เราเข้าไปดูภายในห้องน้ำกันต่อ สังเกตที่พื้นประตูห้องน้ำจะก่อธรณีขึ้นมาเพื่อกันน้ำไหลย้อนค่ะ
ภายในห้องน้ำตกแต่งด้วยกระเบื้องสีขาวและสีเทา ใช้สุขภัณฑ์จาก American Standard ทั้งหมด มีการแบ่งสัดส่วนของโซนแห้งและโซนเปียกออกจากกันอย่างดี ทำให้สามารถใช้งานได้สะดวก
มาดูรายละเอียดของสุขภัณฑ์กันค่ะ เริ่มจากอ่างล้างมือเป็นอ่างฝังแบบครึ่งเคาน์เตอร์ ขอบอ่างเป็นทรงโค้งไม่มีเหลี่ยมมุม ปลอดภัยต่อการใช้งาน ติดตั้งมาพร้อมกับก๊อกน้ำแบบก้านโยกแสตนเลสสีโครเมี่ยม รอบๆ อ่างมีพื้นที่สำหรับวางพวกสบู่ล้างมือ, แปรงสีฟัน และของใช้กระจุกกระจิกอื่นๆ ได้
ถัดมาเป็นโถสุขภัณฑ์แบบแยกชิ้นระบบ Dual Flush ช่วยประหยัดน้ำ ติดตั้งมาพร้อมกับอุปกรณ์ประกอบการใช้งานทั้งสายฉีดชำระ และที่แขวนกระดาษชำระ
ที่ผนังด้านข้างเหนือโถสุขภัณฑ์ ติดตั้งราวแขวนผ้าเช็ดตัวมาให้
โซนเปียกหรือโซน Shower ทางโครงการติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำเป็นกระจก Tempered บานเปลือยมาให้บนธรณี ที่บานประตูติดมือจับขนาดใหญ่ สามารถใช้แขวนผ้าเช็ดตัวได้ในตัวค่ะ
ส่วนพื้นที่ยืนอาบน้ำก็มีขนาดกำลังพอเหมาะ ไม่แคบจนเกินไป
ภายในติดตั้งชุด Hand Shower ที่ผนัง พร้อมราวปรับระดับ, จานวางสบู่ และเจาะผนังเข้าไปทำชั้นวางสบู่ให้เพิ่มเติมอีกค่ะ
ข้อดีของการที่มีระเบียงอยู่ติดกับห้องครัวแบบนี้ก็คือ ทำให้สามารถระบายกลิ่นจากการปรุงอาหารได้ดีมากยิ่งขึ้นค่ะ ประตูระเบียงใช้ประตูบานเลื่อน กรอบอลูมิเนียม ติดกระจกเขียวตัดแสงให้เช่นกัน
พื้นที่ระเบียงอาจมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่สามารถใช้วาง Compressor และตากผ้าได้ ปูพื้นด้วยกระเบื้องขนาด 30 x 30 ซม. ติดตั้งราวกันตกเป็นระแนงเหล็กสีดำ
ภาพจากมุมระเบียงมองย้อนกลับเข้ามาภายในห้องครัว
::: ห้อง 1 Bedroom Type B ขนาด 32.4 ตร.ม. :::
ห้อง Type B เป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 32.4 ตร.ม. เป็นขนาดห้องที่เหมาะสำหรับผู้อยู่อาศัยจำนวน 1 – 2 คน มีฟังก์ชั่นหลักๆ ที่ถูกออกแบบมาอย่างเป็นสัดส่วนมากขึ้น ทั้ง ห้องนั่งเล่น, ห้องครัว, ห้องน้ำ และห้องนอน แต่จะแตกต่างจากห้องขนาด 28.0 ตร.ม. ตรงที่ วางครัวอยู่ฝั่งหน้าห้อง และกั้นส่วนห้องนอนจากห้องนั่งเล่นด้วยผนังทึบ จึงได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ
พอเข้ามาในห้องจะเจอห้องครัวและส่วนรับประทานอาหารก่อน ถัดเข้าไปด้านในติดริมระเบียงเป็นห้องนั่งเล่น และฝั่งทางขวามือจะเป็นห้องน้ำและห้องนอนค่ะ
พื้นภายในห้องทั้งหมดปูด้วยลามิเนตลายไม้หนา 8 มม. ผนังภายในห้องจะเป็นผนังฉาบเรียบติดวอลเปเปอร์ ส่วนฝ้าเพดานเป็นฝ้าฉาบเรียบทาสี ติดดวงโคมดาวน์ไลท์ให้ทั้งห้อง ซึ่งฝ้าจะสูง 2.4 เมตร
เรามาดูรายละเอียดของห้องครัวและส่วนรับประทานอาหารกันก่อนเลยค่ะ
พื้นที่สำหรับยืนเตรียมอาหารภายในห้องครัวมีขนาดที่กว้างขวางมากขึ้น แต่ตัวเคาน์เตอร์ครัวจะสั้นลงเล็กน้อยหน้าตาแบบนี้เลย โดยเว้นระยะสำหรับวางตู้เย็นขนาด 1 ประตูให้
เคาน์เตอร์ครัวที่เราได้ ใช้ Top หินสังเคราะห์สีดำ ตัวเคาน์เตอร์และบานเปิดปิดผิวด้วยลามิเนตลายไม้ บริเวณด้านหลังเคาน์เตอร์ แนะนำให้ติดตั้ง Back Splash เพิ่มเติม จะได้ง่ายต่อการเช็ดทำความสะอาด ตรงนี้เราจะได้ เตาไฟฟ้าแสตนเลสขนาด 2 หัว, Hood ดูดควัน และ อ่างล้างจานขนาด 1 หลุม จาก Mex ค่ะ
บริเวณใต้เคาน์เตอร์มีช่องสำหรับเก็บพวกจานชามช้อนส้อมได้
ชั้นลอย Built-in ก็ยังมีช่องสำหรับเก็บของและวางเตาไมโครเวฟ โดยช่องหนึ่งจะใช้ซ่อนตู้ไฟฟ้าค่ะ
สำหรับโต๊ะรับประทานอาหารที่มากับห้องนั้นจะวางอยู่ติดกับเคาน์เตอร์ครัวเลย เป็นโต๊ะทรงยาวขนาด 2 ที่นั่ง พร้อมเก้าอี้ 2 ตัว สามารถใช้เป็นพื้นที่เตรียมอาหารด้วยได้ในตัว บริเวณด้านข้างโต๊ะมีดีเทลเป็นชั้นวางของ สามารถใช้วางพวกขวดเครื่องปรุงต่างๆ และพวกแก้วน้ำได้
ส่วนระยะนั่งก็เหลือค่อนข้างกว้างทีเดียวนะคะ นับว่าเป็นฟังก์ชั่นที่ถูกจัดมาได้อย่างลงตัว
มองไปที่ฝั่งตรงข้ามระหว่างประตูห้องนอนและประตูห้องน้ำ จะมีชั้น Built-in ให้สำหรับเก็บรองเท้าและวางของได้ค่ะ
ถัดเข้ามาด้านใน จากห้องครัวจะเชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่น ภายในส่วนนี้เราจะได้ โซฟา Love Seat ขนาด 2 ที่นั่งพร้อมหมอนหนุน 2 ใบ ด้านหลังมีชั้นวางของ Built-in เล็กๆ ให้, โต๊ะกาแฟ 1 ตัว, ชั้นวางทีวี 1 ตัว และชั้นลอย
โซฟา Love Seat สีขาวขนาด 2 ที่นั่ง แบบเดียวกันกับห้อง 28.0 ตร.ม. กำลังพอดีกับพื้นที่ห้อง แถมด้านหลังโซฟายังมีชั้น Built-in วางของกระจุกกระจิกได้
โต๊ะกาแฟมีช่องสำหรับวางนิตยสารได้ ส่วนชั้นวางทีวีและชั้นลอยก็สามารถใช้จัดเก็บของได้เช่นกัน
ลิ้นชักเก็บของใต้ทีวีค่ะ
สังเกตได้ว่าแสงภายในห้องนั้นค่อนข้างสว่างทีเดียว เพราะมีประตูบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่เป็นช่องแสงและทางระบายอากาศ
สำหรับพื้นที่ระเบียงในห้องนี้จะมีหน้าแคบแต่ยาว สามารถใช้วาง Compressor, ตากผ้า หรือออกมายืนรับลมได้อยู่
ภาพจากมุมระเบียงมองย้อนกลับเข้าไปด้านในห้อง
เรากลับมาดูห้องน้ำกันต่อค่ะ
ภายในห้องน้ำใช้วัสดุและสุขภัณฑ์เหมือนห้องขนาด 28.0 ตร.ม. ทุกประการเลยค่ะ มีการแบ่งโซนแห้งโซนเปียกออกจากกัน แต่จะแตกต่างกันที่ Lay out ของห้องเท่านั้น
สุขภัณฑ์ใช้ของ American Standard เหมือนเดิม อ่างล้างมือเป็นอ่างฝังแบบครึ่งเคาน์เตอร์ ติดตั้งมาพร้อมกับก๊อกน้ำแบบก้านโยกแสตนเลสสีโครเมี่ยม
ถัดมาเป็นโถสุขภัณฑ์แบบแยกชิ้นระบบ Dual Flush ติดตั้งมาพร้อมกับอุปกรณ์ประกอบการใช้งาน
เพิ่มเติมจากห้องก่อนก็คือพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าค่ะ ทำพื้นยกระดับเล็กน้อย สามารถวางได้ทั้งเครื่องซักผ้าทั้งฝาหน้าและฝาบน
ข้างบนทำชั้น Built-in สามารถใช้เก็บพวกผงซักฟอกหรือพวกกระดาษชำระได้
โซน Shower ด้านในสุด ติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำเป็นกระจก Tempered บานเปลือยมาให้บนธรณี ที่บานประตูติดมือจับขนาดใหญ่ สามารถใช้แขวนผ้าเช็ดตัวได้ในตัวค่ะ
ส่วนพื้นที่ยืนอาบน้ำก็มีขนาดกำลังพอเหมาะ ไม่แคบจนเกินไป
ภายในติดตั้งชุด Hand Shower ที่ผนัง พร้อมราวปรับระดับ, จานวางสบู่ และเจาะผนังเข้าไปทำชั้นวางสบู่ให้เพิ่มเติม
เราไปดูห้องนอนกันบ้าง
สำหรับพื้นที่ภายในห้องนอนจะมีขนาดใหญ่ขึ้นอีกพอสมควรเลย ภายในห้องนี้เราจะได้ ฐานเตียงนอนขนาด 5 ฟุต, โต๊ะข้าง, โต๊ะเครื่องแป้ง และตู้เสื้อผ้า Built-in มาครบเหมือนเดิม
พอวางเตียงนอนและเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นที่ทางโครงการให้มาแล้ว จะเห็นว่ายังเหลือพื้นที่ใช้สอยแบบสบายๆ สามารถเดินผ่านรอบๆ ได้สะดวกมากขึ้น
โต๊ะเครื่องแป้งที่ได้มามีขนาดใหญ่ขึ้นค่ะ เพิ่มเป็น 2 ลิ้นชัก และยังมีชั้นวางของเพิ่มมาอีกด้วย ถูกวางอยู่ริมหน้าต่างบานเลื่อนขนาดเท่าเดิม
ระยะนั่งตรงนี้ก็ยังเหลือแบบสบายๆ ค่ะ ถ้าใครมีอุปกรณ์ประทินโฉมเยอะ จะซื้อชั้นเล็กๆ มาวางที่ข้างหลังเพิ่มอีก 1 ตัวก็ยังได้นะ
อีกฝั่งหนึ่งของเตียงนอนมีตู้เสื้อผ้า Built-in แบบบานเลื่อนให้ค่ะ
มือจับบานเลื่อนเซาะร่องลงไป สามารถเลื่อนเปิดได้สะดวก
ซึ่งพื้นที่ด้านข้างเตียงนอนฝั่งนี้ พอวางโต๊ะข้างแล้ว ก็ยังเหลือพื้นที่ยืนแต่งตัวอีกแบบสบายๆ หมุนรอบตัวได้
สำหรับพื้นที่ฝั่งปลายเตียงนั้นก็ยังเดินผ่านได้สะดวกนะ และยังสามารถติดทีวีแบบแขวนผนังเพิ่มได้อีก 1 ตัว
ภาพบรรยากาศภายในห้องนอนอีก 1 มุม
นอกจากนี้เรายังได้เครื่องปรับอากาศระบบ Inverter ของ Samsung มาด้วยค่ะ โดยห้องขนาด 1 Bedroom จะได้ 2 เครื่อง และห้องขนาด 2 Bedroom จะได้ 3 เครื่อง
ส่วนสวิตช์และปลั๊กไฟใช้ของ Bticino ทั้งหมด
::: ห้อง 1 Bedroom Type C ขนาด 34.0 ตร.ม. และ ห้อง 2 Bedroom Type D ขนาด 56.0 ตร.ม. :::
ท้ายรีวิวนี้ เรามาดูห้องจริงภายในตัวอาคารกันบ้างค่ะ เริ่มจาก Type C เป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 34.0 ตร.ม. จะแตกต่างจากห้อง Type B ที่เราไปดูมาเมื่อสักครู่ตรงที่ ห้องครัวจะถูกแยกส่วนออกไปเป็นครัวปิด ทำให้พื้นที่ในห้องลงตัวมากขึ้น และได้พื้นที่รับประทานอาหารที่ใหญ่ขึ้น สามารถรองรับได้ถึง 4 ที่นั่งค่ะ
พอเข้ามาภายในห้องจะรู้สึกได้เลยว่าห้องดูโปร่งโล่งและกว้างขวางมากขึ้น จริงๆ แล้วเราต้องได้โต๊ะรับประทานอาหารอยู่กลางห้องด้วยอีก 1 ชุดค่ะ
ระยะของห้องนั่งเล่นกว้างขวางมากขึ้น และได้โซฟาขนาดใหญ่เป็น 3 ที่นั่ง ส่วนด้านในห้องนอนและห้องน้ำจะไม่ต่างจากห้องขนาด 32.4 ตร.ม.ค่ะ
Type D เป็นห้อง 2 Bedroom 2 Bathroom ขนาด 56.0 ตร.ม. เป็นห้องขนาดใหญ่ที่สุดในโครงการ พื้นที่ในห้องก็ทำได้ลงตัวมากยิ่งขึ้น แถมหน้าห้องยังกว้างถึง 10.65 เมตร จึงได้ช่องแสงเยอะ ได้ครัวปิดเหมือนห้องขนาด 34.0 ตร.ม. แต่จะมีพื้นที่ส่วน Living Area ระหว่างห้องนั่งเล่นและส่วนรับประทานอาหารที่กว้างขวางมากขึ้น และยังเหมือนได้ห้อง Master Bedroom มาถึง 2 ห้องเลย เพราะสามารถวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตได้ โดยห้องหนึ่งจะมีห้องน้ำในตัว ส่วนอีกห้องจะใช้ห้องน้ำตรงโถงทางเข้าห้องที่อยู่ติดกันค่ะ
เข้ามาในห้องส่วนแรกจะเป็นโถงทางเข้าห้อง มีตู้ Built-in ขนาดใหญ่สำหรับเก็บของและเก็บรองเท้า
พื้นที่ส่วน Living Area มีขนาดใหญ่ การจัดพื้นที่ใช้สอยจะค่อนข้างยืดหยุ่น โดยเราสามารถเลือกวางโต๊ะรับประทานอาหารเอาไว้ที่มุมหน้าต่าง วางโซฟาชิดผนังข้างระเบียง เพื่อที่จะดูจอทีวีขนาดใหญ่ๆ สัก 70 นิ้ว ตามแบบที่เห็นนี้ก็ได้ หรือจะจัดวางห้องแบบที่แสดงในแปลนก็ได้ค่ะ
ห้องครัวเป็นครัวปิด ได้เคาน์เตอร์ครัวแบบ L Shape มีพื้นที่ในการเตรียมอาหารและเก็บของมากยิ่งขึ้น
ภายในห้องนอน Master Bedroom มีมุมแต่งตัวแยกส่วน และห้องน้ำในตัว
ภายในห้องนอนรอง มีขนาดใหญ่พอๆ กับห้อง Master Bedroom ของโครงการอื่นๆ ในระดับเดียวกันเลยค่ะ
:::: ราคา (มกราคม 2563) ::::
Type A ขนาด 28.00 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.72 ตร.ม.
Type B ขนาด 32.00 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.228 ตร.ม.
Type C ขนาด 34.00 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.364 ตร.ม.
Type D ขนาด 56.00 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.877 ตร.ม.
เงินจอง 5,000 บาท
เงินทำสัญญา 30,000 บาท
เงินกองทุน 500 บาท/ตร.ม.
ค่าส่วนกลาง 42 บาท/ตร.ม./เดือน
***ข้อมูลราคา และโปรโมชั่นอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดติดต่อสำนักงานขายเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
:::: สรุป ::::
ทำเลที่ตั้งโครงการ โครงการอยู่ในซอยแจ้งวัฒนะ 10 ฝั่งตรงข้ามกับศูนย์ TOT ใกล้ถนนแจ้งวัฒนะเพียง 150 เมตร บนฝั่งขาเข้าเมือง เป็นทำเลที่เกาะแนวรถไฟฟ้าถึง 2 สาย ทั้งสายสีแดงเข้ม สถานีแยกหลักสี่ 650 เมตร และ สายสีชมพู สถานีทีโอที 200 เมตร (อนาคต) และอยู่ใกล้ทางด่วนถึง 2 สาย อีกทั้งอยู่ใกล้แหล่งงานและสาธารณูปโภคอย่างครบวงจร ทั้ง Central แจ้งวัฒนะ, Central รามอินทรา, Hypermarket, ศูนย์ราชการฯ, กรมการกงสุล, สนามบินดอนเมือง รวมถึง เมืองทองธานี ที่นับว่าเป็นศูนย์กลางความเจริญของย่านนี้ ใครที่ทำงานตรงศูนย์ราชการฯ, ศูนย์ TOT หรือตรงกรมการกงสุล เรียกว่าสะดวกมากเพราะสามารถเดินไปทำงาน หรือเรียกคิววินมอเตอร์ไซค์ได้เลยค่ะ
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว การเดินนั้นถือว่าสะดวกเพราะอยู่ในซอยแจ้งวัฒนะ 10 ที่สามารถทะลุไปได้ทั้ง ซอยแจ้งวัฒนะ 14 ข้าง Big C และ รพ.มงกุฎวัฒนะ, ถนนกำแพงเพชร 6 และถนนสรงประภา อีกทั้งถนนแจ้งวัฒนะเป็นถนนที่เชื่อมต่อไปยังถนนสายหลักเส้นอื่นๆ ได้ง่าย สะดวกทั้งขาเข้าเมืองและออกเมือง แต่ต้องยอมรับว่าถนนเส้นนี้เป็นอีกเส้นที่มีการจราจรติดหนักเอาการ เพราะอยู่ใกล้แหล่งงานอย่างศูนย์ราชการฯ ช่วง 4 โมงเย็นเป็นต้นไปเรียกว่าใครเลี่ยงได้เลี่ยงค่ะ แต่ยังดีที่มีทางพิเศษศรีรัช, ทางยกระดับอุตราภิมุข และทางพิเศษฉลองรัช เป็นตัวช่วยในการเดินทาง แต่สำหรับคนที่ทำงานตรงศูนย์ราชการคือไม่ต้องเป็นห่วง เพราะสามารถเดินหรือนั่งวินมอเตอร์ไซค์กลับได้
การเดินทางโดยรถสาธารณะ จากในซอยแจ้งวัฒนะ 10 ออกมาที่ถนนแจ้งวัฒนะ จะมีทั้ง รถเมล์, รถตู้สายต่างๆ รวมถึง วินมอเตอร์ไซค์ และ แท็กซี่ วิ่งผ่านอยู่ตลอดเวลา สามารถเรียกรถได้สะดวกมาก นอกจากนี้เรายังสามารถใช้ Application Grab Taxi และ Line Taxi เพื่ออำนวยความสะดวกได้ค่ะ อีกทั้งตัวโครงการยังอยู่ใกล้กับ รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม ที่ สถานีหลักสี่ เพียง 650 เมตร และ รถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีทีโอที เพียง 200 เมตร (อนาคต) ถือว่าสะดวกมากสำหรับคนที่ต้องเดินทางด้วยรถสาธารณะเป็นหลัก
การออกแบบโครงการ และวัสดุ โครงการเป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น สไตล์โมเดิร์น บนพื้นที่ดิน 0-3-52 ไร่ เพียง 100 ยูนิต ออกแบบเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยในทุกๆ ด้าน ตอบโจทย์ Life Style แบบชีวิตสบาย มีห้องพักอาศัยให้เลือก 4 แบบ ขนาด 1-2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 28.0-56.0 ตร.ม. พร้อมตกแต่งแบบ Fully Furnished ทั้งเฟอร์นิเจอร์ Built-in และเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว จากแบรนด์ SB Furniture พร้อมเข้าอยู่ อีกทั้งยังมีพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้งานอย่างครบครัน
โครงการใช้พื้นที่ห้องเริ่มต้นที่ 28.0 ตร.ม. ซึ่งถือว่าเป็นห้องเริ่มต้นที่มีขนาดใหญ่แล้วในตอนนี้ พื้นที่ห้องสามารถออกแบบและแบ่งสัดส่วนได้เป็นอย่างดี พร้อมๆ กับการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ในห้อง ทำให้การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ในห้องทำได้ลงตัว ระยะการใช้งานสามารถใช้งานได้จริงในทุกฟังก์ชั่น พื้นปูด้วยลามิเนต หนา 8 มม., พื้นครัวและห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องเซรามิก, ผนังฉาบเรียบติดวอลเปเปอร์ และ ฝ้าเพดานฉาบเรียบติดดวงโคมดาวน์ไลน์
ภายในห้องจะได้เฟอร์นิเจอร์มาครบทุกอย่าง แทบไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่มเลยยกเว้น ฟูกเตียงนอน, เครื่องใช้ไฟฟ้า และของใช้ส่วนตัว ทั้ง ชั้นวางรองเท้าและชั้นเก็บของ, ชุดโซฟา + โต๊ะกาแฟ + ชั้นวางทีวี, ชุดเคาน์เตอร์ครัว + Hob&Hood + Sink จาก Mex, ชุดโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2-4 ที่นั่ง, สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำจาก American Standard, ฐานเตียงนอนขนาด 5 ฟุต + โต๊ะข้าง + โต๊ะเครื่องแป้ง + ตู้เสื้อผ้า และเครื่องปรับอากาศระบบ Inverter จาก Samsung
สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบรักษาความปลอดภัย ภายในโครงการมีสิ่งอำนวยความสะดวกมาให้แบบพอดีๆ ไม่เยอะไม่น้อยค่ะ ประกอบด้วย โถงต้อนรับ, ห้องจดหมาย, สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 4 x 13.5 เมตร, ห้องออกกำลังกาย, ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว, ที่จอดรถ 38 คัน (ไม่รวมจอดซ้อนคัน), ประตูคีย์การ์ด, กล้องวงจรปิด และ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชม.
:::: สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ::::
TEL : 02 574 2555 และ 086 314 0095
WEBSITE : http://www.kosumpattana.co.th/
หากเพื่อนๆเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน ขอบคุณค่ะ
และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ
แสดงความคิดเห็น